ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dimension Voyagers

    ลำดับตอนที่ #2 : นามทั้งสองและคำสัญญา

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 65


    สิ่งแรกที่เห็นหลังจากที่ก้าวเดินผ่านความมืดคือพื้นที่ปูด้วยพรมแดงกับกำแพงห้องซึ่งเป็นสีดำสนิท โต๊ะไม้แกะสลักสีน้ำตาลดำชั้นดีที่อยู่ระหว่างโซฟาบุนวมตัวยาวสีแดงเลือดสองตัว ข้างๆนั้นมีแกรนด์เปียโนอยู่หนึ่งหลังกับเชิงเทียงที่ตั้งจากพื้นขึ้นมาอยู่รอบห้องคอยให้แสงสว่าง

     

    รสนิยมนี่...ชอบแจ๊สสินะ...

     

    ฝาแฝดทั้งสองกระชับมือที่จับกันไว้ขณะที่มองไปรอบๆตามหาชีวิตสักหนึ่งชีวิตที่พอจะตอบคำถามมากมายในหัวของพวกเขาได้เพราะรูปประการมันเหมือนการไปต่างโลกไม่มีผิด

     

    “เข้ามาสิเด็กน้อยมานั่งคุยกันก่อน”

     

    เสียงทุ้มต่ำแบบเดียวกับที่ได้ยินในป่านั้นดังขึ้นเรียกความสนใจจากทั้งสองให้หันไปมองร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำแดงเหมือนเป็นธีมประจำสถานที่แห่งนี้ ที่นอนอยู่บนโซฟา

    เมื่อพิจารณาร่างนอนที่นอนเอกเขนกบนโซฟาตัวยาวพร้อมแก้วไวน์ในมือพวกเขาก็ต้องกะพริบตาปริบๆตั้งหลายครั้งเมื่อเห็นรูปประพรรณของบุคคลตรงหน้า 

    ทั้งผิวขาวที่ซีดเล็กน้อย ผมสีม่วงเข้มยาวประบ่า คิ้วเรียวสวยเคียงคู่กับนัยน์ตาสีเหลืองอำพันที่ประดับบนใบหน้าที่เรียวได้รูปกับรอยยิ้มมุมปากที่เผยเขี้ยวให้เห็นเล็กน้อย โดยรวมแล้วก็ทำให้นึกถึงดาราไม่ก็มาเฟียมาดหล่อ

     

    มันหล่อเกินหน้าเกินตาจนน่าหมั่นไส้...

     

    “อิลูเซ่...สินะ?”

     

    แฝดคนน้องเอ่ยถามออกไปในขณะที่เดินไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามพร้อมกับพี่ชายของเธอในซึ่งบาคุที่ทั้งสองเรียกชื่อนั้นก็ยิ้มหวานให้ทั้งสองแบบไม่สนพลังทำลายสายตาสักนิดซ้ำยังแนะนำตัวออกมาแบบไม่แคร์สายตาอีก

     

    “ถูกต้องแล้ว ข้าคืออิลูเซ่บาคุแห่งป่าลึกที่จะกัดกินความจริงให้เจ้าไงล่ะ”

    “บาคุ...”

     

    แฝดทั้งสองมองหน้ากันและกันชั่วครู่เป็นเชิงยืนยันคำตอบในใจเล็กน้อยก่อนจะพูดความในใจออกไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแปลกใจแคลงสงสัยพร้อมกันเริ่มจากแฝดคนพี่ตามด้วยแฝดคนน้อง เมื่อมันขัดกับตำนานบ้านเกิดที่จากมาหลายปีนิดหน่อย

     

    “สมเสร็จกินฝันอะนะ ไหงหน้าตาไม่เหมือนสมเสร็จเลยอะ” 

    “ไอ้หน้าจืดหลอกลวงประชาชน”

     

    โหย....มันน่านัก...

     

    ชายหนุ่มถึงกับคิ้วกระตุกกับความพร้อมเพรียงกันของแฝดทั้งสองที่เหมือนสมองจะทำจากพิมพ์เดียวกันและเชื่อมต่อกันอยู่แน่ๆ ขนาดที่สามารถต่อคำพูดฝ่ายหนึ่งแย้งฝ่ายหนึ่งด่าแบบนี้ แต่…เป้าหมายเขาส่วนใหญ่อยู่ที่คนด่ามากกว่า

     

    “พูดให้ดีๆหน่อยยัยเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอกไม้กระดาน ตำนานมันเก่าไปแล้วแถมข้าน่ะออกจะหล่อติดเถื่อนนิดๆ พิมพ์นิยมของผู้หญิงด้วยไม่ได้หน้าจืดหรอกนะยัยเตี้ยตาถั่วเดี๋ยวพ่อปั๊ดยกเลิกข้อแลกเปลี่ยนซะเลยนี่”

     

    ปาก....เถียงไม่ได้เลยเว้ยเฮ้ยเจ็บปวดจนเถียงไม่ได้เลย

     

    “ข้อแลกเปลี่ยนนั้นเป็นไงงั้นเหรอครับ”

     

    เด็กหนุ่มที่มองเห็นว่าน้องสาวปากดีของตัวเองไม่สามารถเถียงอะไรต่อได้อีกนั้นตัดสินใจถามขึ้นมาพยายามเปลี่ยนบรรยากาศขณะที่ตัวเขาเองก็เริ่มสังเกตได้ว่าเสื้อผ้าและเนื้อตัวของพวกเขาทั้งสองนั้นดูแห้งและสะอาดมากขึ้นแล้ว

     

    “ถามได้ดีไอ้หนุ่ม งั้นเล่าให้เข้าใจกันนะสั้นๆง่ายๆเอาเป็นว่า…”

     

    ชายหนุ่มคู่สนทนาของพวกเขาเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับทำหน้านึกชั่วครู่ก่อนจะว่าออกมาอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มมุมปาก

     

    “ข้าจะกัดกินอะไรก็ตามที่มนุษย์มอบให้และพาไปที่โลกแห่งฝัน เรียกแบบที่เข้าใจก็ไปต่างโลกล่ะนะ ไม่ว่าจะเป็นโลกในหนังสือ จินตนาการหรืออนิเมะข้าก็พาไปได้หมดเพียงแค่จ่ายค่าผ่านทางมา เป็นไงล่ะง่ายดีใช่มั้ย”

     

    ร่างผมดำทั้งสองเริ่มตาวาวเป็นเด็กๆขึ้นมาเมื่อได้ยินข้อเสนอสุดวิเศษอย่างเดินทางไปต่างโลกหลังจากที่ได้อ่านและดูอนิเมะหลายๆเรื่อง ซึ่งท่าทีแบบนั้นมันสร้างเสียงหัวเราะจากบาคุตรงหน้าที่เหมือนจะชอบใจเด็กๆเหลือเกิน 

    อาจจะเป็นเพราะเขามองเห็นทุกอย่างบนโลกทั้งการใช้ชีวิตผู้คนหรือแม้กระทั้งความทรงจำและความต้องการของมนุษย์ ซึ่งฝาแฝดคู่นี้เขาเฝ้ามองมาตั้งแต่ยังเป็นทารกเขานั้นเห็นทุกอย่างในชีวิตพวกเขาเพราะงั้นถึงได้น่าสนุกที่จะได้เริ่มเล่นเกมกัน

     

    “ยิ่งสูงค่าเท่าไหร่ก็ยิ่งอยู่นานนะ เว้นแต่วิญญาณพวกเธอ ว่าไงล่ะหืมสนใจมั้ย?”

     

    บาคุหนุ่มย้ำเรื่องค่าผ่านทางอีกครั้งให้ทั้งสองได้ปรึกษากันเงียบๆ

     

    “พี่...คิดเหมือนผมรึเปล่า”

     

    ร่างเล็กเอ่ยถามแฝดคนพี่ด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมองในเมื่อพวกเขาทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังแล้ว ทั้งชื่อ กรงขัง ผู้คุมและทุกๆอย่าง ไม่มีคำว่าหันกลับไปอีกแล้ว…

     

    “ถ้ามีเธออยู่พี่จะตามไปด้วยทุกที่เลยน้องรัก”

     

    แฝดคนพี่เอ่ยตอบอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะกุมมืออีกฝ่ายไว้แน่น เพราะเป็นฝาแฝด ถึงแม้พี่น้องนั้นมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกว่าอะไรแต่มันก็ไม่อาจเทียบกับสายสัมพันธ์ของฝาแฝดได้เพราะพวกเขาแบ่งปันทุกอย่างทั้งวิญญาณ ความรู้สึก ความคิดและความทรงจำ

     

    พวกเขาจะไม่แยกจากกันเว้นแต่จะเป็นความต้องการของทั้งสองฝ่าย…

    หรือความตายจะมาพรากพวกเขาให้แยกทางกัน…

     

    “พวกเราจะขอแลกกับ...ตัวตนบนโลกใบนี้”

     

    ทั้งคู่ตอบออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยรอยยิ้มอันงดงามบนใบหน้าที่ทำให้บาคุผู้ถือสัญญาชะงักไปชั่วครู่เมื่อมันเหนือความคาดหมายไปหน่อย เพราะนี่คือโฉมหน้าของมนุษย์สองคนแรกที่ยอมสละตัวตนเพื่อมุ่งหน้าสู่ความฝันอันเป็นนิรันดร์

     

    อา...ช่างน่าหลงใหลเหลือเกินแผ่นหลังทั้งสองที่ก้าวเดินลงสู่ขุมนรกอย่างไม่ลังเล…

     

    "ถ้าแบบนั้นพวกเจ้าจะเดินทางไปได้ทุกโลกแต่ในทางกลับกันเจ้าจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วเพราะตัวตนของเจ้ากับทุกๆอย่างเว้นความทรงจำจะถูกตัดขาดไป ถึงแบบนั้นเจ้ายังจะแลกอีกเหรอ”

     

    เขาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ... เพราะจิตใจมนุษย์นั้นยากจะคาดเดาได้ แต่เด็กสองคนตรงหน้าเขาก็ยังคงตอบกลับอย่างไม่ลังเล…ไม่มีแม้จะความเสียดายในแววตาสองคู่นั้นสักนิด

     

    “พวกเราจะแลกยังไงซะพวกเราก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว”

    “วิเศษไปเลยนักเดินทางทั้งสองงั้นเป็นอันว่าเสร็จสิ้นการต่อรองละกัน!”

     

    สิ้นเสียงของร่างสูงพันธสัญญาของพวกเขาเสร็จสิ้น ประตูที่พวกเขาใช้มายังสถานที่แห่งนี้อันเป็นทางออกของพวกเขาถูกปิดและสลายไปหลังจากที่ทำสัญญา ก่อนที่ประตูบานใหม่จะปรากฏขึ้นมาแล้วเปิดออกนำทางพวกเขาสู่ห้องสมุด ที่ๆพวกเขาจะต้องมาเลือกปลายทางความฝันแรก

     

    "จะเอายังไงดีล่ะเด็กน้อยมีเต็มไปหมดจะเลือกเรื่องไหนดี"

     

    อิลูเซ่ที่พาแฝดทั้งสองมายังห้องสมุดใหญ่ยืนกอดอกพิงชั้นหนังสือมองฝาแฝดผมดำตาสีเหลืองอำพันทั้งสองด้วยรอยยิ้มบางๆชวนให้เอาหนังสือขวางใส่อย่างน่าหมั่นไส้ยังไงไม่รู้ในขณะที่สองแฝดที่ถูกหาว่าเป็นเด็กก็ดูจะหงุดหงิดไม่น้อย ทั้งๆพวกเขามีตาสีเหมือนกันแท้ๆ

     

    แต่ทำไมมันถึงให้ความรู้สึกต่างกันหยั่งงี้…

     

    “ถึงจะทิ้งชื่อเก่าแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีชื่อใหม่นะครับ นั่นสินะ…เรียกผมว่าโยฮันนะครับ”

     

    ชายหนุ่มผู้ถือสัญญาเลิกคิ้วขึ้นมากับตัวเลือกของชื่อที่ใช้ก่อนจะพยักหน้าให้เป็นคำตอบเมื่อตัวเขาค้นหาข้อมูลในหัวจนพบกับความหมายของชื่อ

     

    “นามนั้น แปลว่า จากพระเจ้าผู้ทรงเมตตา…กับคนที่อ่อนโยนดั่งแสงอาทิตย์ อันเป็นเหมือนความเมตตาจากพระเจ้าที่มอบแสงยามทิวาให้มนุษย์… เหมาะดีนี่นาไอ้หนู”

     

    แฝดคนพี่ โยฮัน ยิ้มออกมาด้วยท่าทีที่ขวยเขินเล็กน้อยกับการถูกชมในตัวเลือกแรกที่แค่เลือกเพียงครั้งเดียวก็ถูกบอกว่าเหมาะสม แม้ว่าตัวเองจะอยากใช้ชื่อเท่ๆเหมือนพระเอกโชเน็นมังงะยังไง แต่สภาพร่างกายของเขาก็ไม่เอื้ออำนวยถึงขนาดนั้น

    ละสายตาจากแฝดคนพี่ อิลูเซ่ มองแฝดคนน้องที่ทำหน้าไม่พอใจอยู่อย่างชัดเจนพร้อมกับพึมพำออกมาว่าจะไม่ใช้ชื่อผู้หญิงเด็ดขาดจนกระทั่งเธอให้คำตอบออกมา ทำให้ตัวบาคุหนุ่มถึงกับเลิกคิ้วขึ้นมาอีกครั้ง

     

    “ทางนี้…ขอให้เรียกว่าโยชัวล่ะกัน"

    “พระเจ้าคือหนทางรอด นามของผู้นำทางเหมือนผู้ติดตามของโมเสสที่สานต่อหน้าที่ในการเป็นผู้นำและนำทางชาวอิสราเอล แสงสว่างดวงที่สอง ดวงจันทร์ที่สุกสกาวในความมืด...แต่นั่นชื่อผู้ชายไม่ใช่เหรอ แถมยังออกเสียงชื่อด้วย ย แทน จ อีก…”

     

    แฝดคนน้องที่ถูกต้องประเด็ดเรื่องชื่อได้แต่เบือนหน้าหนีแล้วอธิบายเหตุผลหลักให้ทั้งสองฟังถึงเหตุผลที่ใช้ชื่อนี้เพราะเป็นผลจากที่มีร่างกายแข็งแรง โยชัว แฝดคนน้องจึงพัฒนาตัวเองมาเป็นโอตาคุชนิดหายาก อย่างโอตะที่เล่นกีฬาเป็นซึ่งหนึ่งในกีฬาที่โยชัวถนัดที่สุดรองลงมาจากสเก็ตน้ำแข็งก็คือ ฟุตบอล

     

    “ก็ชื่อผู้ชายไงผมเป็นทอมนะไม่มานั่งใช้ชื่อผู้หญิงหรอก การออกเสียง ย มันใช้บ่อยๆกับชื่อที่เป็นภาษาเยอรมันนี่นา เหมือนนักฟุตบอลในดวงใจอย่าง โยชัว คิมมิชด้วย แถมภาษาฮีบรูก็ออกเสียง ย นะ”

     

    โยฮันกับโยชัว นั่นคือนามใหม่ของฝาแฝดคู่นี้…

     

    “…ดีแล้วที่เลือกชื่อได้ดีทั้งคู่ แต่เอ้ารีบๆเลือกโลกที่จะไปได้แล้วข้าไม่ได้มีเวลาว่างพอที่จะอยู่เฝ้าพวกเจ้าทั้งวันหรอกนะ"

     

    บาคุหน้าหล่อเริ่มเร่งให้ทั้งสองคนหันกลับไปดูตัวเลือกอีกครั้งซึ่งก็คลายบางเกมที่เคยเลือกอยู่คือพอเลือกโลกที่จะไปแล้วก็ออกไม่ได้จนกว่าจะจบเรื่องราวของโลกนั้นๆหรือตายหรือไม่ก็ทำเงื่อนไขเล็กๆน้อยผ่าน

    ซึ่งโลกความฝันนั้นจะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับเรื่องราวในโลกจริงเหมือนกับเป็นมิติที่แยกออกมาโดยสมบูรณ์ไม่ว่าเนื้อเรื่องจะเอียงแบบกู่ไม่กลับแค่ไหนมันก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อมังงะเกมหรืออนิเมะที่อยู่ในโลกแห่งความจริงด้วย แถมยังมีเรื่องโลกคู่ขนานและเนื้อเรื่องที่ผันแปร

     

    เป็นบทเรียนแรกที่พวกเขาต้องรู้ไว้ว่า นี่เป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝันอีกแล้ว…

     

    อิลูเซ่ยังบอกไว้ว่าพวกเขาสามารถเดินทางไปยังโลกความฝันต่างๆได้อย่างอิสระเมื่อเคลียร์เนื้อเรื่องได้ก็จะต้องตอบคำถามว่าจะอยู่ใช้ชีวิตที่โลกนี้อย่างสงบสุขต่อไปหรือว่าจะเดินทางต่อ

    ถ้าตอบว่าพอการเดินทางจะถูกพักไว้ให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตจนกว่าจะพอใจแล้วค่อยเดินทางต่อหลังจากที่ตายแต่ถ้าตอบว่าไปต่อพวกเขาก็จะถูกส่งไปที่ปลายทางใหม่อีกครั้งในรูปแบบการสุ่มจากความทรงจำ แต่ถ้าใครคนใดคนหนึ่งตายในความฝันหรือโลกนั้น คนๆนั้นก็จะถูกส่งไปคนล่ะโลกกับอีกคนทันทีและต้องเดินทางเรื่อยๆคนเดียวจนกว่าจะได้เจอกันอีก

    ทุกครั้งที่เข้าโลกแห่งความฝันแห่งใหม่ก็จะมีการจับการ์ดความสามารถเพื่อเอาตัวรอดในโลกนั้นๆ พอไปที่โลกใหม่ก็จะได้จับเพิ่มโลกล่ะหนึ่งครั้ง หลักการก็คล้ายๆกับเกม MMORPG ออนไลน์ทั่วๆไปแค่คนเล่นอยู่ในเกมแทนตัวละครสมมุติเท่านั้นเอง และแต่ละโลกที่ไปรูปลักษณ์จะถูกสุ่มให้ด้วย

     

    แต่ถึงงั้นอิลูเซ่ก็บอกเทคนิคในการปรับตัวให้คุ้นชินเผื่อได้ร่างใหม่เหมือนกัน…

     

    หลังจากที่เถียงกันอยู่นานเรื่องปลายทางแรกของพวกเขา แฝดคนน้องที่เหมือนจะงอนอยู่เห็นๆได้แต่ยืนกอดอกคิดถึงตอนที่ดูอนิเมะหรือหนังกับพี่ชายตัวเองเธอจำได้ว่ามีเรื่องหนึ่งที่พี่บนว่าอยากใช้ชีวิตแบบนั้นบ้าง

    ถึงจะเสี่ยงแต่ก็น่าสนุกเพราะมันเรื่องสู้กันแทบตายแต่ก็ไม่ตายสักครั้งเว้นจะสมัครใจฆ่าตัวตายเองแล้วมันเรื่องอะไรนะมันตัดจบสองร้อยสี่ตอนด้วยแต่มังงะมีภาคต่ออีกมันคือเรื่องอะไรนะ...

     

    “นานจนรากงอกแล้วนะไอ้พวกเด็กบ้ารีบๆเลือกแล้วรีบๆแล้วไปต่อซะก่อนที่แขกคนต่อไปจะซดไวน์ข้าจนหมดสต็อกก่อน”

    “อิลูเซ่ช่วยใช้แบบสุ่มทีสิครับถ้าให้เลือกจากที่มาทั้งหมดคงไม่ไหวแน่ๆ”

     

    พี่ชายผมดำเริ่มจะปวดขมับแล้วเพราะการเลือกโลกที่กำลังจะไปเริ่มเป็นปัญหาอันดับหนึ่งของเขาในเรื่องที่ว่าแนวคิดของฝาแฝดมันไม่ตรงกันสักนิด ซึ่งร่างสูงก็ยังใจดีแสยะยิ้มเดินไปเลือกหนังสือปกดำขอบสีขาวที่มีตรากางเขนกุหลาบสีเงินอยู่ที่กลางหน้าปก...

     

    ดูแล้วใช่แน่ๆ ดี เกรย์ แมน แต่ไอ้สองแฝดกลับไม่สังเกตเนี่ยสิ...

     

    “ข้าสุ่มเลือกให้แล้วที่นี้ก็เดินต่อไปที่ประตูถัดไปเพื่อเลือกตัวช่วยจำไว้ล่ะเมื่อเลือกแล้วเจ้าจะเปลี่ยนไม่ได้จนกว่าจะเดินทางไปที่โลกความฝันแห่งต่อไป”

    “เดี๋ยวเลือกได้แล้วอย่าพ-!? "

     

    ปากว่าให้เดินแต่อีกฝ่ายดันดีดนิ้วสร้างหลุมใต้เท้าร่างผมดำทั้งสองขัดประโยคที่แฝดคนน้องจะกำลังจะพูดพอดีเป๊ะเหลือแต่เสียงร้องอันน่าเวทนาจากการหล่นลงจากที่สูงของฝาแฝดที่มีชะตาพลิกผันทั้งสองคนเท่านั้น

    .

    .

    .

    .

    .

    หลังจากที่ส่งสองฝาแฝดไปยังโลกแห่งใหม่และรับแขกรายถัดไป บาคุหนุ่มที่มีนามว่าอิลูเซ่ได้แต่กอดอกมองภาพถ่ายเก่าๆบนกำแพงในห้องรับรองด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดแม้ว่าจะยิ้มอยู่ก็ตาม

    ภาพถ่ายเก่าๆนั้นเป็นภาพกลุ่มของผู้คนในชุดที่ดูประหลาดตาเหมือนตัวละครในเกม ทว่า กลางภาพนั้นกลับมีร่างของชายหนุ่มสามคนยืนกอดคอกันอยู่พร้อมเด็กทารกในอ้อมแขนและรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า คนหนึ่งนั้นมีผมสีดำขลับ คนหนึ่งมีผมสีเงินและคนสุดท้ายมีผมสีม่วงเข้ม

     

    ใช่…นั่นคือภาพของเขากับเพื่อนและครอบครัวของอีกฝ่าย…

     

    อิลูเซ่ได้แต่นึกย้อนไปในวันที่เขาได้พบกับสหายที่ไม่อาจทดแทนได้อีกครั้งขณะที่เอื้อมมือออกไปแตะทารกในภาพเบาๆ หลับตาลงมองอดีตในวันที่เพื่อนฝากลูกของเขาในสภาพที่เปื้อนเลือด 

    ให้ตัวเขาพาหนีไปยังที่ๆเวทมนตร์ไม่สามารถเข้าถึงได้ ห่างไกลจากสิ่งมหัศจรรย์ ในโลกที่พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข เว้นแต่จะจ่ายด้วยค่าผ่านทางที่สมน้ำสมเนื้อ และต้องไม่ใช่วิญญาณในการเดินทางไปที่โลกอื่น

     

    เขาคือคนสานต่อสัญญา…

    เขาคือคนเฝ้าประตูผ่านโลก…

    เขาคือเพื่อนที่ไร้พลังที่ทำได้แค่พาลูกของเพื่อนคนที่ว่าหนีจากอันตรายเท่านั้น…

     

    “…ฉันรู้ว่านายคงไม่ให้อภัยแต่ ถ้าพวกเขาไม่รีบเดินทาง ความพยายามของนายจะสูญเปล่า…นี่คือสิ่งเดียวที่ฉันทำให้ลูกของนายได้ มอบอิสระที่พวกเขาฝันถึงก่อนที่สงครามจะมาเยือน… แต่จนกว่าพวกเขาจะพร้อม ด้วยอำนาจทั้งหมดฉันจะพยายามปกป้องพวกเขาแทนนายเอง ฉันสัญญา

     

    นั่นคือสิ่งที่อิลูเซ่ว่าก่อนจะหันหลังให้ภาพนั้นทั้งหยดน้ำตาเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปหาฝาแฝดคู่นั้นที่โลกแห่งใหม่ กับการเดินทางแรกของพวกเขา
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×