ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The got war devil คำพรรณนาของแดนมหาเวท ภาค ศึกสองประเทศ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 : สองแม่ทัพอัจฉริยะ เทพ/เทพีแห่งสงคราม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 30
      0
      5 ธ.ค. 57

    บทที่ 1
    สองแม่ทัพอัจฉริยะ เทพ/เทพีแห่งสงคราม

                นับตั่งแต่โลกนี้เกิดมา... ทุกคนก็นับปีศาจว่าเป็นอมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสายพันธุ์ปีศาจอื่นๆ แล้ว

                อันที่จริงแล้วมันไม่ใช้... เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้นเอง

                เป็นเพียงแค่ข่าวล่วงที่อมนุษย์คนหนึ่งคิดขึ้น

    เพียงแค้อยากที่จะปกป่องสายพันธุ์ของตัวเองที่สุดแสนจะอ่อนแอเพียงเท่านั้น

                ณ ตอนนี้ข่าวลือนั้นกำลังถูกซาตานเปิดเผยและย่ำยีเหล่าสายพันธุ์ปีศาจพวกนั้นจนแทบแทรกแผ่นดินหนีความจริง

                สายพันธุ์ปีศาจ ลิลิธ

                “ตัวข้า... ตัวข้าเอ่ยเจ้าควรจะทำอย่างไรดี” เสียงคร่ำครวญของชายวัยกลางคนคนหนึ่งดังขึ้นภายในห้องทำงานแสนกว่างใหญ่ราวสนามฟุตบอล กำแพงซึ้งสร้างจากหินอ่อนดูดซับความหนาวเย็นยะเยือกภายนอกเข้ามาจนทำให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยไอแห่งคงวามหนาวเหน็บ “ซาตาน... ตอนนี้เจ้าพวกนั้นมาถึง ณ ที่แห่งใดแล้ว?” เสียงของเขาดังขึ้นอักครั้งหลังจากที่เด็กหนุ่มไม่สิ... เด็กน้อยคนหนึ่งผู้สวมมงกุฎประจำราชวงศ์อันไม่ใหญ่มากนักเดินเข้ามาในห้อง เขาฟุบหน้ากับโต๊ะและพยายามข่มสติอารมณ์ให้แลดูเคร่งครึมไว้ให้สมกับเป็นองค์ราชาแห่งอาณาจักรอัลฟรอเนส

                สีหน้าของเด็กหนุ่มแลดูไร้อารมณ์ยิ่งนัก

                “เคลลีเบลลิส...” เด็กหนุ่มตอบเพียงคำเดียวสั้นๆ แต่ได้ใจความทำเอาท่านพระราชาสะดุ้ง “โธ่เว้ย! นี้ข้าควรจะทำเช่นไรดี... ตอบข้าหน่อยสิลูกชายแสนรักของข้า!” เขาตะโกนใส่เด็กหนุ่ม กระนั้นเด็กหนุ่มก็ยังคงใช้สีหน้าอันว่างเปล่าตอบออกไป

    “ไม่สำคัญเสียหน่อย... เคลลีเบลลิสเป็นเมืองที่ไม่มีความสำคัญกับเรามากนักท่านพ่อ ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งความอุดมสมบูรณ์แต่อย่างไรก็ดี เมืองแห่งนั้นก็เป็นเพียงเมืองที่ใช้ไว้ผลิตผลหมากรากไม้ที่ตัวเราสายพันธุ์เรากินไม่ได้... ดังนั้นข้าจึงเห็นว่ามันไม่มีความสำคัญกับเรานัก เราควรใช้ที่นั้นเป็นฐานตั้งรับศัตรูสู้ศึกเสียดีกว่าอย่างไรนั้นทางทิศตะวันออก ทิศเหนือ ทิศตะวันตก ก็มีกองทหารถึงห้ากองร้อยเราไม่จำเป็นต้องห่วงทางนั้น... ทางเคลลีเบลลิสต่างหากที่เราต้องห่วง เพราะที่นั้นแทบจะไม่มีกองกำลังทหารเลยแม้แต่กองร้อยเดียว แน่นอนว่าศัตรูต้องบุกมาจากทางทิศใต้แน่นอนดังนั้นข้าขอเสนอให้ยุบเมืองทิศใต้ทิ้งเสียเพื่อเมืองแกรนทิฟ ไนร์แมร์ลอร์ของเรา” เด็กหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงราวกับไม้ทุกร้อนใดๆ แต่สีหน้าขององค์ราชากับดูกังวลมากกว่าเดิม

    เคลลีเบลลิสเมืองทางทิศใต้ซึ่งเป็นดั่งเมืองแห่งการทำมาหากิน ในหนึ่งปีเมืองเคลลิเบลลิสสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศมากกว่าหนึ่งล้านเบยอล สภาพอาการเย็นสบายๆ เหมาะแก่การพักผ่อน มีย่อน้ำแร่ธรรมชาติเหมาะแก่การผ่อนคลายอาการเมื่อยล่าจากการทำงานเป็นย่างมาก แน่นอนว่าสถานที่แห่งนั่นเป็นอีกหนึ่งสถานที่แห่งความทรงจำที่องค์ราชินีและองคืราชาได้พบรักกันที่นั้น

    พอคิดหวนคืนสู่ภาพวันวานของตนกับราชินีที่ล่วงลับไปแล้วเขาก็รู้สึกผิดที่ตนเองจะทำตามที่ลูกชายคนโตตัวดีตรงหน้าบอก

    “ข้ารู้นะว่าท่านพ่อกำลังคิดถึงท่านแม่... ข้ารู้ว่าสถานที่นั้นคือสถานที่ที่ท่านพ่อและท่านแม่พลอดรักกันแต่ตอนนี้ประเทศเรากำลังเกิดภัยสงครามท่านพ่อลองคิดดูให้ดีๆ นะครับ” แล้วเด็กหนุ่มก็ค่อมหลังลงให้กับผู้เป็นบิดาพอเป็นพิธีก่อนจะหันหลังให้กับบิดาและเดินตรงไปที่ประตูบานใหญ่เท่ายักษ์แต่ก่อนหน้านั้นที่เด็กหนุ่มจะทันเปิดประตูออกไปก็ดันมีชายวัยกลางคน รูปร่างของเขาถึงแม้จะสูงแต่แพงอกที่ใหญ่บ่งบอกถึงตัวเขาว่าชายคนนี้เล่นกล้ามไม่มากก็น้อย ชุดเกราะท่ออก ไหล่ แขน และช่วงขาลงมาบ่งบอกว่าเขาคือนักรบ อัญมนีสีดำเหมือนสีของท้องฟ้ายามรัตกาลที่ติดอยู่ตรงอกซ้ายของเขาคือสิ่งที่บอกว่าเขาคือผู้ส่งสารเงา

    ในมือของเขาถือเอกสารมาด้วย

    “อ่ะ! ท่านองค์รัชทายาทลำดับที่หนึ่ง ซาดีล!” ทันทีที่ชายวัยกลางคนเห็นเด็กหนุ่มร่างเล็กผู้สวมมงกุฎสีเงินงดงามประดับด้วยมรกตสีเขียวประกายเหมือนดวงตา

    ใช้แล้ว... เขาคนนั้นคือเด็กหนุ่มผู้ได้รับคำทำนายตอนเกิดจากนักทำนายประจำราชวงศ์ว่า ผู้เกิดมาด้วยพลังแห่งราชาปีศาจอันจีรัง ซาดีอุส นั้งเอง

    ทุกคนต่างก็ไม่เชื่อคำทำนายจนกระทั่งวันที่เด็กน้อยคนนี้ เด็กน้อยอายุแปดขวบคนนี้เข้าไปบัญชาการทหารสามกองร้อยแทนแม่ทัพคนเก่าที่เมืองทิศตะวันออกซึ่งเป็นเมืองที่พวกซาตานหรือประเทศอาไคฟบุกโจมตีเป็นอันดับแรกเนื่องด้วยเพราะแม่ทัพเกิดอาการหัวใจวายกะทันหันขณะกำลังรบ ต่อมาก็ได้เข้ารับตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวขององค์ราขา ได้เข่าประชุมการรบกับอาณาจักรทั้งห้าอาณาจักรซึ่งอยู่ในการปกครองของประเทศอัลฟรอเนส ไม่พอัยงสั่งการให้กองกำลังทหารส่วนมากไปตั้งรับที่เมืองทางทิศตะวันออก ตะวันตก และทิศเหนือจำนวนห้ากองร้อย เหลือเพียงเมือวทางทิศใต้หรือก็คือเคลลีเบลลิสปล่อยให้ไร้การคุ้มกันด้วยเหตุผลบางอย่าง

                บางทีวันที่เหตุผลในหัวของซาดีลที่แม้แต่ผู้เป็นบิดายังไม่รู้อาจกำลังจะถูกเปิดเผยในไม่ช้า

                ไม่รู้เพราะอะไรจู่ๆ พอสายตาของซาดีลมองไปเห็นเอกสารในมือนายทหารผู้นั่นก็เผยยิ้มราวกับสุนัขจิ้งจอก เขาไม่รอช้าให้ทหารนายนั่นได้กล่าวรายงานรีบฉวยโอกาศคว้าเอกสารในมือของนายทหารมาดูอย่างไร้มารยาท

                “นี้ไงละ... สิ่งที่ข้ากำลังรออยู่เลย ฮึ” แล้วเขาก็เหวี่ยงเอกสารในมือให้กับผู้เป็นพ่อแบบไร้มารยาทขั้นสูงสุดที่คนเป็นองค์ชายรัชทายาทไม่ควรทำ แต่นั้นไม่ใช้ปัญหาสำหรับองค์ราชาเลยสักนิด องค์ราชารับเอกสารที่โดนเหวี่ยงนั่นด้วยท่าทางคล่องแคล้วแล้วก็รีบกลอกตาอ่านรายละเอียดในเอกสารนั้นทันทีก่อนที่ซาดีลจะเดินชนนายทหารผู้นั้นออกไปโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวใดๆ ทั้งสิ้น

                ทันทีที่อ่านรายละเอียดในเอกสารดังกล่าวตาตอขององค์ราชาแถบถล่นออกจากเบ้า

                “ไอโอนอส ท่านนักส่งสารเงานี้คือ... ?” องค์ราชายกเอกสารให้นักส่งสารเงา-ไอโอนอสดู สีหน้าของไอโอนอสซีดเผือกลงทันที เหงื่อเย็นไหลอาบแก้มของไอโอนอสเขารีบทรุดลงไปนั่งคุกเข่าลงกับพื้นพลางก้มหน้า

                “ด้วยนามของไอโอนอส... นักส่งสารเงาหมายเลขหนึ่งแห่งประเทศอัลฟรอเนส ถ้าจดหมายฉบับนั่นทำให้ท่านไม่สบายพระทัยไดโปรด ได้โปรดตัดหัวข้าทิ้งเสีย!” ไอโอนอสพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงเจตนารมแท้จริง องค์ราชาวางเอกสารไว้บนโต๊ะทำงานขัดเลียบมันแล้วเดินไปแตะไหล่ของไอโอนอสเบาๆ

                “ข้าไม่ใจร้ายขนาดนั้นเสยหน่อย... เอาละฟังข้านะเราจะเดินทัพไปเคลลีเบลลิสกัน ขอให้เจ้ารีบไปบอกชาวเมืองให้รีบหาที่ลี้ภัยเสีย เผื่อเกิดการต่อสู้ขึ้น” องค์ราชากล่าวและเดินผ่านไอโอนอสไป ผ้าคลุมยาวจนเกือบจะลากพื้นสะบัดพลิ้วไปตามแรงลมในปราสาทลูบไล้แก้มของไอโอนอสเบาๆ ด้วยฝีเท้าที่เบาสมกับที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีในหลักสูตรขององค์ราชา

                ใจความของเอกสารฉบับนั่นกล่าวไว้ว่า

     

    ประเทศอาไคฟ

    ปราสาทที่สามที่พักแห่งโนลโรส

    24 ลิบรา 1870

    สวัสดีท่านองค์ราชาแห่งประเทศงี้เง่านามว่าอีวาลอน

                คิดว่าท่านคงจำข้าได้อาเรียอาไคฟ ผู้นำประเทศอาไคฟที่คิดจะโค่นอาณาจักรของท่านทิ้งไงเล้า วันนี้ที่ข้าถึงกับลงทุนเขียนราชสารมาหาท่านให้เปลืองหมึกในครั้งนี้ก็เพราะว่าข้าจะขอเจรจาเรื่องการสงบศึกเป็นการชั่วคราวยี่สิบปี

                ถามว่าทำไมข้าถึงต้องการสงบศึกเป็นเวลายี่สิบปีนะหรือข้าย่อมบอกท่านไม่ได้อยู่แล้วการ สงบศึกเป็นเวลายี่สิบปีในครั้งนี้เราจะสงบศึกแต่เพียงศึกฆ่าล้างกันแต่เพียงเท่านั้น ในส่วนของศึกการแย่งชิงดินแดนข้าไม่นับเพราะแน่นอนว่าข้าจะนำกองทัพบุกไปตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งอยู่ในการปกครองของท่านเป็นแน่ สมกับที่ได้รับสมญานามว่าเป้นจักรวรรดิที่แสนจะยิ่งใหญ่และปราบเมืองมานับไม่ถ้วนจริงๆ ตัวข้านั่นเริ่มที่จะสนใจอาณาจักรของท่าขึ้นมาแล้วสิ ฮึ ฮึ... ขอให้ท่านโชคดีกับการแก่งแยงดินแดนซึ่งจะเป็นศึกการต่อสู่ต่อไปที่ข้าได้คิดแผนไว้แล้ว

    อาเรียล อาไคฟ

    §

                เวลาล่วงเลยมาแล้ว 2 ปี

                บางคนอาจบอกว่าเวลาซึ่งล่วงเลยมาสองปีนั่นช่างเป็นอะไรที่แสนมีความสุขเพราะไม่มีปัญหาด่านศึกสงครามศึกสงคราม

                แต่บางคนกลับมีความรู้สึกว่าเวลาสองปีที่ผ่านมานี้ช่างแสนลำบากหนักหนาสาหัต มีความรู้สึกเหนื่อยเพราะต้องออกสู้ศึกสงครามเป็นเวลาหลายวัน จนเมื่อมานั่งนับๆ ดูพวกเขาเหล่านั่นกลับไม่มีเวลาพักให้หายใจได้ทั่วท้องเลยแม้สักวินาที

                ทุกวินาทีคือการคิดแผนการรบเพียงอย่างเดียว

                แต่ในที่สุดมันก็ได้ล่วงเลยมาถึงเวลาแห่งการพักผ่อนแล้วละ...

                สนธิสัญญายี่สิบปีคือสนธิสัญญาซึ่งว่าด้วยเรื่องการพักรบของสองประเทศคือประเทศอาไคฟและประเทศอัลฟรอเนส แต่ใช้ว่าการพักรบนั่นจะเป็นการพักรบแบบผูกมัดพันธมิตรระหว่างสองอาณาจักร แต่เป็นการพักรบเพื่อที่ประเทศอาไคฟจะนำทับไปล่าอาณานิคมในประเทศอื่นซึ่งอยู่ในเครือสังกัดกับประเทศอัลฟรอเนส โดยมีแบบแผนว่ารบสิบปีหยุดพักรบสิบปีเป็นการแบ่งเวลาในรูปแบบสองปีรบสองปีพัก ช่างเป็นสนธิสัญญาการพักรบที่ดูปัญญาอ่อนมากๆ

                แต่ถึงกระนั่นใช้ว่าอัลฟรอเนสจะยอมให้อาไคฟล่าอาณานิคมเอาประเทศในสังกัดอัลฟรอเนสไปได้ง่ายๆ

                ทางประเทศอัลฟรอเนสได้ส่งแม่ทัพฝีมือดีสองคนเข้าบัญชาการรบตามประเทศต่างๆ ที่ตกเป็นเป้าหมายในการล่าอาณานิคมของอาไคฟเพื่อหยุดยั่งการชิงประเทศในสังกัดของตนไว้โดยตลอดเวลาสองปีมานี้อาไคฟได้ล่าอาณานิคมจำนวนสิบแปดรรัฐ ตกเป็นเมืองขึ้นห้ารัฐ และไม่สามารถล่าอาณานิคมได้จำนวนสิบสามรัฐ

                แม่ทัพสองคนนั่นช่างเก่งจริงๆ

                แม่ทัพผู้มีรูปร่างเล็กเหมือนเด็กอายุสิบขวบผมเหลืองถือไม้คทาบัญชาการรูปข้าวหลามตัดมีปีกล่อมรอบด้วยวงแหวนเปลวเพลิง กับแม่ทัพรูปร่างสูงและสง่างาม สวมชุดโกธิคโลลิต้าสีดำ เรือนผมสีม่วงเข็ม

                ทกคนต่างแต่งตั้งให้บุคคลผู้นั่นเป็นเทพ/เทพีแห่งสงคราม

                แต่พออยู่ในช่วงพักศึกเท่านั่นแหละเทพ/เทพีแห่งสงครามสองคนนั่นถึงกับหมดสภาพ ทั่งสองนอนอยู่บนเตียงหนานุ่มในสภาพที่เด็กหนุ่มผมเหลืองผู้มีรูปร่างคล้ายเด็กอายุสิบขวบนอนสวมเพียงเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสีน้ำตาลพับขาให้สั้นเหนือหัวเขานอนขดตัวยึดผ้าห่มไปห่มคนเดียว และอีกคนหนึ่งคือเด็กสาวอายุน่าจะราวๆ สิบแปดนอนเอาแขนก่ายหน้าผากเหมือนคนอมทุกข์ในสภาพเสื้อเชิ้ตสีแดงเลือด แขนเสื่อข่างขวาถูกพับให้สั้นเหนือข้อศอก แขนเสื่อข่างซ้ายปล่อยยาวในสภาพหลุดรุย เธอไม่ใส่กระโปรงหรือกางเกงใส่เพียงเสื่อเชิ้ตสีแดงเพียงตัวเดียวเท่านั่น

                ในที่สุดเด็กสาวก็ลืมตาขึ้นเผยดวงตาสีม่วงอเมทิสต์แสนงดงามให้เห็น เธอดันลำตัวส่วนบนให้ลุกขึ้นพลางใช้มือซ้ายจับหน้าผาก ใบหน้าของเธอค่อนข้างซีดอาจเป็นเพราะการทำงานอย่างหนักแบบไม่มีวันพักในช่วงสองปีมานี้ก็เป็นได้

                ในที่สุดริมฝีปากที่แห้งผากราวกับคนขาดน้ำก็ขยับ บ่นพึมพำออกมาเป็นคำพูด

                “อา... เวียนหัวจังเลยนะ” หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของเรือนผมสีขาวบ่นพึมพำออกมา เหมือนเธอจะนึกอะไรได้เธอจึงหันไปมองบุคคลซึ่งนอนขดและเป็นคนยึดผ้าห่มไปห่มคนเดียวข้างๆ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปกลายเป็นสีหน้าของความไม่พอใจ แต่ก่อนที่เธอจะได้ทันคว้าผ้าห่มจากตัวของบุคคลซึ่งนอนอยู่ข้างๆ มาแล้วกระทำการลงโทษบุคคลผู้นั่นโดยการต่อยสักเปรี้ยง บุคคลซึ่งนอนอยู่ข้างๆ ก็เอ่ยคำพูดในแบบของคนง่วงนอนออกมา

                “ถ้าคิดจะเป็นโรงแรมเป็นโรงแรมแบบมีเตียงแยกสองเตียงสำหรับคนพักสองคนละก็... ฝันไปเถอะฉันไม่เปลี่ยนแล้ว ขี้เกียจ” แล้วเสียงก็เงียบไปทำเอาเส้นเลือดบนหน้าของเด็กสาวขึ้นเพราะอารมณ์โกรธกับการพูดดักของเพื่อนร่วมทีมฉลาดเป็นกรดคนนี้

                เธอกำหมัดแน่น

                “ชิ... นายเนี่ยนา พอขอผ้าห่มมาสองผืนก็บอก ขอมาทำไมสองผื่นเปลือง แล้วจะมาแย่งผ้าห่มไปใช้เองคนเดียวทำพระแสงอะไรละย่ะ!” เด็กสาวตะโกนใส่อีกฝ่ายซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายจะดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับเธอเลยสักนิด

                “ก็มันหนาวนี้นา...” เด็กหนุ่มผู้ยึดผ้าห่มไปคนเดียวตอบกลับมาแบบนั่นทำเอาน้ำโหของเด็กสาวเกือบถึงจุดสูงสุดของการอดกลั่นอารมณ์ เธอพยายามอดกลั่นอารมณ์โดยการนับหนึ่งถึงสิบในใจและหายใจเข้าออกช้าๆ เธอหมุนตัวเองให้หันไปทางขอบเตียง ในขณะที่เตรียมจะลุกออกไปเธอได้ก็ได้กล่าว “งั่นก็จงนอนต่อไปเถอะ อาบน้ำก่อนละ” แล้วเด็กสาวผมขาวยาวถึงกลางหลังก็ลุกออกเดินตรงไปทางห้องน้ำ

                เด็กหนุ่มหันกลับมามองเด็กสาวผมขาวรูปร่างสูงสง่าในสภาพขอบตาดำเป็นหมีแพนด่า ตาของเขาปรือเพราะความง่วงเต็มที่ แลแน่นอนเขายังอยู่ในสภาพเอาผ้าห่มคลุมโปงอยู่

                “เน่อิลย่าอาบด้วยคนสิ” แล้วเด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นวิ่งตามเด็กสาวผมขาว วิ่งตามอิลย่าเข่าห้องน้ำไปราวกับว่าไม่มีอะไรเดินขึ้น อิลย่ามองการกระทำของเด็กหนุ่มร่างเล็กนั่น เส้นเลือดเริ่มปูดขึ้นแต่เธอก็พยายามสงบอารมณ์เอาไว้ให้ได้ เธอคว้าคอเสื้อเชิ้ตของเด็กหนุ่มร่างเล็กนั่นไว้แล้วเขวียงกลับไปบนเตียงนอนด้วยความแรงไม่มากพอให้ไม่ได้รับความเสียหายมากสักเท่าไหร่นัก  เด็กหนุ่มโดนเขวียงให้กลับไปที่เตียงนอนอย่างตั้งใจโดยอิลย่า เด็กหนุ่มยังคงทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาคว้าผ้าห่มขึ้นมาแล้วเอาพันตนเองจนเหมือนทองม้วน อิลย่าไม่หันกลับไปมองแม้หางตาเธอยังคงดั่งด้นเดินเข้าห้องไปอย่างเดียว แต่ก่อนที่อิลย่าจะทันปิดประตูเด็กหนุ่มก็พูดแทรกขึ้น

                “นี้... ฉันอยากเขียนแผนที่” ช่างเป็นคำพูดที่เอาแต่ใจเสียจริงนั่นคือสิ่งแรกที่อิลย่าคิดได้ เธอถอนหายใจแล้วหันไปมองเด็กร่างเล็ก

                “แผนที่... อะไรล่ะ?” อิลย่ายิงคำถามใส่เด็กชายร่างเล็กนั่นด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจนัก แต่ด้วยรางสังหรณ์หรืออะไรบางอย่างทำให้เด็กสาวสัมผัสได้ว่าเด็กชายร่างเล็กกำลังแสยะยิ้มน่ากลัวอยู่

                เด็กชายร่างเล็ก... ซาดีลแสยะยิ้มจริงๆ

                “ฉันอยากเขียนแผนที่... ป่าหลังปราสาทหลังที่หนึ่งเฟิลลิงเดิล ป่าคลีออง” ซาดีลกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

                วันนี้อิลย่าถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่สองแล้วในรอบเช้านี้ แต่ถึงกระนั่นเธอก็ยิ้มราวกับเจอของดี

                “ก็... เป็นความคิดที่ไม่เลวนี้ เอางั่นก็ได้!” แล้วอิลย่าก็รีบเข่าห้องน้ำอาบน้ำด้วยความว่องไวปานสายฟ้า

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×