ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vanderer Princess เจ้าหญิงแล้วทำไมก็ใจมันสั่งลุย

    ลำดับตอนที่ #4 : หญิงคืออดีต ชายคือปัจจุบัน และมันก็คือวายในอนาคต

    • อัปเดตล่าสุด 23 ส.ค. 60


            ภายในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆในโรงเตี๊ยมหมู่บ้านคลียาร์ค มีชายหนุ่มผมแดงกำลังนั่งรอใครสักคนอยู่บนเตียงด้วยท่าทีกระสับกระส่ายผิดปกติ ที่จริงเขาไปนั่งรอที่เก้าอี้ก็ได้แต่นั่งที่แข็งๆนานๆมันก็เมื่อยเหมือนกัน

            นัยน์ตาสีเขียวมะกอกรีบหันไปทางต้นเสียงของประตูห้องน้ำที่เปิดออกพร้อมร่างสูงผมเงินที่เดินเช็ดผมออกมาอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร

     

            "เจ้าหญิงกราฟิเซีย..."

            "กราเฟียส"

     

            ร่างผมเงินเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนผิดกับตอนที่เจอหน้าโรงเตี๊ยมลิบลับ แต่ชื่อที่เขาบอกมานั้นทำให้คนผมแดงทำหน้างงเข้าจนได้ ร่างผมเงินจึงอธิบายให้พลางนั่งลงที่อีกฝั่งของเตียง

     

            "ระหว่างเดินทางให้เรียกข้าว่ากราเฟียสเถอะเฟเรสแถมขอแบบเรียกในฐานะผู้ชายด้วย"

            "เจ้ายังไม่เลิกตัดใจจากนางอีกเหรอ ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วหากถูกเลือกไปพวกนางจะมีอายุขัยน้อยลงแบบที่เจ้านึกไม่ถึง ถึงกระนั้นเจ้าจะตามหานางเหรอ?”

     

            ราวกับเข็มทิ่มแทงจิตใจ เขารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องจริงทุกอย่างในหนังสือตำนานแห่งการสร้างทวีปเรสเทียโบราณ ในนั้นมีกล่าวไว้อยู่ตั้งแต่บทแรกไปถึงบทสุดท้าย

            การจะตามหาทางเข้าเขตแดนของราชาอสูรผู้ปกครองเรสเทียนั้นยากพอๆกับงมเข็มในมหาสมุทร หากไม่มีความตั้งใจจริงก็ยากยิ่งที่จะหาทาง

     

             "นางเป็นน้องสาวข้า เป็นผู้มีสายเลือดเดียวกัน มันแปลกงั้นเหรอที่จะเห็นพี่น้องคิดถึงกันน่ะ”

     

             เฟเรสหัวเราะเบาๆกับคำพูดของเจ้าหญิงผมเงิน ดั่งที่เขาว่าพี่น้องมันมีสายใยบางๆเชื่อมต่อกันเป็นความสัมพันธ์ที่ตัดกันไม่ขาด

     

            "แล้วเจ้าจะทำยังไงกับข้าต่อล่ะ ข้าไม่ยินดีที่จะร่วมทางไปหรอกนะ"

            "ใครขอล่ะ ข้าจะลากคอเจ้าไปด้วยตะหากอย่าลืมสิว่าเจ้าติดหนี้ข้าตอนเล่นหมากรุกแพ้บนหอคอยวันฉลองฤดูเก็บเกี่ยวเมื่อห้าปีก่อนนะเฟเรส”

     

            ห้าปียังจำได้แถมจำได้ถูกวันด้วยเฮ้ย!

            พ่อมดหนุ่มส่งเสียงไม่พอใจในลำคอเล็กน้อยในขณะที่นัยน์ตาสีเขียวมะกอกยังคงจับจ้องไปยังใบหน้าของเจ้าหญิงที่หนีออกมาจากหอคอยก่อนที่รอยยิ้มมุมปากจะปรากฏบนใบหน้าของเขา

     

            "ขู่เป็นกับเขาด้วยเหรอเจ้าหญิง”

            "ไม่ขู่แต่ข้าเอาจริงเฟเรส ข้าจืดจางมาพอแล้วในฐานะเจ้าหญิงให้ข้าได้ทำตามใจบ้างหน่อยจะเป็นไรไป"

            "เก็บกดมารึไงเจ้าหญิงแต่คำตอบข้าก็คงเป็นคำว่าไม่นั้นแหละตัดใจซะ"

            "ไม่มีทางพรุ่งนี้เช้าเราจะออกเดินทางกันแถมแหวนเจ้ายังอยู่ที่ข้านะเพราะงั้นเจ้าแหละตัดใจแล้วฟังข้าซะ"

     

            ไม่ทันจะได้ลุกขึ้นมาร่างผมเงินก็ถูกดึงลงกับเตียงนุ่มโดยมีคนผมแดงคร่อมอีกฝ่ายไว้อยู่ บนใบหน้าประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับดวงตาที่ฉายแววคาดเดาอารมณ์ไม่ได้ในขณะที่คนผมเงินนั้นเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนกเล็กน้อยสร้างเสียงหัวเราะต่ำๆจากร่างผมแดงได้เป็นอย่างดีก่อนที่เขาจะโน้มตัวกระซิบลงข้างใบหูของเจ้าหญิงผมเงิน

     

            "พ่อมดอย่างข้าจำเป็นที่จะต้องฟังเจ้าหญิงด้วยเหรอ ข้าสาปเจ้าให้หลับใหลแล้วขังเจ้าไว้ในหอคอยอีกครั้งก็ได้ แต่ในตอนนี้ข้าก็อาจเปลี่ยนใจเป็นเล่นสนุกกับเจ้าแทนก็ดีเหมือนกัน นับเป็นตัวเลือกที่วิเศษน่าดูจริงมั้ยเจ้าหญิงกราฟิเซียแห่งโรเซเลียส”

     

            วิเศษกะผีสิ!

     

            กราเฟียสเริ่มหน้าซีดลงเล็กน้อยกับคำพูดของพ่อมดตรงหน้าผิดกับอีกฝ่ายที่ค่อยๆฉีกยิ้มเลื่อนปลายนิ้วลงไปตามลำคอของอีกฝ่ายแล้วหยุดลงที่กลางอกบนกระดุมเม็ดแรกของเสื้อ

            แม้ว่าในใจของคนผมเงินนั้นภาวนาที่จะให้นั้นเป็นแค่เรื่องล้อเล่นแต่เท่าจากที่ผ่านมานั้นพ่อมดตรงหน้าเธอพูดจริงทำจริงทุกอย่างต่อให้แม้แต่การฆ่าคนก็ตามทำให้สีหน้าของเขาเริ่มไม่สู้ดีนัก

     

            "อีกอย่างข้าน่ะร่ายเวทย์โดยไม่ใช้แหวนได้แล้วเพราะงั้นเก็บแหวนไว้เถอะ เผื่อสักวันมันจะกลายเป็นแหวนแต่งงานของเจ้ากับข้านะ"

     

            โอเคเหลืออดมามากพอล่ะ

     

            ท่อนขาเรียวข้างหนึ่งนั้นถูกชันขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตามด้วยการเข่าใส่กล่องดวงใจอย่างไม่ใยดีส่งผลให้ร่างผมแดงชะงักไปแล้วล้มลงนอนบนเตียงข้างๆแทนด้วยความเจ็บปวด

     

            "อ่อนหัดคิดว่าข้าเก่งแค่เรื่องหมัดเบาๆรึไงจำไว้ซะว่าข้าไม่เคยหยุดซ้อมการต่อสู้เลยสักวันหลังติดอยู่บนหอคอยนั้น"

            "ย..ยัยเถื่อน"

            "ขอบคุณสำหรับคำชม"

            "ไม่ได้ชมเฟ้ย!"

     

            นี่เขาควรปลงกับความหน้าด้านเอาแต่ใจนี่จริงๆสินะให้ตายเถอะเจ้าหญิงอะไรไม่น่ารักเอาซะเลย

     

            เจ้าหญิงผมเงินเลื่อนสายตาลงมามองแหวนในมือเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาหาพ่อมดหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้งด้วยแววตาที่ลังเลก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อตัดสินใจบางอย่างได้

     

            “ไม่ต้องไปกับข้าก็ได้แต่ข้อขอแค่อย่างเดียว...”

     

            เมื่อเงื่อนไขแปรเปลี่ยนพ่อมดหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าหญิงผมเงินอีกครั้งเพื่อเป็นการตอบเชิงอ้อมว่ากำลังรับฟังอยู่

     

            “ทำให้ข้าเป็นผู้ชายที”

     

            เป็นคำขอที่...เกินคาดไปหน่อย

     

            เขารู้ดีว่าการที่เจ้าหญิงออกมาจากหอคอยด้วยตัวเองนั้นมีจุดประสงค์คืออะไรและทำไปเพื่ออะไร การเดินทางเพื่อตามหาราชาอสูรและตามหาเจ้าหญิงอาร์รีแอนที่หายไปแม้รู้ว่าเสี่ยงแต่กราฟิเซียไม่คิดจะยอมแพ้จนถึงที่สุด เพราะงั้นเธอถึงขอแค่ให้ได้มีร่างกายของบุรุษเพื่อสะดวกต่อการเดินทางเพียงแค่นั้น

     

            แค่คำขอเดียวที่ไม่หวังสิ่งใดมาก

     

            เฟเรสถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเมื่อมองเห็นความคิดของหญิงสาวตรงหน้าได้อย่างทะลุประโปร่ง ซึ่งเขาเองก็เข้าใจความรู้สึกที่ว่านั้นดี ความรู้สึกของการสูญเสียครอบครัวอันเป็นที่รักมันเจ็บปวดโดยเฉพาะตอนที่เราทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

     

            แถมเขายังติดหนี้พนันกับอีกฝ่ายด้วย

     

            สัญญาของเขานั้นถือเป็นชีวิตของเขาในฐานะพ่อมด เขาสาบานว่าจะไม่ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับใครก็ตาม เว้นแต่เรื่องความตายของตัวเอง

            แหวนในมือของเจ้าหญิงผมเงินถูกคว้ากลับมาสวมเข้าที่เรียวนิ้วของพ่อมดอีกครั้งก่อนที่เขาจะหยิบขวดยาจากกระเป๋าสะพายข้างออกมาสองสามขวดแล้วสร้างวงเวทย์ขึ้นมา ณ ใต้เท้าของหญิงสาวผมเงิน

            แม้เขาจะพูดว่าสามารถร่ายเวทโดยไม่ใช้แหวนเป็นสื่อกลางได้แล้วแต่นั้นก็เป็นเพียงแค่คำสาปเชิงลบเท่านั้น การจะร่ายเวทในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่คำสาปเชิงลบเขาจะต้องใช้แหวนเพื่อให้พลังเสถียรมากพอที่จะไม่ย้อนกลับมาทำร้ายผู้ใช้ของมันเอง

             พ่อมดหนุ่มไม่เอ่ยปากพูดแม้แต่คำเดียว นัยน์ตาสีเขียวมะกอกจับจ้องไปยังมือข้างหนึ่งที่เขาใช้มันเพื่อพลิกหน้าหนังสือส่วนอีกมือหนึ่งนั้นเขาใช้มันเพื่อปรุงยาในขวดแก้ว จนกระทั่งเมื่อวงเวทสว่างขึ้นมาเขาจึงหันไปพูดกับอีกฝ่าย

     

            “ข้าทำได้ดีสุดได้แค่นี้กราฟิเซีย แต่เจ้าต้องจำไว้มันมีผลข้างเคียงอยู่ ทุกคืนจันทร์เต็มดวงเจ้าจะกลายเป็นผู้หญิงอีกครั้ง”

     

            สิ้นเสียงร่ายมนตรา ขวดแก้วที่บรรจุของเหลวสีม่วงอ่อนถูกยื่นให้เจ้าหญิงผมเงินที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ ครั้งพอจะเปิดขวดดื่มเจ้าตัวก็เบ้หน้าออกมาทันทีที่ได้กลิ่นของเหลวที่อยู่ข้างใน

     

            “จงใจใช่มั้ย กลิ่นนี่ข้าค่อนข้างที่จะทำใจลำบาก”

            “ไม่ดื่มก็กลับหอคอยซะเจ้าหญิง”

     

            ไม่มีความใยดีเหลืออยู่ในน้ำเสียงของพ่อมดหนุ่มที่โดนขูดรีดทรัพย์และโดนทำร้ายร่างกาย เขาทำให้อีกฝ่ายถึงขนาดนี้แล้วช่วยทำให้มันจบๆทีเถอะไหนๆมันก็พลาดแล้วหนิ ตั้งแต่เจ้าตัวหนีออกมาจากหอคอยแล้วด้วย

            เมื่อเห็นว่าไร้หนทางเลือกเจ้าหญิงผมเงินค่อยๆหลับตาลงแล้วกระดกของเหลวนั้นลงไปแม้ว่าจะมีกลิ่นที่บรรเจิดเฟิร์สคลาสก็ตาม

     

            “รสชาติหยั่งกับฉี่ก็อบลินเลยพับผ่าสิโว้ย!!

     

            คนผมเงินโว้ยวายออกมาทันทีที่กระดกยาเข้าไป รสชาติเหม็นสาบแสบคอเล่นเอาต้องเบ้หน้าไว้เพื่อไม่ให้ลิ้นได้รับรู้รสชาติบาดลิ้นนั้นอีก จนกระทั่งความทรมานถาโถมเข้าใส่ ร่างกายเริ่มร้อนผ่าวราวกับกำลังถูกไฟเผา ภายในร่างกายเล็กๆที่บอบบางเริ่มกระตุกแล้วล้มลงไปนอนดิ้นอยู่บนพื้นห้องเหมือนมีบางอย่างกำลังแทรกและชอนไชอยู่ตามร่างกายจนทำให้รู้สึกคลื่นไส้ไปหมด

            แม้ว่าจะเห็นเจ้าหญิงตรงหน้าทรมานอยู่พ่อมดผมแดงก็ได้แต่พยักหน้ารับรู้เท่านั้นเมื่อลักษณะอาการของอีกฝ่ายตรงกับที่ในหนังสือปรุงยาบอกไว้

            สำหรับยาสรรพรสนี้แน่นอนว่ากลิ่นและรสชาติเป็นอะไรที่หมาไม่แดรฟแน่ๆแถมยังทรมานสุดติ่งอีก แต่ในทางตรงกันข้ามเมื่อผ่านพ้น ณ จุดๆหนึ่งไปแล้วมันก็คือความสำเร็จที่คุ้มค่ามากเลยทีเดียว

     

            “ดีขึ้นรึเปล่าเจ้าหญิงกราฟิเซีย”

     

           เขาเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากที่ร่างผมเงินนั้นนอนแน่นิ่งไปสักพักก่อนจะได้เสียงถอนหายใจเป็นคำตอบของเขา

     

            “ชาตินี้ข้าจะไม่แตะยานี่อีกเป็นครั้งที่สอง”

     

            เสียงหวานนุ่มไพเราะจากที่เคยได้ยินแปรเปลี่ยนเป็นเสียงทุ้มกังวานน่าฟังในวินาทีต่อมาพร้อมๆกับอดีตเจ้าหญิงที่ยันตัวขึ้นมานั่งบนเตียงดีๆอีกครั้ง

            แม้จะดูไม่ต่างอะไรจากเดิมแต่ด้วยเหตุผลหลากหลายประการในต่อนี้เจ้าหญิงกราฟิเซียไม่เหลือเค้าโครงที่เป็นผู้หญิงอีกแล้ว ร่างกายที่สูงขึ้นกับสัดส่วนกล้ามเนื้อที่สมส่วนยิ่งกว่าชายชาตรีหรือเจ้าชายจากอาณาจักรใดๆที่เคยพบเห็น ดวงหน้าคมได้รูปและหล่อเหลาไม่ต่างอะไรจากเทพบุตรแสดงกิริยาที่ไม่พอใจเล็กน้อยแม้แต่ดวงตาสีม่วงลาเวนเดอร์กลมโตคู่งามก็ด้วย ถึงสีของมันจะไม่เปลี่ยนแต่ดวงตานั้นเปลี่ยนไปโดยชัดเจนเป็นดวงตาที่คมราวกับนัยน์ตาของเหยี่ยว

     

            ยิ่งไปกว่านั้นคืออดีตเจ้าหญิงในตอนนี้มีออร์ร่าพระเอกอยู่เต็มตัว

            และมันทำให้พ่อมดหนุ่มคิ้วกระตุกกับผลงานของตัวเอง...

     

            “อ้าปากซะกราฟิเซีย! ข้าเปลี่ยนใจแล้วเจ้าน่ะกลับหอคอยไปซะ!

     

             หล่อแบบนี้เฟเรสรับ บ่ได้!!

     

            “เฮ้ย!? ได้ไงไม่เอาห้ามเอายานั้นมาให้ข้าดื่มนะว้อยไอ้พ่อมดสติเสื่อม!!

     

            เมื่อหลบไม่ได้ก็มีแต่ต้องใช้ตีนรั้งไว้เท้านั้นแม้คนผมเงินจะรู้ตัวแต่เพราะอีกฝ่ายนั้นพุ่งเข้ามาเร็วกว่าและน้ำหนักที่ทิ้งลงมาแบบไม่ทันตั้งตัวมันทำให้เขาเสียหลักเอนหลังลงไปกับเตียงทันทีโดยมีอีกฝ่ายคร่อมเขาไว้และมือที่ยังไม่ปล่อยคอเสื้อของเขาอยู่

            ภายในดวงตาสีเขียวมะกอกนั้นเต็มไปด้วยความหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยหน้าไปกว่าอารมณ์ที่แสดงบนใบหน้าของเขาเอง แต่สติของคนผมเงินก็กลับมาเมื่อได้ยินเสียงเสื้อขาด ที่จริงมันก็ไม่ขาดง่ายถึงขนาดนั้นแค่แรงดึงนี่มันไม่ทำให้ขาดหรอกแต่เพราะกล้ามที่เพิ่มขึ้นของเขามันเลยปริ กระดุมก็จะรั้งไว้ไม่อยู่ แล้วมันก็...

     

            จะขาดง่ายขึ้น

     

            “เฟเรส! ปล่อยสิเฮ้ย เจ้าบ้าเฟเรสเสื้อข้าจะขาดแล้วนะ!

            “ข้าไม่สน! ข้ารู้ดีว่าผลของยาจะออกฤทธิ์ตามสภาพความแข็งแรงของร่างกาย เพราะงั้นข้าถึงอยากรู้ ไอ้เวลาสิบปีบนหอคอยเจ้าไปทำอะไรไว้บ้างห๊ายัยเจ้าหญิงผ่าเหล่า!!!

     

            ปากพูดไปแต่มือทั้งสองข้างนั้นกลับเขย่าคอเสื้อของคนผมเงินไปมาจนตอนนี้กระดุมถึงขีดจำกัดของมันและขาดในที่สุด แผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่สมส่วนจนเกินคำว่าสมบูรณ์แบบปรากฏขึ้นในสายตาพ่อมดหมุ่มให้ได้หยุดชะงัก ใบหน้าของอดีตเจ้าหญิงขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่ารักแต่ก็ไม่นานเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนอยู่ในท่าที่ล่อแหลมแค่ไหน เขาจึกพลิกตัวสลับตำแหน่งบนล่างกับอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

     

            “ข้าแค่ออกกำลังกายเจ้าพ่อมดฟิตกล้าม อยู่บนนั้นข้าจะทำอะไรได้แค่วิดพื้น ซิทอัพ ยกเวท ฝึกดาบ ชกมวย แล้วก็ฟรีรันนิ่งเองโว้ย!! รู้มั้ยถ้ามีเสื่อให้ข้าคงเล่นโยคะไปนานแล้ว ”

     

            นั้นคือความจริงสิบปีทั้งทีจะให้แค่กิน นอน เล่นอย่างเดียวคงเบื่อตายนอกจากอ่านหนังสือฝึกฝนร่างกายนี่แหละคือรูปแบบที่ดีที่สุดในการใช้เววลาว่างให้เป็นประโยชน์

     

    ก๊อกๆๆ

     

            “ขอโทษนะคะ ตอนนี้อาหารเตรียมเสร็จแล้วท่านทั้งสองเชิญลงไป--....”

     

            เสียงเปิดประตูดังเรียกสติของพวกเขาให้หันไปมองพูดที่มาขัดจังหวะเวลาคุยของพวกเขา ซึ่งหญิงสาวที่ทำงานในฐานะแม่บ้านในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ได้แต่หน้าแดงและตัวสั่นเครือด้วยความรู้สึกบางอย่าง สองมือปิดปากไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะหลุดคำพูดบางอย่างออกมา แต่ภาในดวงตานั้นกลับฉายแววความสุขได้อย่างชัดเจน

            มันไม่ได้มีทุกวันหรอกนะที่หนุ่มรูปงามสองคนจะกลายเป็นอาหารสายตาและกลายเป็นสมบัติทางความทรงจำของผู้หญิงอย่างเราๆได้น่ะ เธอคนนี้มองเห็นตั้งแต่SMกันที่หน้าทางเข้าแล้ว คราวนี้เข้าห้องมาอาบน้ำเสร็จก็จะต่อกันบนเตียงเลยนี่ รู้งี้รออยู่ข้างนอกดีกว่า! ไม่ต้องเห็นภาพก็ได้ แค่ได้ยินเสียงเธอก็มโนเอาได้แล้ว

     

            “........ข้าว่า ลงไปทานข้าวกันก่อนดีกว่านะเฟเรส”

            “ หนนี้ข้าไม่ขัดข้องกราเฟียส...”
     

    -------------------------------------------------------

    ลงตอนสั้นๆไปแล้วค่อยนอนเดี๋ยวนี้นางเอกไม่หน่อมแน้ม แล้วนั้นคือความจริง ผู้ชายหน้าตาดีปล่อยให้พวกเขากินกันเองไปถ้าไม่กินกันเองก็ต้องทนมือทนเท้านางเอกหน่อย ถึงนางเอกจะอัพสถานะเป็นพระเอกแล้วก็ตาม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×