ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short Fic BTS [Bangtan Boy]

    ลำดับตอนที่ #7 : Short Fic BTS [HopeGA] -Brothers-

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 57


     

    Title:: Brothers

    Paring:: HopeGA

    Writer::T.O.M+

    Rate ::PG-13

    Note:: ต้องขอบอกไว้ก่อนนะคะว่า ในฟิคเรื่องนี้การกระทำของตัวละครไม่ได้มีอยู่จริงเป็นแค่จินตนาการเพี้ยนๆที่คนแต่ง แต่งสนองความต้องการของตัวเองก็เท่านั้น เพราะฉะนั้นเรื่องบางเรื่อง(ทุกเรื่อง)อาจจะไม่ดูสมจริงตามหลักความเป็นจริงแต่อย่างได

                 *เรื่องนี้เป็นแนว INCEST บอกล่วงหน้าเผื่อมีคนไม่ชอบแนวนี้จะได้ไม่เผลออ่านเข้า

     







     

    “เมื่อไหร่แกจะเลิกนิสัยแบบนี้สักที หัดเอาอย่างโฮซองเขาบ้าง รู้จักไหม?กับคำว่าตั้งใจเรียน ไม่ใช่ๆวันๆหาแต่เรื่องเรื่องชาว ตัวเท่าลูกหมา จะไปสู้ใครเขาได้ และสุดท้ายเป็นไง ต้องเจ็บตัว และมาลำบากชั้นเนี่ยที่ต้องมาทำแผลให้แก ไอ้น้องไม่รักดี” ผู้ที่อวุโสสุดในบ้าน สวดแล้วสวดอีกจนน่ารำคาญ ระว่างที่นั่งทำแผลให้เนื่องด้วยผม มินยุนกิ ไปมีปัญหากับเด็กเอกดนตรีจนมีเรื่องชกต่อยกัน ผมมองหน้าพี่อย่างสำนึกผิด...ซะที่ไหน? คิดว่าบ่นแค่นี้จะทำให้ซูก้าสำนึกหรอ?ไม่มีทางที่มองหน้าเพราะเคืองอ่ะครับ เรื่องอะไรเอาผมไปเทียบกับไอ้เงิงโฮงซองด้วย

     

     

    “โอ๊ย!...เบาๆหน่อยดิพี่ เจ็บ แล้วทำไมต้องเอาผมไปเปรียบเทียบกับไอ้เงิงนั่นด้วย” ไม่เข้าใจเลยแม้ง อะไรๆก็หันเอาอย่างโฮซองบ้าง ทำตัวดีๆเหมือนโฮซองเป็นบ้างไหม? ชิ! น่าโมโห มันหงุด มันอยากอาละวาดให้บ้านแตก แต่ตอนนี้เจ็บแผลTToTT ตกลงนี่ทำแผลหรือซ้ำเติมวะพี่จิน

     

     

    “เรียกให้มันดีหน่อยๆ ยังไงเขาก็น้องแก” ชิ! จ้างให้ก็ไม่นับมันเป็นน้องหรอก แล้วอีกจะเรียกยังไงก็เรื่องของผม  

     

     

    “ไม่เป็นไรหรอกครับพี่จิน พี่ยุนกิเขาเป็นพี่จะเรียกผมยังไงก้ได้” ไอ้คนพูดนั่งขาไขว่ห้างมองดูพี่จินทำแผลให้ผมตรงข้ามนี่ล่ะ ถ้าไม่ติดว่ามีพี่จินล่ะก็จะยกขาถีบให้ แม้งกระแดะ ทำมาเป็นพูดีพูดเพราะ ถุ้ยเหอะ สันดานอย่างมันก็แค่ลิงหลอกเจ้าต่อหน้าทำอย่างหลับก็ทำอีกอย่า อย่านึกว่าไม่มีใครรู้ อย่างน้อย ก็มินยุนกิล่ะคนนึง ที่รู้

     

     

    “เอ่อรู้ตัวก็ดีแล้ว แล้วอีกอย่างมึงไม่ใช่น้องกู อย่ามาเรียกกูว่าพี่ เข้าใจ๊?..โอ๊ย! นี่พี่จะฆ่าผมหรึไง?” พี่จินบ้า ทำแผลให้คนนะครับ เบาๆหน่อยก็ไม่ได้ ก็รู้ว่าเจ็บกดลงมาได้ ปากคนนะครับ

     

     

    “เสร็จล่ะ เก็บด้วยละกัน จะขึ้นไปนอน” พี่จินเดินขึ้นไปแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ผมกับไอ้เงิงที่นั่งประชันหน้ากันอยู่ที่โซฟา

     

     

     

    ผม มินยุนกิ เป็นลูกคนกลางของบ้าน และมีพี่น้องที่อายุไล่เลี่ยกัน คือโฮซอง ซึ่งคนนี้ผมไม่นับญาติกับมันหรอกเพราะอะไรน่ะหรอ?..อย่าให้เล่าเลยไม่อยากนึกถึงรู้แค่ว่าคนอย่างมันผมไม่มีทางยอมรับว่าเป็นน้องชายเด็ดขาด และคนโต ซอกจินฮยอง คนนี้สิพี่ชายคนเดียวของผม ถึงจะอายุห่างกันแค่ปีเดียวกับผม แต่พี่จินก็ทำหน้าที่คอยดูแลผมเป็นพี่ที่ผมเคารพเพียงคนเดียว เพราะพ่อกับแม่มัวแต่ทำงาน ไม่เคยได้มาสนใจหรือใส่ใจเลยว่าลูกชายทั้งสามจะเป้นอยู่ยังไง มีก็แค่เงินที่คอยส่งให้ใช้ตลอดไม่เคยขายแค่นั้น

     

     

     

    “ทำไมพี่ไม่พูดดีๆกับผม หรือเรียกผมแบบที่เรียกพี่จินบ้างล่ะครับ” อยู่ๆมันก็พูดขึ้นทำลายความเงียบ แต่ผมไม่ได้ยินหรอก ไม่รู้ เมื่อกี้นี่ภาษาคนหรอ นึกว่าเสียงแอร์

     

     

    “สงสัยแอร์จะเสียแล้วมั้งเนี่ยมีเสียงด้วย เห้ออ...ไปนอนบ้างดีกว่า ขืนนั่งตรงนี้นานๆ เดี๋ยวเชื้อโรคเกาะ แผลจะอักเสพเอา” ผมปรายตามองโฮซองที่นั่งอยู่โซฟาตรงข้ามที่คั่นด้วยโต๊ะเตี้ยๆ  มือก็พลางหยิบกล่องยาขึ้นมาด้วย เห็นมันนั่งกอดอกมองผมอย่างพิจรนาเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ช่างมันสิ ใครจะสนความคิดเน่าๆของมันกัน และไม่ได้อยากรู้เลยแม้น้อยว่ามันคิดอะไรอยู่

     

     

    ผมเดินเอากล่องยาไปเก็บเข้าที่ก่อนจะเดินขึ้นห้องตัวเอง และไม่ทันสังเกตหรือหันกลับไปมองที่โซฟาอีก มันจะยังนั่งอยู่หรือไปแล้วก็ช่างหัวมันสิ

     

     

    “ปวดไปหมดทั้งตัวเลย รู้งี้ให้พี่จินนวดยาให้หน่อยก็ดี” ผมบ่นๆระหว่างที่เดินเข้าห้องตัวเองมา

     

    เกร็กๆๆ

     

     

    เหมือนได้ยินเสียงว่าใครทำอะไรที่ประตู้ ผมหันหลังกลับไปดูทันที

     

     

    “ไอ้เงิง! มึงเข้ามาทำไมห้องกู ออกไปเลย”

     

     

    “ทำไม เข้าห้องพี่ตัวเองแค่นี้ผิดกฎหมายหรอ?” มันไม่พูดเปล่า แต่เดินเข้ามาหาผมเรื่อยๆ ผมเองก็เริ่มถอยหลังไปเรื่อยๆเช่นกัน

     

     

    เห็นไหม?ล่ะว่าลับหลังพี่จินมันสันดานเลวขนาดไหนนี่ ไม่ได้ให้ความเคารพผมอย่างที่มันทำต่อหน้าพี่จินเลยแม้น้อย หน้าตาท่าทางมันตอนคงพร้อมมีเรื่องเต็มที่

     

     

    แค่มองหน้ามันก็รู้แล้วมันไม่ได้นับญาติกับผมเหมือนที่ไม่อยากได้มันน้องนั่นล่ะ

     

     

    “เอ่อออ กูจะฟ้องพี่จิน ว่ามึงแกล้งกู” ถ้ามันยังไม่หยุดเดินนะ ผมจะร้องให้ลั่นบ้าน

     

     

    “จะพูดอะไรก้หัดคิดบ้างนะครับพี่ยุนกิของผม คิดดูสิระหว่างผมกับพี่ พี่จินจะเชื่อใครมากกว่ากัน” เอ่อจริงของมัน แบบนี้ก็ใช้วิธีตะโกนไม่ได้ เดี๋ยวโดนหาว่าเรียกร้องความสนใจอีก โอ๊ยยย เชี้ยเอ้ยไอ้เวรนี้แม้งทำเอาผมจนมุมซะแล้ว

     

     

    ผมเดินถอยหลังไปเรื่อยซะจนติดกำแพง

     

     

    “กูบอกไว้ก่อนเลยนะ กูไม่กลัวมึงหรอก” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เสียงผมกลับสั่น และใจก็เต้นด้วยล่ะ ก็มันเข้ามาใกล้จนเกินไป ทำให้อึดอัด พออึดอัด คนเราก็หายใจลำบาก และรู้สึกเหนื่อย ร่างกายมันเลยทำงานหนักและใจมันแค่เต้นเร็วกว่าปกติ แค่นั้น ไม่รู้สึกอะไรเลย

     

     

    “โธ่ๆๆ ไม่ได้มาทำให้กลัว แต่จะถามครับ” ถาม? ถามบ้าอะไร ถึงต้องเข้ามาถึงในห้อง และต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ ทำไมมึงไม่ถามตั้งแต่ตอนนั่งอยู่ข้างล่างวะ

     

     

    “อะไร?” พูดได้แค่นี้จริงๆ ขืนพูดมากไปกว่านี้มันรู้แน่ๆว่าเราสั่นเพราะมันเข้ามาใกล้ ที่สั่นไม่กลัวมันหรอกนะ แค่ทำตัวไม่ถูกที่มีมายืนมองหน้าใกล้ๆแบบนี้

     

     

    “รู้ทั้งรู้ว่าสู้เขา ไม่ได้แล้วไปมีเรื่องกับเขาทำไมครับ?” หึ! ที่เข้ามาถึงในห้องแค่มาถามแค่นี้หรอ?

    ผมลืมบอกไปว่าคนที่ผมไปเรื่องด้วยน่ะแฟนก็ไอ้เงิงมัน เพราะเป็นแฟนของมัน เป็นผู้ชายของมัน ผมถึงอยากมีเรื่องด้วยไง ไม่ว่ามันคบกับใครผมจะตามรังควานให้หมด ไม่ให้มันได้ความสุขเลย ป่านนี้ก็คงเลิกกันไปแล้วมั้ง

     

     

    ซะใจว้อยยยย!!!!!!! อยากจะหัวเราะ หึ!

     

     

     

    แต่ก็ยังมีเรื่องคาใจไม่หายเรื่อเมื่อหลายปีก่อนที่ทำให้ผมเกลียดมัน.....

     

     

    “แล้วมึงมาแย่งผู้หญิงกูทำไม ทั้งที่ตัวมึงเองก็เป็นเกย์! ตอบกูมาสิ!!!” นี่ล่ะคือเหตุผลที่ไม่นับญาติกับมัน เพราะมันแย่งแฟนของผมมันทำให้เธอรักมันทั้งที่ตัวเองเป็นเกย์ แต่มันก็แค่ส่วนนึ่งเท่านั้น

     

    สองมือผมกำคอเสื้อมันไว้แน่นก่อนผลักมันออกไปห่างๆ รู้สึกรังเกียจ แค้น ไม่อย่าแตะต้อง ไม่อย่าสัมผัส ให้สกปรก ต่อให้มันมีแฟนสักกี่คนผมก็จะตามไปขัดขวางให้ต้องเลิกกัน มันจะต้องอกหักเหมือนอย่างที่เคยผมเจอ ถึงเรื่องนี้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตามแต่ผมก็ไม่มีทางลืมมันเด็ดขาด

     

     

    ท่าทางที่ดูก้าวร้าวของมันเมื่อกี้อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด หึ คงตอบไม่ได้สินะ

     

     

    “ถ้ามึงตอบไม่ได้ ก็ ออก ไป จาก ห้อง กู “ ผมพูดย้ำชัดๆในแต่ละคำให้มันได้ยิน พร้อมกับชี้มือไปทางประตู

     

     

    “ผมขอโทษ ผมไม่ตอบครับ และก็ไม่ออกไปด้วย” มันเอื้อมมือมาหมายจะแตะที่หน้าขาวๆของผม แต่มันก็ได้แค่ครู่ผมก็ปัดมันออกโดยอัตโนมัติ ที่มันได้สัมผัสโดน

     

     

    “อย่ามาแตะ กูขยะแขยง และอย่ามายุ่งกับกู”

     

    “ไม่ยุ่งได้ไง ก็พี่มายุงกับคนของผมก่อน”

     

    “ก็เพราะเป็นคนของมึงไงกูถึงอยากยุง กูแย่งไม่ได้ กูก็จะทำลาย” ผมถลึงตาใส่อย่างนึกแค้นในใจไม่หาย แต่มันเสือกยืนยิ้มเฉย

     

    และนั้นก็ยิ่งทำมห้ผมนั้นฉุนหนักขึ้นไปอีก ผมเกลียดหน้ามันแบบที่สุด ยิ้มหาพ่อมึงสิ...อุ่ยลืมม พ่อมันก็พ่อผมนี่หว่า- - เอาเป็นไม่ชอบ เกลียดก็พอแล้ว มั้ง

     

     

    “ออก ไป จากห้องกู” มือด้านขวาผมได้ดึงเนคไทเส้นยาวที่ผูกติดใตปกเสื้อของมันขึ้นแล้วผลักออกไปสุดแรง แต่ก็แค่ทำให้มันเซเล็กน้อยเท่านั้น ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่เลิกยิ้ม สาดดด บอกแล้วไงว่ากูเกลียดหน้ามึงแบบนี้

     

     

    นึกเจ็บใจตัวเอง ว่าทำไมต้องเกิดมาตัวเล็กกว่ามันด้วย ทั้งที่เป็นพี่มันด้วยซ้ำ

     

     

    “ไม่ออกครับ” มันพูดพร้อมสองมือที่บีบไหล่ผมไว้แน่น

     

     

    คราวนี้มันไม่ใช่แค่ตัวมันที่เข้ามาใกล้ผม แต่รวมถึงหน้ามันด้วย เหลือไม่กี่เซ็นก็หน้าสากๆก็มันก็จะไถหน้าผมอยู่ล่ะ ถ้าไม่ติดว่าเกลียดขี้หน้ากันอยู่ล่ะก็ผมก็คิดว่ามันคงลงเอยด้วยการจูบผมแน่ๆ ก็ภาพตรงนี้มันฟ้อง หน้าแม้งก็โคตรหื่น สันดานมันเสื่อมอีก

     

     

    “เชี่ยย!! ปล่อยกู อุ๊บ!..อื้ออ” ว่าล่ะมันต้องจูบกู....ห๊าา!! ไอ้หนอนเน่า อี๋!!!!!!!

    ใครจะยอมวะ แต่แม้ง ขยับไม่ได้ มันล็อคครับ

     

    จากมะกี้ที่บีมบ่ากผมไว้ลายเป็นว่ามันล็อคตัวผมไวให้อยู่ตรงหน้าเพื่อเข้ามาจูบ

     

    โอ๊ยย แม้ง ยุนกิอยากตาย เกิดมาไม่เคยโดนจูบ หรือจูบใคร หญิงที่หมายปองว่าจะได้แอ้ม ไอ้เชี่ย!เงิงที่ปดขยีปากผมก็คาบไปแดกซะก่อน

     

    ฮือออ เฟริ้สคิสสสกรู.....บ๊าย บายยยย Orz

     

     

    “อืออ..พออๆๆ จะขาดใจตาย” มึงกะเล่นกูตายเลยใช่ไหม? ไม่กะให้ได้หายใจเลยใช่ไหม? จากที่มันละปากออกมะกี้ก็ได้รีบสูดอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุด เพราะมันต้องมีป๊อกสองตามมาแน่ๆ จากประสบการณ์ที่โชคโชนของผมที่เคยเคยดูละครมาหลายเรื่อง

     

     

    ฉากที่พระเอกปล้ำจูบนางอย่างหื่นกระหาย มันจะต้องจูบแล้วจูบอีก จนนางเองนั่นเข่าอ่อนซบลบที่อกของพระเอก พอนางเอกหมหมดฤทธิ์ พระเอกก็จะได้พร่ำพรรณนาบอกรัก แล้วก็จบแบบ แฮปปี้เอ็นดิ้ง

    ซึ่งผมกับไอ้เงิงไม่มีวันเป็นแบบนั้น อ๊ากกกกกก นี่ผมมัวคิดอะไรอยู่กัน? อยากให้มันจูบรอบสอง ก็ไม่ อยากให้มันบอกรักงั้นหรอ ยิ่งไม่ใช่ไปใหญ่

     

     

    “ไม่ๆๆๆๆๆๆ” ผมสะบัดหัวไปมา

     

     

     

    “พี่เป็นไร พี่ยุนกิ! เฮ้ยย เป็นบ้าไปแล้วหรอ?” เหมือนได้ยินเสียงคนหาว่าผมบ้า

     

    ภาพตรงหน้า โฮซองกำลังเขย่าผมไปมา

     

    “พี่เมื่อกี้ผมแค่จับบ่าพี่เบาๆนะ พี่เป็นไรไปอยู่ก็นิ่งไป”.............

     

     

    เมื่อกี้กูคิดไปเอง?-/////////-

     

     

    “เจ็บ! กูไม่ใช่นมกล่องที่ต้องเขย่าก่อนดื่มนะเว้ย!” ผมปัดมือมันออกก่อนสะบัดหน้าเดินมานั่งเตียง

     

    ใครจะประชัดหน้ามองมันได้วะ

     

     

    อายว่ะ

     

     

    ตอนนี้ระกว่างผมกับมันอยู่ในลักษณะที่แบบผมนั่งอยู่เตียงอีกฝั่งหันหลังให้แล้วมันก็ยื่นอยู่ที่เตียงอีกฝั่ง

     

     

    “เขย่าแล้วดื่มเลยได้ไหม?” เมือนได้ยินแต่ไม่ชัด หูแว่วไปเองม๊างงงง- -

     

    “ห๊า!” มะกี้มึงไม่ได้หมายควายอย่างที่มึงพูดใช่ไหม?

     

    “ผมไม่อยากเป็นพี่น้องกับพี่” กูจำได้มะกี้มึงไม่ได้พูดแบบนี้ แล้วทำไมอยู่ๆเปลี่ยนเรื่องเฉยเลยวะ

     

    “แล้วมึงคิดว่ากูอยากเป็นนับญาติกับมึงตายละ”

     

    “ผมอยากเป็นกับแฟนพี่  ได้ไหม?”

     

    “ห๊า!!!!!

     

    “ผมรักพี่ได้ไหม?”

     

    “ห๊า!!!!!!!!!!!!!มึงว่าไงนะ” ผมลุกขึ้นหันกลับไปมองเจ้าของเสียงทันทีแต่ว่า...

     

    แต่ว่า...แทนที่มันจะอยู่อีกฝากของเตียงแต่มันกลับขึ้นมาอยู่บนที่ผมนั่งอยู่มะกี้

     

    มึงขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่?          

     

    “ผมรักพี่ รักแบบคนรัก ที่ไม่ใช่พี่น้องได้หรือเปล่า?” นรก นรกชัดๆ ผมต้องตกนรกแน่ๆถ้าขืนผมตอบว่าได้ พระเจ้าเองก็คงไม่ให้อภัย มันเป็นบาปที่ไม่อาจชำล้างได้ เพราะพระเจ้าไม่ได้สร้างให้พี่น้องเกิดมารักแบบนี้

     

     

    แต่ตอนนี้มันแน่นหน้าอกไปหมด เหมือนอกจะระเบิดให้ได้ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยตกใจอะไรขนาดนี้มาก่อน ถ้าเกิดว่าผมได้ช็อคตายขึ้น ก็คงไม่น่าแปลกเลย

     

     

     

    “ได้...เฮ้ยไม่ใช่ คือว่า เอออ เหี้ยยยล้ม!!” จากที่โฮซองคือคนที่นั่งอยู่บนเตียง มันได้ดึงผมที่ยืนอยู่เข้าไปกอดทำให้เสียหลักล้มพับลงไปกองกันบนเตียง

     

     

    ฟอดดด...

     

    “ผมรักพี่ รักพี่ที่สุดเลย” เหมือนมันชอบใจที่ผมล้มทับมันนะ กอดผมไว้แน่นไม่พอยังหอมผมซะทั่วหน้าเลย-////-

     

     

    แต่ผมก็ไม่ขัดขืนหรอกนะ- -“       

     

     

    แต่ว่า..”หยุด! มันอึกอัด ปล่อยก่อน” ผมบอก

     

    โฮซองเองก็ยอมหยุดอย่างที่บอกง่ายๆ

     

    “ครับ^_^” เลิกยิ้มสักทีเหอะเห็นมัน...เขินว่ะ เพราะแบบนี้ไงถึงไม่ชอบ ถึงได้เกลียดหน้ามันเวลาที่มันยิ้ม

     

     

    “ทำไม?....”อยู่ๆก็พูดไม่ออกคำพูดมันได้ถูกกลืนลงคอไปแต่แค่อยากถามว่าทำไมต้องมารักกันด้วย ทำไม?

     

     

    หรือเพราะกลัวคำตอบที่จะได้กลัวว่าคนตรงหน้าจะบอกว่าแค่ล้อเล่น

     

     

    “ทำไมอะไรครับ^_^

     

    “แย่งผู้หญิงของกูทำไม?” เรื่องนี้ก็อีกเรื่อง ทำไมมันต้องมาแย่งแฟนผม ทั้งที่ประกาศและยอกมรับว่าตัวเองเป็นเกย์

     

     

     

    มันคงไม่รู้หรอกว่าตอนที่มันมายอมรับกับผมและพี่จิน ว่ามันเป็นเกย์และกำลับคบอยู่กับเพื่อนร่วมห้อง ผมดีใจแต่ก็ช็อคและเสียใจมาก ในเวลาเดียวกัน ผมพยามทำใจยอมรับ ทั้งๆที่ไม่อยากเสียน้องชายคนเดียวให้กับคนอื่น น้องชายคนเดียวที่ผมรักมากที่สุดมาตั้งแต่เด็ก

     

     

    ดีใจที่น้องชอบผู้ชาย?

     

     

    เสียใจที่น้องชายมีแฟนแล้ว?

     

     

    ในเมื่อมันมีแฟนได้ผมก็มีได้ ผมตัดใจคบกับผู้หญิงเป็นเรื่องเป็นราวพามาบ้านบ่อยครั้ง จนสนิทกับพี่จิน รวมถึงไอ้โฮซองด้วย เหมือนทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีผมเริ่มที่จะรักเธอขึ้นมาจริงๆแต่อยู่ๆเธอคนนั้นก็มาบอกเลิกผมบอกว่าเราต่างกันเกินไปแต่ที่เจ็บที่สุดคือเธอบอกกับผมว่าเธอเริ่มชอบโฮซอง ตอนนั้นผมทั้งเจ็บ ทั้งแค้น และบอกกับตัวเองว่าผมไม่สมหวังในเรื่องนี้ มันก็อย่าหวังว่าจะได้มีความสุข ตั้งแต่นั้นผมก็ทำตัวเป็นพี่ที่แย่ตามก่อกวนแฟนมันไม่ว่ามันคบใครผมก็จะตามไปรังควานให้หมดและไม่นับว่าโฮซองมันเป็นน้องจนถึงทุกวันนี้ ถึงพี่จินจะบอกจะสอนหลายครั้ง แต่คนอย่างผมก็ไม่ฟัง

     

     

    “ผมขอโทษ ผมอยากให้พี่ลืมเรื่องนี้แล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ” สุดท้ายมันก็ไม่เคยบอกเหตุผล

     

     

    เกลียด โคตรเกลียดคำว่าขอโทษ มันเป็นทางออกของคนสิ้นคิดเท่านั้นล่ะที่คิดได้ เพราะไม่มีคำอธิบาย

     

     

    “กูต้องการคำอธิบาย ไม่ใช่คำว่าขอโทษ”

     

     

    “ผม...ไม่รู้จะอธิบายยังไงแต่ผมเสียใจ” มันทำหน้าอึกอักและสลดลง

     

     

    “ถ้าอธิบายไม่ได้ ก็ออกไปออกไปจากห้องกู และลืมเรื่องทั้งหมดของคืนนี้ซะ และทุกอย่างจะเข้าสู่ภาวะปกติก กูจะไม่มีวันนับญาติกับมึง มึงไม่ใช่น้องกู แต่ถ้าถ้ามึงตอบกูจะยอมตกนรกคบกับน้องอย่างมึงและ.....เอ่อให้จูบฟรีด้วยครั้งนึง เลือกเอา” ผมยื่นเสนอที่คิดว่าถ้ามันรักผมอย่างที่มันบอกและคิดที่จะคบจริงๆยังไงมันก็เลือกข้อหลังแต่ถ้าไม่ ก็แค่ทางใครทางมัน ทุกอย่างก็จบ

     

     

    มันลอบยิ้มก่อนที่จะกระชับกอดผมให้แน่นขึ้น

     

    อ่าวนี่ผมยังอยู่บนที่นอนโดยการนอนให้มันนอนกอดอยู่หรอเนี่ยยย  โธ่ เสียเปรียบเห็นๆ ขาดทุนเป็นบ้าเลย

     

     

    “ขอจูบก่อนแล้วจะบอก^^” ไอ้สลัดเห็นแก่ได้จริงๆ ใครสอนมันวะเรื่องพวกนี้ ต่อรองเก่งยิ่งกว่าพวกป้าๆที่ไปซื้อของในตลาดซะอีก (อันนั้นเขาต่อราคาของ)

     

     

    “อือ...”  ผมตอบส่งๆ ก่อนที่จะกลับตาลง

     

    เหมือนฉากในละครที่นางเอกเต็มใจให้พระเอกจูบง่ายๆก็ต้องหลับตาแบบนี้ ผมทำถูกแล้วสินะ....

     

    รู้สึกถึงได้กับไออุ่นๆที่ริมฝีบากเพียงแค่ไม่วินาที

     

    เป็นจูบที่แค่สัมผัสก็ละออกไม่การมีรุกล้ำเข้ามาข้างในหรือเกินไปกว่านี้เลย

     

    โคตรโมแนติกยิ่งกว่าฉากในละครไม่มีผิด><

     

     

    “พี่จะเชื่อผมไหม...”

     

    “ไม่รู้ขอฟังก่อน แล้วจะพิจรณา”

     

    “ผู้หญิงคนนั้นเขาใช้พี่เป็นเครื่องมือเพื่อเข้ามาหาผม เขาไม่รู้ว่าผมเป็น เขาตามผมก่อนที่จะรู้จักพี่ ผมปฏิเสธ แต่เขากลับบอกว่ายิ่งยากยิ่งอยากได้ และเขาก็คบกับพี่เพื่อเข้าหาผม และสุดท้ายเขาก็ได้รู้ว่าผมเป็น และเขาก็เลิกกับพี่ ผมไม่อยากให้พี่เสียใจ พี่เชื่อผมไหม?” พอพูดจบโฮซองก็เอาหน้ามาแนบกับอกของผม

     

     

    ถึงเรื่องที่ได้จะตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ว่าแค่พูดลอยๆบางทีโฮซองอาจพูดให้ตัวเองดูดีก็ได้

     

     

    “ไม่มีหลักฐาน จะให้เชื่อมันไม่ง่ายไปหน่อยหรอ?” ผมพูดจบ โฮซองก็ละแขนที่กอดผมอยู่ออก แดสงว่ามันโกหกงั้นสิ สร้างภาพสินะ  

     

     

    ผมไม่น่าเผลอไปเชื่อเลยจริง เอ่อยอมรับก็ได้ที่มันพูดเมื่อกี้ผมเชื่อแต่แค่เล่นตัวไปงั้นเอง

     

     

    โฮซองที่ละแขนออกจากผมแต่ไม่ได้ลุกหรือออกไปจากเตียงเลย แค่พยายามล้วงเอามือถือในกระเป๋ากางขึ้นมา

     

    เขาเปิดLine ให้ผมดู

     

    “หลักฐานครับ ดูสิครับผู้หญิงคนนั้นพูดอะไรกับผมบ้าง” ผมเบือนหน้าหนี

     

     

    “ไม่ดูหรอก เพราะเชื่อตั้งแต่ที่พูดแล้ว”

     

     

    “พี่ยุนกิของโฮซอง ผมรักพี่นะ” โฮซองขยับเข้ามากอดผมอีกครัง

     

     

    “อือ...”

     

     

    “พี่รู้ไหม? ผมดีใจนะที่พี่คอยตามระรานผมไม่ว่าผมจะคบกับใคร เพราะมันทำให้ผมรู้ว่าพี่น่ะสนใจผม และก็รักผมเหมือนที่ผมรักพี่ใช่ไหมล่ะครับ” จุดแดกครับ โฮซองรู้? รู้ว่าผมรักเขางั้นหรอ?

     

     

    “เพ้อเจ้อ”

     

     

    “ไม่ได้เพ้อเจอสักหน่อยก็ถ้าพี่ไม่รักผม พี่ก็คงไม่ยอมให้ผมกอดอยู่แบบนี้หรอก”

     

     

    “.........” จุดแดกอีกรอบครับ เขิน ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ไอ้เราแม้งก็ใจง่ายเกิ้น มานอนให้เขากอดอยู่ได้

     

    “เราเลิกกันแล้วนะครับ” เรื่องนั้นรู้หรอกน่า ถ้าไม่เลิกล่ะก็ ซูก้าคนนี้ล่ะจะตามไปฆ่ามันให้ดู

     

    “เพราะชั้น?...”

     

    “ใช่ครับเพราะผมรักพี่ผมถึงเลิกไง” เน่าว่ะ ว่าแต่เมื่อไหร่จะเลิกกอดซักเนี่ยย

     

    “รู้แล้วน่า” ผมแอบลอบยิ้มกับคำบอกรักของโฮซองในหลายๆครั้ง ได้ยินทีไรมันก็อดเขินไม่ได้

     

     

    “ถ้าผมจะบอกว่าขอทำมากกว่ากอดพี่จะอนุญาตไหม?ครับ” 

     

     

    “เห็นชั้นห้ามหรึไงกัน?” เอ่อผมนี่มันก็ใจง่ายเกินไปจริงๆ จะเล่นตงเล่นตัวหน่อยก็ไม่มี- -

     

     

    คงไม่ต้องอธิบายหรอกใช่ไหม?ครับว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นต่อ

     

     

    เอาเป็นว่า ณ ตอนนี้ผมก็ไม่ยอมรับโฮซองเป็นน้องอยู่ดี แต่ยอมรับเป็นอย่างอื่นแทน>///<

     

     

    ไม่รู้ว่าถ้าเกิดว่าวันข้างหน้าพี่จินรู้ พ่อกับแม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ยังไม่รู้สิ่งที่ผมควรจะนึกถึงมากที่สุด ก็คือการมีความสุขกับคนตรงหน้าอย่างโฮซองก็พอสินะ............END

     

    -----------------------------------------------------

     

     

    “อ่าวสองคนทำไมลงมาพร้อมกันได้วันนี้ สงสัยพายุเข้ากรุงโซลซะล่ะมั้งวันนี้” พี่จินทักระหว่างที่ผมกับโฮซองเดินลงบันไดมาพร้อมกัน ผมกับโฮซองกันไปมองหน้ากันก่อนจะหันไปมองหน้าพี่จินแล้วยิ้มๆ

     

     

    “ก็แค่ตื่นนอนพร้อมกันเลยลงมาพร้อมกันเน๊อะ” ผมแถแต่มือของผมกับโฮซองก็ยังจับกันไว้ไม่ได้ปล่อย

    “อ่า..ใช่ๆ นั่นล่ะๆ” โฮซองว่า

     “......” (ซอกจิน)

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×