ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    : CURSE :นักสืบต้องคำสาป {WonKyu}

    ลำดับตอนที่ #11 : CURSE : เบาะแสเพิ่มเติม

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 56



    C U R S E

    10




    ท่าทางบอกความลับ แววตาบอกความจริง













     Kyuhyun part


    ตอนนี้ผม พี่ซีวอน และคุณยุนโฮกำลังเดินเข้าไปยังห้องของผู้กำกับการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในโซล
    ผมเดาว่างานนี้มันคงใหญ่จริงๆ ถึงขนาดเรียกพี่ซีวอนมาคุยถึงที่นี่ เพราะปกติเราจะอยู่กันแค่ในเขตของเรา

    "นั่งสิ"

    ท่านผู้กำกับคนเดิมบอกพวกเราทุกคนที่เดินเข้ามาถึงในห้อง พอนั่งลงครบทุกคนท่านก็เอ่ยธุระของท่านซึ่งผมจับความได้ว่าในคดีนี้
    คนที่เราจับมาได้นั้นอาจจะยังไม่ใช่ตัวการใหญ่ พี่ซีวอนขอจัดการคดีนี้ต่อแม้ว่าเรื่องมันจะเริ่มใหญ่โตขึ้น

    ผู้กำกับยอมรับด้วยเงื่อนไขว่าคดีจะไม่ได้มีแค่ทีมเราทำทีมเดียว อย่างที่ว่าไปคดีนี้ตัวการใหญ่อาจจะกำลังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนซักแห่ง แค่เหตุการณ์ปล้นธนาคารเมื่อคืนก็ทำให้รู้แล้วว่าพวกมันไม่ธรรมดา ดังนั้นงานนี้เราต้องให้หน่วยรบพิเศษหรือหน่วยสวาทยื่นมือเข้ามาช่วย

    "ได้ครับท่าน"

    "ถ้างั้นก็ฝากทุกคนด้วยนะ พวกแฟ้มเกี่ยวกับรูปคดีเดี๋ยวผมจะให้คนเอาไปให้ที่สถานีตำรวจของคุณ"

    "ครับ งั้นพวกผมขอตัวกลับเลยนะครับ"

    ผมหยัดตัวขึ้นมาหลังจากเห็นพี่ซีวอนยืนขึ้นโค้งให้ผู้ใหญ่ตรงหน้า คุณยุนโฮเองก็เช่นกัน ผมคิดไปเองรึเปล่านะว่าคุณยุนโฮเขาแปลกๆ
    เขารู้ได้ไงว่าผมกับผู้หญิงเมื่อคืนคือคนเดียวกัน ผมไม่เคยเจอมาก่อนเลย แต่เขาน่ารักดีนะครับ

    ตอนที่ย่องเข้ามาแล้วยิงคนร้ายน่ะ เท่มากๆ

    "พวกนายจะกลับเลยหรอ"

    "อื้ม มีอะไรรึเปล่า"

    "ก็ผู้ร้ายเมื่อคืนฟื้นแล้วน่ะ จะไปสอบสวนมั้ย"

    "เขาอยู่ที่โรงพยาบาลในโซลหรอ ..อืม ว่าไงคยูฮยอน"

    อยู่ๆพี่ซีวอนก็หันมาถามความเห็นผม ผมมองพี่ซีวอนสลับไปมองคุณยุนโฮที่ยิ้มกว้างรอคำตอบจากผม

    "ก็ดีนะครับ ว่าแต่ผู้ต้องหาจะไหวหรอครับ เขาเป็นหนักรึป่าว"

    "แค่โดนยิงที่หัวไหล่ น่าจะไหวนะครับ ตำรวจที่เฝ้าอยู่บอกว่าเขาฟื้นแล้วแต่ว่า.."

    "แต่อะไรครับ?"

     "หมอนั่นมันไม่ยอมตอบอะไรตำรวจเลยน่ะสิ" 

    คุณยุนโฮว่าพลางถอนหายใจเบาๆ ผมจึงทำได้แค่ยิ้มแล้วบอกให้เขาพาผมกับพี่ซีวอนไปหาผู้ต้องหา
    เผื่อผมอาจจะพูดอะไรกับเขาได้ ผมเดินเข้าไปยังห้องพักคนไข้ของโรงพยาบาลรัฐที่มีชื่อในโซล ตำรวจสองคนที่เฝ้าหน้าห้องต่างดูอิดโรย ผมเข้าไปหาผู้ต้องหาที่นอนอยู่ โดยที่ทั้งพี่ซีวอน และคุณยุนโฮยังคงยืนประกบข้าง


    "ยังเจ็บที่ไหล่อยู่มั้ยครับ"

    คำถามแรกของผมหลังผู้ต้องหารู้สึกตัว เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ถึงอย่างนั้นผมยังคงคุยต่อ

    "ผมต้องสอบสวนคุณนะครับเรื่องปล้นธนาคารเมื่อวาน แต่ตอนนี้คุณพักให้หายดีก่อนก็ได้"

    ผู้ต้องหาในชุดคนไข้จิ๊ปากก่อนจะพึมพำ
    "ตำรวจพวกนี้น่ารำคาญจริงๆ"


    คงจะไม่ชอบตำรวจสินะ ก็เหมือนผมนั้นแหละ
    ผมหันซ้ายหันขวามองทั้งพี่ซีวอนและคุณยุนโฮก่อนจะเอี้ยวตัวบอกพวกเขาให้ออกไปก่อน


    ..บางทีถ้าผมอยู่กับผู้ต้องหาแค่สองคนเขาอาจจะให้เบาะแสเรื่องตัวการใหญ่ของงานนี้ก็ได้

    "จะดีหรอครับ เมื่อคืนมันเกือบจะยิงคุณนะ"

    คุณยุนโฮพูดเชิงไม่รับคำขอของผม

    "ไปรอข้างนอกเถอะนะครับ ถ้าเขาจะฆ่าผมขึ้นมาผมจะตะโกนเรียกนะ"

    "ทำไมต้องเสี่ยงด้วยคยูฮยอน" คราวนี้เป็นพี่ซีวอนที่พูด

    จริงๆเลย..สองคนนี้เห็นผมเป็นเด็กรึไง ผมดูแลตัวเองได้น่า
    อีกฝั่งเพิ่งโดนยิงนะ จะทำอะไรผมได้ 


    "ไม่ลองไม่รู้นะครับ" ผมว่าพลางดันหลังทั้งสองคนให้ออกจากห้อง

    "มีอะไรก็ตะโกนดังๆนะ"/ "มีอะไรให้ตะโกนดังๆนะครับ"


    -_- สองคนนี้เห็นผมอ่อนแอมากสินะ ..






    --------


    ทั้งยุนโฮและซีวอนตอนนี้กำลังยืนเฝ้าประตูหน้าห้องคนไข้แทนตำรวจสองคนก่อน
    ..ทั้งคู่ต่างมองเข้าไปยังกระจกใสเล็กๆที่หน้าประตู

    "คุยอะไรกันอยู่นะ"

    ยุนโฮขำพรืดออกมาเมื่อเห็นอีกคนยืนส่องลับๆล่อๆยิ่งกว่าพวกโจรเสียอีก

    "อะไร หรือมึงไม่สงสัย" ซีวอนหันมามองฉุนๆที่โดนหัวเราะเยาะ





    "แม่มึงเป็นไงบ้างซีวอน"

    ยุนโฮเพื่อนสมัยเรียนโรงเรียนตำรวจ เขาสองคนเคยสนิทกันมาก ความจริงซีวอนอยากจะเข้าหน่วยรบพิเศษเหมือนกับยุนโฮ
    แต่แม่เขาห้ามไว้ ต่างจากยุนโฮที่ทางบ้านสนับสนุนเพราะพ่อเป็นทหาร

    ไม่เหมือนครอบครัวซีวอนที่เป็นนักธุรกิจเจ้าอสังหาริมทรัพย์อะไรนั่น


    "ก็ดี เขาก็ขยันหาคู่ให้กูเหมือนเดิม "

    "หมายความว่ามึงยังไม่มีเมียอีกหรอเนี่ย ฮ่าๆ ก็น่าห่วงอยู่หรอก"

    "อะไร จะบอกว่ามึงมีแล้ว?"

    "เปล่า แต่มันต่างกัน ที่กูไม่เปิดรับใคร เพราะอะไรมึงคงเข้าใจ"

    ที่จริงเหตุผลที่ยุนโฮพูด เขาก็เข้าใจอยู่ ชีวิตที่อยู่บนความเสี่ยงแบบนี้จะไปกล้ามีครอบครัวยังไง
    แต่ทุกอย่างก็เป็นแค่สิ่งที่ยุนโฮกลัวไปเอง เขาจึงไม่ผูกพันกับใคร เขากลัวว่าซักวันหนึ่งคนคนนั้นอาจจะต้องเสียใจ


    "ฝากบอกแม่มึงด้วยละกันว่ากูคิดถึง" 

    "อ้อ"

    "ซีวอน"

    "อะไร"


    "..เปล่า"

    ในตอนแรกยุนโฮกะจะถามเรื่องของเด็กผู้ชายที่ตอนนี้คงสอบสวนคนร้ายอยู่ในห้อง


    ..แค่คิดๆไป เขาเก็บคำถามไว้ถามเจ้าตัวเองดีกว่า ..มาถามคนอื่นคงไม่ได้อะไร


    "ประหลาดคน"

    ซีวอนเลิกคิ้วมองก่อนจะกลับไปสนใจข้างในห้องนั้นต่อ แต่ก็ต้องหงายหน้าเมื่อประตูห้องนั้นถูกเปิดออกมาโดยที่ไม่ทันตั้งตัว

    "โอ๊ะ!! พี่ซีวอน"

    ร่างบางทำตาโตที่ประตูที่ตนหมุนลูกบิดออกมาไปกระแทกหน้าผู้กองเข้าให้

    "เป็นไงบ้างครับ"
    ยุนโฮเรียกความสนใจของคยูฮยอนมาก่อนที่ร่างบางจะยิ้มอีกครั้ง

    "ครับ ..ดูเหมือนจะมีตัวการใหญ่อยู่จริงๆนั่นแหละนะครับ เขาไม่ยอมบอกว่าใคร
    แต่ผมว่าคนๆนั้นต้องมีอิทธิพลพอสมควร เพราะเขาดูไม่เกรงกลัวที่จะต้องโดนพิพากษาวันพรุ่งนี้เลย"

    "แล้วพอจะรู้มั้ยว่าลูกน้องมันมีแผนจะทำอะไรต่อ"

    "ผมเดาว่าตอนนี้คงกำลังกบดานอยู่ที่ไหนซักแห่งนะครับ"




    "นี่ๆ ! สนใจกันหน่อยสิ"


    เสียงเรียกที่ดูเอาแต่ใจนั้นเรียกคยูฮยอนกับยุนโฮให้หันไปมองได้จริงๆก่อนทั้งคู่จะยิ้มให้ผู้กองที่ลูบจมูกตัวเองไปมา

    "ว่าแต่คุณคยูฮยอนต้องกลับพร้อมซีวอนหรอครับ มีธุระด่วนอะไรหรือป่าว"

    "ก็ไม่นิครับ มีอะไรหรือป่าวครับ"


    แววตาของยุนโฮเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาดูเศร้านิดๆก่อนจะเอ่ยเหมือนจากลา

    "ไม่มีอะไรหรอกครับ ..แค่ผมสงสัยว่าเราจะได้เจอกันอีกมั้ย"

    "เอ๋?? ได้สิครับ ผมไม่ได้อยู่ไหนไกลนะ เขตกังนัมก็อยู่ในโซลนี่ครับ
    ผมอาจจะอยู่กับผู้กอง หรือบางทีผมก็อยู่ที่สำนักงานนักสืบของผม นี่ครับนามบัตร"


    ร่างบางเจื้อยแจ้วพลางหยิบนามบัตรในกระเป๋าสตางค์มาให้คนตรงหน้าก่อนจะหันไปมองที่ผู้กองอีกครั้งเพราะเสียงกระแอมที่ดังผิดธรรมชาติ

    "ผู้กองเป็นไรครับ ไม่สบายหรอ"

    "พูดใหม่ซิ"

    "...อะไรครับ อ้อ! พี่ซีวอนสินะ ไม่ใช่ผู้กอง แหะๆ "

    คนตัวสูงที่ยังเจ็บปลายจมูกที่กระแทกกับประตูเมื่อกี้ไม่หาย แต่กลับต้องมาหุนหันเพียงเพราะสองคนนั้นมัวแต่คุยกันเหมือนกับเขาไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้เลย ชเวซีวอนรู้เพียงแค่เขาไม่พอใจ


    แหม ..ยังทำเป็นลืมตัวกลับไปเรียกเขาว่าผู้กองอีกด้วย ไอ้เด็กคนนี้มันน่าดึงแก้มให้ช้ำ


    "กลับก่อนนะ"
    ซีวอนเอ่ยลาเพื่อนเก่าก่อนจะลากคยูออกมา



    "รีบกลับเหรอครับ?"

    "ทำไม! อยากอยู่ต่อเหรอ"


    ร่างบางแค่เลิกคิ้วมอง ..เอ อะไรเนี่ย นี่กำลังประชดหรอ?? แล้วไหนจะไอ้การกระแทกเสียงแบบนั้น

    อะไรของเขา


    "ถ้าใช่จะอยู่ต่อไหมล่ะครับ"

    "งั้นนายก็กลับเองล่ะกันนะ"

    "เอ้าาา เป็นอะไรไปล่ะครับ งอนหรอ -[]-'"
    ปากพาซวยซะล่ะคยูฮยอน แทนที่จะได้นั่งรถกลับสบายๆ

    "รู้ตัวเหมือนกันเหรอห๊ะ ว่าทำคนอื่นเค้างอน"

    "โธ่ งอนเป็นเด็กๆเลยน้า มันเป็นอุบัติเหตุนิครับ ผมไม่ได้ตั้งใจผลักประตูไปกระแทกหน้าพี่ซะหน่อย" 



    "..." อึ้ง



    ซีวอนล่ะพูดไม่ออกเลยจริงๆ บางครั้งไอเด็กนี่ก็บื้อจนเหลือเชื่อ
    ทีทำคดีล่ะฉลาดกว่าเขาไปหมด เชอะ


    เขาน่ะ ไม่ได้งอนเรื่องนี้ซะหน่อย


    "ไหนๆ โอ๋ เจ็บมากไหมล่ะครับ"

    ร่างบางเขย่งตัวขึ้นมาสองมือเล็กประคองใบหน้าหล่อคมคายแล้วจับหันซ้ายหันขวาไปมา

    "อืมมม ..ยังไม่เสียโฉมหรอกนะครับ หล่อเหมือนเดิม"

    พูดเสร็จก็ยิ้มแป้นใส่อีกคน




    ทำยังงี้จะหายงอนได้มั้ยนะ ..คยูฮยอนคิดโดยไม่ได้สังเกตเลย


    ว่าพี่ซีวอนของเขา.. กำลังเก็บอาการอยู่แค่ไหน
    ..เขาดูเหมือนไม่ได้อะไร แต่จริงๆข้างในมันสั่นไปหมดแล้ว
    ทำไมต้องเอาหน้ามาใกล้ขนาดนั้น




    โจคยูฮยอน นี่นายจงใจรึป่าวนะ





    --------------



    ..วันต่อมา..





    RRRRRRR RRRRRR

    "ฮัลโหลครับ"

    ((คุณคยูฮยอนรึป่าวครับ ผมยุนโฮนะครับ))

    "อ่า คุณยุนโฮ"

    ((ผมได้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวการใหญ่แล้วครับ คุณกับซีวอนช่วยมาที่สำนักงานตำรวจตอนนี้ได้มั้ยครับ))

    "ได้ครับ"

    ร่างบางรออีกคนวางสายก่อนเป็นมารยาทก่อนจะเงยหน้ามาเจออีกคนกำลังจ้องเขาอยู่ทันทีที่ได้ยินเขาพูดชื่อปลายสาย

    "มันโทรมาทำไม"

    "ได้เบาะแสตัวการใหญ่แล้วครับ เขาบอกให้เราไปหา"

    ชเวซีวอนแอบโล่งอกที่หมอนั่นโทรมาเรื่องงาน ร่างสูงพยักหน้ารับก่อนจะเดินจูงอีกคนขึ้นรถเช่นทุกครั้ง

    ภายในรถไม่มีบทสนทนาใดๆ ความอึดอัดและความสงสัยที่ผู้กองเก็บไว้หลายไว้จึงได้ถูกเปิดเผยขึ้นโดยตัวเขาเอง


    "คยูฮยอน พี่ถามอะไรหน่อย"

    "ครับ?"

    "ยุนโฮ นายว่าเขาเป็นคนยังไง"

    "เอ๋?? ทำไมจู่ๆถึง.."

    ร่างบางที่นั่งข้างคนขับมาสักพักหันมามองหน้าอีกคนอย่างสงสัย "ตอบมาเถอะน่า"

    "เขาเท่ห์ดีครับ ผมอยากเท่ห์แบบนั้นมั่ง อ่า..เห็นทีต้องเล่นกล้ามมั้งแล้วล่ะ
    ดูคนรอบตัวผมสิ เฮ้ออออ ท้อใจจริงๆ" 


    เจ้าเด็กบ้า ซีวอนได้แต่ยกยิ้มฟังอีกคนพูดเจื้อยแจ้ว พลางหันไปมองอีกคนทำหน้าเหนื่อยใจแล้วยิ่งน่าเอ็นดู 

    "แต่ก็แปลกนะที่หมอนั่นจำนายได้"

    "นั่นน่ะสิครับ ไม่เหมือนใครบางคนเลยเนอะ"

    "หืม"

    "แถมยังโดนผมหลอกอีกด้วย คิคิ"

    ร่างบางเหล่ตามองก่อนจะยกมือป้องปาก แหม น่าขำมากสินะ

    "เหรอ หมายถึงใครกัน" ซีวอนยังตีหน้านิ่งถามออกมาได้ ทั้งๆที่ทั้งคู่ก็รู้ว่าหมายถึงใคร


    "ก็แค่ตำรวจคนนึงน่ะครับ"

    "หล่อมั้ย"


    "อ่า..พูดยากนะครับ" ต่างฝ่ายต่างยังคงเล่นไม่เลิก

    คยูฮยอนอยากจะตอบตามจริงว่าหล่อ แต่ก็กลัวอีกฝ่ายได้ใจ
    ว่าแต่จะพูดเล่นกันอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย

    "สู้ยุนโฮได้ไหม"

    "ครับ?? ทำไมต้องสู้กันด้วยล่ะครับ"

    "พี่อยากรู้เฉยๆ

    ว่าระหว่างยุนโฮกับตำรวจคนนั้น




    นายชอบใครมากกว่ากัน"







    --------------------
    Siwon part


    "นี่คือผู้ต้องสงสัยคนที่หนึ่ง.."
    เสียงของยุนโฮกล่อมผมไปในขณะที่เราอยู่ในห้องประชุมใหญ่ ในห้องมีแค่ผม คยู ยุนโฮและลูกน้องของเขาอีกสองคน
    เรานั่งฟังประวัติของผู้ต้องสงสัยทีละคน ทั้งสามคนที่ยุนโฮหามาได้คือคนที่เราคาดการว่าเป็นตัวการใหญ่ทั้งเรื่องขโมยเพชรเมื่อหลายวันก่อน และเรื่องปล้นธนาคารที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน แต่ละคนเป็นพวกทรงอิทธิพลทั้งนั้น

    ..อีกเรื่องที่คยูสืบมายิ่งทำให้ผมรู้สึกว่างานนี้มันยากเข้าไปทุกที
    แต่ยังมีอีกเรื่องที่ผมกังวล ..คยูฮยอน เขายังอายุน้อยและเป็นแค่นักสืบเอกชนคนนึงเท่านั้น

    ..ผมไม่อยากให้เขามาเสี่ยงอันตรายด้วยเลย

    "อ๊ะ! ผู้ชายคนนั้นมีรอยสักที่คอด้วย"
    เสียงของคยูทำให้ผมต้องกลับไปสนใจจอโปรเจคเตอร์ นี่เป็นผู้ต้องสงสัยรายสุดท้ายแล้วซินะ

    "อ่า..ใช่จริงๆด้วย คุณคยูฮยอนนี่ช่างสังเกตจังเลยครับ" ผมเหล่ไปมองไอ้ยุนโฮที่พูดซะสุภาพ

    "ผมว่าเขาเป็นตัวการแน่ๆครับ รอยสักนี้น่ะเหมือนกับรอยสักของผู้ต้องหาที่เราจับกุมได้"

    "แน่ใจนะคยูฮยอน"

    "ครับ"

    แววตาของเด็กคนนั้นหันมามองผมอย่างหนักแน่น เอาจริงเอาจังแบบนี้เสมอ
    แต่ถึงยังไงผมก็ไม่อยากให้คยูฮยอนทำคดีนี้อยู่ดี คราวที่แล้วที่ผมปล่อยให้คนร้ายจับเขาไปเป็นตัวประกัน
    ผมรู้สึกแย่ที่ตอนนั้นทำอะไรไม่ได้เลย ผมกลัวว่าผมจะดูแลเขาได้ไม่ดีพอ


    "ถ้าเป็นคนต้องสงสัยรายนี้ล่ะก็ ตอนนี้สายของผมบอกว่าเขากบดานอยู่ที่ฮ่องกง"

    "และถ้าให้ผมสันนิษฐาน ตอนนี้ลูกน้องของเขาอาจจะขนย้ายเพชรรามาไปยังฮ่องกงแล้ว"

    "จงฮยอน ชางมิน ช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ให้หน่อยนะ"

    "ครับ"

    "ซีวอน พูดอะไรบ้างซิ"

    เสียงของเจ้าเพื่อนเก่ากระตุ้นให้ผมหันหน้าไปหามัน พูดอะไรล่ะ
    ถ้าจะบอกให้คยูฮยอนถอนตัวตอนนี้จะทันไหมนะ

    "ขอคุยกับคยูฮยอนแปปนึงนะ" ผมตัดสินใจลุกขึ้นมาแล้วลากอีกคนออกมาจากห้องประชุม

    ที่ทางเดินนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านไปผ่านมา

    "มีอะไรเหรอครับ" ยิ่งเห็นอีกคนมองตาแป๋ว ผมยิ่งลำบากใจที่จะพูด

    "ฉันอยากให้นายถอนตัวจากคดีนี้"

    "ทำไมล่ะครับ!! "

    "อย่าถามเลย แต่นายทำไม่ไหวหรอก"

     "พี่ซีวอนน ทำไมทำยังงี้ล่ะ เราไม่ใช่ทีมเดียวกันหรอ" ผมว่าแล้วว่าประโยคนี้ต้องมาถึง

    อ้อนแค่ไหนแต่คราวนี้ผมไม่ใจอ่อนหรอก

    "พี่ไม่อยากให้นายทำ" นายจะเป็นอันตรายรู้ไหมคยูฮยอน..

    "ไม่! ผมจะทำ"

    "อยากดื้อสิ"

    "บอกเหตุผลสิครับ " อีกคนดึงดันจะฟังเหตุผลให้ได้ เหตุผลมันมีแค่ว่าฉันเป็นห่วงนายเท่านั้นแหละ 

    "ไม่ต้องรู้เหตุผลหรอก พี่ตัดสินใจจะตัดเราออกจากคดีนี้แล้ว"

    "ผู้กอง.." ผมรู้สึกเจ็บแปลบๆที่อีกคนเปลี่ยนคำที่ใช้เรียกผมกระทันหัน เขาคงจะโกรธผมถึงได้กลับมาเรียกผมแบบนี้

    แต่ผมคิดว่าผมตัดสินใจดีแล้ว ผมกลับเข้าในห้องโดยที่อีกคนก็ยังคงตามหลังมา

    "ทุกคน ...เป็นอย่างที่คยูฮยอนว่านะ ผมเช็คที่สายการบินแล้ว ช่วงเช้าของวันนี้มีเครื่องบินส่วนตัวบินตรงไปฮ่องกง"
    จงฮยอน นายตำรวจในทีมของคุณยุนโฮโพล่งขึ้นมา

    "เราต้องตามจับเขาครับ" ร่างบางโพล่งออกมา


    ไม่ได้สนใจคำพูดของผมก่อนหน้านี้เลยใช่มั้ย


    "คยูฮยอน พี่บอกแล้วไงว่าห้ามนายทำคดีนี้"

    "ผมไม่ได้ทำให้ทีมผู้กองซะหน่อย .." เสียงของคยูแข็งขึ้นเหมือนโกรธเคืองอยู่เลย ...นายไม่เข้าใจฉันหรอก

    เด็กผู้ชายพูดต่อพร้อมเดินไปเกาะแขนไอ้ยุนโฮ ..นี่มันอะไรเนี่ย

    "ถ้าผู้กองไม่ให้ผมทำ ผมก็จะไปอยู่กับทีมของคุณยุนโฮแทน"

    คำพูดของเขาทำให้ทุกคนในห้องอึ้งไปตามๆกัน
    โดยส่วนมากนั้นกำลังอึ้งและงงว่าสองคนนี้พูดถึงเรื่องอะไรมากกว่าที่จะอึ้งเพราะคยูเดินเข้าไปอยู่ฝั่งยุนโฮ

    "ได้ไหมครับ "


    หนอย..โจคยูฮยอน นี่กล้าดียังไงไปอ้อนคนอื่นแบบนั้นห๊ะ สีหน้าเหมือนลูกแมวขาดแม่แบบนั้นมันอะไรกัน
    ผมหงุดหงิดจริงๆนะครับ เด็กนั่นช้อนตามองเจ้ายุนโฮก่อนจะพูดทำนองว่าขออยู่ด้วยได้ไหม

     "แล้วแต่ละกันนะยุนโฮ ถ้าอยากได้เด็กไปเป็นภาระก็ตอบตกลงไปเลย!"

    "ตกลงครับ"

    ผมกระพริบถี่เมื่อเห็นสองคนตรงหน้ากำลังยิ้มให้กันซะอย่างนั้น ไอ้ยุนก็ตอบรับคำไปง่ายๆ
    ผมอุตส่าห์พูดไปซะขนาดนั้นแล้วนะ ที่แย่กว่านั้นคือคยูฮยอนที่โดนเพื่อนผมสปอยล์ไปเมื่อกี้กลับยิ้มร่าแถมยังหันหน้ามาเยาะเย้ยอีก

    ปวดใจ TvT




    แต่บางทียุนโฮมันอาจจะดูแลคยูได้ดีมากกว่าผมก็ได้ ...ถ้าเป็นมันผมมั่นใจว่าคยูฮยอนจะปลอดภัย





    ............


    Kyuhyun part




    เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย



    ทำไมเขาต้องห้ามผมด้วยครับ ...ผมรู้ว่าผมมันไม่เหมือนคนทั่วไป ..

    เพราะคำสาป ที่ทำให้ผมต้องเป็นผู้หญิงทุกครั้งเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน เพราะเรื่องนี้ใช่มั้ยที่เขากังวล
    ผมก็เป็นภาระเป็นตัวปัญหามากใช่มั้ยครับ


    แต่สำหรับคดีนี้น่ะ ..ผมต้องการทำมันจริงๆครับ เป้าหมายหลักของผมคือการพบตัวการใหญ่คนนั้น
    คนที่มีรอยสักเป็นรูปแมลงปอ รอยสักเดียวกับที่ผมเห็นเมื่อหกปีก่อน ผมยังจำเขาได้ฝังใจ
    คนที่สาปผมแล้วชิงฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิดที่เขาทำ



    นี้อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะแก้คำสาปที่มันติดตัวผมมาตั้งแต่ตอนนั้น




    "ปีนี้เบญจเพสแล้วใช่มั้ย"

    "หนูอยากจะใช้ชีวิตแบบไหนล่ะ กลางวัน ...หรือกลางคืน"

    "หนูเลือกให้ดีนะจ้ะ"


    เสียงของคุณยายลึกลับคนไหนยังคงดังอยู่ในหัวตลอดเวลา อีกไม่นานผมก็จะอายุเต็ม 25

    อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของผมแล้วก็ได้ ...เพราะงั้น ขอโทษนะครับพี่ซีวอนที่ผมไม่เชื่อฟัง

    ผมจะไม่ทำให้คำสาปของผมไปทำให้ใครเดือดร้อนแน่นอน



    "ทะเลาะกันหรอครับ"

    เสียงของคุณยุนโฮทำให้ผมหลุดจากความคิดของตัวเอง ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ตรงบันไดทางหนีไฟของที่นี่
    จริงๆผมหลบทุกคนมาคิดอะไรคนเดียว ..ไม่คิดว่าจะมีคนมาตามหา


    อีกฝ่ายยื่นกระป๋องน้ำอัดลมมาให้ผมก่อนจะลงนั่งที่ขั้นบันไดเดียวกัน

    ผมแค่ส่ายหน้าตอบก่อนจะพูดขอบคุณพร้อมรับกระป๋องน้ำนั้น
    ผมรู้สึกผิดเหมือนกันที่อยู่ๆก็ดึงคุณยุนโฮมาร่วมกวนประสาทพี่ซีวอนแบบนี้ทั้งๆที่ผมกับเขาก็เพิ่งรู้จักกัน

    "ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายนะครับ"

    "อะไรกัน ไม่ได้วุ่นวายอะไรเลยครับ
    ไม่ว่าคุณคยูฮยอนจะอยู่กับทีมไหนก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกครับ เราทั้งหมดก็ได้ช่วยกันทำงานอยู่ดี "


    "ครับ จริงๆคุณยุนโฮไม่ต้องเรียกผมว่าคุณหรอกนะครับ ผมอายุน้อยกว่า มันรู้สึกแปลกๆ" 

    ผมว่าพลางลูบท้ายทอยตัวเองแก้เก้อ แหม่ ขนาดตาผู้กองคนนั้นเจอผมครั้งแรกยังไม่สุภาพด้วยขนาดนี้เลยครับ

    เจอแบบนี้มันไม่ค่อยชิน

    "งั้นคุณก็ต้องเลิกเรียกผมว่าคุณยุนโฮก่อนนะครับ"

    "อ่า..แล้ว จะเรียกยังไงดีครับเนี่ย"

    ผมหัวเราะแห้งๆพร้อมมือที่ยังไม่ออกไปจากท้ายทอยตัวเอง
    ผมหันไปมองผู้ชายตัวใหญ่ข้างๆ เขายิ้มให้ผมด้วยครับ รอยยิ้มของเขาดูอบอุ่นบอกไม่ถูกจนผมรู้สึกเขินๆยังไงไม่รู้

    แต่มันไม่เหมือนเวลามองผู้ชายคนนั้นเลยครับ ชเว ซีวอน คนนั้น...


    ว่าแต่ผมจะไปเทียบให้ได้อะไรขึ้นมาครับเนี่ย -_-


    "ผมได้ยินคุณเรียกซีวอนว่าพี่นี่ครับ เรียกผมแบบนั้นก็ได้"

    "ค ครับ พี่ยุนโฮ"

    "ครับคยูฮยอน ^^"

    "พี่ยุนโฮคิดว่าเราควรไปตามพวกคนร้ายที่ฮ่องกงมั้ยครับ"

    ผมเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังทันที ผมอยากรีบไปเจอเจ้าตัวการใหญ่คนนั้นแล้วครับ ใกล้วันเกิดผมแล้วด้วย

    "พี่ต้องไปขอสถานทูตที่นู้นก่อนว่ามีผู้ร้ายข้ามแดนเข้ามา ถ้าทางนู้นยื่นมือเข้ามาช่วยเราก็จะสบายขึ้น"
    ผมพยักหน้ารับรู้ แต่ในใจก็ยังคิดถึงแต่เรื่องแก้คำสาปอยู่

    อ๊ะ จะว่าไปได้คุยกับเขาก็ดีเหมือนกัน ผมมีเรื่องสงสัยมานานแล้ว

    "เอ่อ ..พี่ยุนโฮครับ"

    "ครับ"

    "ผมสงสัยมานานแล้วครับ พี่จำผมได้ยังไงครับทั้งๆที่.."

    "นั่นสิ แววตาละมั้ง"

    ".." เขาว่าพลางจ้องตาผมไม่กระพริบเล่นทำผมกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างลำบาก

    "แล้วนายล่ะ จำพี่ได้ยังไง วันนั้นพี่ก็ใส่หน้ากากใส่ชุดเต็มยศขนาดนั้น"

    อ่า ..จริงด้วย "คงจำได้จากดวงตาเหมือนกันมั้งครับ"
    ผมว่าพลางจ้องตากลับแบบสั่นๆกลัวเขาจะหัวเราะออกมาจังเลยครับ

    เขาจะหาว่าผมเป็นยอกย้อนหรือป่าว แต่ในตอนนั้นเขากลับยิ้มขึ้นมาเฉยเลยครับ
    เป็นยิ้มที่ผมตีความออกมาไม่ได้ด้วย

    "ถ้าได้เรื่องยังไงพี่จะโทรไปบอกนะ รอรับด้วยละกัน"

    "ครับ"

    "ผู้กองคงรอกลับพร้อมนายอยู่ละมั้ง ..ไปกันเถอะ"

    "ครับ"

    อะไรเนี่ย รู้ตัวอีกทีผมก็พูดได้แค่ครับเท่านั้นเอง ..นี่โดนแกล้งอยู่เหรอเนี่ย

    .



    .

    .

    .


    3 วันต่อมา


    ปรากฏว่าวันที่รอคอยก็มาถึงครับ ..ผมกับทุกๆคนตอนนี้กำลังเดินทางไปฮ่องกงโดยเครื่องบินครับ
    และเพื่อไม่ให้พวกคนร้ายไหวตัวทันเราจึงต้องมานั่งเครื่องบินธรรมดาปะปนกับผู้คนทั่วไป
    อย่างที่ผมเคยบอกไว้ว่าฝ่ายแก๊งโจรกรรมเพชรครั้งนี้ไม่ใช่คนธรรมดาๆเลย บางทีเขาอาจจะกำลังติดตามการเคลื่อนไหวของเหล่าตำรวจอยู่ก็ได้
    พี่ซีวอนเขาได้ติดต่อกับทางตำรวจฝั่งนั้นให้ช่วยกันสกัดกั้นตามเขตชายแดนแล้ว
    ตอนนี้เราไม่รู้เลยว่าเพชรนั้นไปอยู่ในมือของตัวการใหญ่แล้วหรือยัง หรืออาจจะถูกขายต่อให้กับใครแล้วบ้าง ทางเดียวที่เราจะทราบได้คือการแกะรอยและตามตัวผู้ร่วมขบวนการให้เจอ



    17.30 น

    ผมมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือตัวเองก่อนจะหันหน้าไปทางช่องหน้าต่าง
    ..บนท้องฟ้านี้ผมเห็นแต่เมฆแล้วก็เมฆ เพียงใกล้เย็นขนาดนี้ถ้าผมเกิดกลายเป็นผู้หญิงในเครื่องบินนี่จะไม่แตกตื่นกันหมดหรอครับเนี่ย

    ว่าแล้วผมก็จัดการคลี่ผ้าห่มที่สายการบินมีไว้ให้ใช้คลุมโปงมันซะเลย ...ทุกคนจะได้ไม่ต้องเห็นผมเปลี่ยนไป

    ไงล่ะ ฉลาดใช่ไหมครับ

    "คยูฮยอน หนาวหรอ"
    เสียงพี่ยุนโฮที่นั่งข้างๆเอ่ย ..อ่าผมยังไม่เป็นผู้หญิงใช่มั้ยเนี่ย จัดการมองตัวเองแล้วแง้มผ้าห่มออกมานิดนึง

    "ครับ หนาวมากครับ"

    "อ่า ..เอาผ้าห่มพี่ไปใช้มั้ย"

    "ไม่เป็นไรครับๆ"

    ผมส่ายหน้ารัวก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้พี่ยุนโฮ ถึงเขาจะจำผมได้ทั้งในตอนกลางวันและกลางคืนแต่มันแปลกนะครับที่จะมาให้มองผมด้วยสายตาประหลาด

    ...แค่นี้ผมก็รู้สึกรันทดชีวิตตัวเองมากพอแล้วครับ ผมสูดลมหายใจไปเต็มปอดเมื่อมองบานกระจกใสอีกครั้ง

    มืดแล้ว


    ผมหลับตาลงหวังจะนอนเอาแล้ว แต่พอทุกอย่างเงียบลงผมกลับนึกถึงเหตุการณ์บางอย่าง


    "ครับ แต่ว่าผมจะกลายเป็นผู้หญิงต่อหน้าผู้กองนะ.."

    "ไม่ชินหรอ"

    "..ครับ"

    "งั้นนายก็ต้องปรับตัวเหมือนกันน่ะสิ"


    "เอางี้ จ้องตาฉันนะ"



    .

    .


    .


    ผมอยู่ไหนครับเนี่ย ผมรู้สึกว่าตัวเองอึดอัดเหลือเกินทั้งๆที่กำลังยืนอยู่ในที่ที่โล่งกว้าง

    พอมองไปข้างๆผมกลับเจอใครบางคนที่ไม่ใช่พี่ยุนโฮ  แต่กลับเป็น


    คโยฮยอน


    เธอมองมาที่ผม ผมมองนัยน์ตาเธอที่มันสะท้อนตัวของผมอยู่

    และเสียงของยายแก่คนนั้นก็แว่วมา

    "หนูเลือกให้ดีนะจ้ะ"


    นี่ต้องเป็นความฝันแน่ๆ


    ใช่แล้วผมฝันอยู่ ผู้หญิงที่หน้าเหมือนผมคนนั้นกำลังเดินเข้ามา



    แต่แล้ว..



    "คยูฮยอน!!"


    ใครตะโกนเรียกชื่อผมกันนะ ทั้งผมและเธอต่างหันไปมองรอบๆ


    ผู้ชายตัวสูงวิ่งเข้า ผู้ชายที่มักเข้ามาอยู่ในความฝันของผม ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน


    "พี่ซีวอน" / "ผู้กอง"

    ผมและผู้หญิงคนนั้นพูดพร้อมกัน ...คนตัวสูงที่พึ่งวิ่งเข้ามามองผมและเธอสลับไปมา

    "คยูฮยอน"

    เขาเรียกชื่อผมอีกครั้งราวกับต้องการความแน่ใจ ผมเดินเข้าใกล้เขาหนึ่งก้าวแต่ว่าผู้หญิงคนนั้นกลับก้าวเท้ามาพร้อมผม




    ....เห็นได้ชัดว่าพี่ซีวอนกำลังสับสน



    "พี่ซีวอน" ผมตัดสินใจเรียกชื่อเขาอีกครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมน้ำตาผมถึงไหลออกมา

    รู้สึกตัวอีกทีผมกำลังกำมือไว้แน่น และคนตัวสูงก็เดินเข้ามากอดผมไว้





    ..ตอนนี้ผมรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน นี่มันฝันแบบไหนกันนะ



    "คยูฮยอน ..พี่ขอปกป้องนายเอง"

    "พี่ซีวอน"


    ทันทีที่ผมผละหน้าออกจากแผงอกนั้น ริมฝีปากหยักก็ค่อยๆเคลื่อนเข้ามาประทับอยู่ที่ริมฝีปากของผม ก่อนที่เขาจะละเลียดรสจูบที่ผมรู้สึกอุ่นไปถึงข้างใน ...


    น้ำตาผมยังคงไหลไม่หยุด

    ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะตายเลย ใครก็ได้ปลุกผมที




    เฮือก

    ผมสะดุ้งตื่น พร้อมพบว่าผ้าห่มที่ผมเคยคลุมไว้ทั้งตัวกลับมากองอยู่ที่อก
    หันไปทางพี่ยุนโฮก็เห็นเขานอนหลับมีผ้าปิดตาอยู่

    ...ผมมองไปทางที่นั่งของพี่ซีวอนก็เห็นเขาหลับปุ๋ยดี แสงไฟบนเครื่องบินหรี่ให้สลัวๆ ทุกคนดูหลับสบาย



    ..ก็คงมีแต่ผมที่ฝันอะไรแปลกๆอีกแล้ว



    พี่ซีวอนอีกแล้วเหรอ ..ทำไมต้องฝันถึงเขาประจำเลยนะ
    ขณะที่ผมเผลอชะเง้อมองที่ที่นั่งของคนคนนึงอยู่ จู่ๆมีคำพูดนึงที่ดังอยู่ในหัว


    เป็นคำพูดที่ทำให้ผมคิดไม่ตก


     "พี่อยากรู้เฉยๆ ว่าระหว่างยุนโฮกับตำรวจคนนั้น


    นายชอบใครมากกว่ากัน"







    ...............................................................................







    TALK


    เฮ้อออ ยากมากเลยตอนนี้ เราแต่งไม่ถูกอ่ะ มันใกล้จะจบแล้วด้วยแล้วไม่รู้จะอะไรยังไงดี เครียดดดด หลายวันมากเลยนะเนี่ย ใช้พลังที่มีทั้งหมดแต่ง ฮรือออ หัวมันไม่ค่อยแล่นเลยช่วงนี้ 











    Minor!

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×