ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dimension Voyagers

    ลำดับตอนที่ #3 : สู่ภพแรก

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 65


    ราวกับเป็นฝันร้ายก่อนเริ่มการเดินทาง… 

     

    ฝาแฝดทั้งสองที่ถูกส่งมายังต่างโลกตามการตัดสินใจของพวกเขาได้แต่แหกร้องออกมาอย่างน่าเวทนากับการตกจากที่สูงแบบไม่ทันตั้งตัว ทว่าสองมือนั้นกลับไม่ปล่อยจากกันแม้ว่าสายลมที่พัดปะทะร่างนั้นจะพัดแรงแค่ไหนก็ตาม 

    ร่างกายของเด็กอายุสิบสี่ทั้งสองแปรเปลี่ยนไปช้าๆ ทุกวินาทีที่ร่วงหล่นลงสู่ทางออกของปลายทางที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า มือทั้งสองที่จับกันไว้ไม่ปล่อยแปรเปลี่ยนเป็นมือของเด็ก เช่นเดียวกับร่างกายที่หดลงจนเสื้อผ้าที่ใส่เริ่มหลวมเกินกว่าจะใส่ได้ 

     

    ทว่าก่อนจะรู้ตัวพวกเขาก็มาปรากฏตัวที่ปลายทางแล้ว… 

     

    อดีตเด็กอายุสิบสี่ทั้งสองต่างมองไปรอบๆกายของพวกเขาด้วยความกังวลก่อนจะหันกลับมามองกันและกันอีกครั้ง แต่พวกเขาก็ต้องร้องออกมาเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกายพวกเขาที่เหมือน…ไม่สิ พวกเขากลับไปเป็นเด็กอีกครั้งแล้วแน่นอน 

    เรือนผมสั้นระต้นคอสีดำสนิทที่มีปอยผมสีแดงที่ยาวกว่าผมเส้นอื่นๆเป็นตัวบ่งบอกความแตกต่างระหว่างแฝดทั้งสองที่มีอยู่คนละข้างกัน ใบหน้าเล็กๆที่เต็มไปด้วยความน่ารักและไร้เดียงสาของเด็กกับแก้มยุ้ยๆที่ดูนุ่มนิ่ม ดวงตากลมโตสีอำพันที่สุกสกาวดั่งอัญมณี 

    เว้นแต่ความแตกต่างแรกที่เริ่มปรากฏขึ้นมาเล็กน้อยระหว่างแฝดทั้งสองที่พวกเขาแทบจะไม่สังเกตเลยสักนิด เมื่อสีดวงตาของโยชัวเริ่มเข้มขึ้นจนสีอำพันเหมือนน้ำผึ้งกลายเป็นสีเหลืองทองของสัตว์ร้ายขณะที่โยฮันเริ่มมีสีฟ้าปนเปื้อนอยู่ในนัยน์ตาจนแทบจะดูเหมือนว่าตาของเขามีวงแหวนสีฟ้าล้อมรอบไว้ 

    ร่างกายถูกคลุมทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อนๆผูกด้วยโบว์สีดำที่มีเข็มกลัดเล็กๆรูปกางเขนสีเงินติดอยู่กับเสื้อกั๊กลายทางสีน้ำเงินเข้มสลับกับสีดำและกางเกงขาสั้นสีดำพร้อมกับรองเท้าสีเดียวกันให้ดูสมอายุและเข้ากับยุคสมัย 

     

    “โย…ฮัน งั้นเหรอ” 

     

    โยชัวแฝดคนน้องที่มีปอยผมสีแดงข้างซ้ายเอ่ยถามขึ้นมาเพื่อความแน่ใจก่อนที่ตัวแฝดคนพี่ที่มีปอยผมสีแดงที่ข้างขวาจะกระอักเลือดเป็นการยืนยันคำตอบของสุขภาพให้ได้เห็นกันจะๆ ทำให้ตัวแฝดคนน้องไม่มีอะไรจะพูดแล้วนอกจากพึมพำออกมา 

     

    “อ๊ะ ขี้โรคกระอักเลือดแบบนี้โยฮันชัวร์ๆแล้ว…” 

     

    ว่าแต่ที่นี่มันฉากของเรื่องไหนหว่า... 

     

    โยชัวเริ่มหันซ้ายขวาไปมาเพื่อหาเบาะแสของอะไรสักอย่างที่บ่งบอกถึงเนื้อเรื่องที่กำลังจะเจอในโลกแห่งความฝันแห่งแรกนี้ แต่ทว่าเมื่อมองหาอะไรไม่เจอท่ามกลางหมอกที่หนาทึบแบบนี้พวกเขาคงไม่มีทางเลือกนอกจากเดินดูเท่านั้น 

    ถ้าเป็นตามปกติฉากหมอกหนาทึบในเมืองตอนกลางคืนคงเป็นฉากเริ่มของอะไรที่มันเหนือคำว่าธรรมดาชัวร์เลยก็ว่าได้ ทั้งเกม, มังงะและอนิเมะ ถ้ามีหมอกแบบนี้ต่อมาก็ต้องมีเสียงกรี๊ดไม่ก็เจอกับปีศาจหรือเอาให้ดีสุดก็คงเป็นเจอกับตัวเอก 

     

    “หืม มาถึงแล้วสินะ” 

     

    เสียงของอิลูเซ่ดังขึ้นมาจากถนนเบื้องหน้าส่งผลให้เด็กทั้งสองชะงักฝีเท้าไปเมื่อตอนนี้ผู้ที่พวกเขาทำสัญญาด้วยอยู่ในชุดสูทแบบยุควิคตาเรียสีดำทับด้วยโค้ทสีเทาเข้มกับหมวกทรงสูงปิดบังใบหน้าไว้และไม้เท้าในมือข้างหนึ่งของเขา 

     

    “เหมือนจะมาแบบปลอดภัยนะ ดิ่งจากที่สูงครั้งแรกเป็นยังไงบ้างล่ะ~” 

     

    ก้อนหินจากข้างถนนถูกยกขึ้นมาปาใส่ร่างสูงที่หัวเราะอยู่อย่างรวดเร็ว เด็กทั้งสองที่ที่ถูกส่งมาในวิธีที่เกือบทำให้หัวใจวายตายได้แต่แช่งชักหักกระดูกชายตรงหน้าด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดเท่านั้นระหว่างที่อิลูเซ่ได้แต่หัวเราะต่อแล้วดีดนิ้วเบาๆให้ลูกไฟแสงดวงน้อยเจ็ดดวงเข้าล้อมรอบพวกเขาทั้งสองคนไว้ 

    ภายในลูกไฟแสงเหล่านั้นบรรจุการ์ดไว้หนึ่งใบเหมือนๆกันทั้งหมดเพียงแต่มีสัญลักษณ์บนหน้าไพ่ต่างกันเท่านั้น ทว่าก่อนจะได้ถามอะไรออกมาเงาร่างของเด็กผู้หญิงตัวน้อยขนาดเท่าฝ่ามือก็ประกฏขึ้นมาข้างๆตัวของอิลูเซ่ก่อนที่เธอจะบินมาหาแฝดทั้งสองด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม 

     

    "ฉันนาวิผู้ช่วยช่วยของพวกเธอในการเดินทางต่อจากนี้นะท่านนักเดินทาง อ๊ะ เพราะเป็นโลกแห่งแรกของพวกเธอ พวกเธอจะได้เลือกพวกเราคนล่ะสองใบตามกฎที่ท่านอิลูเซ่ตั้งขึ้นมาเลือกให้ดีๆนะโดยเฉพาะไอ้ที่จะสลักอยู่กับวิญญาณพวกเธอชั่วนิรันดร์น่ะ และเพราะเป็นครั้งแรกจะเซอร์วิสพิเศษบอกความหมายของหน้าไพ่ให้ แต่ที่เหลือถ้าไปโลกอื่นต้องแปลเองนะ" 

    "ไอ้หน้าจืดมันเป็นคนตั้งกฎเองหรอกเหรอ..." 

     

    แฝดคนน้องพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ตายด้านเมื่อได้ยินชื่อไม่พึงประสงค์ของบาคุหน้าหล่อเกินหน้าเกินตาที่พึ่งส่งพวกเขาลงหลุมมาโผล่ในความฝันแบบสุ่มนี้จากปากของแฟรี่ตัวน้อย แม้ว่าเจ้าตัวจะยืนคิ้วกระตุกอยู่ตรงหน้าก็ตาม 

    การ์ดทั้งเจ็ดใบเริ่มหมุนวนไปมารอบๆร่างของทั้งสองช้าๆแล้วหยุดลงที่ใบแรกแล้ววนไปเรื่อยๆจนครบทั้งเจ็ดใบพร้อมกับบอกชื่อการ์ดแต่ละใบให้สองแฝดรู้เป็นภาษาละตินแต่การ์ดสามใบจากเจ็ดใบก็แบ่งแยกออกมาลอยอยู่อีกฝั่งแทนแล้วเสียงของนาวิที่พูด ณ ตอนแรกก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง 

     

    "สามใบนี้จะเป็นตัวเลือกถาวรที่จะติดตัวกับพวกเธอตลอดไปไม่ว่าจะไปโลกไหนก็ตาม” 

     

    Appellatus รูปตราเวทย์อัญเชิญ 

     

    Conditus รูปดวงตา 

     

    Cicuris รูปสัตว์ 

     

    “ส่วนสี่ใบทางนี้คือตัวช่วยพิเศษสำหรับโลกนี้...” 

     

    Sanguis รูปหยดเลือด 

     

    Ludere รูปของเล่น 

     

    Cohaesus รูปมือ 

     

    Ferrum รูปศาสตราวุธ 

     

    แฝดทั้งสองต่างยืนนิ่งค้างเล็กน้อยกับตัวเลือกตรงหน้าพวกเขา เมื่อเลือกแล้วจะเปลี่ยนไม่ได้อีกจนกว่าจะไปที่โลกต่อไป ขณะที่จะมีอย่างหนึ่งที่จะติดตัวพวกเขาไปตลอดกาล 

     

    "เลือกเร็วๆไอ้พวกเด็กบ้าข้าไม่ได้มีเวลาว่างมาเฝ้าพวกเจ้าทั้งคืนหรอกนะ” 

     

    เสียงนุ่มทุ้มของเทพบุต-...ปีศาจผมม่วงดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้ร่างเล็กทั้งสองสะดุ้งขึ้นมาทันทีที่ได้ยินด้วยความตกใจ แต่เหตุผลที่ตกใจคงไม่พ้นมือที่วางบนไหล่... ใช่! มือเรียวสวยเกินมนุษย์ที่วางบนไหล่แล้วกำลังบีบอยู่จนกระดูกจะแตกอยู่แล้วตะหาก 

    โยชัวหันไปจ้องมองการ์ดทั้งเจ็ดใบเงียบๆแล้วใช้ความคิดไตร่ตรองถึงความสามารถทั้งหมดของมันอย่างใดอย่างหนึ่งจะเป็นเหมือนคำสาปที่ถูกตีตราไว้และอีกหนึ่งจะเป็นความสามารถบนโลกแห่งนี้ทว่าคนที่เลือกไดก่อนกลับเป็นโยฮันแทน 

     

    “อะ...อา ผมเลือก Sanguis กับ เออ... Cicuris ครับ” 

     

    โยฮันแฝดคนพี่ตอบออกไปพร้อมกับน้ำเสียงสั่นๆที่เกิดจากความกังวล ก่อนที่การ์ดทั้งสองที่ถูกเลือกนั้นลอยเข้าไปในร่างของเขาในลักษณะเหมือนจุ่มนิ้วลงไปในบ่อน้ำสร้างความแปลกใจให้เล็กน้อยก่อนที่ความเจ็บปวดอันมหาสารจะแล่นผ่านไปทั่วทั้งร่างกายของแฝดคนพี่ 

    โยชัวที่อยู่ข้างๆเริ่มลนลานขึ้นมาทันทีที่เห็นผู้เป็นพี่ร้องขึ้นมาแล้วลงไปนั่งคุกเข่าใช้มือกุมอกซ้ายที่หัวใจเพื่อข่มความเจ็บปวดที่เหมือนร่างกายกำลังถูกกรีดช้าๆไว้ในขณะที่ของเหลวสีแดงเข้มจากฝ่ามือที่กุมหัวใจอยู่นั้นจะไหลออกมานองเป็นแอ่งเลือดอยู่ข้างใต้ร่าง 

    สติของโยชัวแทบจะขาดลงทันทีที่เห็นสภาพของพี่ชายฝาแฝดที่กำลังทรมานอยู่แต่ก็ได้ฝ่ามือใหญ่ของร่างสูงเป็นคนลากเธอให้ถอยห่างแล้วรั้งไว้ไม่ให้เข้าใกล้ 

     

    “ใจเย็นยัยหนูมันแค่ทำปฏิกิริยากับร่างกายของไอ้หนุ่มขี้โรคนั้น ไม่ใช่ในรูปต่อต้านแน่วางใจได้” 

     

    อิลูเซ่ก้มหน้าลงใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ประคองใบหน้าร่างเล็กให้หันมาหาเขาเขาจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆปล่อยให้นัยน์ตาสีอำพันเข้มสบกับนัยน์ตาสีทองสว่างของเด็กสาวที่เขารั้งไว้ 

    ภายในดวงตาเธอเขาเห็นความกังวลและความตื่นตระหนกผสมปนเปกันไปทั่วในระหว่างที่ดวงตาของเขามันเต็มไปด้วยความสงบนิ่งและจริงจังจนตัวเด็กสาวตัวน้อยต้องยอมอยู่นิ่งๆอย่างว่าง่ายและไม่โวยวายใส่เขาเพราะเธอรู้สึกได้ว่าเธอ... 

     

    ไว้ใจเขาในตอนนี้ได้… 

     

    ไม่รู้ว่าเธอจ้องนัยน์ตาอีกฝ่ายนานแค่ไหนแต่เสียงปริบคล้ายๆกับผลึกแก้วแตกจากทางฝั่งผู้เป็นพี่เรียกความสนใจทั้งสองไปบ่อเลือดที่นองอยู่บนพื้นเริ่มส่องแสงแล้วแข็งตัวแปรสภาพกลายเป็นผลึกคริสตัลสีแดงเลือดช้าๆก่อนจะเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างของสิ่งมีชีวิตคล้ายกริฟฟินตัวใหญ่ 

    กริฟฟินสีเลือดคำรามออกมาเบาๆก่อนจะลงไปนอนหมอบลงตรงหน้าโยฮันราวกับสัตว์เลี้ยงที่รู้ว่าใครเป็นเจ้านายของมันในขณะที่พี่ชายขี้โรคนั้นดูเหมือนจะประหลาดใจไม่น้อยเมื่อวินาทีต่อมากริฟฟินผลึกเลือดค่อยๆแปรสภาพอีกครั้งเพื่อหายกลับเข้าไปที่รอยแผลรูปกางเขนบนฝ่ามือทั้งสอง 

     

    "เมื่อกี้นี้มัน....อะไรน่ะ?” 

     

    โยฮันอึ้งอยู่ไม่น้อยและแทบจะยังไม่หายอึ้งเลยด้วยซ้ำกับสิ่งที่เกิดขึ้น คงอาจเป็นเพราะตัวเขาไม่เคยเจอกับอะไรแบบนี้มาก่อนในโลกแห่งความเป็นจริงอันแสนน่าเบื่อที่เขาใช้ชีวิตอยู่ถึงจะดูในอนิเมะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่อาจเทียบกับความรู้สึกตื่นเต้นในตอนนี้ได้เลย 

    เขาหันซ้ายขวามองไปรอบๆก่อนจะสะดุดตากับน้องสาวฝาแฝดของเขาและบาคุหนุ่มรูปงาม(?)ที่คุกเข่าลงใช้มือข้างหนึ่งรวบเอวเธอส่วนมืออีกข้างก็ประคองใบหน้าหวานนั้นไว้ถึงตาทั้งสองจะมองมาที่เขาอยู่ก็ตามที 

     

    “ถอยไปห่างๆน้องผมเลยนะครับคุณอิลูเซ่” 

    “คิดว่าข้าจะทำอะไรยัยเด็กนี่รึไงไอ้หนู เด็กกโปโลตัวกะเปี๊ยกแค่นี้ข้าไม่สนหรอกแต่ไว้อีกสิบหรือสิบสามปีต่อมาค่อยว่ากันอีกที อ้าว ยัยหนูต่อไปตาเจ้าแล้ว” 

    “เรียกชื่อผมมันจะยากสักแค่ไหนกันแค่สองพยางค์ว่าโยชัวเองนะ” 

    “ย่อมได้โยชัว ไหนลองบอกข้าสิพลังไหนที่เจ้าต้องการ” 

     

    ร่างสูงผมม่วงเริ่มขยับยิ้มเปล่งแสงออกมาให้แสบตาเล่นแล้วทำให้ร่างเล็กทั้งสองแทบจะหันหน้าหลบแสงกันไปตามๆกัน แต่คำถามนั้นทำให้โยชัวต้องคิดหนักเรื่องสมดุลของพลังเพื่อใช้เอาตัวรอดต้องเป็นแบบที่ใช้ได้ทุกสถานการณ์ด้วยเผื่อพลังหนึ่งใช้ไม่ได้อีกพลังก็จะเป็นทริ๊กเกอร์คอยพลิกวิกฤตให้ 

     

    แต่เธอก็ไม่รู้ว่าพลังที่จะได้มันเป็นแบบไหนด้วย 

     

    “Conditusและ...Cohaesus...” 

     

    สิ้นสุดเสียงตอบของเธอการ์ดทั้งสองที่ถูกเลือกก็ลอยจมหายเข้าไปในร่างของเธอเหมือนกับที่เกิดกับแฝดคนพี่เพียงแต่ผลของมันออกมาต่างกัน 

    นัยน์ตาสีทองสว่างเบิกกว้างขึ้นมาแล้วกล้ายเป็นสีต่างๆสลับกับสีเดิมเหมือนกับว่าทั้งสองกำลังหักล้างกันอยู่จนเลือดไหลออกมาจากตาทำให้เหมือนกับร้องไห้เป็นสายเลือด ความเจ็บปวดแล่นผ่านโสตประสาททำให้เธอรู้ว่ามันไม่เหมือนความรู้สึกที่โดนกรีดแต่มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนผิวหนังกำลังสัมผัสน้ำแข็งอยู่จนน้ำแข็งเริ่มกัดทุกส่วนของร่างกาย 

    การถูกฟันเล็กๆอันนับไม่ท้วนเหล่านั้นกัดกินผิวหนังไปมันทรมานจนแทบลงไปดิ้นที่พื้นแต่ก็ได้มือให้คอยช่วยประคองไว้อยู่จึงได้แต่ดิ้นไปมาพร้อมกับกัดฟันข่มความเจ็บปวดไว้ ไม่มีเสียงร้องออกมาจากปากของเธอแม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตามเขาที่เป็นพี่ชายคอยดูอยู่ห่างๆอย่างเป็นห่วงแต่ถึงเขาจะไปหาเธอเขาก็คงทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน 

    เสียงลมพัดดังขึ้นมาพร้อมกับแสงสีขาวอมฟ้าอ่อนๆเปล่งออกมาจากผิวของโยชัวก่อนที่แสงทั้งหมดจะรวมตัวกันแล้วลอยออกมาเป็นบอลแสงลูกเล็กๆ 

    บอลแสงสีขาวอมฟ้าที่ลอยไปมารอบๆหัวของตัวแฝดคนน้องก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นสายพลังในรูปของริบบิ้นเส้นเล็กลอยไปพันรอบๆแขนแล้วค่อยๆจางหายไปพร้อมกับความเจ็บปวดเหลือทิ้งไว้แค่มือทั้งสองข้างตั้งแต่ข้อศอกกลายเป็นสีดำมีผลึกรูปกางเขนสีม่วงกับรอยสักเล็กๆสีขาวที่ข้อมือเป็นภาษากรีกทั้งสองข้าง 

    โยชัวยกข้อมือขึ้นมาพลิกดูเล็กน้อยก่อนจะเริ่มมองเพื่อหาสิ่งผิดปกติบนร่างตัวเอง แต่ที่เห็นแล้วไม่มีอะไรผิดปกตินอกจากรอยสักกับกางเขนที่ข้อมือ แต่ที่ตัวโยชัวไม่รู้นั้นคือสีตาของเธอมันไม่เหมือนเดิม มันไม่ใช่สีทองสว่างแต่เป็นสีแดงเลือด ทว่าเมื่อจะหันไปมองพี่ชายฝาแฝดก็มีมือหนาเข้ามาบังตาของเธอไว้แทน 

     

    “ถ้าตาเจ้ายังเป็นสีนั้นเจ้าห้ามมองใครเด็ดขาด” 

    “ทำไมงั้นหรอครับคุณอิลูเซ่” 

     

    โยฮันถามออกไปด้วยความสงสัยก่อนที่ร่างสูงจะก้มลงมองเด็กน้อยที่อยู่ข้างๆแล้วยิ้มตอบกลับไปพร้อมกับมือที่ดึงริบบิ้นที่อยู่รอบคอของแฝดคนน้องมาใช้เป็นผ้าปิดตาให้ชั่วคราวจนกว่าตัวเธอจะหาทางคุมพลังได้ 

     

    “Conditus เป็นพลังของดวงตาต้องสาปพลังของดวงตานั้นจะแตกต่างตาสีที่เป็นอยู่ อย่างสีแดงเมื่อกี้จะทำให้คนที่เห็นทรมานเหมือนถูกบีบหัวใจแรกๆจะคุมไม่ได้ต้องให้ปิดตาไว้ก่อนแต่ไม่ต้องห่วงถึงปิดตาแล้วพลังอีกอย่างของดวงตาจะทำงานทำให้มองเห็นแม้ยังหลับตาอยู่” 

     

    ชายหนุ่มอธิบายพร้อมกับเคาะไม้เท้าลงกับพื้นให้หลุมมิติเปิดขึ้นเหนทอหัวของเด็กทั้งสองก่อนที่กระเป๋าสะพายแบบเป้และแบบสะพายข้างจะหล่นลงใส่หัวของพวกเขาพร้อมข้าวของมากมากที่กระจัดกระจายไปทั่ว 

     

    “อย่างที่ว่า Conditus น่ะเป็นพลังที่ติดตัวและควบคุมยากกว่าไอ้สิ่งที่เรียกว่าอินโนเซนส์บางครั้งมันก็จะทำงานขึ้นเองโดยอัตโนมัติของยัยหนูนี่เป็นที่ดวงตา แต่ไอ้หนูของแกน่ะคงไม่ต้องทำอะไรเพราะ Cicuris น่ะเป็นพลังในการดึงดูดพูดฝึกสัตว์ไม่ว่าจะดุร้ายแค่ไหนก็ตาม แบบนั้นน่ะควบคุมไม่ได้ง่ายๆหรอก แถมเตรียมรับมือเรื่องปวดหัวไว้ด้วยก็ได้นะ” 

     

    ทางด้านพี่น้องทั้งสองคนต่างมองหน้ากันตาปริบๆเมื่อความสามารถของพวกเขาต่างเหมือนกันมากกว่าที่คิดแต่แปปนะ…ตอนแรกเห็นพูดอะไรเกี่ยวกับอินโนเซนส์รึเปล่า? 

     

    “ทำไมถึงมากดูพวกเราล่ะอิลูเซ่...” 

     

    โยชัวหันไปถามร่างสูงแต่อีกฝ่ายก็หัวเราะแล้วตอบอย่างไม่คิดอะไร 

     

    “โลกความฝันก็เหมือนเกมหรือหนังที่พวกเจ้าดูกัน ไม่มีใครรู้ตอนต่อไปว่าจะเป็นยังไง ข้าถึงได้ให้ตัวช่วยไงเพราะข้าอยากรู้ว่าตอนจบนั้นจะลงเอยได้หักมุมแค่ไหนและพวกเจ้าจะตายยังไงเท่านั้นเอง” 

     

    อ้าว...เลวหนิไอ้บ้านี่ 

     

    แฝดทั้งสองต่างเบ้ปากใสตัวคู่สัญญาของพวกเขา ขณะที่ตัวร่างสูงนั้นเว้นช่วงหายใจเล็กน้อยก่อนจะแสยะยิ้มออกมาเผยเขี้ยวที่มุมปากให้ทั้งสองเห็น พร้อมกับมือหนาทั้งสองข้างปรากฏเป็นดาวดาวน้อยสองดวงที่เปล่งประกายอย่างริบหรี่ก่อนที่มันจะดับวูบลงไปเหมือนแสงเทียน 

     

    “และวางใจได้ตัวตนบนโลกมนุษย์ของพวกเจ้าน่ะถูกลบไปแล้วทั้งคนรู้จักเพื่อนหรือครอบครัวจอมปลอมนั้นไม่มีใครจำพวกเจ้าได้แน่ๆ พวกเจ้าถูกตัดขาดโดยสมบูรณ์และจะไม่มีการฉีกยกเลิกสัญญาแล้วด้วย แต่ข้าคงช่วยพวกเจ้าได้แค่นี้แหละเด็กน้อยข้าอาจจะโผลมาทักเล่นถ้าว่างล่ะนะ...ขอให้โชคดี” 

     

    ร่างสูงกล่าวอำลาแล้วลูบหัวเด็กน้อยทั้งสองอย่างอ่อนโยนก่อนจะเดินหายไปท่ามกลางสายหมอกยามรุ่งสางพร้อมรอยยิ้มมุมปากบนใบหน้าเป็นการต้อนรับเช้าวันใหม่ และจุดเริ่มต้นฉายแสงขึ้นมาให้ฝาแฝดทั้งสองขณะที่ผู้คนเริ่มเดินออกมาจากบ้านและเดินผ่านไปมาในตัวเมืองใหญ่แห่งนี้เพื่อไปทำงานตามปกติ 

     

    “เหมือนจะเริ่มแล้วนะการเดินทางของพวกเราน่ะ…” 

     

    โยชัวที่จับมือโยฮันไว้ว่าพร้อมรอยยิ้มขณะที่ตัวโยฮันที่ได้สติแล้วได้แต่พยักหน้าให้แล้วตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน 

     

    “อือ ไปกันเถอะ ไปผจญภัยและใช้ชีวิตอิสระด้วยกันนานๆนะ”

     

    เมื่อเสียงระฆังยามเช้าดังขึ้นมาราวกับเป็นการอวยพร เด็กน้อยทั้งสองจึงคว้ากระเป๋าของพวกเขาขึ้นมาสะพายไว้แล้วจับมือของกันและกันไว้แน่นขึ้นเพื่อเริ่มเดินทางเข้าไปสู่เมืองใหญ่แห่งจุดเริ่มต้นนี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×