ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dimension Voyagers

    ลำดับตอนที่ #6 : ก่อนจุดเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 65


    1 อาทิตย์ต่อมา… 

    หลังจากการพักฟื้นร่างกายของโยชัวกับโยฮันสิ้นสุดลงเวลาออกเดินทางก็ใกล้เข้ามาถึงเรื่อยๆ มานาทำเรื่องรับเลี้ยงทั้งสองคนเป็นบุตรบุญธรรมไว้แล้วเรียบร้อยทั้งสองเลยได้นามสกุลวอคเกอร์ไปโดยปริยาย แถมได้อเลนเป็นพี่ใหญ่คอยดูแลอีก 

    บางครั้งโยชัวก็เคยถามว่าเกินไปรึเปล่าที่ถึงกับรับเลี้ยงทั้งคู่ไว้ทั้งที่ตัวเองมีอเลนอยู่แล้วแต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะแล้วตอบกลับไปว่าถ้าไม่มีนามสกุลหรือหลักฐานยืนยันตัวตนที่แน่ชัดก็เดินทางต่อไม่ได้ทั้งคู่เลยต้องจำใจยอมไป 

     

    “ว่าแต่อเลนตอนนี้นายอายุเท่าไหร่น่ะ” 

     

    โยฮันถามขึ้นมาในขณะที่กำลังดูแฝดคนน้องสับไพ่อยู่ระหว่างที่ได้พักจากการเดินทางอันยาวนานโดยรถบรรทุกออกมาจากลอนดอนมาที่ชนบท ซึ่งแม้ว่าจะอยู่ด้วยกันมาหนึ่งอาทิตย์แล้วก็ตามแต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พูดถึงเรื่องส่วนตัวกัน 

     

    “8 ขวบแล้วพวกเธอล่ะ” 

    “7 อายุน้อยกว่านายปีหนึ่งน่ะ" 

     

    โยชัวเป็นคนตอบคำถามนั้นแทนขณะที่เริ่มแจกไพ่เล่นคนเดียวรอเวลาเดินทางต่อกันขณะที่คอยฟังคำถามของพี่ชายทั้งสองที่เริ่มถามเรื่องใกล้ตัวบ้างระหว่างที่โยชัวเริ่มหันไปมองผู้ใหญ่สองสามคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันที่มาขอเล่นเกมด้วยกันกับเธอโดยมีลูกอมเป็นเดิมพัน 

     

    "แล้วปอยผมนั้นล่ะ?" 

    "พึ่งเป็นน่ะตื่นเช้าวันหนึ่งมาก็กลายเป็นแบบนี้เลย” 

     

    โยฮันเป็นคนตอบคำถามนั้นระหว่างที่เริ่มวาดรูปอเลนที่นั่งอยู่ข้างๆขณะที่โยชัวย้ายพื้นที่เล่นไพ่มาเป็นข้างหลังพวกเขาแล้วใช้หลังแฝดคนพี่เป็นที่พิงระหว่างที่เล่นไพ่แทนลังไม้ที่อยู่บนพื้น แต่นั่นก็เป็นเหมือนการเปิดประเด็นสนทนาใหม่เมื่ออเลนหันมาถามโยชัวเรื่องผ้าปิดตาบ้าง 

     

    “เห...ว่าแต่โยชัวผมสงสัยมานานแล้วนะทำไมถึงใส่ผ้าปิดตาแบบนั้นน่ะแล้วใส่แบบนั้นมันมองเห็นด้วยเหรอ?” 

     

    โยชัวไม่ได้ตอบคำถามนั้นในทันทีขณะที่เธอใช้สติส่วนมากในการแจกไพ่ก่อนที่เธอจะตอบเมื่อเกมของพวกเขาเริ่มในที่สุดเมื่อคนในวงต่างดูไพ่กันหมดแล้ว 

     

    “ก็เห็นอยู่เพราะเนื้อผ้ามันบางด้วยน่ะ ที่ต้องใส่เพราะตาของผมทนแสงมากๆไม่ได้ เอาเป็นว่าผมมีชีวิตคล้ายค้างคาวในถ้ำที่ไม่ชอบแสงละกัน… คอล ฟลัช” 

     

    เสียงกรีดร้องของเหล่าผู้ใหญ่ที่แพ้เด็กดังขึ้นมาขณะที่โยชัวหันไปแจกอมยิ้มรสนมกับวนิลาให้พี่ชายทั้งสองขณะที่เธอแกะรสคาราเมลจากบริษัทแฟนธอมมาทาน แล้วเริ่มวางเงินมาเดิมพันเมื่อรู้ตัวว่าฝีมือในการพนันของเธอยังไม่ตก 

    ทางด้านคนที่เห็นว่าเป็นมาใช้เงินในการเดิมพันแทนนั้นลุกจากที่ไปชวนคนอื่นมาเล่นและหากระเป๋าเงินของเขาในกระเป๋าสัมภาระซึ่งมอบโอกาสให้โยชัวได้พักผ่อนแล้วหันไปหาพี่ชายที่เหงื่อตกกับสิ่งที่เกิดขึ้นชั่วครู่ 

     

     

    "เออ...แล้วถุงมือนั้นล่ะ...." 

     

    โยชัวเอียงคอเล็กน้อยกับคำถามถัดมาของคนผมน้ำตาลก่อนจะหันไปมองโยฮันเป็นเชิงถามว่าจะให้เขาดูมั้ยถึงจะไม่เห็นตาก็ตามทีแต่โยฮันที่เป็นฝาแฝดก็รู้ใจเธอเสมอเลยพูดออกไปอย่างอ่อนโยนพร้อมกับยื่นมือมาขยี้ผมเธอเบาๆ 

     

    “ตามใจเลยล่ะกันโยชัว...” 

     

    เมื่ออีกฝ่ายอนุญาตแฝดคนน้องเลยถอนหายใจน้อยๆแล้วพูดออกไปหลังจากที่วางไพ่ลงแล้วเตรียมตัวถกแขนเสื้อขึ้นและถอดถุงมือออกเพื่อให้ครอบครัวของตัวเองได้เห็นความลับที่ถูกปิดซ่อนไว้ 

     

    "งั้นสัญญานะอเลนว่าจะไม่บอกใครน่ะ..." 

     

    อเลนรีบพยักหน้าตอบทันทีก่อนที่โยชัวถอดถุงมือแล้วถกแขนเสืเอขึ้นเผยให้เห็นแขนเรียวเล็กของเธอที่ตั้งแต่ข้อศอกไปจนถึงปลายนิ้วทั้งสองข้างเป็นสีดำสนิทพร้อมรอยสักสีขาวรอบข้อมือทั้งสองกับกางเขนสีม่วงอเมทิสบนหลังมือ ซึ่งทั้งหมดนั้นทำให้อเลนต้องเบิกตากว้างขึ้นมา 

     

    "เหมือนกันกับแขนซ้ายของผมเลย” 

     

    เด็กผมน้ำตาลถอดถุงมือขนาดใหญ่ของเขาออกให้คนผมดำทั้งสองได้เห็นแขนซ้ายที่เป็นสีแดงก่ำเหมือนเลือดทีมีกางเขนสีดำอยู่บนหลังมือซึ่งตัวโยฮันที่รู้สึกว่าถึงเวลาแล้วนั้นก็ได้แต่ยิ้มแล้วถอดถุงมือของเขาบ้างเพื่อให้เด็กผมน้ำตาลได้เห็นรอยแผลรูปกางเขนบนฝ่ามือที่ดูสดอยู่เสมอ 

     

    "ถึงจะไม่เหมือนของทั้งสองคนแต่เหมือนว่าผมก็เข้าค่ายแปลกประหลาดพอๆกันล่ะนะ ก็เจ้านี่น่ะจะรอนานแค่ไหนมันก็ไม่หายไปเหมือนแผลอื่นๆเลยหนิ" 

     

    โยชัวค่อยๆคลี่ยิ้มออกมากับคำพูดของโยฮันแล้วหันไปหาอเลนที่ทำหน้าแปลกใจอยู่ไม่หยุดหย่อนเธอเลยถกแขนเสื้อลงแล้วสวมถุงมือไว้เหมือนเดิมซึ่งอีกสองคนก็ทำตามด้วยเมื่อเห็นคนเริ่มกลับมาตั้งวงเล่นไพ่กับเธอต่อ 

     

    “เหมือนกันเลยเนอะพวกเราน่ะ" 

     

    เด็กสาวเพียงคนเดียวของกลุ่มพึมพำเบาๆก่อนจะเริ่มสับไพ่ต่อแล้วแจกให้กับคนในวง ซึ่งนั่นเป็นวินาทีเดียวกันกับที่มานาเดินกลับมาหาพวกเขาพอดีเพื่อบอกกำหนดการเดินทางถัดไป 

     

    "อเลนอีกสิบห้านาทีจะเริ่มเดินทางต่อแล้วนะ” 

     

    มานาเดินเข้ามาดูกลุ่มเด็กๆที่นั่งคุยกันอยู่ก่อนจะเลิกคิ้วมองเมื่อเห็นโยชัวนั่งสับไพ่อย่างชำนาญมือราวกับเป็นดีลเลอร์ในคาสิโนแล้วแจกให้คนที่อยู่ในวงรวมถึงตัวเองด้วย ด้วยความสงสัยพ่อของกลุ่มจึงถามขึ้นมา 

     

    “ว่าแต่แล้วนี่เธอเล่นอะไรอยู่งั้นหรอโยชัว" 

     

    สิ้นเสียงของผู้ปกครองของพวกเขาโยชัวก็ได้แต่แสยะยิ้มออกมาพร้อมกับแผ่ออร์ร่าด้านมืดทันที ซึ่งถ้าสังเกตเห็นล่ะก็ พวกเขาก็น่าจะเห็นเขาโค้งแหลมคู่หนึ่งบนหัว ปีกค้างคาวและหางปลายลูกศรอันเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจอยู่ในตัวของโยชัวแล้วและคำตอบก็ออกมาด้วยน้ำเสียงหวานจนน่าขนลุกอีกตะหาก 

     

    “โป๊กเกอร์…อ๊ะ คอลครับ…ของผมเป็น ฟูล เฮ้าส์” 

     

    แถมยังได้กินไพ่รอบวงด้วย… 

     

    “โป๊กเกอร์!?” 

     

    สีหน้าของสมาชิกในตระกูลวอคเกอร์ทั้งสามต่างก็ซีดเป็นกระดาษทันที ซึ่งแฝดคนน้องนั้นเหลือบไปเห็นมานาพึมพำอะไรบางอย่างเบาๆอย่างไม่เชื่อคำพูดของเธอ อเลนเริ่มรู้สึกเกร็งแปลกๆกับท่าทีและรอยยิ้มของคนที่เด็กสุดและโยฮันที่ถึงกับอ้าปากช็อคไม่เว้นที่จะปิดปากไอเพราะอาการป่วยกำเริบอีก 

     

    “เดี๋ยวนะเด็กอย่างเธอไปหัดเล่นมาจากไหนกันน่ะ” 

     

    ในที่สุดมานาก็ถามออกไปซึ่งเด็กอีกสองก็หันมาจ้องแบบต้องการคำตอบเหมือนกันด้วยเธอเลยยิ้มและตอบอย่างอารมณ์ดีเช่นพร้อมกับวางไพ่ลงอีกครั้ง 

     

    "แค่มีคนแก่ดีๆสอนไว้เล่นแก้เบื่อน่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะผมจะสอนให้ไว้เป็นบทเรียนช่วยชีวิตพื้นฐานน่ะ...คอล รอยยัล สเตรท ฟลัช…" 

     

    เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากวงไพ่ขณะที่โยชัวปีศาจในคาบพ่อพระทำการเมตตาเอาแค่เหรียญเพียงเหรียญเดียวกับลูกอมแทนเงินทั้งหมดที่พวกเขาเดิมพันไว้ เป็นการเปิดปุ่มด้านซาดิสม์แบบเต็มที่ 

     

    "อือ...ผมต้องไปเตรียมตัวแล้วล่ะไว้เสร็จแล้วไปหาอะไรกินกันดีกว่านะ” 

     

    และอเลนก็เดินไปพร้อมกับมานาทิ้งให้ฝาแฝดทั้งสองนั่งเล่นโป๊กเกอร์กันอยู่ให้เป็นภาพที่แปลกตาสำหรับคนที่ผ่านมาเห็น 

     

    “เตรียมตัวไว้สินะโยชัวร์” 

    "อือ...จากนี้อีกสองปีก่อนครอสมารับตัวไปชดใช้หนี้ก็ต้องเตรียมตัวกันหน่อยล่ะนะ" 

    "งั้นสอนทริ๊กให้เยอะๆเลยล่ะกันจะได้กินตังชาวบ้านง่ายๆ" 

     

    และนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นและการกระตุ้นให้ด้านมืดของอเลนตื่นขึ้นมาเร็วกว่าปกติเล็กน้อยเพื่ออนาคตข้างหน้าที่กำลังจะถึงในไม่ช้านี้ แต่ก่อนหน้านั้น… 

     

    “โยชัว รู้มั้ยว่าตอนนี้พี่มีคู่หูใหม่ด้วยนะ” 

     

    โยฮันว่าออกมาด้วยรอยยิ้มกว้างที่เขารู้สึกว่าภูมิใจกับมันอย่างบอกไม่ถูกกับผลงานของตัวเองที่ปิดไว้เป็นความลับตลอด ซึ่งมันทำให้ตัวแฝดคนน้องอดไม่ได้ที่จะถามออกมาดูหลังจากที่เก็บไพ่ใส่กระเป๋าแล้วเอาลูกดอกมาเล่นแทน 

     

    “เห นอกจากกระรอกแล้วมันเป็นตัวอะไรล่ะ นกพิราบเหรอ” 

    “โคตรใจร้ายเลย! เท่กว่านั้นเยอะ ออกมาเร็วคู่หู!” 

     

    แฝดคนพี่ลุกขึ้นมาแบบปุบปับส่งผลให้โยชัวที่นั่งพิงพี่ชายตัวตลอดหงายหลังลงกับพื้นมองสิ่งมีชีวิตที่พี่ชายฝาแฝดตัวเองเรียกว่าคู่หูด้วยสีหน้าที่แปลกใจหน่อยๆ 

    สิ่งมีชีวิตที่ตัวโยฮันเรียกว่าคู่หูนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่เรียกได้ว่าเหมาะแก่การพกพาไปไหนมาไหนด้วยจริงๆ ทั้งลำตัวที่ปกคลุมไปด้วยขนสีขาว ขาสั้นๆกับหางที่เป็นพวง ไหนจะหูเล็กๆของสัตว์ตระกูลฟันแทะและดวงตาสีดำกลมๆเม็ดเล็กๆ 

     

    “เฟอเรท?” 

     

    โยชัวที่เห็นแบบนั้นถามขึ้นมาเพื่อความแน่ใจก่อนจะเริ่มหัวเราะออกมาเบาๆกับตัวเลือกซึ่งถ้าตัวโยฮันบอกว่าเป็นหมาป่าหรือจิ้งจอกเธอจะไม่ว่าอะไรเลยสักนิด เพราะแบบนั้นพลังโจมตีมากกว่าสัตว์เลี้ยงตั้งเยอะ 

     

    “แบบนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรจากกระรอกเลยไม่ใช่เหรอ!” 

    “อย่ามาดูถูก พรีโม่นะ!” 

     

    โยฮันร้องออกมาพร้อมกับกอดเฟอเรทสีขาวของตัวเองไว้แน่นไม่ให้เจ้าตัวเล็กที่เขาพึ่งเปิดตัวโจมตีน้องสาวฝาแฝดของเขาซะก่อน แม้ว่าบางครั้งปากของอีกฝ่ายมันจะเป็นชนิดที่รนหาเกิบมาตบก็ตาม แต่มันก็เท่านั้น 

     

    “นี่ตั้งชื่อแล้วเหรอ โอ๊ย!?” 

     

    พรีโม่ เฟอเรทตัวน้อยของโยฮันพุ่งเข้าหาแฝดคนน้องอย่างรวดเร็วพร้อมกับกรงเล็บที่ถูกปลดปล่อยออกมาเพื่อขวนใบหน้าที่ถูกปิดด้วยผ้าผืนบางนั่น ซึ่งตัวคนที่ถูกข่วนไปแล้วรอบหนึ่งนั้นไม่รอช้าที่จะลุกขึ้นมาแล้วเริ่มวิ่งหนีเฟอเรทสีขาวด้วยกำลังทั้งหมดที่มี 

     

    กลายเป็นภาพอันแสนน่ารักไปในทันตา… 

     

    แฝดคนน้องที่แข็งแรงกว่าแฝดคนพี่วิ่งหนีเฟอเรทไปรอบๆลานกว้างที่เหล่านักเดินทางใช้พักกันท่ามกลางเสียงหัวเราะมากมาย ขณะที่แฝดคนพี่นั้นพยายามจับจังหวะแล้วดักทางพวกเขาไว้ แต่เมื่อไม่ได้ผลเขาก็ต้องไปตามอเลนมาช่วยในที่สุด 

     

    “พี่ครับ! เอาเจ้านี้ออกไปที!” 

     

    โยชัวที่บัดนี้ใช้ต้นไม้เป็นที่พึ่งว่าออกมาพร้อมกับเกาะกิ่งไม้ใหญ่ที่ตัวเองปีนขึ้นมาไว้ด้วยมือและเท้าประหนึ่งแมวที่หนีหมาขึ้นต้นไม้ ขณะที่ตัวเฟอเรทนั้นกำลังพยายามหาทางปีนขึ้นต้นไม้อยู่ด้วยความอาฆาตที่มีมากมายมากกว่าที่คิด 

    โยฮันกับอเลนที่มาถึงที่เกิดเหตุได้แต่หัวเราะออกมากับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมันดูตลกมากในสายตาพวกเขาที่เด็กเซียนพนันที่เอาชนะผู้ใหญ่เมื่อครู่นั้นตอนนี้กลับมาสิ้นท่าให้สัตว์โลกที่น่ารักนี่ แถมยังโวยวายออกมาผิดนิสัยอีก 

     

    “เข้าใจแล้วๆ เกาะไว้แบบนั้นอย่าปล่อยนะโยชัว เอ้า พรีโม่! หยุดเดี๋ยวนี้นะพรีโม่!” 

     

    โยฮันที่ได้ยินแบบนั้นรีบอุ้มเฟอเรทของตัวเองออกมาก่อนที่มันจะเริ่มปีนต้นไม้พร้อมกับอเลนที่ตามโยฮันไปด้วยพยายามคุมเจ้าเฟอเรทขาวที่เหมือนจะมีจิตอาฆาตมากกว่าที่คิดไว้แล้วตะโกนออกไปหาน้องคนใหม่ของเขาที่พยายามลงมาจากต้นไม้อยู่ 

     

    “หวา โกรธจัดเลยโยชัว ลงมาแล้วนายขอโทษเจ้านี่ด้วยนะ” 

    “ถ้ามันเลิกอาฆาตผมน่ะ!” 

     

    วินาทีที่พี่ชายทั้งสองเดินจากไปโยชัวที่ยังเกาะต้นไม้อยู่นั้นถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกในที่สุด เมื่อมารร้ายตัวใหม่ที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันไปอีกนานนั้นหายกลับไปรวมกลุ่มกับคณะเดินทางในที่สุดมอบเวลาเป็นส่วนตัวให้เธอได้ทดสอบความสามารถของตัวเองด้วย 

    เด็กสาวที่ยังคงนั่งอยู่บนกิ่งไม้เลิกผ้าปิดตาของตัวเองขึ้นมาให้ดวงตาสีแดงเลือดได้เพ่งมองไปยังพื้นดินเบื้องล่างก่อนที่ร่างที่เคยอยู่บนต้นไม้จนถึงเมื่อครู่จะเคลื่อนย้ายลงมาสู่พื้นดินพร้อมดวงตาที่กลายเป็นสีฟ้าเทา แม้ว่าตอนลงมาถึงพื้นจะทำให้เธอทรงตัวไม่อยู่แล้วล้มหน้าคว่ำเพราะยังไม่คุ้นชินกับการเทเลพอร์ตก็ตาม 

    ความสามารถในการเคลื่อนย้ายนี้ เป็นการเจอด้วยความบังเอิญในช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาตอนที่เกือบถูกเอ็กโซซิสท์จับได้และเข้าตาจน โยชัวที่กำลังจะใช้ดวงตาต้องสาปสีแดงเลือดจ้องชาวบ้านเผลอไปปลุกพลังใหม่ขึ้นมาโดยบังเอิญจนเคลื่อนย้ายไปติดต้นไม้และลงมาไม่ได้จนกว่ามานากับพวกอเลนจะมาช่วยพาเธอลงมา 

     

    “เจ็บ…” 

     

    โยชัวบ่นออกมาเบาๆพร้อมกับลุกขึ้นมาจากพื้นพยายามปัดฝุ่นออกจากร่างกายตัวเองเพื่อเดินตามพี่ชายทั้งสองของตัวเองและเดินทางต่อ ทว่านั่นกลับเป็นวินาทีที่เธอได้พบกับชายหนุ่มอีกคนที่เดินสวนทางมาแทน 

    คนที่เดินสวนทางกับเธอนั้นสวมใส่ชุดแบบเดียวกับพวกคนงานเหมืองและคาบบุหรี่มวนหนึ่งไว้ในปาก อีกฝ่ายนั้นมีเรือนผมสีดำเข้มและแม้ว่าใจใส่แว่นและมีผมปรกบังใบหน้าไว้แต่เด็กสาวกลับมองเห็นได้ชัดเจนถึงโครงหน้าของคนยุโรปคล้ายพวกไอบีเรียไม่ก็อิตาเลียนที่อีกฝ่ายมี 

     

    แต่ทำไมถึงรู้สึกคุ้นๆกันนะ… 

     

    “โยชัว! พวกเราจะเริ่มเดินทางกันแล้วนะ!” 

    “ครับ! จะไปเดี๋ยวนี้แหละครับคุณมานา!” 

     

    เสียงของมานาดังขึ้นมาเรียกสติของฝาแฝดคนน้องให้เลิกสนใจชายหนุ่มที่ตัวเองพึ่งเดินสวนไปแล้ววิ่งตามไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆในที่สุด ซึ่งเป็นจังหวะที่เธอพลาดไปเมื่อคนงานเหมืองที่อยู่อีกฝั่งของถนนเอ่ยเรียกตัวชายที่เธอพึ่งเดินสวนทางไปด้วยเช่นกัน 

     

    “เฮ้ยทิกกี้! ได้เวลาเข้างานแล้วนะไปกันเร็ว!” 

    “โอ้! รู้แล้วๆอย่าแย่งหมวกฉันไปละกัน!” 

     

    ฝาแฝดทั้งสองที่กลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้งต่างคว้ามือกันและกันไว้พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าแม้ว่าตัวเฟอเรทสีขาวบนไหล่โยฮันจะทำให้โยชัวสะดุ้งขึ้นมาก็ตาม แต่ถึงงั้นโยชัวก็ตัดสินใจเมินมันแล้วถามพี่ชายฝาแฝดของตัวเองอยู่ดี 

     

    “นี่โยฮันพร้อมรึเปล่า” 

    “พร้อมสิ ถ้าโอเคก็เอาเลยนะพวกเขาต้องชอบมันแน่ก็เราวาดรูปแบบสุดฝีมือกันเลยนี่นา” 

     

    พยักหน้าให้กันและกันฝาแฝดผมดำทั้งสองต่างวิ่งไปดึงแขนเสื้อของครอบครัวใหม่ทั้งสองคนของพวกเขาเพื่อเรียกความสนใจก่อนจะยื่นล็อกเกตสีเงินให้พวกเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน 

    ล็อกเกตเหล่านั้นเป็นของโหลที่โยชัวซื้อมาจากการไปเล่นโป๊กเกอร์ตอนกลางคืนตลอดหนึ่งอาทิตย์ก่อนเดินทางออกมาจากลอนดอน ในขณะที่ส่วนด้านในนั้นมีรูปวาดของทั้งสี่คนอยู่ด้วยกันซึ่งมันก็เหมือนตัวจริงราวกับถ่ายภาพมาใส่อันเป็นฝีมือของโยฮันซะส่วนใหญ่ 

     

    “พวกผมอยากจะให้อะไรเป็นของตอบแทนบ้างน่ะครับคำขอบคุณที่พาพวกเรามาด้วย" 

    “ถึงไม่รู้ว่าจะเป็นประโยชน์ให้ได้รึเปล่าแต่จากนี้ไปขอรวบกวนด้วยนะครับ” 

     

    ท่ามกลางเสียงหัวเราะและความยินดีของครอบครัวตระกูลวอคเกอร์ที่มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกสองคน การเดินทางสองปีก่อนที่จุดจบของความสุขจะมาเยือนพร้อมกับความมืดที่คืบคลานเข้าหาดวงวิญญาณที่ใกล้จะดับสูญ 

     

    สู่อารัมภบทของสงครามอันยาวนานที่เปิดฉากขึ้นในที่สุด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×