คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : วันที่...วุ่นวายไปอีกคาบหนึ่ง
Bedivere Master of the Eternal Ice
“ดูท่าจะดีขึ้นแล้วนะ”
เมอร์ลินพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกึ่งหัวเราะหลังจากที่ผมตื่นขึ้นมาร้องแหกปากข้าวของใส่พี่แกอย่างเอาเป็นเอาตายราวกับคนโดนลวนลาม แต่จะว่าโดนมันก็โดนจริงๆนั้นแหละ
หลังจากที่กลับจากไปซื้อดาบ ผมพึ่งมารู้ตัวว่าหลับมาตลอดทางจนเกือบถึงเวลาไปฝึกกับเพอร์ซิวัลแล้วแต่ตอนที่ตื่นนั้นแหละที่ผมเครียดมากสุด เมื่อผมตื่นมาเจอเมอร์ลินเขาปลดกระดุมเสื้อผมแล้วเตรียมถอดกางเกง นั้นแหละผมถึงได้แหกปากออกมา
“คิดจะทำอะไรผมท่านเมอร์ลิน!”
“รักษาเจ้าไง ข้าไม่เคยเห็นผู้ที่ถูกผีดูดเลือดกัดมาก่อนข้าแค่ตรวจสอบดูว่ามันจะเป็นเหมือนในหนังสือรีเปล่าน่ะ”
ผีดูดเลือด......แย่ล่ะนึกออกแล้ว ผมโดนลีออนกัดมาหนิ แล้วนี่ผมจะกลายเป็นผีดูดเลือดด้วยรึเปล่า ผมจะเข้าโบสถ์ได้มั้ย ขนมปังกระเทียมนี่จะมีผลกับผมมั้ยเนี่ย ยิ่งชอบกินอยู่ด้วยที่สำคัญจะมีผู้หญิงยอมให้ผมดูดเลือดมั้ยเนี้ยถ้าผมเป็นแวมไพร์จริงๆน่ะ
“แต่ดูแล้วน่าจะไม่เป็นไรนะ แต่ถึงงั้นข้าก็อยากจะตรวจอีกหน่อยอยู่หรอก”
ไม่ต้องครับ ผมนี่รีบส่ายหัวอย่างไวเมื่อแววตาของพ่อมดหนุ่มตรงหน้า พลางตะโกนด่าในใจถึงบุคลากรที่ผมนับถือเหมือนเป็นพี่อย่างแอทริธ ว่าแต่มันอยู่ไหนทำไมไม่มาช่วยอาจารย์คนนี้!
แต่เหมือนครั้งนี่เมอร์ลินจะกินยาไม่เขย่าขวด เขาละมือจากกางเกงผมแล้วหันไปเขียวบางอย่างลงในบันทึกเล่มหนาบนโต๊ะเครื่องเขียนที่อยู่ใกล้ๆพลางพูดออกมาเบาๆ
“เจ้าไปเถอะเคดาจ เจ้าคงไม่อยากให้เพอร์ซิวัลรอหรอกใช่มั้ย”
ก็...ไม่อยากอะนะยิ่งพี่แกเขาดูร้อนแรงแล้วยิ่งไม่น่าขัดใจใหญ่ แต่ที่กังวลคือถ้าไปสายเขาจะกินเวลาของแลนสล็อตที่เป็นคาบต่อจะเขารึเปล่านี่สิเรื่องใหญ่ระดับชาติ ผมรีบใส่เสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยเหมือนเดิมก่อนจะรีบคว้าดาบแล้วเดินออกจากห้องของเมอร์ลินอย่างไวราวกับกำลังหนีเจ้าหนี้อยู่ยังไงหยั่งงั้น
จนกระทั่งมาถึงลานฝึกที่ตอนเช้าผมใช้ฝึกธนูกับทริสทัน แล้วตอนนี้ผมก็ได้เจอกับเด็กหนุ่มที่มีอายุน้อยที่สุดในคณะอัศวิน เจ้าของเรือนผมสีแดงสดคล้ายกับของลีออนแต่ของเพอร์ซิวัลนั้นเข้มกว่าเล็กน้อยและตาของเขานั้นเป็นสีน้ำตาลอ่อน เช่นเดียวกับทริสทัน เขาก็สวมใส่แค่เสื้อผ้าปกติโดยที่ไม่ได้สวมเกราะทับไว้แต่อย่างใดเพื่อแสดงให้เห็นว่า เขาจะไม่เอาจริงเอาจังให้มากนักกับการฝึกสอน
“ไงเคดาจ ได้ดาบมาแล้วงั้นสินะ ดีเลยข้าอยากจะลองดูพื้นฐานเจ้าก่อนเป็นอย่างแรก ไหนลองซัดมาสักทีสองทีสิ ข้าจะรับไว้แล้วจากนั้นค่อยฝึกดาบกับทดสอบพลังธาตุเจ้า ตกลงนะ”
รุ่นพี่เพอร์ซิวัลเขาดูเครื่องร้อนยังไงไม่รู้อะ เหมือนแกจะตื่นเต้นที่ได้เป็นอาจารย์ให้ผมรึเปล่านะ ไม่รู้ล่ะแต่เหมือนจะตื่นเต้นจัดจนผมหาทางตอบกลับไปไม่ได้เลย ถึงจะยังไม่เข้าใจแต่บอกให้ซัดไปสักทีสองทีงั้นสิ ได้...ถือว่าระบายอารมณ์ด้วยเลยล่ะกัน
ดาบในมือของพวกเราถูกชักออกมาจากฝัก ทั้งผมกับเพอร์ซิวัลต่างอยู่ในท่าเตรียมกันทั้งคู่แต่แค่คนล่ะตำแหน่งเท่านั้น เพราะดาบของเขาเป็นดาบยาวสองมือเขาจึงตั้งท่าอยู่ในท่ารับเสมอ ผิดกับผมที่เป็นดาบยาวมือเดียว
ตึก!
ผมเป็นฝ่ายก้าวเท้าก่อนเป็นคนแรกก่อนจะพุ่งเข้าไปโจมตีก่อนดาบทั้งสองกระทบกันจนเกิดประกายไฟขึ้นมาทุกครั้งที่เราฟาดดาบใส่ จนกระทั่งเพอร์ซิวัลเริ่มเคลื่อนไหวผมถึงได้รู้ว่าไม่ควรออมแรงไว้อีกต่อไปแล้ว
เคร้ง!
เสียงดาบของพวกเรากระทบกันอย่างต่อเนื่องและดังกังวานไปทั่วสนามฝึกซ้อมในยามบ่าย ไม่มีฝ่ายใดยอมออมแรงและอ่อนข้อให้ ทำให้อัศวินที่ฝึกซ้อมกันอยู่ไม่ไกลจากพวกผมนั้นเริ่มหันมาเฝ้ามองดูกันเป็นระยะๆ
ทุกย่างก้าวที่พวกเราก้าวเดินคือการฝึกการต่อสู้ขั้นเบื้องต้น สำหรับเพอร์ซิวัลผมเห็นก็รู้แล้วว่าเป็นพวกที่พัฒนาและเรียนรู้ทุกอย่างจากประสบการณ์และการเรียนรู้ด้วยร่างกายตัวเอง เพราะทุกครั้งที่ดาบปะทะทั้งความเร็วและความแรงของดาบก็เริ่มหนักขึ้นมากว่าเก่ามาก จนถึงขั้นที่ว่า นี่เป็นการประดาบกันจริงๆ
“สุดยอดข้าไม่เคยเจอเด็กที่เก่งแบบเจ้ามาก่อนเลยนะเคดาจ”
คนผมแดงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงพลางกดแรงดาบลงมือใส่ผมที่เปลี่ยนฝั่งเป็นฝ่ายรับบ้างซึ่งก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกแต่เหมือนดาบพี่แกจะร้อนขึ้นนะ คือไม่ใช่ร้อนแบบร้อนแดดนะ แต่มันร้อนแบบร้อนไฟไหม้อะ
“ท่านเพอร์ซิวัล ไฟครับไฟ ไฟของท่านน่ะ ผมขอล่ะลดหน่อยเถอะครับมันร้อน!”
“โอ๊ะ แย่ล่ะขอโทษๆ พอดีมันมันส์มือไปหน่อยเลยเผลอเอาจริงน่ะ”
เผลอเอาจริง? ขุนพระนี่ถ้าผมไม่ฝึกหนักมาก่อนนี่ผมจะรอดมั้ยเนี่ย ผมเกือบถูกย่างสดแล้วนะถ้าไม่ทักผมจะรอดมั้ย!
ทันทีที่รู้ตัวว่าพวกเราประดาบกันจริงๆจังๆมานานพอสมควรเขาก็เก็บดาบของเขาไปแล้วเรียกให้ผมมานั่งลงบนพื้นใกล้ๆกับกองฟืนเล็กๆที่เหมือนเขาจะเตรียมไว้ซึ่งดูๆไปแล้วเขาน่าจะกำลังหาทางสอนการควบคุมธาตุไฟให้ผมอยู่แน่ๆ
“นั่งสิ แล้วมาคุยกันว่าเจ้ามีพื้นฐานธาตุไฟแค่ไหน”
ผมนั่งลงนฝั่งตรงข้ามกับอีกฝ่ายแล้ววางดาบลงข้างๆเมื่อไม่ได้ใช้มัน ผมเฝ้ามองเพอร์ซิวัลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะยิ้มออกมาแล้วสร้างลูกไฟขนาดเล็กไว้บนมือข้างขวา
“ไหนลองบอกมาสิว่าไฟนั้นเกิดจากอะไร”
....เอาคำตอบไหนล่ะที่พวกเอลฟ์บอกหรือตามกฎวิทยาศาสตร์สาขาฟิสิกส์ ไม่น่าเชื่อเลยว่าผมมาอยู่นี่ถึงสิบปีผมยังไม่ลืมสิ่งที่เรียนมาโดยเฉพาะวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์ล่ะ ก็แหมๆ ผมชอบเห็นเวลาที่แอทริธมานั่งแก้ปัญหาคณิตหนิ บวกลบคูณหารพอว่าแต่พอไปยกกำลังกับพาราโบล่านี้ ผมเกือบหลุดขำมาแหนะที่เห็นแกงงเป็นไก่ตาแตก
แต่ตอนนี้คงต้องลองตอบแบบมีสาระไปก่อนละกันจะได้ไม่เสียเวลาเรียน
“...อืม...เกิดจากการสั่นสะเทือนของอนุภาคในอัตราความเร็วสูงเพื่อสร้างความร้อนจนมันลุกไหม้ขึ้นมารึเปล่า”
นิ่ง....อะไรผมตอบผิดตรงไหนหรือสาระมันไม่พอ ผมก็ว่าอธิบายให้เข้าใจแล้วนะทำไมคุณถึงนิ่งล่ะครับคุณท่านเพอร์ซิวัล
“ข้า...ตามไม่ทัน นั้นเจ้าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่หรอ”
วันนี้ผมได้รู้แล้วว่า อย่าพูดเรื่องวิทยาศาสตร์กับเพอร์ซิวัลเพราะพี่แกนั้นโง่บรม ถึงพี่แกจะอยู่ปีเจ็ดปีสุดท้ายก็ตามแต่ว่านะ คุณเอ็งได้เรียนมาบ้างไหมวะครับหรือสมองพี่แกจดจำแต่เรื่องกีฬาตามประสาคาแร็คเตอร์บ้ากีฬาน่ะ
“การเกิดของไฟไงครับ”
ตอบไปด้วยท่าทีใสสื่อและน่าไว้ใจสุดๆทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกยาวออกมา
“จะว่าใช่ก็ใช่อยู่นะ แต่ข้ากำลังจะพูดว่าไฟนั้นเกิดจากการหลอมรวมสมาธิตะหาก”
นั้น...ผิดคาด เหมือนแถๆยังไงไม่รู้สิผมว่านะ เหมือนพี่แกจะพยายามทำตัวให้ฉลาดๆอยู่หยั่งงั้นแหละ วะ เห็นแล้วนึกถึงพวกศิษย์ที่สอนไปเลย ดูโง่ๆแต่โง่แบบน่ารักๆ ดูแล้วชื่นใจดี ไม่เหมือนผู้ใหญ่บางคนที่พึ่งเจอมา....คงว่าบางคนไม่ได้ต้องบอกว่าหลายๆคนมากกว่า เรียงลำดับความอันตรายตั้งแต่ต่ำไปสูง ลามอรัค เบดิเวียร์ อาเธอร์ ลีออน เมอร์ลิน
ผมให้เจ้าพ่อมดสติเสื่อมนั้นอยู่ท้ายแถวไปเลยเจ้านั้นมันอันตราย ไม่รู้ว่าคิดอะไรแต่ดูตาแล้วไม่น่าคบหาที่สุด ถึงมันจะหล่อก็เถอะ แวมไพร์งี่เง่านั้นก็ด้วยผมไม่ไว้ใจห้าคนนี้ และคงจะไม่ไว้ใจไปอีกนานนมเลยล่ะขอบอก
แต่ทำไมพวกเขาถึงหล่อกว่าผม ขอคนธรรมดาสักคนในคณะได้มั้ยผมรู้สึกเหมือนไม่ได้เป็นพระเอก ไม่สิแบบนั้นไม่ถูก...ต้องขอผู้หญิงมากกว่าตั้งแต่ผมมาอยู่นี่นอกจากผู้หญิงในหมู่บ้านกับท่านอูเธอร์ผมก็ไม่เจอผู้หญิงอีกเลย พระเจ้าช่วยผมด้วย ผมอดอยากอาหารสายตา!
แอทริธอยู่ไหน ผมอยากชวนนายไปที่หอนางโลม! ผมไม่เอาแล้วกับการเป็นเด็กน้อยไร้หญิงงามคู่กาย ผมจะไปหาแฟนกับเขาบ้าง!
“วิธีควบคุมธาตุไฟน่ะ มันไม่มีคำว่าง่ายขนาดคนที่เป็นธาตุไฟโดยกำเนิดยังต้องใช้เวลากว่าจะสร้างได้ด้วยตัวเองโดยไม่มีแกนนำ แต่สำหรับเจ้า ข้ามีวิธีที่ง่ายกว่านั้น”
เพอร์ซิวัลยิ้มออกมาอย่างไม่น่าไว้ใจแล้วยื่นลูกไฟในมือมาอยู่ตรงหน้าผมก่อนจะ...เป่ามันให้พุ่งเข้าแสกหน้าผมอย่างจัง!
“เจี๊ยก!!”
และนั้นคือเหตุผลที่ผมวิ่งพล่านไปทั่วสนามฝึกพร้อมไฟดับเครื่องชนบนหัวงามๆของผม ที่สำคัญคือมันร้อนแต่มันไม่ไหม้ครับ มันติดอยู่แบบนั้นไปหลุดเลยแม้แต่น้อย อย่าบอกว่าฝึกเลยแกหาเพื่อนเล่นอยู่สินะ สินะ!
ร้อนอะครับ โครตร้อนเลย!
“ตั้งสมาธิแล้วลองปัดมันเบาๆดู ถ้าเจ้ามีธาตุไฟในตัวเดี๋ยวมันก็หายร้อนแล้วหายไปเอง ถ้าไม่ใช่...ก็วิ่งไปหากาเวนเอานะ”
“คงจะทำได้หรอกครับ!”
บอกตามตรงเลยนี่มันบทลงโทษแบบเบาะๆในนรกชัดๆ!
ตอนนี้ผมแทบไม่รู้เลยว่าตัวเองวิ่งมาถึงส่วนไหนของปราสาทหรือสนามฝึก ที่แน่ๆผมได้ยินเสียงขอโทษของเซอร์เพอร์ซิวัลตามหลังมาติดๆพร้อมกับเสียงเท้าที่วิ่งตามหาผมอยู่รอบๆ แต่ผมไม่อาจหยุดตัวเองได้มันร้อน ผมคุมตัวเองไม่อยู่ผมต้องวิ่งไม่งั้นมันไม่มีที่ระบาย
“เซอร์กาเวน แอทริธ!!! เซอร์กาเรนท์! ”
ผมนี้รีบตะโกนชื่อบุคคลที่พอจะช่วยไหวเหมือนตะโกนเรียกชื่อโดราเอมอนกันเลยทีเดียว เพราะกาเวนเป็นธาตุน้ำ แอทริธกับกาเรนท์เป็นธาตุไฟอย่างน้อยก็พอจะช่วยได้บ้างนั้นแหละ จนกระทั่งคุณทหารยามพูดตอบกลับมา
“หากท่านกาเวนกับกาเรนท์ล่ะก็ตอนนี้ไปลาดตระเวนในเมืองน่ะ ส่วนอาจารย์แอทริธข้าพึ่งเห็นท่านเข้าไปสอนนักเรียนชั้นปีที่ 5 อยู่ขอรับ”
อีพวกไร้ประโยชน์! ทีแบบนี้ไม่อยู่ให้ช่วย จากแก๊งหนุ่มจีที่พอจะช่วยผมได้เหลือตอนนี้ก็มีแค่สองจีที่อยู่ไหนไม่ แถมจะให้เบดิเวียร์ช่วยก็เหมือนฆ่าตัวตาย ลืมลามอรัค แลนสล็อตและกาลาฮัดได้เลยพลังธาตุของพวกท่านไม่ได้ช่วยผมเลยแม้แต่น้อย ทริสทันไม่อยู่ ให้ท่านอาเธอร์ช่วยก็เกรงใจคุณท่านมากที่เหลือก็มีแค่.....แค่.........แค่....
เมอร์ลิน....
“ปั๊ดโธ่โคอาล่า! ทำไมไม่มีตัวเลือกอื่นอ่าครับ!”
ถึงจะตะโกนออกไปแบบนั้นแต่มันก็ร้อนเกินไปอยู่ดี จนกระทั่งผมก้าวเท้าพลาดไปก้าวหนึ่งจนล้มคว่ำไปข้างหน้า อ๊ะ....มันเป็นบันไดด้วยล่ะ....รออะไรกรี๊ดสิ! กรี๊ดดดดดด!
ตุบ!
กรีดร้องเบาๆในหัวแล้วรอเวลากลายเป็นศพอยู่ที่ชั้นล่างสุดของบันได แต่ทว่ามันไม่ได้เจ็บเลยแม้แต่น้อย เหมือนผมกำลังถูกอุ้มอยู่อีกตะหาก จนผ่านไปสักพักผมถึงลืมตาขึ้นมาแล้วพบกับใบหน้าของเพอร์ซิวัลที่ฉายแววกังวลเล็กน้อยแต่ก็ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มร่าเริงของเจ้าตัว
พอมาดูอีกทีนั้น ผมอยู่ที่ชั้นล่างสุดของบันไดจริงๆนั้นแหละพร้อมแขนของอีกฝ่ายที่โอบรอบเอวผมอยู่ แต่คนที่อยู่ข้างใต้กลับเป็นหนุ่มผมแดงแทนและเออ...ถึงจะไม่อยากยอมรับแต่ผม...นั่งคร่อมเขาอยู่ด้วย
“...ถึงจะทำให้วุ่นวายแต่...เจ้าก็ได้ธาตุไฟเป็นธาตุสนับสนุนและล่ะนะเคดาจแต่ เจ้าช่วยลุกทีสิ เจ้านั่งทับตรงนั้นจนข้าเจ็บแล้วนะ”
ตรงนั้นที่ว่า...อ๊ะ อ่า...ผมทับน้องชายเขาอยู่นี่หว่า
---------------------------------------------
ความคิดเห็น