คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Murderer : 4 (100%)
4
“คืนนี้ฉันไม่เข้าร้านนะจิน”
คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมอง “ไปไหนล่ะครับ?”
“ฉันมีธุระนิดหน่อย” หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมงกับการทำความสะอาดร้าน ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยเสร็จสรรพ จงแดก็เก็บข้าวของตัวเองใส่เป้ ใกล้ถึงเวลาที่นัดกับแบคฮยอนแล้ว “ถ้ามีใครมาหาก็บอกว่าฉันไม่อยู่ ไปทำธุระแค่นั้นพอนะ”
“โอเคครับ” คนไหล่กว้างรู้อยู่ว่าใครที่จงแดหมายถึง คงจะไม่พ้นสองข้าราชการชายที่พึ่งแวะเวียนมาเมื่อคืนแน่ ส่วนเรื่องที่ทำให้สองคนนั้นมาที่ร้าน อันนี้ตัวเค้าเองก็ไม่ทราบ อยากจะเอ่ยปากถามร่างเล็กเหมือนกัน แต่จินคิดว่ามันอาจจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของจงแดมากเกินไป “รีบกลับมาดูร้านด้วยแล้วกัน ผมไม่รับประกันนะว่าของจะไม่หายถ้าพี่ไม่กลับมา”
ร่างเล็กหัวเราะเบาๆ “เออๆ เรื่องของนายเถอะ ไว้ฉันจะมาหักเงินเดือนนายทีหลัง” จงแดชี้หน้าคาดโทษ ก่อนจะรีบหดนิ้วกลับเพราะร่างสูงกว่ายื่นหน้ามาทำทีจะงับนิ้วของเค้า “ฉันไปละ คุยกับนายแล้วเสียเวลาจริงๆ แล้วเจอกันนะ เฝ้าร้านดีๆนะเว้ย”
"คร้าบ~" เด็กหนุ่มลากเสียงยาว เงยหน้ามองจงแดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนชายหนุ่มร่างเล็กจะเดินออกนอกร้านไป รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าก็พลันหาย จินรู้สึกเป็นห่วงอีกคนเหลือเกิน ตั้งแต่เมื่อวานที่ได้ยินเสียงจงแดสะอื้นลอดผ่านช่องประตู หัวใจของเค้าก็กระตุกวูบ ราวกับถูกดึงกระชากออกจากอก เวลานั้นอยากจะพุ่งเข้าไปกอด ปลอบโยนจนกว่าน้ำตาใสๆจะเหือดแห้งไป ปลอบโยนจนกว่ารอยยิ้มที่แสนสดใสจะกลับคืนมา...
เพล้ง!
"เหี้ย! ชิบหายแล้วกู" มัวแต่เหม่อ ตาลอยจนไม่ทันสังเกตมือตัวเองที่เช็ดถูๆอยู่นั้นปัดไปโดนแก้วกาแฟร่วงลงพื้น เซรามิคเคลือบที่เคยมีรูปทรงสวยงามบัดนี้แตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี "ซวยชิบหาย กูจะโดนสวดมั้ยวะเนี่ย..." จินเอื้อมมือไปคว้าถุงพลาสติกมา เก็บเศษแก้วโยนใส่ถุงอย่างรวดเร็ว ให้ตาย ทำไมเค้ารู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเลย พอหยิบเอาชิ้นที่บังเอิญแตกผ่าครึ่งหน้าลายเป็ดสีเหลืองที่ถูกเพ้นท์ไว้ขึ้นมา
ใบหน้าของใครคนหนึ่งก็ลอยขึ้นมาในห้วงความคิด
"พี่เฉิน..."
พี่ปิดบังอะไรเอาไว้วะ...
'พี่ ผมว่าเราเลิกกันเถอะ'
'... ทำไม ท...ทำไมล่ะแบค พี่...พี่ทำอะไรให้เราไม่พอใจงั้นหรอ'
'ผมขอโทษจริงๆ ผมยังลืมเค้าไม่ได้ แล้วก็ไม่มีวันที่จะลืมด้วย'
อู๋อี้ฟานหรือคริสยกขวดบรรจุน้ำสีอำพันใสเทใส่แก้วจนเกือบเต็มภาชนะ เหล้าฤทธิ์แรงที่ใครต่อใครก็พากันพูดต่อๆกันว่าดื่มเพื่อช่วยลืมความหลังครั้งเก่านั้นคงใช้ไม่ได้ผลกับเค้า กลับกันแล้ว ยิ่งดื่มมันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่มีวันที่จะลืม พูดได้ว่าของเหลวชนิดนี้เป็นตัวกระตุ้นความจำชั้นดีเลยก็ว่าได้
ร่างสูงยกแก้วเหล้ากระดกลงคออย่างรวดเร็วคริสวางแก้วลงบนโต๊ะ ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดริมฝีปากที่ฉ่ำเยิ้ม มองไปที่เข็มนาฬิกาที่ชี้ตรงไปที่เลขสี่ “มันจะช้าเกินไปแล้วนะ...”
ก๊อกๆ
“เข้ามา”
ชายชุดดำใส่แว่นกันแดดอำพรางใบหน้าก้าวเข้ามาในห้อง “คุณแบคฮยอนกับคุณจงแดมาถึงแล้วครับท่าน” นิ้วยาวไล้วนไปตามปากแก้ว พรูลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
“แล้วยังไง ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าสองคนนั้นมาถึงแล้วให้พาขึ้นมาได้เลย หรือว่าจะแกจะให้ฉันลงไปรับ?” บอดี้การ์ดเริ่มหวั่นวิตก สัมผัสได้ถึงรังสีอันตราย ที่แม้จะแผ่ออกมาจางๆ แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก “ค...ครับ ผมจะรีบพาขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
คริสไม่ตอบ เพียงแต่พยักพเยิดให้อีกฝ่ายไปให้พ้นหูพ้นตา
อีกไม่กี่อึดใจแล้วที่จะได้เจอกับแบคฮยอน พอคิดได้อย่างนั้นชายร่างสูงที่มีเพียงสีหน้าเดียวก็คลี่ยิ้มกว้างออกมา คริสกวาดข้าวของที่รกบนเคาท์เตอร์ทิ้งใส่ถุง ค่อยให้แม่บ้านมาจัดการทีหลัง ขวดสุราก็ถูกเก็บไว้อย่างมิดชิดในที่ลับตาคน เสมือนเด็กวัยสิบหกที่ต้องรีบทำความสะอาดห้อง ซ่อนสิ่งไม่พึงประสงค์ไว้ก่อนที่แม่จะเข้ามาเห็น
แบคฮยอนชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อย
คริสจำรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของอดีตคนรักได้เสมอ
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะจำอะไรที่เกี่ยวกับเค้าไม่ได้เลยก็ตาม
“เอ้าๆ คิ้วแทบจะชนกันอยู่แล้วนั่นน่ะ”
“คิ้วฉันมันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว แกอย่ามายุ่งน่า” จินตอบกลับไปโดยที่ยังให้ความสนใจอยู่กับเกมในโทรศัพท์ จองกุกได้ฟังคำตอบก็แค่นหัวเราะ คงเพราะผู้ชายไหล่กว้างคนนี้มัวแต่กังวลเรื่องของใครบางคนอยู่ ไม่งั้นก็ไม่เอาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมาเล่นในเวลาทำงานแบบนี้หรอก “พี่เฉินกลับมาเห็นเข้าเดี๋ยวก็โดนสวดกันยกร้านหรอก ผมขี้เกียจฟังพี่เค้าเทศน์แล้วนะเว้ย มันปวดหู”
แต่ก็ไม่เป็นผล จินยังคงเล่นเกมต่อไป ไม่ยี่หระกับคำขู่ที่จองกุกบอก แถมยังหยิบเอาหูฟังขึ้นมาใส่ สร้างกำแพงล่องหนขึ้นมากันตัวเองออกจากสิ่งแวดล้อมภายในร้านจนเด็กหนุ่มหมั่นไส้ “นี่! ถ้าเป็นห่วงพี่เฉินมากพี่ก็โทรไปหาเค้าสิวะ จะมานั่งเครียดทำไมเล่า”
“...”
“ไอ้พี่จิน!”
เสียงตะคอกของน้องทำให้จินต้องดึงหูฟังออก ลูกกวาดสีน้ำตาลตวัดขึ้นมอง ฉายแววไม่พอใจเล็กน้อย จองกุกเริ่มจะทำตัวเหมือนพี่เค้ามากขึ้นทุกวัน จนทุกวันนี้จินก็สับสนอยู่เหมือนกันว่าใครที่เป็นพี่เป็นน้อง “เออๆ รู้แล้วน่า เดี๋ยวขอเล่นให้จบตานี้ก่อนได้มั้ย”
จองกุกมองอีกฝ่าย ก่อนตัดสินใจลุกขึ้น “ก็ได้ เดี๋ยวผมไปดูลูกค้าก่อนแล้วกัน กลับมาต้องเห็นนะว่าพี่ไม่ได้เล่นเกมอยู่ ไม่งั้นผมจะบอกพี่เฉินให้หักเงินเดือนพี่แน่”
“โหยกลัวมาก กลั๊วกลัว กลัวสุดๆเลยว่ะ... รู้แล้วน่าไม่ต้องมาขู่” ร่างสูงหายใจฟึดฟัด ยัดเครื่องมือสื่อสารใส่กระเป๋ากางเกง “เอ้าไปสิ จะมายืนมองอยู่อีก”
“เออไปแล้วเว้ย”
พอลับตาน้อง ซอกจินก็กลับมาอยู่ในสภาพไร้เรี่ยวแรงในการทำงานอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าขี้เกียจหรือเบื่อ แต่มันไม่มีแรงบันดาลใจในการทำต่างหาก เฉินหายไปนานหลายชั่วโมงแล้ว แต่ละนาทีที่เวลานั้นล่วงเลยผ่านไปสร้างความไม่สบายใจให้ร่างสูงมากขึ้นเรื่อยๆ
เช่นเดียวกับความเคลือบแคลงใจที่มีต่อตัวผู้เป็นนายจ้างก็ด้วย
บางสิ่งบางอย่างที่เค้าไม่รู้ การตายของเด็กในร้าน การมาเยือนของตำรวจและธุระของจงแดในวันนี้ เป็นชนวนปลุกความอยากรู้อยากเห็นภายในตัวของซอกจิน มันมีบางสิ่งบางอย่างที่จินยังไม่รู้
และจงแดกำลังปิดบังเค้า รวมถึงคนอื่นเอาไว้
“เฮ้ยพี่จิน! จะไปไหน?” จองกุกที่ถือแก้วเหล้าเดินเข้ามาขวางเมื่อเห็นคนที่ตนพึ่งสั่งให้ไปทำงานนั้นกลับคว้าเสื้อโค้ทตัวใหญ่มาสวมใส่แทน “จะไปทำธุระนิดหน่อย แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ” จินดันตัวจองกุกหลบไปให้พ้นทาง ก่อนจะรีบเดินบึ่งออกไปไม่สนใจเสียงคนข้างหลังที่ตะโกนร้องเรียก
“อะไรของพี่วะ” เด็กหนุ่มได้แต่รำพึงกับตัวเองเงียบๆ ก่อนจะเลิกสนใจและหันกลับไปทำงานของตนแทน
เฉินสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่แผ่ออกมาจางๆจากผนังลิฟต์แสนคับแคบ ชายร่างเล็กพยายามบดเบียดร่างกายเข้าหาที่พึ่งเพียงหนึ่งจากเพื่อนผู้มีขนาดตัวไม่ต่างกันนัก คนที่กลัวที่แคบหลับตาแน่น มือเล็กจิกเกร็งกับแขนเสื้อโค้ทหนาของแบคฮยอนจนยับยู่ยี่
“ให้ตายเถอะ ทำไมเจ้านายคุณถึงไม่ย้ายบ้านไปอยู่บนยอดเขาเอเวอเรสต์เลยล่ะ ถ้าชอบที่จะอยู่ที่สูงขนาดนี้” แบคฮยอนพูดโพล่งขึ้นมาทำลายบรรยากาศสุดจะอึดอัด หวังจะคลายความกังวลให้เฉินที่ก้มหน้าหงุดซุกลงกับแขนของตนอยู่
“ไม่ทราบครับ”
“แหงล่ะ เป็นแค่บอดี้การ์ดจะไปทราบอะไร”
ติ๊ง!
เสียงลิฟต์ดังขัดบทสนทนาขึ้นมาก่อนจะมีสงครามน้ำลายย่อมๆ ประตูมันเงาเปิดออกเผยให้เห็นทางเดินที่ทอดยาว บอดี้การ์ดหนุ่มผายมือเชิญแขกแปลกหน้าทั้งสอง เฉินเป็นคนแรกที่รีบพุ่งตัวออกมานอกกล่องสี่เหลี่ยมเคลื่อนที่ หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อไคลที่ไหลออกมาเพราะความตื่นกลัว
“ห้องของคุณอู๋อี้ฟานอยู่เกือบสุดทางเดิน ประตูฝั่งขวา หวังว่าคงจะไม่หลงนะครับ” แพทย์หนุ่มทำเป็นไม่ได้ยินกับคำจิกกัด ตรงเข้ามาคว้าแขนเฉินแล้วรีบก้าวไปโดยไม่หันหลังกลับมามองจนกระทั่งได้ยินเสียงประตูลิฟต์ปิด เจ้าตัวจึงหันมายกนิ้วกลางให้ก่อนจะรีบเดินต่อไป
“ความจริงเราก็ไม่ต้องมาหาเค้าก็ได้... บางทีกูอาจจะจำคนผิดก็ได้นะแบคฮยอน” เฉินพูดเสียงแผ่ว ยิ่งใกล้ถึงห้องของคริสมากเท่าไหร่ เจ้าตัวก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงกลิ่นอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
“มึงคิดว่ากูอยากมามากงั้นหรอ ไหนๆมาแล้วก็ให้มันรู้ความจริงไปเลย ว่าใช่ไม่ใช่”
แบคฮยอนชะงักฝีเท้าเมื่อรู้สึกว่าคนเดินรั้งท้ายฉุดเอาไว้ ร่างบางหันกลับมามอง ก็พบว่าสีหน้าของเพื่อนนั้นซีดลงถนัดตา “ล...แล้วถ้าพี่คริสเป็นคนฆ่าจริงๆล่ะแบค เราจะทำยังไง”
“...กูไม่รู้ แจ้งตำรวจมั้ง”
“มึงจะบ้าหรอ! แล้วถ้าพี่เค้าเกิดฆ่าปิดปากเราล่ะแบค ไม่เอาแล้ว กูจะกลับ!”
“มึงสิบ้าเฉิน คิดเป็นตุเป็นตะไปได้! มึงคิดถึงเด็กในร้านมึงสิ มึงจะมายอมเพราะแค่มึงกลัวงั้นหรอ?” เฉินก้มหน้าส่ายหัวรัว ก่อนเงยหน้าขึ้นหมายจะสบตาเพื่อน แต่แล้วก็เห็นว่าข้างหลังแบคฮยอนมีบุคคลที่สามออกมายืนรออยู่หน้าประตูห้องที่พวกเค้ากำลังจะไป “...มึง...”
“อะไร?”
“...พี่คริส” แบคฮยอนหันขวับไปมอง ร่างสูงที่เฉินพูดถึงนั้นกำลังเดินย่างเท้าเข้ามาหาทั้งสองคนพร้อมรอยยิ้มละมุน แบคฮยอนผงะเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่ลอยฟุ้งออกมาจากคนตรงหน้า ร่างบางพยายามกันเพื่อนและตัวเองออกห่างจากคริสให้อยู่ในระยะปลอดภัย “พี่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย มีอะไรกันรึเปล่า?”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น เราจะเข้าห้องได้รึยังครับ?”
คริสหยักหน้าน้อยๆ “อ่อ... มาสิ” คริสหันหลังก่อนจะเดินนำไป
แบคฮยอนสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะดึงเฉินให้เดินตามเข้าห้อง ทันทีที่ทั้งคู่ก้าวเข้าห้องนั้น ประตูไม้บานหนาก็ปิดลงพร้อมเสียงล็อกของกุญแจอัตโนมัติที่ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว
Tbc.
ความคิดเห็น