ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    : CURSE :นักสืบต้องคำสาป {WonKyu}

    ลำดับตอนที่ #12 : CURSE : วางแผน

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 56






    11

    เมื่อถึงทางตัน ความรักกำลังวางแผน










    ซีวอนลืมตาขึ้นมาในห้องโดยสารที่กำลังบินอยู่ เสียงจากห้องกัปตันบอกว่าหมอกหนามากต้องใช้เวลาหลบเลี่ยงหมอกเมฆเหล่านั้นนาน จึงอาจจะต้องลงจอดช้ากว่ากำหนด

    ซีวอนก้มมองนาฬิกา ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว แต่เวลาที่เกาหลีช้ากว่าฮ่องกงเกือบชั่วโมง แสดงว่าตอนนี้ที่ฮ่องกงก็ประมาณตีหนึ่งเศษๆสินะ

    ในห้องโดยสารชั้นธุรกิจ ซีวอนที่นั่งข้างกับคนแปลกหน้าเป็นเรื่องปกติที่เขาจะอึดอัด
    แต่ที่นอนไม่หลับ ไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นหรอก ...เพราะที่นั่งฝั่งข้างๆต่างหาก

    ซีวอนเอนหน้าไปทางฝั่งขวามือเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเห็นยุนโฮลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
    คนที่นั่งข้างยุนโฮในตอนนั้นเอาผ้าคลุมหัวซะมิด พลางนึกไปว่าตอนนี้เขาอาจจะกลายเป็นเด็กผู้หญิงไปซะแล้ว

    ภายในห้องโดยสารนี้ถูกปรับไฟให้มืดสลัวเพื่อให้ผู้โดยสารหลับอย่างสบาย ซีวอนที่เพิ่งตื่นก็มองซ้ายมองขวาก็เห็นว่าแอร์โฮสเตสกำลังแอบพักกันอยู่เช่นกัน
    เขาเลิกแอบปลดเข็มขัดออกแล้วเดินไปหาคยูฮยอน
    คลุมแบบนี้จะหายใจออกไหมนะ มือหนากังวลเรื่องของอีกคนจึงได้ลดผ้าห่มของอีกคนลง ...ตอนนี้กลายเป็นผู้หญิงจริงๆด้วยสินะ

    ยืนมองใบหน้าอีกคนที่กำลังหลับพริ้ม ขนตายาวที่เขาจดจ้องสักพักกลับมาน้ำตาไหลออกมา ..ร้องไห้อย่างนั้นหรอ

    เมื่อคิดว่าอีกคนอาจจะฝันร้ายอยู่ เขาใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาบนแก้มใส ใบหน้าคมเคลื่อนเข้าใกล้หญิงสาวที่หลับใหลอยู่พลางกระซิบอย่างแผ่วเบา

    "คยูฮยอน พี่ขอปกป้องนายเอง"

    "..พี่ซีวอน"

    อีกคนขยับปากพูดเบาๆทั้งที่ยังหลับตาอยู่ แม้จะได้ยินไม่ถนัดแต่เพียงแค่ได้ยินเสียงของอีกคน หัวใจของคนตัวใหญ่ก็สั่นไหว ซีวอนเลื่อนใบหน้าเข้ามาก่อนจะกดจูบลงไปบนริมฝีปากอิ่ม มือข้างหนึ่งยังคงลูบแก้มใสไว้เหมือนเดิม

    เป็นอีกครั้งที่หัวเขาสั่นไหว เพียงเพราะอีกคนละเมอชื่อของเขาออกมา


    อีกคนยังคงหลับใหลอยู่พร้อมน้ำตา คนตัวใหญ่ถอยกลับไปนั่งที่เดิมของตนก่อนที่จะมีใครมาเห็นเข้า แต่สายตายังไม่วางจากคยูฮยอน

    ในความมืดแต่ก็ยังพอมองเห็น ซีวอนพอใจที่จะคอยมองคยูฮยอนอยู่ไกลๆเช่นนี้

    เขาแค่อยากมีคยูฮยอนอยู่ในสายตาเท่านั้น แค่เห็นว่าหลับสบาย ปลอดภัย
    เท่านี้จริงๆที่เขาต้องการ

    ความเงียบงันของห้องโดยสารหยุดลงเมื่อเสียงฝีเท้าของคนที่ลุกไปเข้าห้องน้ำกลับมา
    แย่ล่ะ ..ซีวอนนึกในใจ บางทีพอมืดแล้วยุนโฮคงไม่สังเกตหรอนะว่าคยูมีบางอย่างเปลี่ยนไป มองอีกคนลงมานั่งที่เงียบๆก่อนจะเห็นยุนโฮใส่ผ้าปิดตาแล้วหลับต่อ..

    โล่งไปที เกือบแย่แล้วนะคยูฮยอน

    หันกลับมาเงยหน้ามองเพดาน ..ในใจของซีวอนยังคงสั่นไหว หายใจไม่ทั่วท้อง
    แม้อีกคนจะดื้อและไม่ฟังเขาจนมาที่นี่ด้วยกันจนได้

    ..วันนี้ตอนนี้ความรู้สึกน้อยใจนั้นกลับหายไปหมดแต่เขาก็ยังไม่เลิกห่วงอีกคน
    ข่มตานอนหลับทั้งๆที่ยังพะวงเรื่องของอีกคน

    เขาหวังว่า เมื่อเครื่องลงจอดที่ฮ่องกงจะเช้าพอดี
    ถ้าไม่อย่างนั้นคยูฮยอนอาจจะลำบากได้


    .
    .
    .



    ท่านผู้โดยสารครับ ขณะนี้เรากำลังลดระดับลงสู่ท่าอากาศยาน นานาชาติ ฮ่องกง ครับ กรุณานั่งประจำที่ รัดเข็มขัดอยู่กับที่นั่ง ปรับพนักเก้าอี้ให้อยู่ในระดับตรง เก็บโต๊ะหน้าที่นั่ง เปิดม่านหน้าต่าง และปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดด้วยครับ เวลาที่ ฮ่องกง ขณะนี้คือ 06.30 ครับ ขอบคุณครับ
    Ladies & Gentlemen, We have descending to Hongkong International Airport, Please keep fasten seat belt, Return a seat back up right, Open your window shade and turn off all electronic devices, The time in New York is now 06.30 am Thank You.



    เสียงประกาศจากห้องกัปตัน เร่งให้คนที่ตั่งติดหน้าต่างอย่างคยูฮยอนเปิดม่านหน้าต่าง
    มองนาฬิกาตัวเองตอนนี้มันเป็นตีห้าจึงต้องปรับให้เป็นไปตามเวลาฮ่องกงจะได้ไม่งง

    หันไปมองคนข้างๆอย่างยุนโฮก็พบว่าเขากำลังปรับพนักเก้าอี้อยู่
    "อรุณสวัสดิ์"
    คนตัวใหญ่นั่งข้างๆหันมายิ้มทักจนตาปิด ร่างบางยิ้มกลับแห้งๆพลางรู้สึกแปลกๆเพราะเกิดมาไม่เคยมีคนมาทักอรุณสวัสดิ์หลังตื่นนอนมาแบบนี้

    ดวงตากลมมองผ่านยุนโฮไปที่ผู้ชายที่เขาฝันถึงเมื่อคืน ก่อนจะต้องหลบสายตาเมื่อเจ้าตัวหันกลับมามอง


    หลังลงจากเครื่อง คยูฮยอนเดินไปตามเส้นทางอย่างใจลอย ร่างบางเดินนำทุกคนไปตามทางทั้งที่เขาก็ไม่รู้ว่าเขากำลังจะไปไหน ภาษาจีนเขียนกำกับเต็มไปหมด ภาษาอังกฤษเขาก็ไม่ค่อยแข็งแรงเสียด้วย แต่ถ้าให้เดาคนมากมายที่เดินตามๆกันไปก็คงไปเอากระเป๋าเดินทาง

    "คยูครับ ระวังหลงนะ"
    เสียงทุ้มจากยุนโฮเอ่ยมาพร้อมมือหนาทั้งสองที่จับไหล่ของร่างบางอย่างถือวิสาสะ นั่นก็เพราะร่างบางเดินเหม่อลอยจนจะไปชนคนอื่น

    "ขอโทษครับ"
    คยูฮยอนเอี้ยวตัวหันมามองยุนโฮก่อนจะเลื่อนสายตามองผ่านไปข้างหลังของยุนโฮ
    ชเวซีวอนกำลังยืนห่างจากเขา


    ห่างกันไกลเหลือเกิน


    คยูฮยอนหันกลับมาเดินตรงไปที่จุดรับกระเป๋า ต่างคนต่างเอากระเป๋ามาแค่ใบเดียวเพราะพวกเราทุกคนรู้ดีว่างานนี้ไม่ได้มาเที่ยวแต่จะมาจับโจรกลับบ้าน

    ร่างบางเดินไปพลางถอนหายใจ ...เขาคิดไปเองรึป่าวว่าผู้กองมีสีหน้าเย็นชากับเขามาตั้งแต่ที่เขาดึงดันจะมาที่นี่แล้ว ยิ่งเห็นท่าทางหมางเมิน ร่างบางยิ่งรู้สึกเจ็บแปลกๆ

    "เดี๋ยวเราไปสำนักงานตำรวจเลยละกัน อยู่ใกล้ๆนี่แหละ"
    เป็นประโยคแรกที่ร่างบางได้ยินซีวอนพูดหลังขึ้นเครื่องมา แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นเพียงแค่ประโยคที่ซีวอนเอ่ยขึ้นกับยุนโฮ ไม่ใช่กับเขา

    ตอนนี้คยูฮยอนรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กนิดเดียว ไม่สามารถทำอะไรได้ เป็นเหมือนภาระที่เขาหิ้วมาด้วยเท่านั้น ..มาถึงที่หมายก็พบชายสูงโปร่งคนหนึ่งยืนรออยู่แล้ว ผู้ชายจีนที่พูดเกาหลีได้

    "ผมสารวัตรฮันเกิงครับ เราทราบเรื่องจากพวกคุณแล้ว"
    เขาว่าพลางยื่นมาจับมือกับทุกคนรวมทั้งผมด้วย

    "ที่จริงเรื่องนี้ให้ทีมตำรวจภายในประเทศเราจัดการกันเองก็ได้นะครับ"

    "พวกเราถึงได้มากันแค่สามสี่คนไงครับ ผมผู้กองซีวอนครับผู้ดูแลคดีนี้ ส่วนนี่เป็นผู้บังคับการหน่วยสวาท คุณยุนโฮ และนี่ก็ลูกทีมของเขาครับ"
    ชายตัวสูงจัดการแนะนำตัวทุกคนอย่างรวดเร็ว ผมกับจงฮยอนและชางมินโค้งหัวให้สารวัตรฮ่องกงคนนั้น

    "ผมว่าเราไปคุยกันข้างในดีกว่าครับ" ว่าแล้วเจ้าบ้านคนนั้นก็เดินนำไป ขณะเดินคนฮ่องกงคนนั้นก็ยังคงคุยกับผู้กองไปด้วย

    "เอาเป็นว่าเรื่องตัวการใหญ่อะไรนั่นไม่ต้องห่วงนะครับเราจะหาทางจับกุมตัวให้พวกคุณพาเขากลับประเทศ ส่วนเรื่องเพชร ตอนนี้พวกเรากำลังสั่งปิดการเข้าออกทั้งยังส่งคนไปตรวจแถบเขตชายแดนทั้งหมด ถึงแม้ว่าพวกโจรนั่นจะขายไปแล้วก็ยังสามารถตามคืนได้อยู่ครับ"

    "ขอบคุณครับ ว่าแต่ตอนนี้ได้เรื่องถึงไหนแล้วครับ รู้ที่ซ่อนของพวกมันหรือยัง"

    "ตอนนี้รู้แค่แหล่งกบดานของผู้ร่วมขบวนการน่ะครับ"
    ระหว่างที่สองคนคุยกันอยู่ คุณยุนโฮก็แทรกขึ้นมา

    " มีแผนลอบจับกุมพวกมันรึยังครับ"

    "มีแล้วครับ"

    "ขอฟังหน่อยครับ"

    "อ่า งั้นเชิญทางนี้เลยครับ"
    สารวัตรเปล่งเกาหลีสำเนียงจีนก่อนจะเดินเข้าห้องไป ยุนโฮหันมากวักมือเรียกชางมินกับจงฮยอนซึ่งเปรียบเป็นเสมือนมือขวา เรื่องที่คุยก่อนหน้าดูเหมือนยุนโฮจะไม่สนใจเท่าไหร่ ..เขาก็แค่อยากบู๊กับพวกโจรมากกว่า

    ร่างบางกำลังจะเดินตามเข้าไปแต่ทว่ามือหนาของคนที่ไม่ได้คุยกันเลยกลับดึงมือเขาไว้
    "เราไม่ต้องเข้าไปหรอก"
    เพราะนี่มันเป็นเรื่องของสายบู๊ ซีวอนถึงได้ยื้ออีกคนไว้ เข้าไปก็คงไม่เข้าใจว่าพวกเขาคุยอะไรกัน ตากลมมองตาอีกฝ่ายพลางเก็บสีหน้าให้เรียบนิ่งก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากลูกบิดประตู


    ช่วงเวลาที่นั่งสองนั่งอยู่บนโซฟานั้นผ่านไปช้าเหลือเกินจนต่างฝ่ายต่างสงสัยว่าเมื่อไหร่เขาจะคุยกันเสร็จ ซีวอนและคยูฮยอนต่างนั่งนิ่งไม่ได้พูดจาอะไรกันเลย ทั้งโซฟาที่เล็กๆที่พวกเขาก็ยังสามารถทำให้รู้สึกว่าอีกคนนั่งห่างไกลจากกันมาก

    ทำไมจู่ๆทั้งสองคนก็มีท่าทีอึดอัดต่อกันแบบนี้ ..เรื่องนี้ไม่มีใครตอบได้เลย

    ทางคยูก็ยังคงคิดเองฝ่ายเดียวว่าผู้กองกำลังโกรธเขาอยู่ เรื่องที่เขาดื้อที่จะมาที่นี่
    เวลาทะเลาะกับใครคยูมักจะไม่ใช่ฝ่ายที่พูดกับอีกคนก่อนอยู่แล้ว
    ไม่ว่าตนจะผิดหรือถูกก็ตาม

    สิ่งที่เขาอยากเอาชนะนั้นไม่ใช่ใครเลย

    แต่เป็นความรู้สึกตัวเองต่างหาก

    เขาอยากชนะความรู้สึกตัวเอง


    เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องคิดมากเมื่อเห็นผู้กองมีท่าทางเย็นชา
    เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาอีกคนมาแตะตัวเขาแล้วต้องรู้สึกเหมือนหัวใจตกวูบ
    ไม่เข้าใจว่าเมื่ออีกคนมองมาแบบนั้นแล้วเขารู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอเหลือเกิน

    อยากร้องไห้ต่อหน้าผู้กองตลอด

    ความรู้สึกนี้มันจะหมดไปเมื่อไหร่ เมื่อไหร่เขาจะชนะตัวเองได้ซะที






    .................................................

    "ขอโทษนะคะ ตอนนี้ห้องเต็มหมดแล้วค่ะ อ่อ เหลือห้องธรรมดาสองห้องค่ะ"
    พนักงานสาวเอ่ยอยู่หน้าเคาท์เตอร์ของโรงแรมแห่งหนึ่งที่ไม่ได้หรูหราอะไรนัก

    "เอาไงดีละ เรามากันห้าคนซะด้วย" จงฮยอนเอ่ยพลางทำหน้าคิดหนักแต่แล้วยุนโฮก็ตบบ่าลูกทีมคนสนิทก่อนจะหันไปตกลงกับพนักงานสาวว่าจะพักสองห้องนั้น

    "เดี๋ยวห้องนึงฉัน จงฮยอน และชางมินจะพักด้วยกัน ส่วนอีกห้องก็นายกับคยูฮยอนพักห้องเดียวกันล่ะกันนะ" คนตัวสูงว่าพลางยื่นกุญแจห้องให้ซีวอน

    ไม่ใช่แค่ซีวอนที่ทำหน้าแปลกใจ แต่คยูฮยอนก็ได้ เขาที่กำลังเหม่อลอยอยู่เพียงแค่ได้ยินยุนโฮพูดนั้นก็ทำเอาร่างบางต้องทำตาโตใส่ยุนโฮพลางทำสีหน้าแปลกใจ

    จู่ๆทำไมถึงการเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการแบบนี้ล่ะพี่ยุนโฮ??

    "นี่ๆให้ผมนอนห้องเดียวกับคยูฮยอนก็ได้นะ" ชางมินว่าไม่ทันไรก็โดนยุนโฮดีดหน้าผากให้ทีนึง

    "จำไม่ได้หรอว่าคืนนี้เราสามคนจะเตรียมแผนจับผู้ร้ายกันไง"
    พี่ยุนโฮว่า สองคนนั้นหันไปมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าเออออด้วย


    คนอย่างยุนโฮน่ะ ทำไมเพื่อนแบบซีวอนจะดูไม่ออกว่าหมอนี่จงใจให้เป็นแบบนี้



    "พักกับมันได้รึเปล่าคยูฮยอน ถ้าไม่ได้ก็มาห้องพี่ก็ได้นะ แต่คงต้องนอนเบียดกันหน่อย"
    คำถามแกมมัดมือชกจนร่างบางไม่จำเป็นต้องเลือกก็ได้ ยังไงเขาก็ไม่อยากไปวุ่นวายพี่ยุนโฮ และก็ไม่อยากไปนอนเบียดกันสี่คนด้วย

    "ไปกันเถอะ" ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้ขยับปากตอบ ซีวอนก็พูดขึ้นแล้วเดินนำไปโดยไม่ได้รออีกคน คยูฮยอนโค้งหัวให้ยุนโฮก่อนจะจ้ำเท้าเดินตามไป

    เดินมาจนไล่ทันไหล่กว้าง ก่อนจะหยุดเดินเพราะอีกคนหยุดไขกุญแจ
    ยังไงก็รู้สึกแปลกๆที่เดินตามผู้กองเข้าห้องแบบนี้ แต่ก็ช่างเถอะ

    ร่างบางเดินเข้าไปเปิดผ้าม่านเป็นอันดับแรก วิวหลังผ้าม่านนี่ข้างล่างเป็นมุมถนนของย่านหนึ่งในฮ่องกง ผู้คนกำลังเดินพลุ่งพล่าน แต่ก็ถือเป็นวิวที่ดีไม่น้อย

    "หิวรึยัง เดี๋ยวนอนพักอยู่นี่ล่ะกัน พี่จะซื้อของขึ้นมาให้"

    "ขอบคุณครับ"

    "เสียใจหรอ"

    "เอ๋?"
    คยูฮยอนหันกลับไปมองคนที่กำลังถอดนาฬิกาข้อมืออยู่ข้างเตียงก่อนเขาจะสังเกตเห็นว่าห้องนี่มันมีอยู่เตียงเดียว..

    "เสียใจมั้ย ..ที่ต้องมาพักกับพี่"

    "ไม่หรอกครับ"
    คนตัวสูงเพียงแค่แค่นยิ้มบางๆ ดีที่คยูฮยอนไม่ได้ใจร้ายกับเขาจนเกินไป

    "ผู้กองครับ"
    จู่ๆร่างบางก็โพล่งขึ้นจนผู้กองต้องเลิกก้มหน้าขึ้นมาฟังอีกคนพูดต่อ

    "ตัวการใหญ่..เราบอกพวกเขาว่าอย่าจับตายได้ไหมครับ"

    "..ทำไมล่ะ"
    คยูฮยอนเดินเขามาก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนเตียง
    ..คนตัวสูงได้แต่ยืนมองรอคำตอบต่อไป

    "ผมมีเรื่องบางอย่างจะถามเขาครับ"

    ".."

    "เขามีรอยสัก เหมือนกับคนที่ทำให้ผมโดนคำสาปเมื่อหกปีก่อน"

    ".."
    ใบหน้าของคนตัวขาวเลื่อนขึ้นมามองอีกคน ใบหน้าที่คยูมองมามันทำให้เขาเจ็บปวดตามไปด้วย แม้เขาจะไม่เข้าใจความรู้สึกที่ต้องเปลี่ยนเป็นผู้หญิงทุกๆคืน


    แต่ดวงตาของคยูฮยอนก็สามารถทำให้เขารู้สึกได้ว่าอีกคนต้องทนทุกข์มานานแค่ไหน


    "เพราะแบบนั้นผมถึงดึงดันจะมาที่นี่ให้ได้ ..ได้โปรด


    ได้โปรดอย่าโกรธผมเลยนะครับ"

    ทันทีที่อีกคนพูดจบแขนแกร่งก็เอื้อมไปลูบหัวทุยนั้น ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยที่แขนขาวๆเอื้อมรัดเอวเขาไว้

    คยูฮยอนกอดคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรอีก เขาซุกหน้าอยู่ที่แผงอกของอีกคนก่อนจะปล่อยน้ำตาออกมาอย่างไร้เหตุผลอีกครั้ง


    และแล้วคยูฮยอนก็รู้ตัวว่าเขาอ่อนแอมากแค่ไหน


    ไม่มีทางที่เขาจะชนะความรู้สึกของตัวเองได้



    เพราะผู้กองคนนี้คนเดียว ที่ทำให้เขาแพ้


    เขาแพ้แล้ว

    .
    .
    จิ้มมม นาทีที่รอคอยมาถึงแล้วค่ะ ถ้าเขินก็หลับตาอ่านนะ





    ................



    อีกด้านนึงชายผิวคล้ำรูปร่างไม่สูงนักในชุดสูทที่เขาใส่ไม่สามารถปกปิดรอยสักรูปแมลงปอที่ต้นคอนั้นได้

    "ครับท่านๆ" เอ่ยกับโทรศัพท์ที่แนบหูสักครู่ก่อนจะเก็บเครื่องมือสื่อสารนั้นเข้ากระเป๋า ชายผิวกร้านแดดดวงตาสีดำทมิฬมองมาที่ลูกน้องที่นำเพชรมาให้

    "ทำไมถึงมาช้านัก"

    "พอทีต้องเลี่ยงพวกตำรวจครับ พวกนั้นกัดไม่ปล่อยเลย"

    "เพราะพวกแกชักช้า ลูกค้าเขาบอกว่าไม่อยากได้ของแล้ว"
    ชายที่ดูน่าเกรงขามเอ่ยเสียงเย็น จนคนที่ได้ฟังตัวสั่นไปทั้งตัว ชายชุดดำสองคนที่ยืนประกบข้างอยู่นั้นเห็นค่อยๆหยิบปืนพกขึ้นมาจากด้านในของเสื้อนอกก่อนจะยิงไปที่ชายที่ตัวสั่นอยู่ตรงหน้าอย่างไม่รอฟังคำร้องขอชีวิต

    "เสียเวลาจริงๆ" ชายที่คอมีรอยสักย่อตัวลงเปิดกล่องนิรภัยที่อยู่ข้างศพ

    นี่หรือเพชรน้ำงามที่ลูกค้าต้องการมันมากๆ ที่เขาสนใจคือเงินเท่านั้นหากเพชรนี่ไร้มูลค่าใดๆ เขาสาบานได้ว่าไม่มีวันสนใจหินไร้ค่านี่ เพชรที่ลูกค้าต้องการแต่ ณ ตอนนี้กลับถูกแคนเซิล เพียงเพราะตำรวจกลุ่มเดียวแท้ๆที่ทำให้เรื่องงานของเขามันยากขึ้นแบบนี้ มือหนาควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อตัวนอกพลางมองเพชรที่ยังอยู่ดีภายในกล่อง

    "ฮัลโหล ตอนนี้พวกแกอยู่ที่ไหน"
    ((..))
    "ดีฉันจะส่งของสำคัญไปให้ เราต้องเปลี่ยนแผนใหม่แล้วล่ะ"
    วางเพียงเท่านั้นก็กดวางสายพร้อมหยิบกล่องนิรภัยนั้นไปให้ชายชุดดำ ก่อนจะแค่นยิ้ม

    "ถ้าตำรวจมันอยากได้ของคืนก็ให้มันเอาไป ตอนนี้พวกเราต้องเอาตัวรอดก่อน"


    -------


    "เอ่อ นี่หรอครับที่ว่าจะวางแผนกัน"









    ชางมินว่าพลางสายตาจดจ่อกับการ์ดสามใบที่อยู่ในมือ

    "นี่แหละ"

    ยุนโฮเอ่ยเสียงเย็นก่อนจะเหลือบไปมองการ์ดคนข้างๆ

    "ผมว่าพวกเราไม่น่ามาเป็นตำรวจเลยนะครับ"

    "เอาน่าจงฮยอน ..ไม่ได้เล่นกินตังค์ซะหน่อย นี่แหนะ! แปดสามเด้ง!"
    ชางมินเอ่ยพลางทิ้งไพ่ทั้งสามใบของตนลงบนพื้นพรมของห้องในโรงแรม


    "โธ่เอ้ยย เอาอีกละ" ทั้งยุนโฮกับจงฮยอนต่างบ่นกับเสียงระงม ก่อนเจ้ามืออย่างชางมินจะหัวเราะร่า

    "ว่าแต่พี่จะโกหกสองคนนั้นทำไมครับว่าเราจะมาวางแผนกัน"
    จงฮยอนว่าขณะกวาดไพ่มาสับใหม่

    "โธ่ ไม่ฉลาดเลย ก็พวกเราจะได้หาเรื่องอู้งานไง มาเล่นไพ่คลายเครียดไรงี้ ใช่ไหมพี่"
    "อือ"
    ชายตัวโตยิ้มมองสองคนที่สนิทกันเหมือนน้องแท้ๆ


    ความจริงไม่ใช่แบบนั้นหรอก
    ที่ยุนโฮทำไปน่ะ


    ช่วงเวลาที่กัปตันในเครื่องบินประกาศว่าหมอกลงหนาอาจะต้องใช้เวลานาน เป็นช่วงที่ยุนโฮอยากเข้าห้องน้ำพอ ในห้องโดยสารที่มืดสลัวและเขาก็เพิ่งลืมตาขึ้นมาเลยอาจทำให้ตาพร่าไปก็ได้เลยปลดเข็มขัดแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ

    ไปแค่แปปเดียวนั้น ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาเห็นภาพนี้

    แผ่นหลังที่เขาคุ้นตาเพราะมันเป็นแผ่นหลังของเพื่อนซี้สมัยเรียนของเขา ชเว ซีวอน
    เพราะหลังใหญ่ๆของเขาทำให้ยุนโฮมองไม่เห็นหนุ่มน้อยที่นั่งข้างเขามาเป็นชั่วโมง
    แต่ก็พอจะรู้ว่าหมอนี่ทำอะไรเด็ก



    หึ ...ยุนโฮยังคงยกยิ้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในเครื่องบินเมื่อคืนก่อน
    "อ่าว ยิ้มไรคนเดียวละนั่น มาต่อๆครับ สามใบน้า"


    ------------------


    "คยูฮยอน กว่านายจะรู้ว่านายชอบพี่


    พี่ก็รักนายแล้ว"


    คำพูดของผู้กองมักฝังอยู่ในหัวของร่างบางตลอด พลางหลับตาปี๋เมื่อจู่ๆหัวลามกก็ดันไปนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เย็นมากแล้วแต่ผู้กองยังไม่กลับเข้ามาอีก

    ร่างบางนั่งดูทีวีอยู่ปลายเตียง รายการทีวีของฮ่องกงเขาไม่ใช่แค่ไม่รู้จักแต่ยังฟังไม่ออกอีก
    ถึงอย่างนั้นก็ยังเปิดดู รอคนที่บอกว่าจะไปซื้ออะไรมาทานขึ้นมา


    ครืดดด ครืดดด
    "ฮัลโหลครับ"
    ((คยู!!! เป็นไงบ้าง โอ้ยยยยย คิดถึงง))

    "ยังสบายดีครับ" ตอบพร้อมยิ้มบางๆเมื่อได้ยินเสียงพี่ชายของเขาตะโกนซะดัง พี่อีทึกเว่ออีกแล้ว
    ((โอ้ยยยย พี่เป็นห่วงนานจะตายอยู่แล้ว ไม่ได้เจอหน้าตั้งหลายวัน))

    "เดี๋ยวจัดการเรื่องเพชรเสร็จผมก็ได้กลับแล้วครับ"

    ((อื้มๆ นี่พี่มีอะไรบอก จบคดีนี่นายคงไม่ต้องไปช่วยงานรัฐแล้วนะ เขาจ้างพวกเราไม่ไหวแล้วล่ะอีกอย่างเขาคงหานักสืบรัฐได้แล้ว))

    ".." คยูนิ่งฟังไปครู่นึง ไม่ต้องช่วยงานรัฐ ก็เท่ากับ..ไม่ต้องคอยทำงานกับผู้กองแล้วน่ะหรอ


    ((นี่ยังอยู่ไหม))

    "อยู่ครับๆ แปลว่าผมก็ไม่ต้องตามพวกตำรวจไปสืบคดีแบบนี้แล้วหรอครับ"

    ((ใช่ เพราะถ้าเขามีนักสืบรัฐแล้วก็คงไม่มาจ้างเราแล้วแหละ นายก็กลับมาสำนักงานพี่ตามเดิม ดีมั้ยล่ะ และพี่กะว่าตอนนายกลับมาจะให้งานสืบนายซักสองสามงาน..ฟดาดทาสำ))


    เสียงอีกคนพูดเจื้อยแจ้วผ่านสายโทรศัพท์ แต่คนฟังกลับเหมือนหูหนวกไปชั่วครู่







    ทำไมรู้สึกใจหายแบบนี้ล่ะ



    .......................................................
    TALK;;

    ตอนนี้มันไม่มีเนื้อหาสาระอะไรเล๊ยยยย มีแต่ตัณหาของไรท์เตอร์ 5555555555555555555555


    ป.ล ฝากฟิคเรื่องใหม่ด้วยค่าาา [WONKYU] LOVE YOU,MY HYUNG 




    Minor!

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×