ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dimension Voyagers

    ลำดับตอนที่ #9 : ศาสนจักรแห่งความมืด

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 65


    เขาจำไม่ได้เลยว่าครั้งสุดท้ายที่เกือบตายมันคือเมื่อไหร่…

     

    โยฮันได้แต่คิดเช่นนั้นขณะที่กำลังกอดคอเด็กหนุ่มผมขาวไว้และพยายามที่จะไม่มองลงไปข้างล่างซึ่งเป็นหน้าผา…ที่เขาเกิดกระจักเลือดแล้วหมดแรงกลางคันและเกือบตกลงไปตายหากอเลนไม่ช่วยเขาไว้ก่อน ซึ่งเขาจะถือว่ามันเป็นการตายที่โคตรน่าอนาถสิ้นดี

     

    “ไหวนะอเลน…”

     

    โยฮันถามด้วยนำเสียงที่แผ่วเบาเมื่อเรี่ยวแรงบางส่วนของเขาเริ่มกลับมาอีกครั้งถึงแม้ว่ามันจะสายเกินไปก็ตามเมื่ออีกไม่กี่เมตรพวกเขาก็จะถึงขอบผาแล้ว ทว่าทางด้านคนที่ถูกถามนั้น?ก็ได้แต่หัวเราะแล้วตอบออกไป

     

    “ไหวสิโยฮัน แค่ปีนหน้าผาเอง”

     

    คุณพี่ครับมันไม่ใช่แค่แล้วครับ ตกลงไปนี่มีสิทธิ์ตายห่าเลยนะครับ…

     

    กึก…

     

    “เอ๊ะ”

     

    เด็กหนุ่มทั้งสองร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันเมื่อเสียงแตกของผาหินดังขึ้นมาท่ามกลางความมืดยามค่ำคืนที่เงียบสงพร้อมกับลางสังหรณ์ที่ทำงานขึ้นมาอย่างรู้หน้าที่ให้พวกเขาได้เร่งมือปีนขึ้นไปแต่ทว่า…

     

    เปรี๊ยะ!!

     

    หินก้อนต่อไปที่อเลนแตะกลับแตก...

     

    “เฮ้ย?!”

     

    โยฮันร้องออกมาพร้อมขณะที่เกาะหน้าผาไว้สลับที่กับอเลนที่ดึงชายกางเกงของเขาเพื่อกันไม่ให้ตัวเองตกลงไปตายห่าซะก่อนซึ่งเป็นโชคของโยฮันมากที่เขาใส่เข็มขัดไว้แน่นอยู่พอสมควรกางเกงเขาถึงยังไม่ร่วงไปด้วยให้ทั้งศาสนจักรแห่งความมืดได้เห็นกางเกงในของเขา

    กับโยฮันที่ร่างกายอ่อนแอแค่เกาะผาก็เต็มกลืนแล้วยิ่งมีสัมภาระมาด้วยยิ่งหนักจนเลือดตาแทบกระเด็นไหนจะต้องมาปีนผาขึ้นอีก เรียกได้ว่าเขามีโอกาสที่จะกระอักเลือดตายตรงนั้นเสมอหากร่างกายยังรับภาระอยู่แบบนั้น

     

    ถ้ารอดแล้วเขาจะไปเผาศาสนจักรให้วอดวาย…

     

    “อเลน…อเลนนายปีนขึ้นไปที่เถอะขอล่ะ ถึงจะอีกแค่เมตรเดียวแต่ฉันไม่ไหวแล้ว…”

     

    โยฮันร้องออกมาอย่างน่าสมเพชพร้อมกับเรี่ยวแรงที่ค่อยๆหายไปจากแขนของเขาให้อเลนได้รีบปีนขึ้นไปเพื่อดึงครอบครัวที่แสนอ่อนแอของเขาขึ้นไปสักที

    ใช้เวลาไม่นานนักในการปีนหน้าผาขึ้นมาสู่พื้นราบที่ปลอดภัยรวมถึงการดึงสมาชิกขี้โรคขึ้นมาด้วยอีกหนึ่ง อเลนที่รับงานหนักมากที่สุดถึงกับถอนหายใจออกมาทันทีที่รู้ว่าไม่ต้องปีนหน้าผาหรืออะไรต่ออีกแล้ว และน้องชายต่างสายเลือดเขาก็ยังไม่ตายด้วย

     

    “ไหวนะอเลน”

     

    โยฮันถามเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้สำหรับคำถามนี้ขณะที่ตัวอเลนได้แต่ยกนิ้วให้เป็นคำตอบกับเขาแม้ว่าตอนนี้เขาจะเหนื่อยจนตัวหอบโยนก็ตาม

     

    “แน่ใจนะอเลน?”

    “ไม่ต้องห่วงหรอกโยฮัน แค่นี้สบายมาก เอาล่ะไปกันเถอะ”

     

    เมื่อได้หยุดพักหายใจกันสักครู่เด็กหนุ่มผมขาวทั้งสองต่างจัดแจงเสื้อผ้าของพวกเขาแล้วเดินไปยังประตูทางเข้าศาสนจักรด้วยกันกับทิมแคนพีและพรีโม่ที่ไต่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ทของโยฮันมาเดินข้างๆพวกเขา

     

    โดยมีคนจากศาสนจักรมากมายคอยสอดส่องดูแลความปลอดภัยอยู่

     

    ขณะเดียวกันภายในห้องสังเกตการณ์ของศาสนจักรที่เหล่าหน่วยวิทยาศาสตร์ใช้เพื่อสอดส่องดูแลความปลอดภัยของศาสนจักรผ่านโกเล็มสื่อสารที่บินตรวจตราอยู่รอบๆ

    เด็กสาวผมดำได้แต่เฝ้ามองผู้มาใหม่ทั้งสองที่เดินทางเข้ามาสู่ศาสนจักรแห่งนี้ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยถึงปัจเจกบุคคลทั้งสองที่เธอไม่รู้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่ เช่นเดียวกับคนอื่นๆในห้อง

     

    “อะไรเนี่ยเด็กคนนี้”

     

    เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากเบื้องหลังโซฟาที่พวกเขาใช้กันอยู่ก่อนที่ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสีขาวเจ้าของเรือนผมสีดำผู้เป็นหัวหน้าหน่วยวิทยาศาสตร์จะโผล่เข้ามาร่วมวงสนทนากับพวกเขาด้วยสีหน้าที่งุนงงปนสงสัยเล็กน้อย

     

    “ไม่ไหวเลยนา…ปล่อยให้คนนอกเข้ามาได้ไงเนี่ย ไหงไม่สอยให้ตกไปเลยล่ะนั่น”

     

    แม้ว่าจะพูดออกไปแบบนั้นแต่สำหรับคนนอกที่พกโกเลมมาด้วยนั้น แทบจะเรียกได้ว่าดูไม่เหมือนคนนอกเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเป็นโกเลมสีทองของเอ็กโซซิสท์ขั้นเสนาธิการมาด้วยดูแล้วยิ่งเหมือนกับว่าเด็กหนุ่มทั้งสองถูกส่งตัวมามากกว่า

     

    “รินารี่คิดว่าไงบ้างล่ะ?”

     

    โคมุอิเอ่ยถามน้องสาวของเขาเพื่อหาความเห็นแต่ทว่าสิ่งเดียวที่เขาได้นั้นกลับเป็นความเงียบสงัดที่ทำให้เขาต้องเอ่ยเรียกเธออีกรอบ

     

    “รินารี่?”

    “…”

     

    เด็กสาวผมดำผู้เป็นเอ็กโซซิสท์คนหนึ่งของศาสนจักรสาขายุโรปนั้นยังคงนิ่งเงียบทว่าบนใบหน้าของเธอในตอนนี้เป็นตัวบ่งบอกทุกสิ่ง ได้อย่างชัดเจน

    ใบหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงระเรือ ดวงตาที่จับจ้องโดยไม่หวั่นไหวและรอยยิ้มเล็กๆที่ประดับบนใบหน้าเมื่อมองไปยังเด็กหนุ่มผมขาวที่มีผมยาวกว่าและมีเฟอเรทสีขาวตัวน้อยเป็นคู่หู มันช่างดูเหมือนกับสาวน้อยที่พึ่งตกหลุมรักใครสักคนเป็นครั้งแรกไม่มีผิด

     

    ‘ไอ้เด็กนี่…มึงตายแน่ไอ้หงอก กูจะฆ่ามึงหมกส้วมสักวันแน่ไอ้หงอกเอ๊ย’

     

    ในใจของโคมุอิกรีดร้องขึ้นมาพร้อมร้อยยิ้มที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่าบนใบหน้าของเขาเมื่อเขามีเหตุผลที่จะกำจัดว่าที่สมาชิกใหม่คนหนึ่งของศาสนจักรเข้าแล้ว ซึ่งคนที่ว่านั้นก็กำลังจามอยู่ตรงหน้าจอของเขานี่แหละ

     

    [ขอโทษครับ! พวกผมอเลน กับ โยฮัน วอคเกอร์มาที่นี่เพื่อแนะนำตัวตามคำสั่งของบาทหลวงครอส มาเรี่ยนครับ! อยากจะขอเข้าพบกับท่านผู้นำของศาสนจักรหน่อยครับ!]

     

    เด็กหนุ่มคนแรกที่ตัวสูงกว่าอีกคนและมีผมที่สั้นกว่าเป็นคนแรกที่เอ่ยพูดขึ้นมาท่ามกลางความสงสัยของแผนกวิทยาศาสตร์ซึ่งเรื่องมันน่าจะจบลงแบบวินาศไปแล้วหากเด็กหนุ่มอีกคนไม่พูดขึ้นมาซะก่อนถึงจดหมายสำคัญที่ตอนนี้อยู่ในซากอารยธรรมของสิ่งที่เรียกว่าโต๊ะทำงาน

     

    [บาทหลวงมาเรี่ยนเขาบอกว่าส่งจดหมายถึงคนที่ชื่อโคมุอิ ช่วยด้วยกรุณาตรวจสอบให้ทีนะครับ]

     

    “ชิ…พลาดโอกาสกำจัดซะได้”

     

    และนั่นคือเรื่องราวที่แปลงแปลงไปเมื่อการเข้าศาสนจักรในครั้งนี้ของอเลนพวกเขาสามารถเข้าไปได้โดยไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บหรืออย่างอื่นจากนักดาบบางคน

    .

    .

    .

    .

    .

    เกือบแล้ว เกือบเจ็บแบบไม่จำเป็นแล้ว…

     

    โยฮันแทบจะโห่ร้องไชยออกมาหลังจากที่สามารถเข้ามาในศาสนจักรได้อย่างปลอดภัยโดยมีโคมุอิจากแผนกวิทยาศาสตร์และรินารี่ที่ตามมาต้อนรับพวกเขาด้วยความอบอุ่น…ไปยังห้องพยาบาลเป็นลำดับแรกสุดอยู่ดี

     

    มันคือเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลยแม้แต่น้อยต่อให้ไม่ได้บาดเจ็บก็ตาม…

     

    เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของอเลนที่เดินเข้าไปข้างในห้องพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายพื้นฐานนั้นดังเล็ดลอดผ่านเฮดโฟนของเขาจนทำให้ใจของโยฮันอยู่ไม่เป็นสุขเลยสักนิด เมื่อความรู้สึกร้อนๆหนาวๆนี่มันทำให้เขาอยากวิ่งหนีใจจะขาด

    เขารู้สึกเหมือนกับลูกแกะตัวน้อยๆที่รอเวลาโดนเชือดไม่มีผิด แต่ถึงงั้นเขาก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้เมื่อเขาไม่รู้เส้นทางในสถานที่แห่งนี้ จนกระทั่งเมื่อประตูห้องพยาบาล เปิดออกโยฮันก็แทบจะลมจับเมื่อเห็นสีหน้าของคนที่เปิดประตูให้

     

    “เชิญคนต่อไปจ้า~ มามะมาให้หมอตรวจหน่อยเร็ว~”

     

    เชิญพ่อแม่คุณเถอะครับ!

     

    ราวกับสัตว์ตัวเล็กๆที่เอาตัวรอดจากนักล่า โยอันวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิตพร้อมกับพรีโม่ในอ้อมแขนที่มีท่าทีไม่ต่างกันนักหลังจากที่เมื่อครู่พวกเขาพึ่งเจอหัวหน้าแผนกวิทยาศาสตร์แสยะยิ้มให้อย่างน่าขนลุกพร้อมเลือดที่เปื้อนหน้า

     

    ซึ่งจ้างให้อยู่ยังไงเขาก็ไม่เอา!

     

    สัญชาตญาณสัตว์น้อยทำงานฉันพลันส่งร่างของโยฮันให้ก้มลงหมอบกับพื้น ก่อนที่เข็มฉีดยาจะพุ่งเฉียดหัวเขาไปเพียบแค่คืบเดียว แถมเมื่อมองไปด้านหลังเขาก็ได้เจอกับมัจจุราชในชุดขาวที่ถือปืนไรเฟิลสำหรับยิงยาสลบอีก

     

    “เด็กเอ๋ยเด็กดี~ อย่าหนีแล้วมารับกรรมทีได้มั้ย?”

     

    โคมุอิเอ่ยพูดด้วยเสียงที่หวานใสจนแทบจะเรียกว่าอาบยาพิษขณะที่เขาย่างกรายเข้าหาโยฮันราวกับนักล่าที่หิวโหยซึ่งเขาพร้อมจะตะครุบเหยื่อได้ทุกเมื่อส่งผลให้เด็กหนุ่มอายุสิบสี่ถึงกับหน้าซีดเผือกเมื่อเห็นอีกฝ่ายใกล้ๆแบบนี้ แล้วเขาก็วิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต…

    ไม่มีคำว่าคิดหน้าคิดหลังมีเพียงแค่ความกลัวที่เต็มเปี่ยมอยู่ในจิตใจขณะที่สองขานำพาเขาไปสู่ที่หนสักแห่งก่อนที่เขาจะชนเข้ากับใครสักคนหลังจากที่วิ่งหนีมานานแสนนาน

     

    “อึ๋ย ขอโทษนะเป็นอะไรรึเปล่านายน่ะ”

     

    เสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นมาเรียกสติของโยฮันให้ลับสู่ความจริงอีกครั้งก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นแล้วพบกับชายผมแดงในชุดเครื่องแบบของเอ็กโซซิทส์เจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตที่จับจ้องมาที่เขาด้วยความสนใจปนเป็นห่วงเล็กน้อยซึ่งมันจะดีกว่านี้…

     

    ถ้าอีกฝ่ายไม่คร่อมเขาไว้อยู่…

     

    “ผ-ผมไม่เป็นไรครับ”

     

    โยฮันตอบออกไปด้วยน้ำเยงที่แผ่วเบากับใบหน้าที่ขึ้นสีเมื่อความใกล้ชิดกันของพวกเขามีค่อนข้างมากกว่าที่เขาต้องการ ซึ่งตัวชายหนุ่มที่แก่กว่านั้นก็ทำได้เพียงแค่หัวเราะแล้วดึงร่างของโยฮันขึ้นมาเท่านั้น

     

    “โทษทีๆ แต่นายก็ผิดนะที่วิ่งมาแบบนั้นน่ะ นี่นายเป็นเด็กใหม่เหรอ?”

    “ค-ครับ”

     

    แม้ว่าจะอยากใช้เวลานี้พักแค่ไหนเหมือนว่ามันจะไม่เอื่ออำนวยสักเท่าไหร่เมื่ออ้อมแขนของหัวหน้าแผนกวิทยาศาสตร์นั้นตรงเข้ามากอดร่างของเขาไว้แล้วดึงเขาออกห่างจากคนผมแดง พร้อมกับน้ำเสียงหวานใสที่เอ่ยขึ้นมาอย่างน่าขนลุก

     

    “โยฮันคุง~ ไม่ดีเลยนะหนีการตรวจสุขภาพแบบนั้นได้ยังไงกัน มามะเดี๋ยวพี่ชายจะช่วยดูให้เอง”

     

    ไม่ไหวแล้ว…

     

    เด็กหนุ่มผมขาวที่มีลักษณะขี้โรคเป็นทุนเดิมกระอักเลือดออกมาต่อหน้าต่อตาผู้คนมากมายที่แวะมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่บริเวรนี้ ซึ่งโยฮันมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงดวงตาที่เบิกกว้างของคนผมแดงตรงหน้าเขากลับเสียงร้องที่เพี้ยนไปของโคมุอิ

    โยฮันจำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขารู้เพียงแค่ว่าเขาถูกอุ้มไปที่ห้องพยาบาลอย่างเร่งด่วนพร้อมกับพรีโม่ที่วิ่งตามหลังเขามาติดๆก่อนจะได้เจอกับอเลนที่อธิบายอะไรต่อนี่อะไรให้โคมุอิรู้ถึงความขี้โรคของเขา

     

    “อะไรกัน เพราะแบบนี้หรอถึงได้กลัวหมอแบบจะเป็นจะตายขนาดนั้นน่ะ”

    “ขอโทษครับ…”

     

    โยฮันพูดเสียงอ่อยขณะที่พวกเขารวมถึงอเลนต่างกำลังไปหาเฮพลัสกาเพิ่มตรวจสภาพการซิงค์ของพวกเขากับอินโนเซนส์ที่พวกเขาครอบครองทั้งสภาพที่ดูไม่จืดแบบนี้ แต่ต่อให้อ้างอะไรไปเขาไม่ผิดหรอกนะก็ในเมื่อเขายังเป็นเด็กอายุสิบสี่นี่นา

     

    “โยฮันระหว่างที่เขาหาเลือดให้พยายามใช้ของเก่าก่อนได้รึเปล่า?”

    “อ๊ะ อา จริงด้วยลืมซะสนิทเลย…”

     

    เด็กหนุ่มจากต่างโลกขยับมือของเขาเล็กน้อยท่ามกลางความงุนงงปนสงสัยของใครหลายๆคนมากมายที่คอยดูอาการเขาอยู่

    แสงสว่างสีแดงเรืองรองส่องประกายจากเหล่าหยดเลือดที่เปรอะเปื้อนตามพื้นหินและเสื้อผ้าของโยฮัน พลันเหล่าหยดเลือดเหล่านั้นกลับค่อยๆแปรกสภาพกลับเป็นผลึกสีแดงฉานอีกครั้งตามความต้องการของผู้เชื่อมต่อกับอินโนเซนส์

    เหล่าผลึกสีแดงที่แปรสภาพจากหยดเลือดนั้นค่อยลอยกลับมาหาโยฮันช้าๆก่อนที่มันจะหายกลับเข้าไปในร่างกายตามเดิมผ่านทางรอยกางเขนที่ฝ่ามือทั้งสองที่บัดนี้ไร้ซึ่งถุงมือคอยปิดบังหลักฐานของการเป็นหนึ่งในสาวกของพระเป็นเจ้า

     

    “เธอเป็น…ผู้เชื่อมต่องั้นเหรอ?”

     

    โคมุอิเอ่ยถามด้วยความแปลกใจขณะที่ตรวจสอบก้อนผลึกสีเลือดในมือของตัวเองอย่างสนอกสนใจเช่นกันกับคนอื่นๆในแผนกวิทยาศาสตร์ที่พยายามตรวจสอบความเป็นไปได้ของการใช้เลือดแบบที่เขาพึ่งทำไปเมื่อครู่

     

    “ใช่ครับ ไม่งั้นผมจะมากับอเลนงั้นเหรอ?”

    “อ๊ะเปล่า ฉันนึกว่าเธอถูกส่งมาเป็นหน่วยค้นหาคู่หูรู้ใจของอเลนอีกนะโยฮันคุง ก็เธอดูอ่อนแอขนาดนี้เลยนี่นา”

     

    โยฮันไม่พูดอะไรมากมายนักเนื่องจากที่ว่ามาทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริงที่เขาเถียงไม่ออกเขาจึงทำได้เพียงแค่ยิ้มส่งแล้วชูนิ้วกลางให้เท่านั้นแม้ว่าจะได้รอยยิ้มหวานจากโคมุอิและนิ้วกลางกลับมาด้วยก็ตาม

     

    ชัดเจนแล้วล่ะ…พวกเราเข้ากันไม่ได้หรอก

     

    ‘ว่าแต่โยชัว…ตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่นะ…’
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×