คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ความจริงถูกเปิดเผย
ห้องรับแขกขนาดใหญ่มีฟอนิเจอร์มากมายตกแต่งอยู่ด้วยกันอย่างลงตัว ร่วมทั้งภาพฝาผนังของศิลปินชื่อก้องโลกลีโอนาโด ดาวิน(ซี่) ในขณะนี้ห้องรับแขกที่ใหญ่พอสำหรับคนเป็น 20 คน แต่มีเพียงหญิงสาวสองคนเท่านั้นที่กำลังทำกิจกรรมในห้องนี้
“นี้เซจัง ฉันวานอะไรหน่อยได้หรือป่าวจ๊ะ” หญิงสาวที่มีเรือนผมสีเทาแผ่สยายไปถึงกลางหลัง เอ่ยขึ้นหลังการจิบชาที่อยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว
“อะไรล่ะ ลัวร์ซังถ้าไม่ยากเย็นก็จะทำให้น่ะ” หญิงสาวที่ตัวค่อนข้างเล็กกว่าผู้ถามนิดนึงบอก ขณะขะมักเขม้นอยู่กับการจัดดอกไม้เข้าแจกันใบใหญ่
“ช่วยไปดู ผู้ชายคนที่นอนจมกองเลือดเมื่อวานให้ทีสิจ๊ะ เค้าคงจะได้สติแล้วล่ะมั้ง”
“อ้าเสร็จพอดี เดียวฉันไปดูให้แล้วกัน ” เธอเดินออกจากห้องรับแขกไปในทันที
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความรู้สีกอบอุ่นแบบนี้มันอะไร แสงอะไรเนี่ยเราหลับตาอยู่ไม่ใช่หรอ แล้วไอ้แสงนี้มันมาได้ยังไงกัน
เพดานสีขาว ประดับด้วยลายกรีบดอกไม้อย่างเช่นที่เขาเคยเห็นมาในไม่นานนี้
“นี้มันห้องเมื่อกี้หนิ แล้วเราเป็นอะไรไป จำได้ว่าเห็นยัยนั่นตอนอาบน้ำเสร็จแล้ว.......”
“ฟื้นแล้วหรอค่ะ นึกว่าจะไม่รอดสะแล้ว เลือดออกสะขนาดนั้น”หญิงสาวที่มีเรือนผมสีเหลืองเรืองรองรับกับแสงตะวันที่ส่องผ่านมาทางหน้าต่างบานใหญ่ข้างๆเตียงของเขา นัยน์ตาสีเขียวมรกตถามอย่างใสซื่อ ในขณะที่พยายามเช็คสภาพร่างกายของคนที่นอนอยู่ถึงขนบนเตียง
“เอ่อ..........เธอคือใครเนี่ย และฉันอยู่ที่....ไหน สวรรค์....ใช่หรือป่าว” คำพูดขาดเป็นตอนเป็นตอน เพราะว่าคนพูดขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงมหรรตภัยร้ายแรงที่คุกคามโดยมือของเจ้าหล่อนนั้นจับไปทั่วไปทีป
ตั้งแต่หัว จรดขา
“ขอโทษที่เสียมารยาทคะฉันจะตามเลียงลำดับเลยน่ะ ฉันชื่อ เซรีน อโซล์ส ค่ะ และที่คุณอยู่ก็คือ บ้านของเรลัวร์ซังเขาน่ะ” เรลัวร์ งั้นหรอ ? ยัยนั่นชื่อ ทาลัวร์ ไม่ใช่หรอ ? หรือว่าเราจำผิดหวา
“แล้ว ยัยเรลัวร์ อะไรนั่นไปอยู่สะที่ไหนล่ะ”
“การเอ่ยถึงเจ้าของบ้าน ควรใช่คำที่สุภาพหน่อยน่ะค่ะ” เสียงเตือนเรียบขณะที่เธอกำลังเช็คขั้นตอนสุดท้ายเสร็จสิ้น “ทำภารกิจส่วนตัวของคุณเสร็จก็ลงไปข้างล่างสิค่ะ แล้วคุณจะรู้ว่าเธออยู่ไหนเอง” ไม่ว่าจะพูดยังไงใบหน้านวลขาวของเธอก็ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เช่นเคย เธอหันมาส่งยิ้มหวานให้เขาก่อนจะเดินออกจากห้องไปในที่สุด
หลังจากการทำภารกิจส่วนตัวที่ใช้เวลาอันยาวนานกับการเลือกใช้อุปกรณ์ในห้องน้ำ เพราะไม่รู้ว่าอันไหนมันอันไหน มีเยอะแยะไปหมด เสร็จ เขาก็เดินไปหน้าตู้ไม้ฮอกโมนี่ขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างๆหน้าต่างหน้าใหญ่ที่มีผ้าม่านสองชั้นไหวไปตามแรงลม
“บ้านผู้หญิงทำไมมีเสื้อผู้ชายมากขนาดนี้ล่ะเนี่ย หรือว่ายัยนั่นจะพาผู้ชายมาบ้านบ่อยๆ!!!” วิลเลี่ยมพึมพำ ขณะกำลังเลือกชุดที่คิดว่าเหมาะกับตัวเองมาทาบบนตัวและมองบนกระจกบานใหญ่ที่อยู่ข้างๆตู้
หลังจากใช้เวลาเนินนานกับการเลือกชุดเพราะห่วงหล่อ เขาก็ได้เสื้อเชิ้ตสีขาวมีลายเป็นทางๆ กับกางเกงยาวสีดำซึ่งเหมาะกับเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนและนัยน์ตาสีทองนั้นเป็นอันมาก
วิลเลี่ยมเดินออกจากห้อง เดินตามทางเดินที่ยาวแสนยาวที่มาสุดตรงบันใดวนลงไปถึงชั้นล่าง
“ทำอะไรอยู่น่ะนาย ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยน่ะ” หญิงสาวเรือนผมสีเทากล่าวทักทาย แม้ในมือยังถือถ้วยชาขึ้นมาจิบเป็นระยะระยะ เธอส่งปลายตาหันมามองยังเขาเหมือนกับสื่อว่า “ แกไม่ตายใช่มั้ย ระวังตายได้เลย”
“ถามมาได้ ฉันก็อาบน้ำน่ะสิ เอ่อฉันมีอะไรจะถามหน่อย” วิลเลี่ยมเดินมาตรงหน้าเรลัวร์ และนั่งโซฟา ข้างๆเธอ
“ก็ถามมาสิ” เธอยังคงยกถ้วยชาขึ้นมาจิบขณะที่นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนหันมามองบุรุษนัยน์ตาสีทองอย่างสงสัย
“ฉันมาที่นี้ได้ยังไงกัน ฉันโดนฟ้าผ่าไม่ใช่หรอ ?” “อ่าขอบคุณมากครับ” เขารับถ้วยชาจากมือของเซรีนและกล่าวตามที่ควรกล่าว
เธอยิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนจะค้อมหัวให้นิดนึง และกล่าวว่า “ไม่เป็นไรค่ะ”
“อืม เรื่องงั้นนั้นหรอ เดียวฉันจะเล่าให้ฟังน่ะ เซจัง จะฟังด้วยมั้ยจ๊ะ”หญิงสาวนั้นวางถ้วยชาลง และเอ่ยถามเพื่อนสาวที่นั่งข้างๆเธอ
“ฟังสิจ๊ะ ไม่งั้นจะมานั่งด้วยทำไมล่ะ”
“เรื่องมันเป็นอย่างงี้”
“เธ....อ เธอ...เป็นตั...ว อะ..ไร กันแน่..หรื..อว่า..เป็..น...ผี ม่ะ...เอา...ผมก.ลัวแล้...ว อย่..ามาหลอ...กกั..นอี..กเล..ย” เสียงร้องด้วยความหวาดกลัวในสิ่งที่ไร้รูปร่าง ไร้ร่างกาย
“นายมาถ่ายรูปฉันตอน.....เอ่อ นายคงรู้ แล้วยังมีหน้ามาว่าฉันเป็นผีอีกงั้นหรอ” เสียงของเจ้าหล่อนโกรธจนเดือด ปุดๆ (ถ้าเอาไข่ไปต้มคงจะไม่ต้องไปเสียค่าแก๊สต้มแน่ๆเลย) และวาวตาที่มองมายังเขานั้นมันวาวโรจน์ด้วยความโกรธ
ครึ้ม.....ครึ้ม....ครึ้ม เสียงฟ้าร้องโดยความบ้าคลั่งในลักษณะเดียวกับที่หญิงสาวกำลังโกรธจัดและไม่นานจากนั้น
พลังงานแรงสูงจากนภา ก็ผ่าลงไปในที่ต่างๆและในที่ๆทั้งสองคนอยู่ด้วย
ฟ้าผ่าลงมาที่คนทั้งสอง
วอลคาริว.....เอเน....โอเท็ม ข้าแต่วิญญาณศักดิ์แห่งสายลมและสายน้ำ จงเป็นโล่ปกป้องตัวข้าจากภัยที่จะเกิด
Riasx Guard (โล่ไรอัส อ้างอิงจากตำนานโบราณของโรมัน สมัยของกรุงทรอย เป็นโล่ที่เกิดจากพลังเวทย์ที่สมดุลจนเกิดเป็นธาตุกลาง)
ตึ้มๆ........ เสียงโล่มนตรารับแรงมหาศาลจาก พลังธรรมชาติ พลังมากมายกระทบกับโล่มนตราแต่ไม่มีทีท่าว่าโล่นี่จะแตกเลยแม้แต่น้อย สุดท้าย เมื่อฝ่ายรุกหมด ฝ่ายรับก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีตัวตนอีกต่อไป
ทั้ง 2 คนนั้นไม่เป็นไร ทางฝ่ายหญิงหนักนิดหน่อย เพราะใช้พลังมนตราไปค่อนข้างจะเยอะพอสมควร แต่ทางฝ่ายชายนั้นอาการหนักกว่า นอนสลบไสลอยู่บนพื้นใกล้ๆเธอ
เรลัวร์เล่าออกรสออกชาติอย่างยิ่งรอยยิ้มที่ดูน่ารักของเธอนั้นทำให้เขานั่งตะลึงอยู่
.... ไอ้ซาตานเมื่อวานนี้ เมื่อยิ้มก็กลับมาเป็นนางฟ้าได้น่ะเหมือนกัน อาจจะเป็นวิทยาการใหม่การข้ามสายพันธุ์โดยการยิ้ม ก็ได้แหะ
. ก่อนที่ความคิดงี้เง้าจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ปากเขาจึงได้เอ่ยถามหญิงสาวเจ้าของบ้าน
“เอ่อฉันยังมีอีกคำถามหนึง เธอชื่อ ทาลัวร์ ไม่ใช่หรอ แต่ทำไมเห็น คุณเซรีนเขาเรียกเธอว่า เรลัวร์ล่ะ”
“อ่อทาลัวร์ นั่นมันชื่อฉันโลกของนาย และ เรลัวร์คือชื่อของฉันในโลกนี้น่ะ” เสียงใสยังคงฟังดูหวานอยู่เหมือนเดิมและใบหน้ารายเทพธิดานั้นยังคงยิ้มแย้ม และคุยสนุกปากกับเพื่อนสาวใกล้ๆตัว
“เซจังรู้มั้ยจ๊ะ นายนี้น่ะ สลบเพราะกลัวฟ้าผ่ายังไม่พอยังฉี่แตกอีก” เสียงกระซิบเบาๆจากหญิงสาวผู้มีเรือผมสีเทายาวสลวย
“ก็ไม่เหงแปลกเลยหนิจ๊ะ เขาไม่ใช่พวกเราสักหน่อย ถึงจะได้ไม่กลัวน่ะ”เสียงกระซิบตอบกลับ
เสียงกระซิบกระซาบของสองสาวทำให้บุรุษที่นั่งอยู่คนเดียวรู้สึกไม่ค่อยดีเลยเดินอย่างเงียบๆเขาไปใกล้ใบหน้าเรลัวร์จนแทบจะแนบชิดสนิทกายกันเลย
“เอ่อ คุยอะไรกันน่ะ พอดีฉันมีเรื่องจะมาถาม” วิลเลี่ยมถามด้วยวาวตาที่อยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างยิ่ง
เสียงนั้นทำให้หญิงสาวเรือนผมสีเทาเบือนหน้าออกจากเพื่อนสาวเพื่อจะหันไปหาต้นเสียง แต่พอเธอหันมาหน้าที่อยู่ใกล้จนเกือบที่จะชิดกันนั้น ก็ชิดกันพอดี โดยไม่ใช่ใบหน้าชิดกับใบหน้า แต่เป็นริมฝีปากของฝ่ายชายชิดกับใบหน้าของฝ่ายหญิง
“หอมดีน่ะ ตัวเธอเนี้ย” วิลเลี่ยมเอ่ยด้วยรอยยิ้มกวนๆไปให้หญิงสาว จึงทำให้ใบหน้านวลขึ้นสีด้วยอารมณ์โกรธ
“เอ่อ ลัวร์จัง ฉันว่าฉันน่าจะต้องไปห้องน้ำหรือเปล่าจ๊ะ” เซรีนเอ่ยถามด้วยใบหน้าทีขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวของตนกำลังหวานกับเด็กหนุ่ม
“มันเป็นแค่อุบัติเหตุจะชั้นไม่ได้อยากให้มันเกิดหรอกนะ” เรลัวร์แก้ปัญหาด้วยการหันไปพูดกับเพื่อนสาวที่ทำท่าจะลุกหนีด้วยความอาย
“เธอไม่อยากให้เกิด แต่ฉันอยากหนิ” คำพูดต่อมาของเด็กหนุ่มทำให้อารมณ์โกรธออกเคืองๆของหญิงสาวกลายเป็นโกรธหนักเข้าไปอีก
“พูดอย่างงี้ อยากจะตายจริงๆใช้มั้ยนายน่ะ” ใบหน้าซาตานกลับมาครอบงำใบหน้าที่เคยถูกกล่าวว่างดงามอย่างเทวดา
“เอ่ออ ฉันว่าพอเถอะน่ะค่ะ” หญิงสาวร่างเล็กเอ่ยห้ามเมื่อเห็นเพื่อนของตนกำลังจะกลายร่าง
“ฉันเห็นแก่ เซจังน่ะ ไม่งั้นนายตายแน่ๆ แล้วจะถามอะไรล่ะที่เข้ามาใกล้ๆ”
“เอ่อ เธอบอกว่า เรลัวร์เป็นชื่อในโลกนี้ งั้นหมายความว่า....”
“ก็นายไม่ได้อย่โลกเดิมน่ะสิ .....ที่นี้เป็นโลกที่จอมเวทย์จำนวนมากมายสร้างขึ้น มันเป็นดั่งด้านกระจกของโลกแห่งความจริง ในเมื่อ แสงยังมีเงา ดียังมีชั่ว สุริยะ ยังคงมี จันทรา แล้วทำไม โลกนี้ถึงจะมีไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ ในครั้งอดีตการสร้างโลกนี้นั้นเป็นด้านกระจกของโลก สิ่งของทุกสิ่งทุกอย่างจึงต้องตรงกันข้ามกับโลกแห่งความจริง แม้แต่เพศของมนุษย์ก็เช่นกัน จอมเวทย์ทั้งหลายจริงออกความคิดที่จะทำให้โลกนี้ไม่เป็นดั่งกระจกอีกต่อไป โดยการสร้างของวิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะ สร้างความสมดุลของโลกในนี้ แต่การที่สร้างของวิเศษขึ้นก็ต้องมีสิ่งที่จะมาแลกเปลี่ยน โดยสิ่งที่แลกเปลี่ยนกับของวิเศษเหล่านั้น ก็คือ ชีวิตของเหล่าผู้สร้างนับ หมื่นคน จึงมีอนุเสาวรีย์เพื่อเตือนความทรงจำว่า พวกบรรพบุรุษต้องสูญเสียมากเท่าไหร เพื่อพวกเรา” เสียงบรรยายยาวจากหญิงสาวคนเดิมนัยน์ตาของเธอยังคงมองมาทาง วิลเลี่ยม เหมือนถามว่า ยังคงมีคำถามอะไรอยู่มั้ยค่ะ คุณชาย
“งั้นก็หมายความว่าเมืองนี้มันเมืองคนประหลาดงั้นหรอ ?”
ความคิดเห็น