คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ความบังเอิญในคลียาร์ค
ท่ามกลางหมู่ไม้เขียวขจีในป่าแกรนเดส ผืนพงไพรขนาดใหญ่ที่ขั้นกลางทวีปเรสเทียมันช่างอุดมสมบูรณ์เหลือเกินในสายตานักเดินทางหนุ่มผมเงิน
พืชพรรณนาๆชนิดเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ไร้ที่ติ ไม้เล็กใหญ่ทุกต้นต่างอิงอาศัยกันอย่างลงตัว ดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์เบ่งบานอย่างงดงามและเป็นอิสระทั่วทั้งผืนป่าทำให้บรรยากาศในป่าเขตตะวันออกนี้ช่างสดชื่นและเหมาะแก่การแวะพักเหลือเกิน
เสียงฝีเท้าของม้าที่นักเดินทางผมเงินควบมานั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ออกจากเขตหอคอยมาได้หลายชั่วโมง เขาต้องการไปที่หมู่บ้านคลียาร์คที่อยู่ใกล้ป่าที่สุดเพื่อหาข่าวจากเผ่าอื่นๆที่มาแลกเปลี่ยนซื้อขายของที่ได้มากับมนุษย์เท่านั้นและอยากให้ไฮเดนม้าของเจ้าชายเมลทาเรียสได้กลับไปหาเจ้าของเดิมด้วย ไม่งั้นอาจมีเหตุการณ์เจ้าชายตายเพราะโชคร้ายหลงป่าก็เป็นได้
"แค่นี้ก็พอแล้วขอบใจเจ้ามากนะเจ้าม้า"
ร่างผมเงินเอ่ยขึ้นมาเบาๆแล้วโดดลงจากหลังม้าเมื่อถึงปากทางออกของป่าใกล้หมู่บ้านคลียาร์คเป้าหมายของเขา ทันทีที่ลงจากหลังมาร่างสูงก็ยื่นแอปเปิ้ลเขียวที่เตรียมไว้เป็นเสบียงให้อาชาสีน้ำตาลดำแล้วตบขาไล่มันกลับไปหาเจ้าของตามเดิม
ครั้งแรกในรอบสิบปีที่เจ้าหญิงน้อยได้ออกจากหอคอยมาสู่โลกกว้าง ความตื่นเต้นก่อตัวขึ้นมาในอกแม้แต่ใบหน้าหล่อเหลาติดหวานนิดๆของตัวเองนั้นก็ไม่สามารถปกปิดอารมณ์ไว้ได้
หมู่บ้านใหญ่ยามสายนั้นกำลังคึกคักพอควร มีผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของป่าที่คนในหมู่บ้านไปเก็บมาอยู่มากมายจนนับไม่ท้วนไม่ว่าจะเป็นผลไม้ผักปลาเนื้อสัตว์หรือแม้กระทั่งของป่าหายากก็ยังมีผู้คนนำมาขายในราคาย่อมเยาที่เป็นที่ถูกใจของบรรดานักเดินทางทุกคน
"พ่อหนุ่มตรงนั้นน่ะสนใจซื้อผลไม้สดๆมั้ย"
ร่างผมเงินรีบหันหน้าไปทางต้นเสียงทันทีก่อนจะพบกับชายแก่เจ้าของร้านผลไม้ที่เหมือนจะจ้องมาทางนี้แบบไม่วางตา
“เออ...ท่านพูดกับข้าอยู่เหรอ"
คนผมเงินออกอาการมึนเล็กน้อยเมื่อโดนทักเข้า ในใจก็แอบหวั่นอยู่ว่าตอนเดินเข้าหมู่บ้านมาจะเห็นว่าเขาเป็นผู้หญิงรึเปล่า ถ้าเป็นงั้นการเดินทางก็คงลำบากเท่าตัวแน่
"ใช่สิพ่อหนุ่มถ้าไม่ใช่เจ้าแล้วจะมีใครอีก เจ้าเป็นนักเดินทางงั้นหรือเอางี้มั้ย ข้าจะลดราคาให้เจ้าแอปเปิ้ลแดงสามลูกยี่สิบห้าเหรียญทองแดงเป็นไงล่ะ”
ถึงแม้จะพูดแบบนั้นในตัวเขานอกจากสร้อยของดูต่างหน้าน้องสาวแล้วในกระเป๋าก็มีแค่ผ้าคลุม กระติกน้ำเก่าๆกับลูกท้อสีเงินอีกสี่สิบกว่าลูกเท่านั้นที่ยอมแบกมาด้วยนอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรเลยแม้แต่เงินสักแดงก็ไม่มี
"ขอโทษด้วยท่านลุงแต่ข้าไม่มีเงินเลยสักแดงและข้ากำลังตามหาแหล่งข่าวสารอยู่หากท่านยินดีที่จะบอกข้าก็อยากให้ท่านรับสิ่งนี้ไว้เป็นสินน้ำใจจากข้า”
ว่าแล้วเขาก็คว้าลูกท้อสีเงินในกระเป๋ามาแล้วส่งต่อให้เจ้าของร้านผลไม้ที่เดินมาดูคนผมเงินใกล้ๆ จากที่เคยอยู่ห่างกันเป็นเมตรบัดนี้ชายแก่เจ้าของร้านผลไม้แทบพุ่งเข้ามากอดคนผมเงินเลยก็ว่าได้เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือ
“พ่อหนุ่มนี่ลูกท้อสีเงินใช่มั้ย เจ้าเอามาจากปลายทวีปเรสเทียเลยงั้นเหรอมิน่าล่ะถึงได้ไม่มีเงินเลยสักแดงเอางี้มั้ยเจ้ามีเท่าไหร่ข้าขอซื้อต่อหมดเลยไม่ต้องห่วงข้าจะจ่ายให้แบบงามๆแน่!"
หากออกอาการได้ป่านนี้คนผมเงินคงกลายเป็นไม้ปัดขนไก่แน่ๆเมื่อมองเห็นดวงตาเปล่งประกายแบบสาวน้อยของชายแก่ตรงหน้า
"ลูกท้อสีเงินเหรอ!”
"กลิ่นนี่มันของจริงหนิ!"
"ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่ที่นี่ด้วย"
"พ่อหนุ่มข้าจะจ่ายเจ้ามากกว่าสองเท่าเลย ขายให้ข้าเถอะ!"
"ข้าเสนอเขาก่อนอย่ามายุ่งนะเจ้าน่ะ"
"ข้าเสนอราคาดีกว่าขายให้ข้าเถอะ!"
เสียงเซ็งแซ้และถกเถียงกันเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆรอบๆตัวคนผมเงินที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับปนกับแปลกใจเล็กน้อยอย่างบอกไม่ถูกเมื่อมีคนมาแย่งซื้อลูกท้อในมือเขาจนเขาอดใจไม่ได้ที่จะถามออกไป
"เออ ข้าไม่รู้หรอกนะว่าพวกท่านจะแย่งกันทำไมกับลูกท้อสีเงินเนี่ย"
ทุกคนที่เคยเถียงกันอยู่หันมามองเขาด้วยสายตาไม่อยากเชื่อไปตามๆกันในขณะที่มีบางคนถึงขั้นมองเขาแบบจะกัดหัวเลยที่เดียว
เฮ้ยๆ ถ้ากัดมามีสวนนะอย่าหาว่าไม่เตือน
เมื่อเห็นว่าคนผมเงินตรงหน้าไม่รู้จริงๆชายแก่เจ้าของร้านผลไม้ก็ถอนหายใจแล้วอธิบายทันที
"พ่อหนุ่ม ลูกท้อสีเงินน่ะเป็นผลไม้ที่หายากและมีราคาแพงถึงห้าเหรียญทอง เพราะว่าผ่าเหล่าจากลูกท้อธรรมดาแถมแม้ว่าจะปลูกที่ไหนมันมันก็จะไม่ผ่าเหล่าออกมาให้สักลูกเว้นแต่ที่เขตสุดทวีปทางด้านตะวันตกเท่านั้น ไม่ใช่แค่กลิ่นที่หอมเป็นพิเศษแต่มันยังช่วยลดความชรา รักษาความงาม โรคภัยและ ขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้ด้วย แถมว่ากันว่าถ้ามีโอกาสได้กินใต้แสงจันทร์ฤดูใบไม้ผลิมันจะมีรสชาติที่หอมหวานกว่าเดิมและฤทธิ์สรรพคุณจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวด้วยนะ”
ขุณพระ...นี่เขากินเจ้านี่เล่นมาสิบปีเต็มเลยนะเฮ้ย เสียดายชะมัดรู้งี้น่าจะขายเป็นทุนการหลบหนีหน่อย
เมื่อมองไปรอบๆเหล่าพ่อค้ามากมายต่างก็จ้องเขาอย่างใจจดใจจ่อกับการตัดสินใจของเขาเขาเลยต้องถอนหายใจออกมา
"ข้าจะขายให้พวกท่านแน่เพราะข้าจำเป็นต้องใช้ทุนในการเดินทาง"
แต่ไม่ทันจะได้ถกเถียงกันต่อเหล่าพ่อค้าก็ต้องเงียบทันทีที่นัยน์ตาสีลาเวนเดอร์คู่สวยจ้องพวกเขาแบบสิงโตจ้องเหยื่อของตน คนผมเงินไม่อยากให้พวกเขาต้องมาทะเลาะกันเพื่อลูกท้อของเขาถ้าเกิดเรื่องวุ่นวายเขาจะรู้สึกผิดพอควร
"แต่ข้าก็ไม่อยากให้พวกท่านทะเลาะกันเพราะเรื่องแค่นี้ ข้ามีลูกท้อสีเงินเยอะพอควรเพราะงั้นข้าจะแบ่งขายให้พวกท่านคนละเท่าๆกันเพื่อความยุติธรรม เช่นนี้พวกท่านจะตกลงหรือไม่"
ไม่มีใครกล้าขัดความต้องการที่ฉายแววน่าเกรงขามในดวงตาของเจ้าหญิงผมเงินได้เลยสักคน ความเป็นนักบุญผู้ปราดเปรื่องและมีคุณธรรมของเขาคือสิ่งที่เขาไม่อาจทิ้งมันไปได้ซึ่งมันก็เป็นผลดีในขณะนี้
หลังจากการขายลูกท้อสีเงินให้เหล่าพ่อค้าจบลงเจ้าหญิงผมเงินได้รับเงินมาทั้งหมดสองร้อยเหรียญทองจากลูกท้อสี่สิบลูกที่อุตส่าห์ขนมาเป็นเสบียงทำให้ตอนนี้เขามีเงินมากพอสำหรับการเดินทางในช่วงระยะหนึ่ง
เงินที่ได้มานั้นเขาได้เอาไปซื้อของจำเป็นอื่นๆจนตอนนี้เธอต้องมาทบทวนของทั้งหมดที่ซื้อมาในกระเป๋าสะพายใบใหม่ซึ่งก็มี เข็มทิศกับแผนที่ทวีป เชือก กระติกน้ำขวดใหญ่กับเสบียง บันทึกเล่มหนากับอุปกรณ์เครื่องเขียน ผ้าคลุมผืนยาวสีขาวหม่น ถุงมือหนังแบบตัดนิ้ว หลอดแก้วทดลองแบบมีจุกปิดพร้อมสมุนไพรแถมพวกยาสมานแผลด้วยอีกชุดซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องซื้ออาวุธด้วยไม่งั้นคงอยู่ไม่รอด
และตอนนี้นักเดินทางผมเงินก็กำลังเลือกซื้ออาวุธอยู่ในร้านค้าที่ทางออกของหมู่บ้านและกำลังลังเลอยู่ว่าควรซื้ออะไรดีสำหรับการเดินทาง
"ไงพอเลือกได้มั้ยพ่อหนุ่ม"
เจ้าของร้านเดินเข้ามาถามด้วยรอยยิ้มเอ็นดูเมื่อเห็นอีกฝ่ายดูอาวุธในร้านเหมือนเลือกของเล่นไม่มีผิด
"ข้าไม่เคยเลือกอาวุธมาก่อนเลยท่านพอจะแนะนำข้าได้มั้ย"
"ได้ข้าจะแนะนำให้เจ้าเองแต่อาวุธจากหมู่บ้านแบบนี้ไม่ค่อยแข็งแรงสักเท่าไหร่เพราะไม่ใช่แหล่งผลิตอาวุธที่สำคัญไว้เจ้าเข้าเมืองเมื่อไหร่ค่อยไปหาซื้อดูนะ”
แล้วเขาก็ได้อาวุธเป็นธนูหนึ่งคันกับดาบยาวหนึ่งเล่มไปจนได้บวกกับม้าสีดำอีกตัวเขาก็เหลือเงินแค่สี่สิบเหรียญเงินซะแล้ว
"ม้าพร้อม อุปกรณ์พร้อม อาวุธ ที่พักพร้อมเหลือก็แค่ข่าวสาร แค่วันแรกข้าก็ต้องเหนื่อยแล้วเหรอเนี้ยเจ้าคิดว่าไงบ้างละเจ้าม้า”
คนผมเงินเอ่ยถามกับม้าสีดำที่เขาจูงมาด้วยจนถึงหน้าโรงเตี๊ยมที่พักชั่วคราวของเขาแต่ไม่รู้ว่ามีอะไรติดใจเขานักเขาถึงหยุดอยู่หน้าโรงเตี๊ยมโดยไม่มีทีท่าว่าจะเข้าไปเลย
ราวกับมีบางอย่างสั่งให้เขาหยุด
และแล้วลางสังหรก็เป็นจริงเมื่อประตูโรงเตี๊ยมถูกเปิดออกเผยให้เห็นเจ้าของร่างในชุดคลุมสีครามกับใบหน้าอันคุ้นเคย ใบหน้าเรียวสวยรูปไข่กับดวงตาสีเขียวมะกอกส่องประกายแวววับเมื่อต้องแสงอาทิตย์ยามเย็นและเรือนผมสีแดงเลือดยาวถึงเอว
เขามองคนตรงหน้าค้างไว้ประมาณเกือบๆนาทีในขณะที่ร่างผมแดงก็แปลกใจเช่นกันที่เจอเขา แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยพูดอัปเปอร์คัตท์งามๆกับหมัดหนักๆก็ถูกประเคนลงบนใบหน้าให้ก่อนที่ร่างในชุดคลุมจะกระเด็นกลับเข้าไปในโรงเตี๊ยมอีกครั้ง
"อยู่นี่เองงั้นเหรอ ถึงจะแปลกใจไปหน่อย ก็ดีข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาหา"
ร่างผมเงินหัวเราะเสียงเย็นใส่อีกฝ่ายพร้อมขาทั้งสองข้างที่เดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมท่ามกลางความแตกตื่นของผู้คนที่เข้ามาพัก
"นี่เจ้า! บ้าจริงแผนข้าพังไม่เป็นท่าจนได้ เดี๋ยวเถอะ! คราวนี้ข้าจะสาปเจ้าให้หลับไปก่อนแล้วค่อยพาไปขังไว้ในหอคอยอีกรอบแน่เจ้าหญิ-.."
ฝ่าเท้างามๆก็ตรงดิ่งเข้าไปถีบยอดหน้าของร่างผมแดงทันทีราวกับกำลังปิดปากคนที่อยู่ข้างใต้ยังไงหยั่งงั้น แม้แต่ผู้คนรอบข้างก็ต่างพูดอะไรไม่ออกเมื่อบุรุษ(?)ผมเงินผู้มีใบหน้าหล่อเหลาติดหวานนิดๆราวกับเทพบุตรกำลังถีบร่างบางผู้มีใบหน้าที่สวยเกินมนุษย์แบบไม่สนความเป็นตายร้ายดียังไงของคนรอบข้าง
"ขืนแกสะเออะพูดอีกคำเดียวล่ะก็ พ่อจะถีบให้จำโครงหน้าไม่ได้แน่ชัดเจนมั้ย"
โหดไปแล้วแม่คูณ!!
นี่เจ้าหญิงนะเนี้ย! ไอ้ความอ่อนแออ่อนช้อยไร้เดียงสาและมารยาทงามของคุณท่านหายไปไหนหมด!
"ท่านก็เกินไปนะครับอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงถีบกันแบบนั้นไม่เกินไปหน่อยเหรอ"
ชายหนุ่มที่นั่งดูอยู่เริ่มทนไม่ไหวที่เห็นคนผมเงินทำร้ายร่างบางผมแดงอยู่อย่างไม่หยุดหย่อนจึงได้ลุกขึ้นเตรียมเข้าไปห้ามหากอีกฝ่ายยังไม่หยุดแถมจะมีแนวร่วมคนอื่นๆเข้ามาด้วยเหมือนกัน
นัยน์ตาสีลาเวนเดอร์คู่งามที่เจือแววหงุดหงิดนั้นหันไปจ้องมองชายหนุ่มที่สอเสือใส่เกือกเข้ามายุ่งกับการเค้นคอถามบางอย่างของเขา ร่างผมเงินส่งเสียงฮึดฮัดขึ้นจมูกนิดๆอย่างไม่พอใจแล้วกระชากคอเสื้อคนผมแดงขึ้นมาให้คนที่อยู่รอบๆดูให้ชัดๆ
"พวกท่านตาถั่วกันจริงๆใช่มั้ย เจ้านี่น่ะมันผู้ชายเฟ้ย"
ว่าแล้วก็ฉีกอกเสื้อซ้ำเติมความตาถั่วให้เห็นแผงอกขาวที่มีกล้ามเป็นมัดๆของคนผมแดงอีกด้วยแต่ปฏิกิริยาของแต่ล่ะฝ่ายนั้นไปกันคนล่ะทางเลยทีเดียว
หญิงสาวบางส่วนต่างพากันกรีดร้องแล้วเงียบหันไปคุยกันในกลุ่มด้วยสีหน้ากรุ่มกริ่มแปลกๆเมื่อมองพวกเขาในขณะเดียวกันชายหนุ่มบางส่วนในร้านมีท่าทีราวกับฝันสลายและแน่นอนคนผมแดงก็ได้แต่กัดฟันแล้วแช่งชักหักกระดูกเจ้าหญิงผมเงินที่นิสัยเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้
“เอาล่ะถ้าไม่ว่าอะไรข้าขอตัวไปสะสางบัญชีกับเจ้านี้ก่อนล่ะกัน ถ้าคิดหนีพ่อเชือดแน่ เข้าใจนะเฟเรส”
จบท้ายด้วยการลากคนผมแดงไปที่ห้องนอน(ห้องพักแหละอย่าคิดลึกสิ)โดยไม่สนคำพูดใดๆทั้งสิ้นอาจจะมีนิดๆก็ไอ้ตรงที่ผู้หญิงกลุ่มเดิมที่ทำท่าเหมือนอยากจะตามมาด้วยพลางยิ้มกรุ่มกริ่มกับความคิดพิเรนทร์ๆของพวกเจ้าตัวอยู่
ไม่ได้จะทำแบบที่พวกเจ้าคิดแน่ข้าสาบานได้!
--------------------------------------------------
พระเจ้าไรท์ดองเรื่องอื่นเข้าจนได้แต่รู้อะไรมั้ยมันก็สนุกอยู่พอควรเมื่อมาเขียนคาร์แร็กเตอร์เจ้าหญิงแบบนี้เอาเป็นว่าจะพยายามนะ บ๊ายบี~
ความคิดเห็น