ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Historia ผมในโลกคู่ขนาน (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #10 : วันที่...ไปเลือกดาบ

    • อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 61


    Lamorak Master of Lightning  


               “ผมคิดว่าพวกเราควรจะกลับได้แล้วนะครับ”

     

                ผมกำลังดึงชายเสื้อของราชาในคราบสามัญชนอยู่ท่ามกลางถนนหลักของเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยผู้คนจากหลากหลายเมืองและอาณาจักรที่อยู่รอบข้าง ทันทีที่ผมเราก้าวเท้าออกมาจากเขตสถาบันผมก็เกิดอาการปอดแหกฉับพลันกับเมืองหลวงที่ผมไม่คุ้นเคย

                แต่ถึงผมจะเอ่ยห้ามยังไงราชาผมทองตรงหน้าผมก็ได้แต่หัวเราะแล้วจับมือลากผมไปตามร้านค้าต่างๆเพื่อหาแร่ธาตุแสงและดาบดีๆที่จะเอามาหลอมให้เข้ากับแร่นั้น

     

                “อะไรกันเคดาจ ข้าว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะข้าจะหาดาบให้เจ้า ส่วนเจ้าก็แค่เดินเป็นเพื่อนข้าจนกว่าจะถึงเวลากลับน่ะ”

     

                ครับพวกเราสัญญากันแบบนั้นแต่ถ้าความแตกขึ้นมาเมอร์ลินจะเป็นคนแรกที่มีโอกาสหาข้ออ้างเพื่ออยู่กับผม นั้นแหละที่ผมกลัวสุดในสามโลก! ผมไม่ไว้ใจพ่อมดหน้าตาหลอกลวงประชาชนนั้น มันน่าขนลุกเกินไปครับ!

                รู้มั้ยผมแปลกใจพอควรเลยล่ะที่ชาวเมืองนั้นจำราชาของพวกเขาไม่ได้ทั้งที่หัวก็ทองตาก็สีมรกต แต่แค่ปลอมตัวหน่อยๆพวกเขากลับจำไม่ได้กันซะแล้ว ทุกคนในเมืองนี่น่าจะไปตัดแว่นกันได้แล้วจริงๆนะ

     

                “ทางนี้เคดาจ”

     

                เขาลากผมเดินไปตามถนนหลักในเมืองต่อ ซึ่งในครั้งนี้พวกดินผ่านตรอกและซอกสอยมากมายจนมาถึงร้านช่างตีดาบเก่าๆที่ดูเหมือนจะไม่มีใครผ่านมาแถวนี้นัก

     

                “ไม่ต้องห่วงไปถึงภายนอกจะดูโทรมแต่ข้ารับรองได้ว่าฝีมือดาบของลีออนน่ะไม่มีทางเป็นที่สองรองใครแน่”

     

                เขาพูดแบบนั้นก่อนจะเดินพาผมเข้าไปข้างในร้าน ตอนแรกผมนึกว่าจะได้เจอกับห้องร้างๆห้องหนึ่งแต่มันกลับไม่ใช่ ภายในห้องนั้นตกแต่งด้วยวัสดุที่ทำจากไม้และหินเป็นส่วนใหญ่ มีตู้กระจกวางเรียงรายไปทั่วพร้อมกับเหล่าศาสตราที่วางตกแต่งตามประเภทและขนาดของมัน

     

                “ลีออนข้าพาลูกค้ามาให้ ออกมาต้อนรับได้แล้ว”

     

                ราชาผมทองพูดออกมาพลางเดินไปที่ประตูหลังร้านซึ่งเขาไม่ได้แค่เรียกแต่ดันทุบประตูไม่หยุดอีกด้วยทำเอาผมเผลอช็อกไปนิดหน่อยเมื่อเจออีกมุมของราชาที่รับหน้าที่สอนผมอยู่ ณ ตอนนี้

     

                “ลีออน...ถ้าไม่ออกมาข้าจะทำลายดาบทุกเล่มที่จัดวางอยู่ข้างในนี้ให้หมดเลยนะ”

     

                โหดโพด!!!

     

    ตึง! โครม!!!

     

                สิ้นคำพูดของเขาผมได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากอีกฝั่งของประตูซึ่งมันตามมาพร้อมกับเสียงข้าวของที่ตกกระจายไปทั่วและผมเดาได้ว่าน่าจะมีการสะดุดล้มเกิดขึ้นมาด้วยแน่ๆฟังจากท่าทีรีบร้อนของคนที่ชื่อลีออน

                ไม่ถึงห้าทีเจ้าของร้านที่พวกเราตามหาอยู่ก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากหลังร้าน ในสภาพที่เรียกว่าโทรมเอาการอยู่ เรือนผมสีแดงเข้มยุ่งฟูไม่เป็นทรง ใบหน้าหล่อเหลาติดเถื่อนหน่อยๆนั้นเปื้อนไปด้วยฝุ่นและเขม่าขวันจากเตาหลอมเหล็กที่อยู่หลังร้าน แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังหลุดลุ่ยจากการวิ่งออกมาที่หน้าร้านโดยที่สะดุดของไปทั่วมาอีก

     

                “อาเธอร์ข้าขอล่ะ อย่าเรียกข้าด้วยวิธีเช่นนั้นอีกเลย เด็กๆพวกนี้น่ะข้าตั้งใจสร้างขึ้นมาด้วยวิญญาณเลยนะ ถ้าเจ้าทำลายพวกมันแลข้าจะอยู่ยังไง”

     

                ขุนพระเจ้า! ในที่สุดก็มีคนตาไม่ถั่วจำราชาผู้ปกครองประเทศนี้ได้ด้วยที่สำคัญเขาเรียกชื่อกันห้วนๆอีกครับ เขาเป็นใครแล้วรู้จักกันได้ไงวะครับ!

                เมื่อพวกเขาคุยกันเสร็จอาเธอร์กับลีออนก็หันมาทางผม ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วโบกมือหน่อยๆซึ่งลีออนก็หันกลับไปหาราชาผมทองอีกครั้ง

     

                “แล้วนี่เจ้าไปลักพาตัวเจ้าชายจากไหนมาล่ะนั้น ถ้าพามาให้ข้าล่ะก็ ขอบอกเลยว่าตรงสเปคอยู่แต่ยังเด็กเกินไป ข้าชอบแบบยี่สิบต้นๆมากกว่าจะได้ไม่โดนหาว่ากินเด็ก”

     

                กินเด็กบ้านคุณสิครับ! คุณพึ่งทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของผมด้วยคำพูดของคุณ หลังจากที่ได้ดาบผมจะไม่ขอมาเป็นครั้งที่สองแน่ๆ!

                แต่เจ้าชายนี่หมายความว่าไงหว่า ผมว่ามันต้องตาถั่วแน่ๆ ดูก็รู้ว่าผมน่ะเป็นเด็กหนุ่มสามัญชนตามท้องตลาด ไม่ใช่เจ้าชาย เอ๊ะหรือว่าจะเป็นเพราะเครื่องแบบที่ผิดหูผิดตาชาวบ้านล่ะนั้น

     

                “ใจเย็นลีออน แล้วก็ไม่ เขาไม่ใช่เจ้าชายเขาเป็นศิษย์ของข้ากับเมอร์ลินแล้วก็คนในคณะอัศวินน่ะ เป็นคนที่มีธาตุแสงโดยกำเนิดเหมือนข้าไง”

                “อ๋อ...ธาตุแสงโดยกำเนิด....ห๊า!? ธาตุแสงโดยกำเนิดงั้นเหรอ!

     

                เท่านั้นแหละเขาวิ่งมาตะครุบตัวผมไว้ทันทีเลย

     

                “แสดงว่าเจ้ามาหาดาบสินะ ดีเลยรอนี้ข้าจะไปเอาดาบที่ข้าตีไว้ให้เจ้าเลือกเองระหว่างนี้ทบทวนดูล่ะว่าอยากได้แล้วถนัดแบบไหน”

     

                แล้วเขาก็วิ่งกลับไปที่หลังร้านทิ้งให้ผมประมวลกับเหตุการณ์เมื่อครู่อย่างไม่เข้าใจนักผมเลยหันไปถามราชาผมทองที่ยืนกอดอกมองอยู่ใกล้ๆแทน

     

                “เมื่อกี้นี่มันอะไรงั้นหรอครับ ฝ่าบาท”

                “อ๋อ นั้นลีออนช่างตีดาบที่อยู่มาตั้งแต่ยุคแรกของอาณาจักรน่ะ ข้าเจอเขาโดยบังเอิญตอนมาเดินเล่นในเมืองเมื่อตอนเด็กๆ หลังจากนั้นก็มาเล่นบ่อยๆเลยมารู้ทีหลังว่าเป็นผีดูดเลือด แต่วางใจได้เขาดูดเลือดเฉพาะวันพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น”

     

                คือ...วันนี้จันทร์เต็มดวงครับคุณท่านราชา...

     

                ผ่านไปประมานห้านาที ลีออนกลับมาพร้อมกับกล่องไม้สามสี่กล่องในมือก่อนจะวางลงบนโต๊ะหน้าร้านแล้วเปิดกล่องแรกให้ผมดู

     

                “เจ้าคิดว่าไงบ้างล่ะ”

     

                เขาถามผม ผมเลยก้มมองดาบในกล่องนั้นอย่างพิจารณา มันเป็นดาบใหญ่สองมือที่ดูแข็งแรงมากเล่มหนึ่ง ทำจากเหล็กกล้าสีเทาเข้มทั้งเล่ม ประดับด้วยพลอยสีน้ำเงินเม็ดใหญ่ที่โครงดาบ ส่วนด้ามคลุมด้วยหนังสัตว์สีดำแต่ผมคงเหวียงมันไม่ไหวแน่ ผมเลยส่ายหน้าเบาๆ

                เขาเปิดกล่องที่สองให้ผมดูหลังจากที่เป็นกล่องแรกไป มันเป็นดาบญี่ปุ่นเล่มยาวสีขาวสะอาดมีสันดาบเป็นสีดำสนิท ด้ามดาบนั้นเป็นสีดำทองประดับด้วยพู่สีแดงสด....แปปนะ...ทำไมมันรู้สึกคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูกเหมือนเคยเจอที่ไหนสักแห่ง แต่มันไม่ใช่ดาบที่ผมต้องการ

                กล่องสี่สามเป็นกระบี่สีฟ้าอ่อนตกแต่งและประดับด้วยลวดลายของสายน้ำเป็นหลักแต่ก็มีสีขาวเอกลักษณ์ของธาตุแสงมาจากพลอยที่ประดับอยู่บนตัวดาบบ้างเล็กน้อยแต่ แปปนะ เหมือนจะเคยเจอจริงๆนั้นแหละไอ้สามเล่มที่ผ่านมาเนี่ย

                กล่องที่สุดท้ายเป็นดาบยาวมือเดียวสีดำคมดาบเป็นสีเงิน ด้ามดาบนั้นถูกหลอมมาให้อยู่ในรูปร่างของมังกรสีเงินโดยส่วนหัวหันไปทางปลายดาบส่วนหางนั้นพันรอบด้ามไว้ มันมีส่วนดวงตาที่ทำมาจากพลอยสีทองสว่าง แต่เมื่อดูห่างๆแล้วมันดูคล้ายไม้กางเขนพอควร แต่ที่ผมสนใจกลับเป็นอักษรสีสลักบนตัวดาบมากกว่า มันเป็นภาษาโบราณสีทองที่เก่าแก่พอควรเท่าที่ปรากฏในหนังสือประวัติศาสตร์

     

                แต่น่าแปลกที่เหมือนมีบางอย่างทำให้ผมละสายตาจากดาบเล่มนี้ไปไม่ได้เลย

     

                “สนใจเล่มนี้งั้นเหรอ”

     

                ลีออนเอ่ยถามออกมาในขณะที่ใช้นัยน์ตาสีส้มแดงมองผมด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มซึ่งผมก็ตอบกลับไปด้วยการพยักหน้าเล็กน้อยแทน

     

                “ระหว่างที่เจ้าเลือกข้าดูเงินในกระเป๋าเจ้าแล้ว ราคาจ่ายน่ะมีพอแค่สามในสี่ของราคาทั้งหมดแต่ไม่ต้องห่วงข้าแค่จะขออย่างอื่นมาเติมเต็มส่วนนั้นเอง”

     

                ดีจังผมยิ่งอยากได้เจ้านี่ด้วยหวังว่าจะเป็นของที่สามารถให้ได้จริงๆนะเว้นแต่ร่างกายอันนี้ให้ตายยังไงผมก็ไม่ให้เด็ดขาด ผมต้องอยู่เพื่อถวายกายให้ผู้หญิงที่ผมเลือกเท่านั้น

               

                “ผมเลือกดาบเล่มนี้ล่ะครับ”

     

                ผมตอบเขาไปพลางลูบตัวดาบที่เย็นเฉียบในกล่องซึ่งผมเห็นลีออนยิ้มหวานออกมาก่อนจะยื่นมือเพื่อรับเงินจากผมไปแล้วเดินกลับมาหาผมด้วยท่าทีระรื่นแบบแปลกๆซึ่งผมก็มารู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่เขาฝังเขี้ยวลงบนต้นคอผมจากด้านหลังเนี่ยแหละ!

     

                “ด..เดี๋ยวนะครับที่ว่าอย่างอื่นนี่เลือดผมหรอ!

     

                ไม่มีเสียงตอบรับจากผีดูดเลือดที่อยู่ข้างหลังแม้แต่น้อย มีเพียงแค่แขนข้างหนึ่งที่รวบเอวของผมไว้ส่วนอีกข้างก็จับหัวผมเอียงคอหน่อยๆเพื่อง่ายต่อการสูบเลือดไปแทน ถึงผมจะดิ้นไปรั้งแต่จะทำให้เจ็บเปล่าๆ ผมเลยยกมือขึ้นกำเสื้อของเขาแทนแล้วหลับตาลงข่มความเจ็บจากการโดนกัดไว้

    จนกระทั่งขาผมสั่นเท่านั้นแหละเขาถึงปล่อยผม ให้ผมเดินเซกลับไปหาราชาผมทองแบบลูกหมาเดินกลับไปหาเจ้าของ ที่ยืนมองแบบไม่สบอารมณ์อยู่

     

    “อ๊า...อร่อยที่สุดในรอบหลายเดือนมานี้เลยล่ะ”

    “ข้าก็อยู่ตรงนี้น่ะลีออน เจ้าขอจากข้าก็ได้ไม่เห็นต้องดูดเลือดจากเคดาจแบบนั้นเลยหนิ”

     

    ถึงบอกไปแบบนั้นเขาก็ไม่ยอมให้เลือดของเขาแน่ แต่เขาจะให้เงินไปแทน ครั้งนี้โชคดีไปที่ไม่ได้พบดาบมาด้วยไม่งั้นเจ้าผีดูดเลือดนี่คงจะได้เหลือแค่ชื่อกับร้านเท่านั้นแน่

     

    “เอาล่ะในเมื่อได้ดาบกันแล้วข้าจะพาเคดาจกลับเดี๋ยวนี้แหละไว้เจอกันใหม่ละกันนะลีออน”

    “ไว้ข้าจะรอนะอาเธอร์ อ๋อแล้วก็เคดาจด้วย...ไว้เจ้าสมัครใจเมื่อไหร่เตียงข้าว่างเสมอนะ”

     

    โอเค...ไม่เอาครับ ถ้าให้เขียนรายชื่อบุคคลอันตราย ต่อจากเมอร์ลิน เบดิเวียร์แล้วก็ลามอรัค เจ้านี้คือรายชื่อต่อไปอย่างแน่นอน ซึ่งผมที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบกอดคนผมทองไว้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นท่าทีที่ไม่น่าไว้ใจนั้นซึ่งอาเธอร์รับดาบกับฝักของมันมาจากลีออนแล้วยื่นให้ผมรับไว้ ซึ่งทันทีที่ผมรับเขาก็อุ้มผมในท่าอุ้มเจ้าสาวแล้วเดินออกจากร้านไป

     

    ผมจะไม่ขัดขืนอะไรทั้งนั้นโดนดูดเลือดจนขาสั่นแบบนี้เดินไปคงตายกลางทางก่อนล่ะ

     

    “เจ้าไหวรึเปล่าเคดาจ”

    “พอไหวนิดหน่อยครับ”

    “ข้าจะพาเจ้าไปหาเมอร์ลินเพื่อรักษาจะได้มีแรงในคาบของเพอร์ซิวัลกับแลนสล็อต ข้าไม่อยากให้เจ้าตกม้าตายตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มฝึกหรอกนะ”

     

    อ่า...หมดกันละกับการหนีเมอร์ลินทั้งวันสุดท้ายก็ต้องเจอกันจนได้แต่อย่างว่า ถ้าเขารักษาและฟื้นฟูให้ผมอย่างเดียวผมก็โอเคอยู่ล่ะนะ

     

    “หืม?...”

     

    ผมหันหน้าไปทางทิศตะวันตกด้วยความรู้สึกแปลกๆบางอย่าง มันกำลังคืบคลานมาช้าๆเหมือนกับเงามืดไม่มีผิดแต่ที่มันทำให้ผมกังวลกลับเป็นเสียงของสายลมมากกว่า สายลมที่สงบและอ่อนโยนกำลังแปรปรวน มันทำให้ผมนึกถึงทริสทันที่หายหน้าไปทั้งวันหลังจากที่สอนผมเสร็จ

     

    ผมหวังว่าคงจะไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นหรอกนะ

     

    “เป็นอะไรไปงั้นเหรอเคดาจ?”

    “เปล่าครับ...ผมแค่รู้สึกเหนื่อยไปหน่อย...”

     

    คนผมทองที่เห็นผมพูดแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยพลางกระชับแขนที่อุ้มผมอยู่ก่อนจะพูดกล่อมผมเบาๆ เหมือนกับแอธริท มันทำให้ผมเคลิ้มแล้วหลับตาลงเบาๆแทนซึ่งเหมือนเขาจะไม่ว่าอะไรนักเลยเดินอุ้มผมแบบนั้นกลับไปที่ปราสาท

     

    “สายลมอ่อนโยน...กำลังแปรผัน...”

     

    มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมพูดก่อนจะงีบหลับไปทั้งแบบนั้น เป็นคำพูดแผ่วเบาที่ไร้เสียงเพื่อย้ำเตือนให้ผมรับรู้กับบางอย่าง บางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน

    --------------------------------------------------------------

    จบอีกตอนและMerry Christmasครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×