ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CURSE:: เปิดคดี
c u r s e
1
จิตใต้สำนึกบอกให้ระแวง
.
.
.
.
.
เช้าวันพุธ หลายๆคนคงกำลังหลับสบายอยู่ในบ้านเพราะฝนที่ตกอยู่เรื่อยๆ
แต่ตอนนี้ใครบางคนกำลังถอนหายใจเพราะตัวเองก็มายืนหลบฝนกับตาผู้กองอยู่สองคน
"ถอนหายใจถี่จังเลยนะครับ" ผู้กองชีวอนยืนมองคนที่สูงน้อยกว่าเขาเล็กน้อย
..ก็ผมเซ็งหน้าคุณน่ะสิ คยูฮยอนอยากจะตอบกลับไปเช่นนั้น แต่รู้ดีว่ามันไม่สมควรจะพูดแบบนั้นกับคุณตำรวจ
แล้วตอนนี้เราก็กำลังมาเฝ้าดูคนร้ายอยู่ด้วย ไม่ใช่สถานการณ์ที่นักสืบอย่างเขาจำเป็นต้องทำเลยสักนิด เพียงแต่การที่เขามายุ่งในหลายๆคดีที่ทางตำรวจต้องจัดการกันอยู่แล้ว มันก็เหมือนกับเขาขึ้นหลังเสือมาแล้วล่ะมั้ง
"เราต้องเฝ้าคนร้ายนี่อีกนานแค่ไหนครับ"
"ชู่ว ดูนั่นสิ มันปิดผ้าม่านแล้ว" นิ้วเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากหยักของตัวเองก่อนจะชี้ให้คยูฮยอนดู หน้าต่างบนอพาร์ทเม้นต์ที่น่าจะอยู่ราวๆชั้นห้า
"เขารู้ตัวแล้วหรอครับว่ามีตำรวจมาสุ่มดูอยู่"
"ไม่ได้การล่ะ" เขารีบควักวิทยุสื่อสารมาก่อนจะบอกให้เจ้าหน้าที่คนอื่นไปล้อมทุกด้าน ทั้งทางหน้าต่างหรือประตูหนีไฟ ก่อนจะคว้ามือของร่างบางแล้ววิ่งเข้าไปในอพาร์ทเม้นต์
ชีพจรของทั้งสองเต้นรัวอยู่หน้าห้องคนร้าย ก่อนที่มือเล็กจะค่อยๆบิดประตู
ล็อค
...มันก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละนะ คยูฮยอนคิดก่อนที่จะเบี่ยงตัวเองหลบคนตัวใหญ่ที่กำลังกระแทกตัวเองเข้าประตูอย่างจัง
เจ็บไหมหนะ..-0-
ท่าทางเขาราวกับกำลังถ่ายทำหนังกันอยู่ ทั้งๆที่ในความเป็นจริง เราเรียกแม่บ้านมาเปิดห้องนี้ก็ได้...
แต่แรงมหาศาลของผู้กองก็สามารถทำให้ห้องนี้ถูกเปิดออก
ทันทีที่ทั้งสองเข้าไปให้ห้อง ก็มองไปรอบๆห้องที่ดูเหมือนคนร้ายจะไม่อยู่ที่ห้องซะแล้ว...
"หน้าต่างถูกเปิดอยู่ หรือว่า.." ผู้กองพูดออกมา คงคิดว่าคนร้ายจะโดดหนีออกไปสินะ แต่ว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาคิดหรอก
"เป็นไปไม่ได้ครับ นี่มันชั้นห้า แล้วอีกอย่างตอนนี้ฝนก็กำลังตกอยู่ด้วย"
ร่างบางกำลังทำหน้าใคร่ครวญก่อนจะมองไปยังห้องนึงที่ถูกปิดอยู่
ทันทีที่ฉุกคิดได้เขาก็รีบวิ่งไปเปิดประตูห้องนั้นออก แต่.....เพียงแค่คิดก็ช้าไปเสียแล้ว
ขาทั้งสองที่ลอยเหนือพื้น ตากลมมองตามขึ้นไปพบชายฉกรรจ์ที่คาดว่าเสียชีวิตแล้ว...
"ฆ่าตัวตายเพื่อหนีคดีหรอ.." ผู้กองมองเข้ามายังห้องนอนของผู้ร้ายที่เพิ่งตายไป
"ครับ.."
ร่างบางตอบเสียงเรียบ นั่นสร้างความแปลกใจให้ผู้กองไม่ใช่น้อย เพราะปกติเขามักจะมีข้อโต้แย้งมาเสมอ
ร่างบางหันหน้ากลับมาเพราะทนมองสภาพศพนานๆไม่ได้ ก่อนจะสบตากับผู้กองที่ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจคนร้ายตรงหน้าเลย
"มองอะไรครับ"
พูดจาเหมือนหาเรื่องกันชัดๆ ผู้กองได้แต่เลิ่กลั่กขึ้นมา ก่อนจะหนีหน้ามองไปทางหน้าต่าง
"งั้นก็แปลว่าหลังจากที่ปิดผ้าม่านของหน้าต่างฝั่งที่พวกเราสุ่มดูอยู่ แล้วเปิดหน้าต่างบานนี้ไว้ คนร้ายก็เข้าห้องของตัวเองเพื่อไปฆ่าตัวตาย โดยใช้เวลาช่วงที่พวกเรากำลังขึ้นมาหาเขาที่ห้อง และหลอกให้เราคิดว่าเขากระโดดหนีออกนอกหน้าต่างไปแล้ว อย่างนั้นใช่ไหม?"
ผู้กองร่ายยาว แต่นั้นก็เป็นการคาดเดาที่เป็นจริง คยูฮยอนพยักหน้ารับก่อนที่ผู้กองจะดีดนิ้วภูมิใจในมันสมองของเขา
"เออนี่ จบจากนี้คุณต้องไปไหนไหม?"
"ไม่นี่ครับ"
"งั้นเดี๋ยวคุยกับผมแปปนึงนะ"
.
.
.
ทั้งคู่นั่งกันอยู่ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ผู้กองมีเรื่องอะไรจะคุยนะ
แต่ก็ดีเหมือนกัน ฝนตก อากาศเย็นๆกับกาแฟร้อนๆ (เหมือนจะสนใจผิดประเด็น)
"วันก่อนที่เราไปกินเนื้อย่างกัน จำได้ไหม ที่ฉันเลี้ยงน่ะ"
"จำได้แล้วครับ วันนั้นวันเกิดคุณใช่ไหม ที่จริงผมเพิ่งไปซื้อของขวัญเมื่อวานนี้เองครับ.." ร่างบางพูดก่อนจะหยิบของออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ทที่วางอยู่บนเก้าอี้ตัวข้างๆ
มือเล็กหยิบของขวัญออกมา เป็นกล่องสีดำๆ ฝากล่องมีรูปคล้ายมงกุฏยาวๆ มีตัวอักษรอยู่บนกล่อง 'ROLEX'
คยูฮยอนยื่นของให้พร้อมหันหน้าไปมอง และพบว่าอีกคนกำลังทำหน้าดีใจแบบเว่อร์ๆ -0-
"..." มือเล็กวางกล่องไว้ตรงหน้าคนที่ดูซาบซึ้ง ไม่รู้ว่าจะซึ้งอะไรขนาดนั้น
ผู้กองทำท่าจะเข้าไปกอดแต่โต๊ะที่กั้นเขาสองคนไว้ มันทำให้ชีวอนทำแบบนั้นไม่ได้
นั่นก็ทำให้ร่างบางรู้สึกโล่งใจที่เป็นแบบนั้น เฮ้อ ผู้กองชอบทำตัวเว่อร์จริงๆ
"ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ มีวันเกิดก็ต้องมีของขวัญวันเกิดสิครับ หรือว่าผู้กองไม่เคยได้หรอครับ"
ปากร้ายนั่นพูดไปโดยไม่ได้ตั้งใจที่จะแทงใจดำใครทั้งนั้น
ผู้กองที่ทำหน้าซาบซึ้งใจตอนแรกก็ชะงักกึกทันทีเมื่อได้ยินวาจาเสียดหูนั่น แต่ก็เป็นแค่ชั่วครู่ เขากลับมามองของขวัญวันเกิดชิ้นแรกที่ได้รับจากเพื่อนร่วมงาน แน่นอนว่านาฬิกาเรือนนี้มันออกจะธรรมดาไปสักหน่อยสำหรับคุณหนูอย่างเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังปลื้มอกปลื้มใจ
"ขอบใจนะ มันต้องแพงแน่ๆเลย เกรงใจจริง"
หลังจากรู้สึกตัว ผู้กองก็เก็กขรึมขอบใจเด็กที่นั่งอยู่ตรงหน้า
"แพงสิครับ ..แต่ระดับผู้กองที่บ้านคงจะให้ดีกว่านี้"
ชีวอนหันไปมองอีกคนอย่างใสซื่อ นี่แหละๆๆ เรื่องที่เขาจะพูดกับคยูฮยอนในทีแรก
"ไปบ้านฉันมาหรอ?? ตอนไหน"
"...เมาจนจำอะไรไม่ได้เลยมันก็ไม่ไหวนะครับผู้กอง"
"..."
ร่างบางถอนหายใจออกมา นี่เขาผ่านหลักสูตรตำรวจมาได้ไงเนี่ย คนอะไรติ๊งต๊องชะมัด
แม้ว่าคยูจะไม่เคยมองว่าตำรวจคือที่พึ่งของเขาเลยซักนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้กองคนนี้
แต่อะไรกันที่ทำให้เขาเกิดนึกว่าซื้อของขวัญให้
สุดท้ายคยูก็หาคำตอบให้ตัวเองได้ ..ก็เขาเป็นเพื่อนร่วมงานน่ะสิ
มันจะไปมีเหตุผลที่มากกว่านั้นได้ยังไง
"แล้วทำไมคุณป้าถึงบอกว่าวันนั้นมีผู้หญิงมาส่งได้นะ.."
ผู้กองพึมพำออกมา จนร่างบางแทบสำลักกาแฟ
เออว่ะ....พลาดซะแล้วหรอเรา
"คุณป้าอาจจะตาฝาดก็ได้ครับ ตอนนั้นฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว.."
ใช่ เพราะฟ้ามันมืดนั่นแหละ
เขาถึงได้เป็นแบบนั้น
"นั่นสินะ เอ..แต่มองพลาดขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย" ยกมือมาจับคางยาวของตัวเองพร้อมยื่นหน้ามองอีกคนใกล้ๆเหมือนกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง
คยูฮยอนทำได้แค่ถอยหน้าให้ห่างเขาอีกนิดพร้อมฉาบสีหน้าที่เรียบนิ่ง ...ข่มใจไว้..
ฝนเหมือนจะหยุดพอดี
"เอาล่ะ ไปกันเถอะ"
"ไปไหนครับ"
"นั่นสินะ วันนี้ทางตำรวจคงไม่ได้รบกวนนายแล้วล่ะ นายจะไปไหนต่อไหม" ฟังยังไงมันก็เหมือนกับว่าเขาหมดธุระกับที่นี่และผู้กองก็คงไม่อยากให้เขาอยู่ต่อ คยูฮยอนคิดแบบนั้น ที่จริงแล้วเขาอาจจะคิดมากไปเอง
"ก็คงไปที่ทำงานผมล่ะมั้งครับ" ที่สำนักงานนักสืบคงจะกำลังรอคนไปช่วยงานอยู่แน่ๆ ช่วงเช้านี้ก็หมดไปเพราะตาผู้กองนี่แท้ๆ
"งั้นเดี๋ยวฉันไปส่ง"
ร่างบางออกมาจากรถออดี้คันสวย พร้อมโค้งให้บุรุษที่อาสามาส่ง ชีวอนยกมือโบกลาอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะขับออกไปช้าๆ นี่คงกะจะอวดรถให้คนแถวนี้เห็นสินะ...
ร่างบางส่ายหน้าเอือมทั้งๆที่ใบหน้ายังผุดยิ้มขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าไปในสำนักงาน
"อ้าว คยูฮยอนมาพอดีเลย" พี่ที่เป็นนักสืบเหมือนกันวิ่งเข้าไปหาร่างบางทันทีที่เขาเปิดประตูเข้ามา
"คืนนี้พี่มีนัดล่ะ แต่เจ้านายใจร้ายไม่ยอมให้พี่ไปเลย"
อีฮยอกแจฟ้องก่อนจะหันไปมองขวางใส่เจ้านายใจร้าย ..พี่อีทึก
"อะไร อย่ามาต่อว่ากันอย่างนี้นะ ถ้านายไปแล้วใครจะสืบติดตามคนรักของคุณนายกิมอะไรนั่นหละ"
"เอ่อ ทั้งสองคนพูดเรื่องอะไรกันครับ"
ร่างบางยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ ก็เขาเพิ่งจะเข้ามา
"คยูฮยอน คืนนี้นายไม่มีนัดอะไรที่ไหนใช่มั้ยยย ไปทำงานนี้แทนพี่หน่อยสินะๆๆๆๆ"
พอจะเข้าใจหัวข้อสนทนาของทั้งคู่แล้ว ร่างบางถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะพยักหน้ารับงานนี้ไว้ด้วยความเต็มใจ(?)
พอเขาได้ทำงานกับรัฐแล้ว เขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับงานสืบของสำนักงานนักสืบของที่นี่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ก็งานสืบที่นี่ มักจะมีแต่แม่บ้านหรือคุณหญิงคุณนายจ้างมาสืบแต่เรื่องชู้สาว ทำไมไม่หัดปลงๆไปซะบ้างนะ..
หลังจากรับงานมา ก็ได้ข้อมูลว่าคืนนี้สามีของคุณนายกิมจะได้คุยงานที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง..ยังดีที่งานนี้แค่ไปแอบถ่ายรูปมายืนยันให้คุณนายกิมเกิมไรนี่
ภัตตาคารที่ว่าเป็นภัตตาคารญี่ปุ่นระดับห้าดาว มีแต่คนมีอันจะกินมาทั้งนั้น ..
คยูฮยอนคิดพลางถอนหายใจออกมาอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าของตัวเอง ฝั่งซ้ายเป็นชุดผู้ชาย
ส่วนฝั่งขวา...ชุดผู้หญิง ใช่ เพราะงานนี้ต้องไปตอนกลางคืน มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้
ถ้าจะให้พูดความรู้สึกของเขาที่มีต่อคำสาปบ้าๆนี่ มันคงเป็นความชินชาล่ะมั้ง เมื่อครั้งที่เขาอายุได้ 18 ปี ตอนตามคุณพ่อไปสืบคดีหมอผีอะไรนั่น แล้วหลังจากนั้นเขาก็กลายมาเป็นแบบนี้ ที่น่าเคียดแค้นก็คือหลังจากเขาโดนสาปไอ้หมอผีนั่นก็ดันฆ่าตัวตายเพื่อหนีคดี... เขาคงไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตแบบคนปกติอีกแล้วสินะ
พอจะมีชุดที่ดูมีอันจะกินบ้างไหมหว่า รู้สึกจะเคยซื้อมาเก็บไว้นี่นา..
คยูฮยอนคิด ก่อนจะหยิบหาเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ฝั่งขวาของตู้ แล้วเขาก็พบกับเดรสสีแดงฉูดฉาด ..จะสะดุดตาเกินไปไหมนะ
สุดท้ายคืนนี้เขาก็มาพร้อมกับเดรสสีแดงบวกกับเครื่องประทับเข้าชุดกัน แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นของมียี่ห้อ และเขาก็คงไม่ปฏิเสธหรอกว่าที่เขาได้ซื้อของแพงๆพวกนี้ก็มาจากการหากินกับสืบเรื่องชู้สาวแบบนี้
ส้นสูงประมาณห้านิ้วก้าวลงมาจากแท็กซี่ ก่อนจะเดินเข้าไปยังภัตตาคาร ผมยาวถึงหลังตรงปลายม้วนเข้ามาเล็กน้อย ใบหน้าไร้การตบแต่งใดๆยกเว้นสีชมพูจากลิปปาล์มที่ประทับอยู่บนริมฝีปากอิ่ม
เขาไม่มีปัญญาจะแต่งหน้าให้ได้อย่างผู้หญิงหรอก ของพวกนั้นเคยซื้อมาแต่ใช้ไม่เป็น
อ๊ะ อย่ามองแบบนั้นนะ ที่เขาซื้อมาเพราะเวลาเป็นผู้หญิงแบบนี้ ไม่ใช่แค่ร่างกายนะ แต่เหมือนจะมีจิตใจบางอย่างที่สมองทำสั่งการไม่ได้เช่น การวิ่งเข้าร้านเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ โดยเฉพาะร้านที่ติดป้าย sale 50-70% -0- บอกตรงๆนะ ที่ผมไม่รวยซักทีก็เป็นเพราะจิตใต้สำนึกของผู้หญิงคนนี้นี่แหละ ช่างน่าสะพรึงกลัวจริงๆ
ร่างบางสะบัดหัวให้ความคิดบ้าๆออกไป นับวันเขายิ่งสามารถพูดกับตัวเองได้แล้ว ร่างบางประคองตัวบนส้นสูงเดินเข้าไปในภัตตาคารหลังจากที่เห็นเป้าหมายเดินเข้าไปก่อนแล้ว
"ไม่ทราบว่าได้จองล่วงหน้ามาก่อนหรือปล่าวครับคุณผู้หญิง"
ชายหูกระต่ายท่านหนึ่งกล่าว ไม่ว่าเขาจะเป็นบริกรหรือผู้จัดการของร้านยังไงก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเราก็ต้องยิ้มแย้มรับราวกับเป็นลูกค้าคนนึง
"เปล่าค่ะ ^^' "
ตอบเสร็จชายคนนั้นได้เดินนำไปพร้อมผายมือเป็นสัญญาณบอกให้ตามมา ทั้งสองเดินผ่านห้องของเหล่าลูกค้าที่มาทานอาหารที่นี่ แต่ละคนดูเหมือนนักธุรกิจที่มาคุยงานกัน
เพราะมัวแต่คุยกับบริกรเข้าเลยคลาดกับชายคนนั้นไป
.
.
.
"ที่นี่มีห้องรับรองลูกค้าเยอะจังเลยนะคะ" คยูฮยอนชวนคุยก่อนจะมองแต่ละห้องที่เดินผ่าน
"ครับ ฝั่งนี้มีประมาณสิบห้องได้"
"แหม ดีจังเลยนะคะ"
-0- โห่ว แล้วอย่างนี้คืนนี้จะถ่ายรูปมาได้ไหมเนี่ย
เดินเข้าไปในห้องด้วยจริตกับส้นสูงที่ประคองเขาอยู่ ภายห้องที่ตกแต่งราวกับไปร้านอาหารที่ญี่ปุ่นจริงๆ ก่อนจะมีผู้หญิงใส่กิโมโนเข้ามารินชาให้
"เดี๋ยวอีกสักครู่จะเข้ามารับเมนูนะครับ" บริกรเอ่ยก่อนจะเดินหายไปพร้อมผู้หญิงรินชาคนนั้น
มีสิบห้อง เขาเดินผ่านมาสี่ห้องแล้ว ทุกห้องมีเลขห้องอยู่ข้างบนทางเข้า ห้องที่เขามาอยู่นี่คือห้องที่ห้า งั้นก็ไปก็ต้องลองเดินไปดูห้องที่หก
ว่าแล้วสาว(?)เดรสแดงก็เดินผ่านห้องตนไปยังห้องที่หก ก่อนจะลอบมองเข้าไปข้างในผ่านประตูใส
อืม... ก็ยังไม่เจอแหะ
อ๊ะ!! อยู่ๆก็มีมือใหญ่คว้าข้อมือของสาวเดรสแดงที่กำลังยืนทำท่าทางลับๆล่อๆ
"มีอะไรกับห้องนี้รึป่าวครับ จะให้ผมพาเข้าไปไหม" ชายตัวใหญ่ที่สูงราวๆ 180 เซนติเมตรมองมาที่คุณผู้หญิงชุดแดงด้วยหน้าตาที่ดูโหดสุดๆ ข้างในนี้เป็นพวกนักเลงหรือไงกันนะ?
"ไม่มีอะไรค่ะ ดิฉันแค่เดินมาหาของ"
"หาของ?"
"เอ่อ..ค่ะ ดูเหมือนจะทำตกไว้แถวๆนี้นะ" พูดเหมือนพึมพำกับตัวเองก่อนจะชักมือออกจากชายคนนั้นแล้วทำท่าก้มหาของ....ลื่นไหลหน่อยๆ... คยูฮยอนได้แต่คิดเตือนตัวเอง ขืนทำอะไรแปลกๆอีกมีหวังโดนสงสัยแน่
ความซุ่มซ่ามงุ่มง่ามที่ร่างบางแสดงออกมาเต็มที่ ทำให้ชายน่าระแวงคนนั้นส่ายหน้าและเดินเข้าไปในห้องที่หก...
รอดแล้ว..
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"
จากนั้นเสียงกรี๊ดร้องของหญิงสาวดังออกมาจากห้องที่อยู่ด้านในสุด ....
.
.
.
เสียงหวอของรถตำรวจที่อยู่ด้านนอกภัตตาคารดังเข้ามาถึงข้างใน...
ตอนนี้ภายในภัตตาคารมีแต่เจ้าหน้าที่กำลังเดินป้วนเปี้ยนอยู่ราวๆสี่ห้าคน
"ขอให้ทุกคนอย่าเพิ่งกลับไปไหนนะครับ ทางเราจะขอสอบปากคำเพื่อเอาไปใช้สืบคดี"
ใช่แล้วล่ะ เพราะที่นี่เกิดคดีฆาตรกรรมขึ้นซะแล้ว และอีกราวๆสิบนาทีตาผู้กองต้องเดินเก็กเข้ามาที่นี่แน่นอน....
หลังจากที่ได้ยินเสียงกรี๊ดของผู้หญิง คยูฮยอนก็วิ่งตามไปดูก่อนจะพบชายตัวเล็กสูงราว 160 เซนติเมตรนอนหงายอยู่บนโต๊ะอาหารมีมีดปลักกลางอกเลือดซึมออกมานิดหน่อย เหยื่อยังคงเบิกตากว้าง ตอนนั้นที่คยูฮยอนเข้ามาในห้องครั้งแรกก็ตกใจเหมือนกัน
.....เพราะผู้ชายคนนั้นคือ สามีของคุณนายกิม
เจ้าหน้าที่ถามพยานผู้พบศพคนแรกที่ตอนนี้ยืนอยู่ใกล้ๆกับคยูฮยอน ผู้หญิงที่พบศพแล้วกรี๊ดออกมาเธอคือสาวรินชาในชุดกิโมโนที่เขาเพิ่งได้พบเมื่อสักครู่นี้เอง
"หนูแค่จะเข้ามารินชาค่ะ ภัตตาคารที่นี่เราสามารถเดินวนรอบทุกห้องได้
พอหนูเสิร์ฟห้องแรกเสร็จ หนูก็เดินวนมาที่ห้องสุดท้ายแล้วก็พบคุณเขาค่ะ"
เธอเอ่ยอย่างตื่นกลัว คงจะช็อคกับเหตุการณ์ไม่หาย
"แล้วรอบแรกที่คุณมารินชา เหยื่ออยู่ในห้องแล้วถูกไหมครับ"
"ไม่ใช่ค่ะ ก่อนหน้านี้ห้องที่สิบไม่มีใครอยู่ค่ะ"
คำให้การของเธอกำลังไหลเข้ามาอยู่ในหัวของคยูฮยอน ถูกต้องแล้วล่ะ เพราะเขาเองก็ตามผู้ตายเข้ามาในภัตตาคารได้ไม่กี่นาที
เพราะแบบนั้นรอบแรกผู้หญิงคนนี้จึงยังไม่พบลูกค้าที่ห้องสิบในรอบแรก ถ้าอย่างนั้นตอนที่เขาถูกพาไปนั่งห้องที่ห้า ในขณะที่สาวรินช้าก็ทำหน้าที่ของเธอมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ห้องที่เก้า แปด เจ็ด หก จนมาถึงห้องของคยูฮยอน ตอนนั้นพยานก็น่าจะพบผู้ตายเดินผ่านเข้าไปยังห้องที่สิบแล้วน่ะสิ
"งั้นคุณเห็นเหยื่อเดินผ่านเข้าไปที่ห้องที่สิบรึปล่าวคะ ตอนที่คุณกำลังทำหน้าที่อยู่" คยูฮยอนเอ่ยโพล่งออกมาอย่างลืมตน
"เอ่อ ..คุณผู้หญิงครับ เรื่องนี้ให้ตำรวจอย่างเราจัดการดีกว่านะครับ" เจ้าหน้าที่คนเดิมบอกอย่างเหงื่อตก
เออ จริงสินะ พอดีมันลืมตัว
ว่าแล้วคยูฮยอนในคราบของสาวหน้าหวานก็ทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะหันมามองพยานราวกับยังต้องการคำตอบ พยานมองอย่างหวั่นๆก่อนจะหันไปบอกกับเจ้าหน้าที่
"ความจริงหนูเห็นผู้ตายเดินผ่านไปตอนที่หนูจะเดินไปรินชาห้องที่เจ็ดน่ะค่ะ ใช่ ต้องเป็นเขาแน่ๆ"
ห้องที่เจ็ด ซึ่งตอนนั้นเราคงเดินเข้าห้องของเราแล้ว เลยมองไม่เห็น จากนั้นไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็มารินชาในห้องเรา
"ตอนที่คุณไล่เข้าไปรินชาให้แต่ละห้องเสร็จรอบแรกมันประมาณกี่โมงครับ" เจ้าหน้าที่ยังถามต่อ
"ค่ะ ตอนนั้นประมาณสองทุ่ม หนูพักสิบห้านาทีก่อนจะวนไปห้องที่สิบค่ะ"
"จากนั้นก็เกิดเรื่องแล้วใช่ไหมครับ"
"ค่ะ"
"อ้าวผู้กองมาพอดี ตรงนี้ครับที่เกิดเหตุ" เจ้าหน้าที่ผายมือไปบนโต๊ะ ร่างบางกับพยานคนแรกเบี่ยงตัวให้พระเอก(?)ที่เดินเข้ามาพร้อมใส่ถุงมือให้ตัวเองทั้งสองข้าง
"นี่น่ะหรอ เมื่อกี้ทีมชันสูตรบอกว่าเหยื่อน่าจะเสียชีวิตไปได้ซักชั่วโมงตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว"
ผู้กองชีวอนพูดก่อนจะดูนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือ
....นี่พอได้มาเขาก็ใส่มันเลยหรอเนี่ย ...ขี้เห่อ
ตากลมมองนาฬิกาที่เขาเลือกเองกับมือ ตอนนี้มันไปอยู่กับคนขี้อวดซะแล้ว เหมือนเขาจะยื่นไปให้เจ้าหน้าที่คนอื่นดูด้วย ตลกชะมัด
คยูฮยอนหลุดหัวเราะขึ้นมาในลำคอ..ก่อนที่ผู้กองจะหันมามองอย่างเอะใจ..
"นี่คือพยานหรอ"
"ใช่ครับ แต่คุณผู้หญิงอีกคนมาหลังพยานผู้พบศพคนแรกครับ"
ดูเหมือนเจ้าหน้าที่จะเข้าใจว่าผู้กองถามถึงสาวกิโมโนที่ยืนอยู่ข้างๆ
ความจริงคือผู้กองมองตรงมาที่คยูฮยอนเท่านั้น
"แล้วพยานคนนี้สอบปากคำแล้วรึยัง" ผู้กองกลับไปถามพร้อมชี้ระบุว่าเขาหมายถึงคยูฮยอนไม่ใช่สาวรินชาที่อยู่ข้างๆ
"เอ่อ ..ยังครับ"
"งั้นกระผมขอเชิญคุณผู้หญิงไปสอบปากคำตรงนั้นซักครู่นะครับ" ผู้กองหันกลับมาก่อนจะโค้งให้อย่างสุภาพ ก่อนจะผายมือไปยังห้องรับรองห้องหนึ่ง
"..ค่ะ"
.
.
"ฉันได้ยินเสียงกรี๊ดดังมากเลยวิ่งไปดูน่ะค่ะ"
"หรอครับ ผิดวิสัยลูกค้าทั่วไปนะครับ ปกติจะต้องตกใจกลัวก่อนเป็นอันดับแรก"
"มันแปลกมากหรอคะ ที่ฉันไม่เหมือนกับลูกค้าพวกนั้น" ผู้กองยกมุมปากขึ้นก่อนจะสอบปากคำต่อ
"แล้วตอนนั้นคุณอยู่กับใครครับ"
"ตอนไหนคะ?"
".. ช่วงก่อนสองทุ่มไงครับ"
"ถ้าจะให้เล่าอย่างละเอียด คือตอนนั้นดิฉันอยู่คนเดียวในห้องที่ห้า แล้วพอดีรู้สึกว่าทำของหล่นไว้เลยเดินออกมาหาๆดูแถวหน้าห้องที่หก จากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถามฉันว่าฉันทำอะไร แล้วเขาก็เข้าห้องไป"
"สรุปว่าคุณผู้หญิงก็มีพยานยืนยันที่อยู่ในช่วงก่อนเกิดเหตุ" ผู้กองว่าไป เจ้าหน้าที่อีกคนก็พลางจดยุกยิกๆลงไปบนสมุดพกเล็กๆของเขา
"ค่ะ"
"ว่าแต่ของที่ทำหล่นมันคืออะไรหรอครับ"
"แหวนค่ะ"
ตายห่าล่ะ ตอบแบบไม่ได้คิดเลย จะทำไงดี เขาไม่ได้ทำของตกหล่นซะหน่อยที่เดินออกจากห้องรับรองก็เพราะมาตามหาผู้ตายนี่แหละ เวรกรรมๆๆๆ
"แหวนที่อยู่ติดกับนิ้วมันไม่น่าจะหลุดออกมาง่ายๆนะครับ"
ผู้กองที่เอานิ้วลูบริมฝีปากหยักตัวเองไปมาแล้วยื่นหน้าไปมองหญิงสาวใกล้ๆ จะจับผิดเขาหรอไง!
ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางค์แบบนี้ ..เขาไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่เลย แต่ว่า...คุ้นจริงๆดวงตาแบบนี้
ตากลมก้มมองพื้น เอาไงดีวะ จะแก้ตัวยังไงดี นี่ผู้กองกล้าสงสัยผมได้ไงเนี่ย ._.
"ปกติมันหลวมน่ะค่ะ ฉันไม่ค่อยได้ใส่เท่าไหร่"
ดูเหมือนชีวอนจะเชื่อในคำตอบนั่น เขาถอยหน้าออกมา
"อย่างแรกคือคนร้ายต้องเป็นคนที่อยู่ภายในภัตตาคารนี่"
...เออ ก็แน่อยู่แล้วล่ะ
"คงจะใช้จังหวะช่วงที่สาวรินชาพักสิบห้านาที เพราะถ้าใช้ช่วงก่อนหน้านั้นพยานจะต้องเห็นคนเดินผ่านเข้าไปข้างใน.."
"แต่ถ้าคนร้ายอยู่ห้องหลังจากที่สาวกิโมโนคนนั้นเดินออกไปแล้วก็จะไม่มีใครสังเกตเห็นได้เหมือนกันนะคะ ตอนที่เหยื่อมา ก็ผ่านสาวกิโมโนที่กำลังเข้าไปรินชาห้องที่เจ็ด ไม่แน่ว่าพอเหยื่อถึงห้องของตนซึ่งเป็นห้องที่สิบ ผู้ร้ายที่อาจจะอยู่ห้องที่เก้า แปด ก็มีโอกาสเข้าไปสังหารเหยื่อได้"
สาวเดรสแดงสีนั่งอยู่ตรงหน้าผู้กองเอ่ยราวกับนักสืบมืออาชีพ เจ้าหน้าที่อีกคน รวมทั้งผู้กองได้แต่ตะลึงงัน ในเวลานี้ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขานึกถึง..
..โจว คยูฮยอน..
"คุณ..เป็นใครครับเนี่ย"
"มันไม่สำคัญหรอกค่ะ แต่ผู้กองคะ...คุณไม่สงสัยบ้างหรอคะ ถ้าคนร้ายเดินเข้าไปแทงเหยื่อแบบนั้น ทำไมเราทุกคนที่นี่ถึงไม่ได้ยินเสียงผู้ตายร้องตะโกนออกมาเลยล่ะคะ ลักษณะการตายก็คือนอนหงายอยู่ มีดที่แทงก็แทงมาจากด้านหน้า แสดงว่าผู้ร้ายบุกเข้ามาทางด้านหน้าไม่ใช่หรอคะ ผู้ตายเองก็ต้องเผชิญหน้ากับคนร้ายก่อนสิคะ ทำไมเขาถึงไม่ตะโกนอะไรออกมาเลย เราได้ยินก็แต่เสียงของผู้หญิงที่กรีดร้องหลังจากพบศพของเหยื่อแล้วเท่านั้น"
ผู้กองขมวดคิ้วเข้าหากันพลางใช้สมองที่มีคิดตาม
"ผมก็สงสัยตั้งแต่แรกแล้วล่ะ"
..ชิ
ผู้กองก็เพิ่งมาเอะใจเมื่อกี้นั่นแหละ!
"แปลว่าผู้ร้ายจงใจให้เราเข้าใจว่าผู้ร้ายโจมตีจากด้านหน้าสินะ.." ผู้กองเอ่ยด้วยสีหน้าเข้มเคร่ง ก่อนที่ทีมชันสูตรจะเดินเข้ามากระซิบบางอย่างกับผู้กอง นายตำรวจทำหน้าตาโตเล็กน้อยก่อนจะดีดนิ้วดังเปาะ
"อย่างนี้นี่เอง คนร้ายไม่ได้เข้ามาแทงเหยื่อตั้งแต่แรก แต่ว่าดักสุ่มอยู่ในห้อง พอเหยื่อเข้ามาเขาก็ใช้ไม้ที่เตรียมไว้ทุบตัวไปที่ท้ายทอยของเหยื่อก่อนจะใช้มีดแทงลงไปเพื่อจัดฉาก"
หญิงในชุดเดรสยิ้มขึ้นอย่างสดใส ผู้กองนี่ดูเหมือนจะไขคดีได้แล้ว
"ผู้ร้ายเตรียมการมาอย่างดีแล้ว จึงไม่พบรอยนิ้วมือบนด้ามมีดนั่น" ผู้กองว่าต่อ ก่อนจะมองไปยังผู้หญิงคนเดิมที่นั่งยิ้ม...ยิ้มอะไรนะ ยิ้มให้เขาหรือเปล่า .
คิดได้ไง แหวะๆ
คยูฮยอนหุบยิ้มทันทีที่เห็นสายตาเจ้าเล่ห์นั่นยิ้มกลับให้เขาก่อนจะพูดขัดขึ้นมาบ้าง
"ถ้าอย่างนั้นคนร้ายก็ต้องเอาไม้ที่ใช้ฝาดเหยื่อไปซ่อนน่ะสิคะ เพราะถ้าจะเอาออกไปทิ้ง คงต้องผิดสังเกตแน่ๆ ในเวลาเพียงไม่กี่นาที คนร้ายคงต้องเอาไปซ่อนไว้ก่อน ว่าแต่ไม้นั้นเป็นแบบไหน มันจะซ่อนได้ยังกัน"
คยูฮยอนพูดก่อนจะยกนิ้วแตะริมฝีปากล่างเบาๆเหมือนจะเลียนแบบท่าทางของผู้กองคนเก่ง
ผู้กองฟังแล้วก็ลุกไปดูที่เกิดเหตุอีกครั้งก่อนจะเดินดูห้องรับรองทุกห้อง และแล้วก็สังเกตได้ถึงบางอย่างก่อนจะหันไปถามผู้จัดการร้าน
"นี่ทุกห้องจะต้องมีถาดไม้แบบนี้หมดเลยใช่ไหมครับ"
"ครับ เป็นถาดไว้วางบิลให้ลูกค้าน่ะครับ" ทันทีที่ได้ยิน ผู้กองก็เดินไปยังห้องรับรองที่สิบอีกครั้ง ...เป็นดังที่สันนิษฐานไว้
"ถาดวางบิลทุกห้องจะอยู่หน้าประตู แต่ห้องนี้กลับวางอยู่บนโต๊ะ แค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าคนร้ายฟาดเหยื่อแล้วเอาอาวุธที่ใช้ไปซ่อนได้ยังไง"
"คนร้ายใช้ถาดวางบิลที่มีอยู่ทุกห้องใช่ไหมคะ อย่างนี้ก็ไม่จำเป็นต้องหยิบจากห้องของตัวเองแต่ไปที่ห้องเหยื่อเลย"
คยูฮยอนเสริมก่อนจะมองหน้าคนร้าย ...ถูกต้อง เขารู้แต่แรกแล้วล่ะว่าใครคือคนร้าย
ผู้ชายตัวใหญ่สูงราว 180 cm. มีแต่คุณเท่านั้นแหละที่เดินเพ่นพ่านราวๆสองทุ่ม
.
.
.
.
สุดท้ายผู้กองก็ปิดคดีได้ (เพราะการช่วยเหลือของสาวชุดแดง)
ชายร่างใหญ่ถูกพาขึ้นไปยังรถตำรวจ และคยูฮยอนเองก็อยู่ที่นี่จนงานจบจนได้
"คุณผู้หญิงตอนนี้ก็ กลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้วนะครับ ขอบคุณมากที่ให้ความร่วมมือ"
ผู้กองเดินไปพร้อมกับคยูฮยอนในเดรสแดง
ร่างที่พยุงไว้ด้วยส้นสูงห้านิ้วกำลังเดินออกไปอย่างเก้ๆกังๆ ออกมาจากภัตตาคาร ก่อนจะหันไปฉีกยิ้มตามประสาให้ดูเป็นคุณหนูที่ดีมีการอบรม
"ค่ะ"
"แล้วดึกๆแบบนี้จะกลับยังไงครับ"
"แท็กซี่ค่ะ"
"อันตรายออกครับ ให้ผมไปส่งดีกว่า"
...เหอะๆ ผู้กองนั่นแหละที่ดูอันตรายกว่าแท็กซี่
"ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ.."
"งั้นผมเรียกให้แท็กซี่ให้นะครับ" ผู้กองว่าพลางวิ่งไปโบกแท็กซี่
หญิงสาวในเดรสแดงเดินไปด้วยความเหนื่อยล้า
ก่อนจะเข้าไปหย่อนตัวในแท็กซี่ ผู้กองก็ควักอะไรจากเสื้อตัวนอกออกมา
"ถ้าคุณผู้หญิงมีปัญหาอะไรให้ตำรวจอย่างผมช่วยก็โทรมาได้ตลอดเวลาเลยนะครับ"
...ขี้หลี..
"ค่ะ ผู้กอง.."
"ชเว ชีวอนครับ ขอทราบชื่อคุณผู้หญิงด้วยได้ไหมครับ"
"..คโยฮยอนค่ะ" ชื่อฉุกเฉิกที่เพิ่งคิดได้ตอนนั้น ฟังดูแปลกๆแต่มันก็เหมือนชื่อผู้หญิงดี
ผู้กองโค้งให้อีกครั้งก่อนจะปิดประตูแท็กซี่ให้อีกคนที่นั่งอยู่ในรถแล้ว จะว่าไปเขานี่ปฏิบัติกับผู้หญิงดีจังเลยนะ
...แต่ก็อย่างว่าล่ะน้า คนขี้เก็ก ขี้หลี ขี้โม้ ชอบทำตัวโอเวอร์ ก็ประมาณนี้แหละ คิดไปเพลินๆก่อนที่ดวงตาจะเริ่มล้าแล้วเผลอหลับไป
.
.
.
คยูฮยอน วัย 24 ปี นักสืบเอกชน ผู้ต้องคำสาป..เขาต้องกลายเป็นผู้หญิงหลังฟ้ามืด
เขากำลังรอ...ใครสักคนที่จะมาเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดกาล......
.
ป.ล.เผื่อใครนึกภาพแต่ละห้องในภัตตาคารไม่ออก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น