ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vanderer Princess เจ้าหญิงแล้วทำไมก็ใจมันสั่งลุย

    ลำดับตอนที่ #2 : เปิดฉากต้องโดดหอ

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ค. 60


           โลกแห่งนี้มีชื่อว่าอัลลา รูบิดัสอันมีที่ตั้งของแผ่นดินใหญ่เพียงสี่ทวีปเท่านั้นซึ่งมันเป็นดั่งคนละมิติแม้ว่าจะตั้งอยู่บนโลกเดียวกันก็ตามซึ่งก็คือฟีเรส อันเดลเทลิส เซลทีอัลเน่และเรสเทีย

            ทวีปเรสเทีย ทวีปใหญ่กลางมหาสมุทรที่รายล้อมไปด้วยเกาะน้อยใหญ่รอบทิศทางอันเป็นทวีปที่อยู่หลักของเหล่ามนุษย์และเผ่าต่างๆซึ่งมีเขตแดนคือป่าแกรนเดสที่ขั้นกลางทวีปใหญ่นี้

     

             เรสเทียนั้นเป็นทวีปที่อยู่ใต้การปกครองของราชาอสูรอย่างเงียบงันมีเพียงแค่เผ่ามนุษย์เท่านั้นที่ไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องราวนี้ต่างจากเผ่าอื่นๆที่ตั้งหน้าตั้งตารอวันที่ราชาอสูรตนนั้นจะย้ายเป้าหมายไปยังทวีปอื่นแต่มันก็คงเป็นได้แค่ฝันในเมื่อมันครองทวีปอันอุดมสมบูรณ์นี้มาสามพันปีแล้ว

             ภายในทวีปเรสเทียนั้นมีอาณาจักรใหญ่คุ้มครองอยู่เจ็ดอาณาจักรซึ่งเป็นเสาหลักของทวีปทั้งในด้านการค้าขาย ปกครองและดูแลความสงบในทวีปเป็นอันได้แก่ เรฟิยาร์ด ออมเพรทัส กรีเฟลัน เคฮัลเน่ ลาสเทียร์วาล วาซิลเทีย และโรเซเลียส

            แน่นอนไม่ว่าอาณาจักรไหนก็ล้วนแต่มีปัญหาเป็นของตัวเองซึ่งล้วนแต่เกิดจากฝีมือเวทย์มนต์ คำสาป สัญญาหรืออะไรต่างๆนาๆไม่หมดสิ้นแต่ถ้าเทียบกับที่เซลทีอัลเน่แล้วปัญหาพวกนี้ดูจะมุ้งมิ้งและเหมาะแก่การพักสายตาของเหล่าเทพและหันมาจิ้น...หมายถึงดูละคร ผิดแล้ว! ไม่ใช่ๆหมายถึง...เอ่อ ดูชีวิตและการแก้ไขปัญหาเพื่อนำทางไปสู่รักแท้ตะหาก!

     

            พูดตามตรงคือเป็นทวีปเทพนิยายที่เหล่าเทพชื่นชอบเพราะคลายเครียดหลังทำงานเป็นอย่างดีผิดกับเซลทีอัลเน่ที่หอบปัญหาแล้วสามารถแวะเวียนความวินาศมายังภพอื่นๆได้ไม่เว้นแม้แต่สวรรค์

     

             ยามเช้าตรู่ของวันๆหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิที่ไร้ซึ่งสายลมหนาว ณ อาณาจักรโรเซเลียสทั้งอาณาจักรต่างคึกคักกับนิมิตหมายอันดีเพราะวันนี้เองก็เป็นจุดเริ่มของรักครั้งใหม่ที่น่าติดตามอีกครั้งซึ่งมันเป็นวันครบรอบสิบปีของการถูกจองจำในหอคอยแม่มดของเจ้าหญิงกราฟิเซีย เอล เรมิเนเซียแห่งโรเซเลียส ตามสัญญาที่แม่มดให้กับทางอาณาจักรโรเซเลียสวันนี้คือวันที่พวกเขาสามารถส่งตัวเจ้าชายเพื่อไปช่วยเจ้าหญิงออกมาจากหอคอยได้ทำให้ไม่ใช่แค่โรเซเลียสแต่อีกหกอาณาจักรเองก็ต่างพากันคึกคักพอควร

            ภายในหอคอยอิฐขาวสูงเสียดฟ้าร่างบางค่อยๆละสายตาจากหนังสือขึ้นมามองภายนอกหน้าต่างหอคอย ผลุสีสันสวยงามนับรอยต่างพากันจุดเพื่อเป็นสัญญาณของการสิ้นสุดสัญญาที่นางแม่มดเสนอไว้กับอาณาจักรต่างๆ เจ้าหญิงแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อยพลางเก็บหนังสือลงใส่กระเป๋าผ้าข้างตัวแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อไล่ความเมื่อยล้าออกไป

     

            สิบปีของการทนอยู่ในนี้ มนที่สุดก็ถูกปลดปล่อยออกมา

     

            เรือนผมสีเงินยวงยาวสยายระพื้นไปหลายเมตรถูกทักเป็นเปียยาวเดี่ยวๆไว้อย่างงดงาม นัยน์ตาเรียวสีลาเวนเดอร์ท่อประกายตื่นเต้นเล็กน้อยกับเวลาที่เฝ้ารอมานานแม้แต่ใบหน้าของเจ้าหญิงกราฟิเซียเองก็ยังเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่เมื่อเธอเห็นเขตแดนรอหอคอยสลายไป

     

            "ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง”

     

            ร่างผมเงินรีบสาวเท้าไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วคว้าชุดที่อยู่ในนั้นตัวเดียวออกมาสำรวจก่อนจะทำการเปลี่ยนชุดอย่างไวเพื่อจุดประสงค์บางอย่างที่เฝ้ารอมานาน นั้นคือการเดินทางครั้งใหญ่ที่ไม่อาจหันหลังกลับมาได้อีกและอีกเหตุผลที่ว่า

     

            อีกไม่นานก็คงจะมีใครสักคนมาถึงที่นี้จะมัวรอช้าอยู่ไม่ได้เด็ดขาด

     

            ใช้ผ้าพันแผลพันรอบสวนหน้าอกตัวเองไว้ไม่ให้ใครรู้ถึงตัวจริงแล้วสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวสีดำกับเสื้อคลุมครึ่งตัวสีแดงเข้มที่ตัวเองตัดเย็บไว้เมื่อปลายฤดูหนาวที่ผ่านมาและนำกางเกงสีน้ำตาลและบู๊ทยาวครึ่งแข้งสีดำที่เธอฝากนกส่งข่าวให้ไปซื้อมาให้จากเมืองใกล้ๆ

            หลังจากที่สวมเสื้อผ้าชุดใหม่เสร็จเธอก็สำรวจตัวเองในกระจกอีกครั้งซึ่งโดยของจำเป็นใส่กระเป๋าผ้าที่เย็บจากผ้าม่านและผ้าปูเตียงในหอคอยแล้วเตรียมตัวสำหรับขั้นตอนสุดท้ายทันทีพลางนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา

            สิบปีมานี้เธอเองก็อยู่แต่ในหอคอยและเธอต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองเช่น ทำอาหารเองบ้างทำความสะอาดหอคอยบ้างแต่แม้จะเป็นงานน่าเบื่อ แต่อย่างน้อยก็ดีที่นางแม่มดก็ยังใจดีส่งกองหนังสือวิชาความรู้และตำราศาสตร์ศิลป์ต่างๆมาให้ทุกๆปีเพื่อไม่ให้เธอเบื่อจนฆ่าตัวตายซะก่อนแถมยังทำตามใจได้อีกตะหากไม่ว่าจะฝึกพละกำลังด้านต่อสู้หรือความรู้ทำให้เธอในตอนนี้พร้อมที่จะออกจากหอคอยแล้ว

     

            "รอมาตั้งสิบปีพี่จะตามหาเธอเอง อาร์รีแอน รอพี่ก่อนนะ”

     

            เมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างนั้นเรียบร้อยเจ้าหญิงผมเงินเอื้อมมือไปคว้ามีดสั้นที่อยู่บนโต๊ะไว้แล้วอยู่ค้างในท่าที่กำลังจะตัดผมเปียสีเงินยาวห้าสิบเมตรนี่ทิ้งเพื่อทำเป็นเชือกโหนตัวลงจากหอคอยสูง

            ในใจเองก็ลังเลเล็กน้อยเพราะไม่ใช่แค่มีโอกาสครั้งเดียวถ้าไม่แข็งแรงพอถ้าก็มีสิทธิ์ตกลงไปตายไม่ก็ถ้ายาวไม่พอเธอก็จะห้อยค้างไว้อยู่กลางหอคอยงี่เง่านี้รอให้คนมาช่วย

     

            "หอคอย! เราเจอมันก่อนท่านแล้วเมลทาเรียส เราถือว่าเราชนะแล้วนะ!"

     

            มีคนมาแล้ว!?ถามจริงนี่พึ่งผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะหลังจากที่ประกาศวันครบสัญญาน่ะ!หรือว่าพวกคุณท่านมานอนค้างป่ากันรึไงฟะเฮ้ย ทำไมถึงมาเร็วแบบนี้!

     

            "เทเรสเจ้านี่ยังไวเช่นเคยแสดงว่าข้าคงตามเจ้าไม่ไหวจริงๆสินะ"

     

            บุรุษร่างสูงทั้งสองควบม้าตรงเข้ามาหยุดอยู่ใต้หอคอยในจุดที่กราฟิเซียเห็นทั้งสองพอดีทำให้หัวคิ้วของเจ้าหญิงเริ่มขมวดกันเป็นปมกับสถานะของทั้งสองฝ่าย

            คนแรกที่มาถึงนั้นควบอาชาสีเหลืองนวลและสวมเสื้อคลุมยาวสีน้ำตาลแดงขลิบทองกับผ้าคลุมสีขาว เขามีผิวสีแทนและเส้นผมสีแดงเพลิงสั้นระต้นคอ กับนัยน์ตาสีเหลืองอำพันเข้มที่เสริมให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นดูร่าเริงและเป็นมิตรดั่งเช่นนิสัยเขาไม่ผิดแน่เขาคือ เทเรส ราโมวาเน่ เจ้าชายแห่งกรีเฟลันผู้ถูกสาปให้กลายเป็นหิ่งห้อยทุกยามราตรี

            ส่วนคนที่สองที่ควบอาชาสีน้ำตาลดำนั้นดูแก่กว่าคนแรกเล็กน้อย เขาสวมชุดคลุมสีน้ำเงินขาวและผ้าคลุมสีม่วงอ่อน ใบหน้าคมแย้มยิ้มอ่อนๆออกมาให้เจ้าชายร่วมเดินทางของเขาแสดงให้เห็นบุคลิกที่สงบและอ่อนโยนของเขา แม้แต่เส้นผมสีทองยาวถูกมัดเป็นหางม้าต่ำพาดไหล่มาข้างหน้านั้นก็ยังจุดประกายออร่าในตัวเขาได้ในขณะที่นัยน์ตาสีแดงสดกำลังกวาดตามองรอบๆฐานหอคอยราวกับไม่อยากเจอใครเพิ่มอีก นี่ก็อีกคน เมลทาเรียส เวดิไทล์ เจ้าชายแห่งเรฟิยาร์ดผู้ถูกสาปให้โชคร้ายทุกยามทิวา

     

            เธอแทบจะลมจับทันทีที่เห็นเจ้าชายที่สามารถใช้เวทย์ทั้งสองกำลังหาทางขึ้นมาบนหอคอยของตนอยู่ทำให้เธอแตกตื่นเล็กน้อย ถ้าพวกเขาขึ้นมาแล้วแผนการไปเร่ร่อนตามหาน้องสาวเธอจะเป็นอีท่าไหนเนี้ย!

     

             "เจ้าหญิงกราฟิเซีย ข้ามาช่วยท่านแล้ว!”

     

            ไม่ได้ขอมาเลยกลับไปไป๊!!

     

            เจ้าหญิงผมเงินกรีดร้องในใจแบบดังพอที่จะให้คนต่างทวีปได้ยินพร้อมๆกับที่เจ้าชายผมแดงตะโกนขึ้นมายังหอคอยสูงเรียกความสนใจของเธอ เจ้าหญิงผมเงินชะโงกหน้าลงไปมองยังผู้มาใหม่ทั้งสองด้วยสีหน้าหน่ายๆก่อนจะรีบคว้าสิ่งที่อยู่ใกล้มือสุดมาเพื่อขว้างลงไปหวังจะให้คนใดคนหนึ่งโดนและน็อกสลบไปก่อน

            ผ้าสีฟ้าอ่อนเนื้อดีผืนบางปักลวดลายประณีตอ่อนช้อยสีทองปลิวลู่ลมลงไป ณ เบื้องล่างของหอคอยและตกลงไปสู่มือเจ้าชายผมทองได้อย่างประจวบเหมาะที่สุดเรียกรอยยิ้มงามได้จากเจ้าชายผู้ถูกสาปให้โชคร้ายได้

     

            "ช่างเป็นเจ้าหญิงที่อ่อนโยนเหลือเกิน นางคงเห็นเราเหนื่อยจึงได้ส่งผ้าเช็ดหน้าผืนนี้มาให้ กราฟิเซียแห่งโรเซเลียส หากเจ้าเป็นรักแท้ของข้าจริงๆ ข้าจะรักเจ้าไปชั่วนิอันดร”

     

            ปลุกความหวานน้ำเน่าในตัวคุณ ขนแขนแสตนอัพเลยวุ้ย

     

            กราฟิเซียเริ่มหันไปมองบนโต๊ะอีกครั้งก่อนจะชะโงกหน้าลงไปอีกทีมองผ้าสองผืนที่มีลักษณะคล้ายกันทำให้คิ้วเรียวขมวดกันเป็นปมอีกครั้ง

     

            "หยิบพลาด...ไม่ใช่ผืนที่ข้าชุบยาสลบไปหนิ"

     

            แถมอยากตะโกนบอกด้วยว่าผืนที่อยู่ข้างล่างนั้นเป็นผ้าขี้ริ้วที่พึ่งซักไปเมื่อวานก่อน

     

            ส่วนทางด้านล่างหอคอยเจ้าชายแห่งกรีเฟลันเริ่มนึกอิจฉาชะตาของเจ้าชายผมทองที่มาถึงด้วยกันเล็กน้อยแต่ใครจะสนในเมื่อมีแต่คนที่พาเจ้าหญิงออกมาได้เท่านั้นที่จะได้อภิเษกสมรสกันได้เพราะงั้นไม่ขอรอแล้ว!

     

            "เมลทาเรียสท่านลืมไปแล้วเหรอว่ากฎนั้นเป็นเช่นไร"

     

            เทเรสเริ่มท่องเวทย์ทันทีที่กล่าวออกไป วงเวทย์สีฟ้าใสเริ่มก่อตัวเป็นบันไดกระจกที่ทอดสูงขึ้นไปยังระเบียงส่วนที่เจ้าหญิงผมเงินอยู่ทำให้เธอเริ่มตื่นตระหนก

     

           "บ้าชิบพวกนั้นมาเร็วเกินไปแล้ว”

     

            ไม่ต้องรอให้เสียเวลาเจ้าตัวรีบเก็บของเข้าที่จนทุกอย่างเรียบร้อยหมดมือเรียวรีบตวัดมีดเชือนเรือนผมที่เธอไว้จนยาวนั้นทิ้งทันทีแล้วจัดการมัดไว้กับระเบียงอีกฝั่งของหอคอยในส่วนที่ใกล้หน้าผาแทน ทำให้วินาทีที่มองลงไปเจ้าหญิงผมเงินดันเกิดอาการปอดแหกแทน

     

            พระเจ้าสูงชิบเป๋ง ตกลงไปไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตล่ะวะ

     

            แม้จะกลัวอยู่ไม่น้อยแต่เพื่อเป้าหมายร่างผมเงินจึงคว้ากระเป๋าผ้าขึ้นสะพายไว้แล้วคว้าเส้นผมของตัวเองก่อนจะโดดลงไปข้างล่างหอคอยแบบไม่คิดชีวิต เมื่อเจ้าชายทั้งสองขึ้นมาบนหอคอยแล้วเรียบร้อย

            เส้นผมสีเงินที่บัดนี้ได้สั้นประบ่าเล็กน้อยสะบัดไปมาจากการโดดลงมาจากที่สูงเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อที่ผมของเธอไม่ได้ขาดก่อนถึงพื้นในทางกลับกันมันกลับขดตัวเข้าหากันจนกลายเป็นเชือกหนาสีเงินเส้นหนึ่งแทนราวกับว่าโชคชะตาที่จ่าเศร้ากำลังเต็มใจที่จะช่วยเธอ

           เมื่อถึงจังหวะที่สมควรร่างสูงรีบปล่อยมือจากเชือกสีเงินแล้วลงไปยืนที่พื้นได้อย่างสง่างามราวกับเธอนั้นลอยลงมาด้วยตัวเอง ใบหน้าเรียวรูปหัวใจนั้นบัดนี้ดูคมขึ้นเล็กน้อยเพราะผมสีเงินที่สั้นลงและนัยน์ตาเรียวที่มีความมุ่งมั่นอยู่เต็มเปี่ยม ชุดที่ใส่นั้นไม่ทำให้เจ้าหญิงผมเงินดูแปลกไปแม้แต่น้อยแต่มันกลับดูทะมัดทะแมงและช่วยเสริมให้เจ้าหญิงผู้อ่อนแอให้กลายเป็นชายหนุ่มนักเดินทางรูปงามได้

     

            “อ่า...ใจหายไปนิดแต่สนุกดีเหมือนกันนะเนี้ย”

     

           เจ้าหญิงไม่สินักเดินทางผมเงินว่าพลางขยับยิ้มงามให้อาชาทั้งสองที่ยืนรอนายของมันอยู่เพื่อเป็นการบอกในเชิงว่าเธอมาอย่างสันติ

            รอยยิ้มงามราวเทพบุตรของคนผมเงินทำให้อาชาทั้งสองยอมสงบสติอารมณ์ไว้ได้ มือเรียวสวยยื่นออกไปลูบหัวอาชาสีน้ำตาลดำพลางกระซิบเบาๆด้วยน้ำเสียงที่ถูกฝึกมาจนใกล้เคียงกับเสียงชายหนุ่ม มันเป็นน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วน่าหลงใหลไม่ต่างอะไรจากเสียงของชายหนุ่มจริงๆเลยแม้แต่น้อย

     

            "ช่วยไปส่งข้าทีเมืองทีสิเจ้าม้า"

     

            อาชาสีน้ำตาลดำผงกหัวให้เล็กน้อยเป็นเชิงตกลงกับนักเดินทางผมเงินที่ตนไม่รู้ว่าเป็นใครแต่ภายในดวงตาสีม่วงลาเวนเดอร์คู่นั้นมันช่างอ่อนโยนและน่าเกรงขามจนไม่อาจปฏิเสธได้

     

            "เจ้าหญิงกราฟิเซียหายไป!"

     

            เสียงตะโกนหลงๆของเจ้าชายทั้งสองดังขึ้นเบื้องบนหอคอยที่ว่างเปล่าเรียกเสียงหัวเราะจากร่างผมเงินได้เป็นอย่างดี เขาดึงฮู้ดขึ้นปิดใบหน้าไว้แล้วควบม้าออกไปจากเขตหอคอยโดยมีเจ้าชายทั้งสองสติแตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นของขวัญส่งท้ายภารกิจหนีจากหอคอยของเขา

     

            "เทเรสเราต้องรีบไปแจ้งเรื่องนี้โดยด่วนเลย!"

            "เมลทาเรียสมีคนขโมยม้าเจ้าไปแล้ว!"

            "ไฮเดน! หยุดเดี๋ยวนี้นะเจ้าหัวขโมยคืนม้าของข้ามาเดี๋ยวนี้!"

     

            กราฟิเซียหันกลับไปยังหอคอยเพื่อมองเจ้าชายทั้งสองเป็นครั้งสุดท้าย รอยยิ้มมุมปากกระตุกเล็กน้อยอย่างขบขันเมื่อเจ้าชายของทั้งสองอาณาจักรนั้นสภาพดูไม่จืดเลยเมื่อไม่เจอเธออยู่ข้างบน

     

            "ข้าแค่จะให้มันไปส่งที่คลียาร์คเท่านั้น ท่านวางใจได้เลยเดี๋ยวมันก็กลับมารับพวกท่านแน่!”

     

            ว่าแล้วนักเดินทางผมเงินก็ขยิบตาให้ทั้งสองก่อนจะควบม้าเข้าไปในเขตป่าเพื่อไปสู่เมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด ทิ้งให้เจ้าชายสองพระองค์ประมวลเหตุการณ์ทั้งหมด

     

            1.เจ้าชายเทเรสโดนเจ้าชายเมลทาเรียสขโมยใจ(?)เจ้าหญิงกราฟิเซียตัดหน้าไป(จริงอะ)

            2.เจ้าหญิงหายตัวไปจากหอคอย

            3.เจ้าชายเมลทาเรียสโดนขโมยม้า

            4.แถมด้วยความซวยของเจ้าตัวที่ลนลานจนสะดุดผ้าคลุมตัวเองแล้วเกือบพลัดตกจากระเบียงหอคอยถ้าไม่มีเจ้าชายเทเรสช่วยไว้

     

             นี่เป็นเพราะคำสาปของแกใช่มั้ยเมลทาเรียส!

     

            แม้ว่าจะกรีดร้องในใจสักแค่ไหนความจริงก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เจ้าหญิงในหอคอยได้หายไปนั้นกลายเป็นปริศนาต่อในเรื่องที่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางแล้วนางหายไปไหน เจ้าชายผมแดงส่ายหน้าเบาๆเล็กน้อยกับเรื่องทุกอย่างก่อนจะมองชายผ้าคลุมของเจ้าชายผมทองที่เขาจับเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายตกจากหอคอย

     

            เขาปล่อยมือดีมั้ยนะจะได้มีศัตรูหัวใจน้อยลง...

     

    ------------------------------------------

    แก้นิดๆหน่อยๆเสริมเล็กๆน้อยๆแล้วค่อยต่ออย่างเต็มที่ จะมาอัพอีกมียามว่างๆ ล่ะนะ ฝากเรื่องอื่นๆด้วยล่ะขอบคุณนะครับ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×