ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    drakos ศึกจอมเวทมังกร

    ลำดับตอนที่ #6 : The drakos – II – (15%)

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 57


     

    The drakos

    II

    “….”

               “การประชุมได้ผลสรุปออกมาเป็นที่ไม่น่าพึงพอใจสักนิด... ” เสียงบ่นของใครบางคนดังขึ้นหลังจากเดินออกจากห้องโถงขนาดกะทัดรัด ไม่เล็กมากใหญ่มากเหมาะแก่การประชุมหารือสรุปผล จะเรียกว่าเป็นห้องประชุมเล็กซึ่งมีไว้ใช้สำหรับประชุมแบบไม่เป็นทางการก็ว่าได้ “แหม่ๆ ยังไงก็เถอะเรามีหน้าที่ทำตามสิ่งที่อาณาจักรมังกรสีขาวสั่งมาเท่านั้นแหละน่า~ พวกเรามีสิทธิ์มีเสียงไปเถียงเขาซะที่ไหนเล้า ถ้ายังรักตัวกลัวตายอยู่น่ะ!” ชายหนุ่มผู้มีเขาของมังกรอันแหลมคมโผล่ออกมาจากหัว นั่นคือสิ่งที่แสดงว่าเขานั่นคือมังกรเพศผู้ผู้พร้อมที่จะสืบพันธุ์โผล่หน้าออกจากทางด่านหลังของบุคคลผู้บ่นทันทีหลังจากเดินออกจากห้องประชุมเล็กแบบไม่เป็นทางการด้วยสีหน้าอารมณ์ดีแบบสุดๆ

                “กรุณาอย่าแสดงสีหน้าแบบนั้นในขณะที่ดิฉันกำลังซีเรียสได้มั้ยค่ะคุณองค์ราชาแห่งอาณาจักรมังกรแดง ซิลเวอร์ ซิลดีฟ” เสียงอันนุ่มนวลผสมความดุดันเชิงข่มขู่ดังขึ้นพร้อมๆ กับที่เส้นผมสีมรกตงดงามโบกสะบัด พร้อมกันนั่นใบหน้าอันแสนอ่อนเยาว์ของมังกรสาวแรกรุ่นก็บังเกิดให้เห็นแก่สายตาของชายหนุ่มผู้ถูกเรียกว่า องค์ราชาแห่งอาณาจักรมังกรแดง ซิลเวอร์ ซิลดีฟ

                ใบหน้าของท่านราชาแห่งอาณาจักรมังกรแดงถูกสะท้อนอยู่ภายในดวงตาสีมรกตสุกใสเปล่งปลั่งพร้อมความขุ่นแสดงถึงความไม่พอใจอยู่เป็นนัย

                “อ่าๆ ขอโทษแล้วกันขอโทษ ฮ้าๆๆ นี้ถ้าแม่เธอมาฉันคงมีความสุขกว่านี้ล่ะน่ะ” ราชาแห่งอาณาจักรมังกรแดงกล่าวแค่นั่นพลางระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังกึกก่องแบบไม่อายเหล่าผู้ร่วมประชุมทั่งหลายแหล่ซึ่งพวกเขาเหล่านั่นพึ่งจะเดินออกจากห้องประชุมหลังพวกราชาแห่งอาณาจักรมังกรแดงหรืออีกฉายาหนึ่งคือ ซิลเวอร์ ซิลดีฟ เมื่อไม่กี่วินาทีนี้เอง

                ซิลเวอร์ ซิลดีฟ มองหน้าหญิงสาวรูปร่างสูงสง่า สูงประมาณ 165.5 เซนติเมตร หน้าอกขนาดใหญ่เกินจำเป็นกับชุดรักแนบเนื้อโชว์ร่องอกอันแสนอวบอิ่มนั่นราวกับจงใจใส่มายั่วน้ำลายเหล่าผู้ชายซึ่งกระหายการสืบพันธุ์อย่างไรอย่างนั่น ยังดีที่เธอสวมผ้าคลุมสีดำขลิบลายอันวิจิตรสีเขียวมรกตงดงาม สัญลักษณ์ตรงกลางผ้าคลุมนั่นบ่งบอกถึงสังกัดที่เธออยู่อย่างง่ายดาย ยิ่งบ่าที่เธอติดอยู่บนไหล่นั่นยิ่งเป็นตัวบ่งชี้ได้เลยว่าเธออยู่ตำแหน่งไหน ชื่ออะไร โดยไม่ต้องให้บอก

                เจ้าหญิงลำดับที่หนึ่งแห่งอาณาจักรมังกรสีเขียวมอนเทียลอส จีอาดร่า มอนเทียลอส

              ซิลเวอร์ ซิลดีฟมองหน้าจีอาดร่าด้วยดวงตาเอ็นดูแกมมีเลศนัย

                “อยากทำในสิ่งที่เธอต้องการมั้ย?” จู่ๆ คำพูดซึ่งอยู่เหนือความคาดหมายของจีอาดร่าเจ้าของเส้นผมสีมรกตก็ดังขึ้น เธอเบิกตากว้างตาแทบถะล่นออกจากเบ้า สีหน้าของเธอยังคงเรียบเฉย แน่นอนจีอาดร่าเก็บอารมณ์เก่งอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ซิลเวอร์ ซิลดีฟรู้ได้ว่าจีอาดร่ากำลังตกตะลึงอยู่นั่นคือการกลืนน้ำลายลงคอดัง อึก! พร้อมเหงือเย็นเฉียบที่ผุดขึ่นจากผิวหนัง

                ซิลเวอร์ ซิลดีฟยิ้มราวกับรู้คำตอบของจีอาดร่าแล้ว

                “คนเป็นพ่อทำได้ทุกอย่างเพื่อลูกนะ... จำไว้” ซิลเวอร์ ซิลดีฟกล่าวด้วยรอยยิ้ม จีอาดร่ามองซิลเวอร์ ซิลดีฟด้วยสายตาที่แลดูเย็นชาแต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช้ สายตาของเธอเมื่อมองลึกลงไปจะเห็นได้ว่าเธอกำลังมองด้วยสายตาโหยหามานานถึงคำพูดนี้

                จีอาดร่ายิ้มแวบหนึ่งก่อนจะหุบยิ้ม

                “แล้วแต่คุณ... แต่ใครเขาบอกกันว่าฉันยอมรับคุณว่าเป็นพ่อน่ะ!?” กลบเกลื่อนความรู้สึกของคำว่าโหยหาด้วยน้ำโหเตรียมโวย “ฮ้าๆ นั้นสินะ... ตอนไหนกันนะ ตั่งแต่ขึ้นเตียงกับแม่เธอรึเปล่านะ จำไม่ได้แฮะ แฮ่ๆ ไปดีกว่าไว้ค่อยคุยกันใหม่นะสาวน้อยที่น่ารัก!” เหมือนคำพูดเมื่อกี่เป็นเพียงคำโกหกเลยแฮะ...

                สิ้นเสียงร่างกายของซิลเวอร์ ซิลดีฟก็สลายหายไปคล้ายทรายถูกปาสีแดงเล็กๆ

                จีอาดร่ายังคงมองผงทรายนั่นดวงตาไม่กระพริบ

                “พ่อเหรอ... คนอย่างคุณไม่คู่ควรที่จะเป็นพ่อของฉันหรอก แต่ว่า...” เธอหยุดพูดก่อนที่จะจบประโยค “ตอนนี้สบายดีหรือเปล่านะ? ท้องฟ้า... โซระ?” เธอแหงนหน้ามองเพดาลราวกับมองท้องฟ้าสีคราม ดวงตาสีเขียวมรกตจู่ๆ มันก็เหม่อลอย “เดี๋ยวก็เจอกันแล้วละนะ พวกเราคงได้รวมงานกันแบบจริงๆ จังๆ เสียที” เธอเอ่ยก่อนจะหันหลังเดินตรงไปตามทางเดินของปราสาทอันแสนใหญ่โตเพื่อเดินทางกลับบ้าน ไม่สิต้องเรียกกลับอาณาจักรถิ่นกำเนิดต่างหาก

                “เตรียมงานต้อนรับฉันด้วยละ... เจ้าตุ๊ด“       

    \     

               ถ้าให้พูดถึงเอเลนน่าตอนนี้เธออยู่ที่สนามบิน...

                เจ้าของเส้นผมสีดำขลับพร้อมกางเกงแบบสั้นกุดจนเห็นโคนขา พร้อมดวงตาสีฟ้าที่กำลังมองเครื่องบินซึ่งกำลังลงจอดอย่างนุ่มนวล ดวงตาของเธอสะท้อนรูปของเครื่องบินนั่นไม่สั่นไหว

                “เอเลน! มารอกันจริงๆ เหรอเนี่ย!?” เสียงของใครคน

    หนึ่งดังทักขึ้นด้วยชื่อเรียกเล่นๆ ในวงการนักวิทยาศาสตร์ คนรอบข้างหันกลับมองเอเลนและหญิงสาวคนนั่นเป็นตาเดียวพร้อมเหงื่อตกกันเป็นแถว เอเลนหันกลับไปตามเจ้าของเสียงก็ต้องพบกับหญิงสาวในชุดไปรเวทธรรมดากำลังลากกระเป๋าเดินทางขนาดไม่ใหญ่มากนักเดินมาทางตัวเอง ดวงตาสีฟ้าคราวนี้สะท้อนรูปหน้าขงบุคคลตรงหน้าที่พอวิ่งมาถึงตนก็หอบทันใด “ย้อมสีผมเป็นสีม่วง... ระวังผมเสียนะเนตร” เอเลนน่ากล่าวเตือนเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ตามสไตล์

                เพื่อนสาวผู้ถูกทักเรื่องเส้นผมมองหน้าเอเลนน่า

                “โธ่เอเลนก็ฉันชอบของฉันแบบนี่นี้!” เธอร้องตอบเอเลนน่ากลับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เอเลนน่ากลอกตามองเพื่อนสาวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าจนแทบจะเรียกได้ว่าหาทางจับผิด เอเลนน่าถอนหายใจพลางจ่องมองไปที่ลำคอของเพื่อนสาวผมม่วงนั่น

                - คอกำลังเข้าเฝือกอยู่

                - ดวงตาของเธอข้างซ้ายถูกพันด้วยผ้าพันแผล

                - แขนทั้งสองข้างถูกพันด้วยผ้าพันแผล

                - สาหัสเหรอ? เอเลนน่ามองเอนสาวตรงหน้าด้วยสายตาตกตะลึง

              - ยัยทึกแรงช้างนี้มันบาทเจ็บเหรอ? พอคิดแบบนั่นเอเลนน่าเองก็ถึงกับขนตั้งชัน แน่นอนละในเมื่อเป็นถึงมือขวาของท่านดราคอส การกลับมาในสภาพที่บาดเจ็บเจียนตายแบบนี้แทบจะมีให้เห็นไม่บ่อยนัก หรือแทบจะบอกว่าไม่มีให้เห็นเลยน่าจะตรงตัวมากกว่า เอเลนน่ามองเพื่อนสาวแล้วหลับตาลง กอดอกและหันหลังไปพิงกับกำแพงกระจกของสนามบิน “โรซารี่ เกรดิลล่ะ?” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงราวกับไว้อาลัย ทั้งๆ ที่รู้คำตอบแต่เธอกลับแกล้งทำเป็นไม่รู้

                 “ตอนนี้... ยังอาการสาหัสพอๆ กับฟูจิเลยล่ะ บอกตามตรงงานคราวนี้หนักมาก ใช้ว่าถ้าเกิดฉันกับเจ้าครีมผสานเวทกันจะสามารถต้านทานไหวด้วยซ้ำ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด

                เอเลนน่าทำสีหน้าไว้อาลัยด้วยการหลับตาเป็นเวลาชั่วขณะหนึ่ง

                “ไปพักผ่อนซะไป... เดี๋ยวฉันจะบอกโซระให้ ไม่แน่อาจมีการประชุม” เธอเอ่ยพร้อมๆ กับลืมตาขึ้นแล้วหันหลังปล่อยให้เส้นผมสีดำขลับมัดแกละปลิวว่อนไปตามแรง แผ่นหลังซึ่งถูกเสื้อโค้ดบดบังผิวสีขาวดุจหิมะนั่นกำลังเดินห่างออกไปเรื่อยๆ  ดวงตาสีม่วงของเพื่อนสาวซึ่งเกิดจากการใส่บิ๊กอายมองตามแผ่นหลังของเอเลนน่าไปด้วยดวงตาเศ้ราๆ แกมรู้สึกผิด

                ในเมื่อการทำภารกิจล้มเหลวนี้...

                “ทั้งโรซารี่ เกรดิล ทั้งฟูจิ เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าสิ่งนั้นมักจะเกิดความกดดันอะไรบางอย่าง...” เพื่อนสาวพึมพำเบาๆ เอเลนน่าหยุดเดินก่อนจะมองเพื่อนสาวผมม่วงด้วยหางตา “ไนตัสเป็นที่น่าศึกษานะ” เธอเอยประโยคที่เป็นนัยจนทำให้เพื่อนสาวทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก เอเลนน่ามองกิริยาของเพื่อนสาวแล้วหันหน้ากลับออกเดินอีกครั้ง

                “ไนตัสเป็นที่น่าศึกษานะ.... ” เอเลนน่ายังคงพึมพำคำพูดเดิมๆ ในขณะที่เพื่อสาวผมม่วงผู้สวมบิ๊กอายสีม่วงเข้ากับผมเธอยังคงยืนอยู่ที่เดิม “อา อา อา อา ฉันจะอธิบายให้ฟังก็ได้นะ ไว้ถึงสำนักงานก่อนแล้วกัน ยืนแบบนั้นมันจะดีเหรอ?”

     

     

              

     
    (c)                            Chess theme
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×