The Unfinished Fantasy - The Unfinished Fantasy นิยาย The Unfinished Fantasy : Dek-D.com - Writer

    The Unfinished Fantasy

    เรื่องของอัลเคมิสต์หนุ่มยากจนและอาจารย์เพี้ยนๆ ของเขา ถ้ามีโอกาสจะขยายเป็นเรื่องยาวต่อค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะ

    ผู้เข้าชมรวม

    203

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    203

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 ก.ค. 55 / 13:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เมื่ออาทิตย์อัสดงหายลับไปจากเส้นขอบฟ้า ยามค่ำคืนก็โรยตัวลงอย่างเงียบงัน บนฉากผืนฟ้าสีเข้มในคืนนี้ มีจันทราโฟบอสเป็นผู้แสดงหลัก พระนางประทับบนรถสีเงิน ล้อมรอบด้วยองครักษ์อันได้แก่ดาราดวงย่อยแพรวพราว  ขับเคลื่อนขบวนอย่างเชื่องช้าผ่านธารสีน้ำนมของทางช้างเผือก ทอดแสงสีฟ้าอ่อนอาบไล้ไปทั่วผืนแผ่นดินราวกับเป็นผ้าแพรผืนใหญ่ โอบอุ้มผู้คนที่อยู่ในห้วงนิทราให้ฝันดี

      ทว่าในห้วงเวลาอันสงบสุขนั้น ยังมีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่ยังหันหลังให้เตียงขาวสะอาดและหมอนขนเป็ดนุ่มนิ่ม กลับไปนั่งหลังตรงอยู่บนโต๊ะและเก้าอี้ไม้เขียนหนังสือเนื้อหยาบ ราวกับเป็นนักบวชผู้เคร่งครัดที่พึงใจในความตรากตรำเสียยิ่งกว่าความสุขสบาย

      เด็กหนุ่มผู้นี้น่ะหรือนักบวช ? หามิได้ ด้วยว่าแม้จะมีบางอย่างในใบหน้าอันสะท้อนให้เห็นความสัตย์ซื่อและแข็งแกร่งอย่างคนที่ไม่เคยปล่อยให้อบายมุขมาแผ้วพาน แต่ดวงตาคู่นั้นก็ไม่ได้แฝงแววแห่งความสงบดังที่ผู้ครองพรหมจรรย์พึงมี หากแลดูว้าวุ่นและกังวลใจ สาเหตุนั้นน่ะหรือ ดูจากปากกาขนห่านที่ถูกกำไว้นานจนชื้นเหงื่อ กับแผ่นกระดาษว่างเปล่าตรงหน้าแล้ว ก็คงเดาได้ไม่ยากหรอกกระมัง...

      โอ ไม่หรอกท่าน เขาไม่ใช่นักประพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นนิยายหวานปนเศร้า บทกวีชวนฝัน หรือบทความทางปรัชญาที่ลึกล้ำก็ไม่เคยออกจากปลายปากกาของเขา สิ่งเดียวที่เขาเขียนหลังออกจากโรงเรียนมา ก็คงจะเป็นสูตรอาหารที่ไปครูลักพักจำมาจากคนอื่นเขามาล่ะกระมัง

      ใช่แล้ว เวทีของเขาไม่ใช่กระดาษและน้ำหมึก หากแต่เป็นบนหน้าเตาไฟ กองทัพของเขาก็คือเนื้อและแป้งและผัก อาวุธของเขาก็คือตะหลิวและทัพพี ธงชัยของเขาคือเกลือและพริกไทย ส่วนชัยชนะของเขาก็คือรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้ทานอาหาร เด็กหนุ่มผู้นี้ใฝ่ฝันจะเป็นพ่อครัวนั่นเองล่ะท่าน

      แล้วอะไรทำให้เด็กหนุ่มเช่นนั้นต้องมานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่นี่ล่ะ..

       

      คำตอบนั้นง่ายมาก หากท่านเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งออกเดินทางมายังเมืองใหญ่เพื่อเผชิญโชคเพียงลำพัง  ก่อนอำลาจากมา น้องสาวคนเล็กของท่านร้องไห้สะอึกสะอื้นดึงชายเสื้อท่านจนแทบขาด น้องสาวคนกลางใจแข็งออกปากไล่ท่านไปให้พ้นหูพ้นตาโดยไวทั้งที่ตาแดงก่ำ น้องชายคนรองจอมมัธยัสถ์สละเงินส่วนตัวเพื่อซื้อหนังตัดรองเท้าคู่ใหม่ราคาแพงลิบให้ท่านไม่น้อยหน้าใคร  มารดาผู้อ่อนโยนกำมือของท่านไว้ในมือทั้งสองที่ทั้งหยาบทั้งกระด้างขณะยัดเยียดเงินเก็บทั้งหมดของนางไว้ให้ท่านนำไปใช้ในการเดินทาง

      เช่นนั้นแล้ว เมื่อท่านมาถึงปลายทาง และพบว่ามีคนจ้างท่านด้วยเงินเดือนงามอย่างวิเศษ มิหนำซ้ำยังเป็นงานอนาคตไกลอย่างยิ่ง สิ่งที่ท่านทำก่อนเข้านอนคืนนั้นย่อมเป็นการจรดปากการ่างสาสน์ไปแจ้งยังทางบ้าน บอกพวกเขาว่าอย่าได้เป็นห่วง ข้าสบายดี สบายดีและข่าวมาบอกเล่าแก่พวกท่าน พร้อมจะยินดีกับข้าหรือไม่

      หากเป็นข่าวน่ายินดี เหตุใดเด็กหนุ่มจึงต้องทำหน้าเคร่งเครียดเช่นนี้น่ะหรือ นั่นก็เพราะ....

       

      อัลเคมิสต์...

       

      ไลล์ถอนหายใจเฮือก จ้องมองไปยังกระดาษเปล่าเบื้องหน้าอย่างไร้ความหมาย เขาไม่ใช่คนช่างเขียนช่างพูดมาแต่ไหนแต่ไร แม้ใจหนึ่งจะยินดีที่ได้งานเบี้ยเลี้ยงงาม อีกใจหนึ่งก็ยังนึกประหวั่น  เพราะวิชาอัลเคมิสต์นี่ว่านั้น ...เท่าที่เขาเคยได้ยินมา... ก็เป็นวิชาประหนึ่งอภินิหารที่สามารถเนรมิตตะกั่วเป็นทองบ้าง ต้มเคี่ยวน้ำอมฤตบ้าง ตบมือแล้วสร้างอะไรๆ ต่อมิอะไรออกมาบ้างล่ะ ถึงท่านซากีญาจะเขกกะโหลกเขาแล้วบอกให้ลืมเรื่องไร้สาระพวกนั้นไปก็เถอะ  ก็คนบ้านเขาพูดกันมาแบบนี้ทั้งนั้นจะไม่ให้เชื่อได้ยังไง !

      แล้วก็อีกอย่าง...

      เขายังจำได้เมื่อแม่พาเขาและน้องๆ ไปเที่ยวในงานครื้นเครงที่เมืองใกล้ๆ ในงานนั้นมีนักอัลเคมิสต์มาแสดงการแปรธาตุให้ดูเป็นที่ฮือฮา ...ถึงจะมาคิดดูตอนนี้แล้ว ไลล์ก็พอเดาออกว่านั่นไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าการเล่นมายากลพื้นๆ แต่ถึงกระนั้นมันก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้เด็กบ้านนอกอย่างเขาและน้องๆ ในวันนั้นได้มากพอดู ไลล์และลิเลียน น้องสาวคนรองถึงกับปีนต้นไม้ขึ้นไปดูให้เห็นถนัดๆ โดยเฉพาะไลล์นั้นจ้องเสียจนตาเป็นประกาย  เมื่อการแสดงจบลง พ่อมดก็เปิดหมวกออก คนดูตอนนั้นบ้างก็ผละออกห่าง บ้างก็หยิบยื่นเงินให้บ้าง คนละ 2-3 รินนา ไม่มากมายอะไร  แม่ก็เรียกไลล์ลงมาจากต้นไม้ ยื่นเงินให้เขานำไปหย่อนใส่หมวกของนักอัลเคมิสต์เช่นกัน

      ในวันนั้นเมื่อน้องๆ นอนหลับกันหมด เหลือแต่ไลล์กับแม่นั่งกันอยู่สองคน แม่กำลังม้วนแกนด้าย ส่วนไลล์ยืนหั่นชิ้นเนื้อที่ตากแห้งทิ้งไว้ทั้งวันเตรียมทำเป็นเนื้อแห้งฝอยผัดหวานเค็ม จะห่อผักกับแผ่นแป้งย่างกินก็ดี หรือเก็บไว้เป็นเสบียงกรังกินตอนเดินทางก็ดีทั้งนั้น 

      "ไลล์" แม่เรียกเบาๆ เวลาที่พูดกับด้วยน้ำเสียงแบบนี้ แม้ไม่เรียกชื่อไลล์ก็รู้ว่าแม่พูดด้วย น้ำเสียงแบบนี้เมื่อก่อนแม้จะใช้พูดกับพ่อเท่านั้น เมื่อพ่อจากไป  แม่ก็เริ่มเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้ ต่างไปจากที่เรียกพี่น้องคนอื่นๆ  เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว และแม่ก็อยากให้เขาตระหนักเช่นนั้น

      "รู้ไหมทำไมแม่ถึงให้ไลล์เอาเงินไปจ่ายให้พ่อมดคนนั้น"  แม่ถาม

      "เพราะเราดูการแสดงของเขาใช่ไหมแม่" ไลล์ตอบ

      "ใช่ แม่อยากให้ไลล์รู้ว่าโลกนี้ไม่มีของฟรี อยากได้อะไร ก็ต้องมีค่าตอบแทน เราดูของเขา เราก็ต้องจ่ายค่าดู"

      "แต่บางคนก็ไม่เห็นต้องจ่ายเลยนี่" ไลล์แย้ง

      "ใช่ อย่างที่ลูกเห็นนั่นแหละ บางคนก็เดินหนี แต่ลูกคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าทุกคนต่างก็พากันเดินหนีเมื่อเขาเปิดหมวก พ่อมดจะไม่มาที่เมืองนี้อีก นั่นก็คือค่าตอบแทนที่พวกเราต้องจ่าย"

      ไลล์หันกลับไป แม่เองก็หยุดมือจ้องมองเขาอยู่เช่นกัน แกนด้ายนั้นกองนิ่งอยู่ที่ตัก

      "แม่อยากพูดอะไรกับไลล์หรือเปล่าฮะ..." ไลล์ถาม ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าแม่มีบางสิ่งที่อยากบอก แต่ยากที่จะสื่อออกมาแม้แต่กับลูกชายของตนเอง

      ผู้เป็นมารดาเงียบไปพักหนึ่ง พักหนึ่งที่ยาวนานก่อนนางจะทำลายความเงียบขึ้นมา

      "แม่ไม่อยากให้ไลล์ไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเวทมนตร์ หมอผี เล่นแร่แปรธาตุอะไรนี่เลย"

      "โธ่แม่" ไลล์โล่งใจจนแทบจะหัวเราะออกมาดังๆ "นึกจะว่าพูดอะไร เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ"

      แต่แม่ไม่ได้หัวเราะไปกับไลล์ด้วย แล้วแม่ก็เล่าเรื่องให้ลูกชายของนางฟัง

      แม่เป็นคนเรียนน้อย ไม่เคยเข้าใจเรื่องยากๆ พวกนั้น แต่แม่ก็รู้ว่าเราต้องจ่ายค่าตอบแทนสำหรับทุกสิ่งที่ได้รับ  เรื่องพวกนั้นมีพลังมาก มากจนน่ากลัว แม่เคยถามนักอัลเคมิสต์หลวงผู้หนึ่งว่าท่านจ่ายอะไรเป็นค่าตอบแทนสำหรับสิ่งเหล่านี้     เมื่อเขาบอกแม่ว่าเขาเนรมิตมันขึ้นมาจากกลางอากาศ แม่จึงไม่เชื่อเขา แน่ล่ะ เขาอาจพูดเช่นนั้นเพราะดูถูกว่านางเป็นคนปัญญาน้อย จึงไม่เห็นความจำเป็นเสียเวลาชี้แจงเรื่องสลับซับซ้อนให้หญิงบ้านนอกเช่นนางเข้าใจ หรือเพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองต้องจ่ายอะไรออกไป  แต่นั่นเป็นเรื่องที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่า เรากำลังพยายามใช้ประโยชน์จากอะไรบางอย่างที่เราไม่เคยเข้าใจแก่นแท้ของมัน แม่ไม่ชอบสิ่งนั้น...

      "แม่เห็นประกายตาของไลล์แล้วแม่กลัวใจจริงๆ"  มารดาของเขาถอนหายใจ

      "โธ่แม่ นั่นไลล์ก็แค่ดูสนุกๆ" เขาหัวเราะ "แม่นี่คิดมากไปแล้ว"

      "นั่นสิ แม่คงคิดมากไป" มารดาของเขามองหน้าบุตรชายนิ่ง "แต่ยังไงสัญญากับแม่หน่อยได้ไหมไลล์ ว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้"

      "ไลล์สัญญา ถ้าจะทำให้แม่สบายใจ" เขาส่งยิ้มให้มารดา "ยังไงไลล์ก็อยากเป็นพ่อครัว ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องพวกนั้นเลยซักนิด”

                      เมื่อกลับมาจากห้วงของความคิด เด็กหนุ่มก็ถอนหายใจอีกครั้ง  ...ก็สัญญาไปแบบนั้นนี่น้า...    

                      แต่ก็เอาเถอะ มือของเขากระชับปากกาแน่นอีกครั้ง จะอย่างไรก็จะให้แม่เป็นห่วงไม่ได้

      -------------------------------------

       

      จนในที่สุดเมื่อใกล้รุ่ง เด็กหนุ่มจึงได้เสร็จสิ้นจากการจรดคำสุดท้ายลงในกระดาษ หลังจากพยายามอยู่ค่อนคืน เขาจึงค่อยสามารถสรรหาถ้อยคำแจ้งข่าวดีให้ครอบครัวได้ทราบเป็นผลสำเร็จ ไล์ยืนถือกระดาษไว้ในมือ เหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เขาไม่มีซองจดหมายเปล่าติดตัวมาด้วยเลย เมื่อไม่มีทางเลือก ไลล์จึงหย่อนจดหมายนั้นลงในซองเงินเดือนที่เขาได้รับจากท่านซากีญาเมื่อวาน ...ซึ่งความจริงแล้วก็คือซองจดหมายใช้แล้วที่ถูกนำมาใช้ซ้ำเป็นซองเงินเดือนนั่นเอง...  บนด้านหน้าซองยังมีชื่อท่านซากีญาเขียนอยู่ด้วยลายมือที่ตวัดอย่างสวยงาม กระดาษเนื้อดียังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ กรุ่นน้ำอบเจือจาง

                      ไม่นึกว่าคนแบบนี้ก็มีผู้หญิงเขียนจดหมายหาด้วย  ไลล์คิดในใจก่อนซุกซองจดหมายเข้าไปในอกเสื้อ เขาคิดเอาไว้ว่าพักเที่ยงจะออกไปร้านไปรษณีย์แล้วค่อยหาซื้อซองจดหมายและอากรที่นั่น

                      เด็กหนุ่มหันไปมองขอบฟ้า คะเนด้วยสายตาว่าอีกไม่เกินชั่วยามพระอาทิตย์ก็คงขึ้น ถ้างีบหลับไปตอนนี้กว่าจะตื่นคงอีกนาน จะอย่างไรเสียเขาก็ไม่อยากเป็นคนเกียจคร้านที่ตื่นสายตั้งแต่วันแรก ไลล์จึงตัดสินใจเดินลงไปข้างล่างเผื่อใครจะมีงานให้เขาช่วย คฤหาสน์ใหญ่ขนาดนี้คงอะไรให้ทำบ้างหรอก

                      อ้าว หลานนายอัลนี่ หญิงวัยกลางคนร่างท้วมร้องทักเมื่อเห็นเด็กหนุ่มโผล่หน้าไปในห้องครัว ลุกขึ้นแต่รุ่งมาทำไมกันล่ะนั่น

                      อรุณสวัสดิ์ครับ เด็กหนุ่มผงกศีรษะรับ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยไหมครับ

                      ฮื้อ ช่วยเชิ่ยอะไรกัน นางแม่ครัวนิ่วหน้า มาเป็นนักเรียนไม่ใช่หรือเราน่ะ ขึ้นไปนอนให้อิ่ม รอทานอาหารเช้าเถอะไป

                      ผมตื่นไวครับ อยู่บ้านนอกก็ตื่นราวๆ นี้แหละ” ไลล์เหลียวมองไปรอบตัว รู้สึกว่าความเครียดเกร็งจากความแปลกที่ค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยความผ่อนคลายจากกลิ่นอายที่คุ้นเคยของห้องครัว  เขาทำจมูกฟุดฟิด “วันนี้ทำกับข้าวอะไรหรือครับ กลิ่นหอมใหญ่ผัดหอมจัง”

                      “จมูกดีนี่” แม่ครัวใหญ่มองเขาอย่างชื่นชม “ผัดหอมใหญ่เตรียมเคี่ยวทำเป็นซอสเนื้อน่ะ ไหนๆ ก็มาแล้ว ขอแรงมาช่วยสับเนื้อหน่อยก็แล้วกัน”

                      “ได้เลยครับ” ไลล์ม้วนแขนเสื้อขึ้นอย่างทมัดแทมง ก้าวเข้าไปหยิบมีดปังตอที่แขวนอยู่ข้างเขียงไม้ใหญ่อย่างคนรู้งาน  แม่ครัวใหญ่เห็นท่าทางของเขาแล้วก็นึกชอบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก ไลล์เป็นคนขยันและสุภาพ ทั้งยังไม่มีท่าทางไว้ท่าอย่างที่เด็กหนุ่มรุ่นๆ มักจะเป็นกัน จากความที่เกรงใจกันในตอนแรก นางจึงใช้เขาเสียเพลินไป

                      หลังจากสับเนื้อไลล์ก็ไปปอกมันฝรั่ง ติดไฟเผาถ่าน ตักน้ำและอื่นๆ จนเมื่อรู้สึกตัวอีกทีเขาก็เหงื่อแตกโซมกาย อาทิตย์ฉายแสงเจิดจ้าอยู่ทางทิศตะวันออก

      “ขอบใจจ้ะ พอได้แล้ว พักกินข้าวเช้าก่อนเถอะ” แม่ครัวใหญ่เรียกเขาอย่างเอ็นดู

      “แล้วท่านซากีญาล่ะครับ คุณป้า” ไลล์ยังเกรงใจไม่กล้ากินข้าวก่อนเจ้าของบ้าน

      “โฮ้ย ขาโน้นปกติกว่าจะลุกก็ตะวันขึ้นกลางฟ้านั่นแหละ” แม่ครัวหัวเราะหึๆ อย่างคนรู้ใจ  “หนูกินไปก่อนเลยไม่ต้องห่วงแกหรอก”

      เมื่อยายแม่ครัวคะยั้นคะยอนั่นแหละไลล์จึงได้ลงนั่งทานซุปข้นกับแผ่นแป้งอบเป็นอาหารเช้า ในใจยังรู้สึกแปลกๆ ที่ได้ทานอาหารเช้าที่คนอื่นเป็นคนทำให้ 

      น้ำซุปนี่ได้จากต้มหอมหัวใหญ่...เซเลอรี่...แอปเปิล... กลิ่นทะเลแบบนี้คงมีหัวกุ้งเป็นรสชาติแฝง... ไลล์ตักซุปทานไปก็งึมงำกับตัวเองไป มือก็ตบไปที่กระเป๋าเสื้อเพื่อจะหากระดาษปากกามาบันทึกสูตรและรสชาติกันลืม ...เกรงว่านิสัยพ่อครัวใหญ่ของเขานี่คงฝังรากลึกเกินแก้จริงๆ...  

      ทว่าเมื่อมือคลำไปที่อก ไลล์ก็ใจหายวาบ เมื่อสัมผัสกรอบแกรบที่ควรจะอยู่ตรงนั้นกลับเงียบสนิท เขารีบก้มลงดูและตบไปทั่วกระเป๋าทุกช่องที่มีอยู่บนร่างเพื่อความแน่ใจ

       

      ...จดหมายถึงบ้านหายไปแล้ว...

       

      ไลล์ลุกพรวดขึ้นทันที  เขาวิ่งไปดูที่บ่อน้ำ เตาไฟ ในครัว แต่ก็ไม่พบสิ่งที่ตามหาอยู่

      เป็นอะไรน่ะไลล์  หน้าตื่นมาเชียว ลุงอัลทักหลานชายคนโปรดที่เดินหน้าซีดปากสั่นมาแต่ไกล  แกคิดว่าเป็นธรรมดาเพราะเด็กคงแค่ประหม่ากับคฤหาสน์ใหญ่ คำถามนั้นจึงไม่มีแววจริงจังเท่าที่ควร ลุงอัลจึงตกใจไม่น้อยเมื่อไลล์แทบจะกระโดดเข้ามาหาแกพร้อมละล่ำละลัก

      ลุงอัล ! ลุงอัลเห็นจดหมายถึงบ้านของข้าไหมขอรับ อยู่ในซองสีฟ้าๆ ตกอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

      ซองสีฟ้าๆ เรอะ ลุงอัลขมวดคิ้ว  ถ้าซองสีฟ้าๆ น่ะข้าเห็นแต่จดหมายของท่านเซกีญา ตกอยู่ข้างบันได ก็เลยจับใส่ถาดเงินรวมกับไปรษณีย์อื่นๆ เอาไปส่งให้ท่านในห้องนอนแล้ว

      ไลล์เบิกตาโพลง ...ก็ไอ้นั่นมันจะเป็นอย่างอื่นไปได้หรือ นอกจากจดหมายของเขาน่ะ...

      ละ..ลุงอัล.. ไลล์กลืนน้ำลาย ถะ..ถ้านั่นเป็นจดหมายของข้า... จะ..จะพอมีวิธีไหนไปเอาคืนมา...ดะ ได้ไหมขอรับ...

      ลุงอัลมองหน้าหลานชาย แกตัดสินใจไม่ถูกว่าจะตบไหล่ปลอบใจหรือยกเท้าขึ้นถีบเจ้าหลานชายคนซื่อที่ก่อเรื่องไม่ได้หยุดตั้งแต่มาเหยียบคฤหาสน์นี้ดี แต่จะอย่างไรมันก็เป็นลูกของน้องสะใภ้แก แล้วโดยมากที่มันทำไปก็เป็นเพราะเจตนาดีทั้งนั้น... ความรู้สึกอย่างแรกจึงเป็นฝ่ายชนะไปในที่สุด

      ตัดใจซะเถอะ ไลล์ ลุงอัลพูดช้าๆ จดหมายท่านซากีญาน่ะข้าเอาหย่อนลงช่องจดหมายจากข้างนอก พอตื่นท่านก็จะมาหยิบไปอ่านเอง แล้วถ้าคิดจะไปเคาะประตูปลุกท่านซากีญาตอนยังไม่ตื่นเต็มตา ก็เท่ากับฆ่าตัวตายชัดๆ

      ไลล์หน้าซีดเป็นกระดาษ รู้สึกเหมือนโลกดับวูบลงไปในพริบตา

      เอาเถอะ เดี๋ยวท่านตื่นเมื่อไหร่ก็ได้คืนเองนั่นแหละ ลุงอัลพยายามปลอบใจหลานชาย อย่างมากท่านพลิกๆ ดูเดี๋ยวก็คืน จดหมายเด็กบ้านนอกเขียนหาแม่มันจะมีอะไรน่าสนใจกั๊น 

      ก็ไอ้นั่นแหละครับ ลุงอัล... ที่ข้าเป็นห่วง... ไลล์คิด แต่ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดรอดออกจากปาก ช่วงเวลาที่เหลือ เขาจึงได้แต่นั่งกอดเข่าเจ่าจุก เงียบงันเหมือนนักโทษเฝ้ารอเวลาประหาร

      จนเมื่อท่านซากีญาส่งคนมาตามเขาไปยังห้องทำงานนั่นแหละ ไลล์จึงได้ลุกขึ้นเงียบๆ ตะคริวที่กินขาเนื่องจากนั่งในท่าเดิมนานๆ ยังไม่เจ็บปวดเท่าความหวาดกลัวที่เกาะกินจิตใจ

      เด็กหนุ่มเคาะประตู ก่อนเดินเข้าไปในห้องทำงานของท่านซากีญา ซึ่งเมื่อก่อนคงเป็นห้องกว้าง แต่ปัจจุบันมันถูกทับถมด้วยสิ่งของที่ไลล์ไม่อาจบอกชื่อได้จนเต็ม ดูคับแคบไปในพริบตา

      ท่านซากีญานั่งอย่างเอื่อยเฉื่อย เท้าพาดโต๊ะรออยู่ก่อนแล้ว  แม้จะไม่ใช่ผู้วิเศษ  ไลล์ก็แทบจะสัมผัสได้ถึงออร่าสีฟ้าเย็นเยียบปะทุออกมาจากร่างตรงหน้า

      นี่ของเจ้าใช่ไหม ไอ้หนู ท่านซากีญาถามสั้นๆ ขณะผลักกระดาษสีน้ำตาลบนโต๊ะมาทางเขา

      ไลล์พยักหน้าโดยแทบไม่ต้องมอง บนกระดาษนั้นมีลายมือตัวหนาของเขาเรียบเรียงอยู่เห็นถนัดตา มีเนื้อความดังนี้..

       

      เดือนโฟบอสที่ 1 วันที่ 25

       

      แม่ที่รัก ลุดโลว์, ลิเลียน, ลิลลา

       

      ทุกคนเป็นอย่างไรกันบ้าง สบายดีไหม ลุดโลว์ อย่าเอาแต่หมกตัวอ่านหนังสืออยู่บนห้องล่ะ ลงมาช่วยงานบ้านแม่บ้างนะ ลิเลียน ข้อเท้าที่แพลงตอนตกต้นไม้หายดีหรือยัง ถ้าหายแล้วก็เพลาๆ เล่นผาดโผนได้แล้ว พี่ไม่อยู่ไม่มีใครมีแรงไปหิ้วเธอกลับบ้านแล้วนะ  ลิลลา เป็นเด็กดีหรือเปล่าจ้ะ ไม่โดนพวกพี่ๆ แกล้งใช่ไหม

      อ้อ ไลล์สบายดี ตอนนี้มาถึงคาตาลันและได้พบลุงอัลแล้ว ลุงใจดีมาก พาไลล์ไปซื้อของที่จำเป็นและแนะนำรอบๆ เมืองด้วย

      คาตาลันนี่ช่างแตกต่างกับอีซานจริงๆ  มีร้านขายของแปลกๆ ที่ไลล์ไม่เคยเห็นเต็มไปหมด ร้านของหวานที่แม่ชอบนะ มีขนมหน้าตาแปลกๆ ที่เราไม่เคยเห็นเต็มไปหมด  ผู้คนแต่งตัวสวยงามนั่งกันเต็มร้าน ลุงอัลยังซื้อขนมแป้งทอดโรยน้ำตาลให้ไลล์ลองทานชิ้นหนึ่งด้วย แม่จ๋า น้ำตาลที่นี่ทั้งขาวสะอาด ทั้งฟู ทั้งเบาเหมือนหิมะแรกตก เนื้อขนมนุ่มแต่เหนียว ไม่ร่วนเหมือนขนมอบที่ไลล์เคยทำ พอกัดเข้าไปไส้หวานที่เป็นครีมข้นๆ กลิ่นวนิลาก็ทะลักออกมา (เม็ดวนิลาของแท้นี่มันหอมยวนใจผิดกับโพชั่นกลิ่นวนิลาจริงๆ นะแม่)  อร่อยจริงๆ  เอาไว้ไลล์ได้สูตรมาแล้วกลับไปจะลองทำให้แม่ทานนะ

      เล่าเสียเพลิน  แม่คงอยากรู้ว่าไลล์ได้งานหรือยัง  คือ..เรื่องนั้นน่ะจ้ะแม่...มีคนรับไลล์ไป..เอ่อ.. ฝึกงานแล้วล่ะ เขาเป็นคน...กว้างขวางของเมืองนี้ ชื่อว่าท่านซากี้.. ท่านซากีญาน่ะแม่ เงินเดือนที่นี่ดีมากเลย เงินเดือนเดือนแรกของไลล์เอาไปซื้อตั๋วเงินที่แนบส่งมากับจดหมายฉบับนี้แล้ว ยังเหลือมีพอกินพอใช้ไปทั้งเดือน  เรื่องค่าจ้างนี่ท่านซากี้เป็นคนใจกว้างจริงๆ  แม่ดีใจกับไลล์ไหมล่ะจ้ะ

       

      แม่คงตบอกถามไลล์ว่างานอะไรถึงจ่ายเงินดีแบบนั้น คือ...จริงๆ มันก็ไม่ใช่งานพ่อครัวฝึกหัดตามที่ไลล์ตั้งเป้าหมายไว้หรอกจ้ะ... แต่มันก็คล้ายๆ กันอยู่นะ มันคืองาน...การแปรรูป...ผลิตภัณฑ์น่ะจ้ะแม่ คือว่านายจ้างของไลล์เห็นยอดไม้ดองน้ำส้ม เปลือกผลไม้แช่น้ำเชื่อม แผ่นแป้งแห้งย่างเครื่องเทศ และอื่นๆ ที่ไลล์ขนไปฝากลุงแล้วเขาก็ชมเชยว่าไลล์มีความสามารถด้านนี้ (สงสัยว่าจะหมายถึงการถนอมอาหารน่ะจ้ะ) เขาก็เลยชวนให้ไลล์มาทำงานกับเขาน่ะ

      เอ๋ แปรรูปอะไรน่ะหรือจ้ะ? มันก็หลายๆ อย่างนะแม่..  ไลล์ก็ตอบไม่ค่อยจะถูกเพราะเพิ่งเข้าทำงานได้ไม่นาน ยังไม่รู้เรื่องอะไรดีเท่าไหร่ แต่อย่างไรไลล์ก็จะตั้งใจทำงาน ขยันและซื่อสัตย์เพื่อให้นายจ้างรักและเอ็นดูเราตามที่แม่สอนสั่งไลล์มานะจ้ะ

       

      รักและคิดถึงทุกๆ คนเสมอ

      ไลล์

       

                      นี่มันหมายความว่ายังไงเรอะ ไอ้หนู ซากีญาถามเสียงเย็นเยียบ ผิดจากที่ไลล์คาด แต่ท่าทางเช่นนั้นกลับยิ่งแฝงความน่าหวาดกลัวไว้อย่างบอกไม่ถูก เท่าที่จำได้ ข้าจ้างเจ้ามาเรียนอัลเคมิสต์ ไม่ได้จ้างมาทำงานโรงงานหน่อไม้ดองขวดโหลนะ

      กะ..ก็...อย่าง ทะ ที่ท่าน...หะ เห็นน่ะขอรับ ไลล์พูดอ้ำๆ อึ้งๆ นิสัยพูดจาอึกอักในยามประหม่าของเขา เมื่ออยู่ต่อหน้าแรงกดดันมหาศาลผิดมนุษย์มนาของซากีญาก็ยิ่งกำเริบหนักขึ้นไปอีก

      หมายถึงตอแหลใส่แม่บังเกิดเกล้าน่ะเรอะ เสียงยังเรียบ แต่คำพูดนั้นแทงใจไลล์เข้าอย่างจัง

      ข้าไม่ได้โกหกนะครับ ไลล์ตวาดกลับเสียงแข็ง ก่อนจะชะงักกึกอย่างคนรู้ตัว แล้วลดเสียงลงตามเดิม ข้ายอมรับ... ว่าข้าไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด แต่ข้าไม่อยากทำให้ท่านแม่ต้องเป็นห่วง

      พูดกันตรงๆ ดีกว่าน่า ไอ้หนู ซากีญาถอดแว่นออก ไลล์พบว่าดวงตาคู่นั้นเมื่อไม่ได้มองผ่านเลนส์หนาเตอะแล้ว ดูสงบเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก

      ข้ายอมรับว่าใช้เล่ห์กลดึงตัวเจ้ามาเป็นลูกศิษย์จริง แต่ข้าก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าการร่ำเรียนวิชาอัลเคมิสต์นี่มันน่าอับอายขนาดทำให้ลูกชายต้องโกหกแม่ของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่

      ไลล์ก้มหน้าลง ไม่สิ... เขาจำต้องก้มหน้าลงเพราะรู้สึกว่าอับอายเสียจนไม่กล้าสู้หน้าท่านซากีญาต่างหาก... ไลล์เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองได้ทำผิดต่อผู้เป็นอาจารย์เป็นหนแรก แม้ในสายตาเขาหรือคนในหมู่บ้านเห็นวิชาอัลเคมิสต์เป็นวิชาพ่อมดหมอผีสิบแปดมงกุฎน่าสยองขวัญ แต่สำหรับผู้ที่ทุ่มเทกายใจให้มันทุกวันคืนเป็นสิบๆ ปีอย่างท่านซากีญา ย่อมไม่เห็นมันเป็นเช่นนั้น...   

      ข้าขอโทษครับ ไลล์ก้มศีรษะต่ำ กัดฟันแน่น ไม่ใช่เพราะความแค้นเคือง แต่เพื่อสกัดกั้นก้อนแข็งๆ ที่จุกอยู่ในคอไม่ให้กลั่นตัวเป็นสายน้ำตา

      ข้าขอโท...ฮะ ฮาดเช้ย ฮัดเช้ย !ฮัดเช้ย ! ฮัดเช้ย !”

      พูดยังไม่ทันสิ้นเสียง ไลล์ก็เห็นผงสีเงินแวววาวโปรยลงมาต่อหน้า แล้วเขาก็เริ่มอาการทั้งไอทั้งจามจนน้ำหูน้ำตาไหลพรากๆ จนแทบลืมตาไม่ขึ้น จนพอจะเงยหน้าได้เขาก็เห็นท่านซากีญายืนจังก้า  ใบหน้าคาดผ้าเนื้อหนาปิดตั้งแต่ใต้ตาลงไปจนหมดสิ้น ส่วนในมือถือขวดใส่ผงสีเงินส่งประกายแวววาวน่าสงสัย

      ไม่ต้องมาทำเจ้าน้ำตา ไอ้หนู ไลล์แทบจะสาบานได้ว่า ท่านซากีญากำลังแยกเขี้ยวอย่างสะใจอยู่ใต้ผ้าปิดปากนั่น  ถ้ามีอะไรที่ข้าเกลียดยิ่งกว่าน้ำตาผู้หญิงก็เป็นน้ำตาผู้ชายนี่แหละ  ถ้าอยากหาย ก็เอาแก้วน้ำบนโต๊ะไปกิน แล้วก็เล่าเรื่องให้ข้าฟังได้แล้ว เร็วๆ เข้า

      ไลล์นึกอยากถอนหายใจ เสียดายแต่ไม่มีมนุษย์คนไหนในโลกที่สามารถไอ จาม น้ำตาไหลและถอนหายใจได้ในเวลาเดียวกัน  เขาจึงได้แต่ไปหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะมาขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดอย่างว่าง่าย รสของมันเปรี้ยวบาดใจแต่ก็ทำให้อาการระคายเคืองในลำคอของเขาหายไปในพริบตา ไลล์ยืนนิ่งรอให้ลมหายใจเข้าที่ แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามผู้เป็นอาจารย์

      ....แล้วเนื้อหาของบทสนทนาระหว่างเขากับมารดาในวันนั้นก็เป็นที่รู้ถึงหูบุคคลที่สามเป็นครั้งแรก...

       

      เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละครับ ไลล์ปิดท้าย ข้าเข้าใจความเป็นห่วงของแม่ แต่ข้าเองก็เข้าใจว่าวิชาอัลเคมิสต์ของท่านเซกีญาไม่เหมือนกับวิชาพ่อมดหมอผีที่แม่ไม่เข้าใจ แต่ข้าไม่รู้จะอธิบายให้แม่เข้าใจได้ยังไงว่าข้าเข้าใจ... เด็กหนุ่มชะงักเมื่อเห็นท่านอาจารย์โบกมือไหวๆ ไปมาต่อหน้า

      เออ พอๆ ได้แล้ว ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้าอธิบายไม่เก่ง ข้าฟังแล้วยังงง ซากีญาถอดแว่นออกด้วยนิ้วมือที่ยาวเก้งก้าง ส่งขาแว่นเข้าปากพลางและเล็มมันอย่างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทิ้งให้ไลล์นั่งอยู่ในความเงียบอย่างอึดอัด  ก่อนจะกระโจนพรวดขึ้นแล้วแผดเสียงใส่จนเขาผงะ

      เอ้า เล่าจบแล้วจะมานั่งเสนอหน้าอยู่ทำไม จะไปไหนก็ไปซะไป ใกล้ๆ เที่ยงค่อยกลับมา

      ขะ ขอรับ ไลล์รีบลุกขึ้นยืนแล้วเผ่นพรวดไปหาประตูจนเกือบสะดุดขาเก้าอี้  ในใจนึกสงสัยว่าถ้าได้รับอนุญาตให้อยู่ที่นี่ต่อ วันหนึ่งเขาจะชินกับอารมณ์ลมเพลมพัดของท่านอาจารย์ได้หรือไม่... ไม่สิ ยังไงเสียหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้น ท่านซากีญาก็คงไม่คิดจะเก็บเขาไว้เป็นลูกศิษย์แล้ว จดหมายแจ้งทางบ้านว่าได้งาน ก็คงต้องชลอออกไป...

      แบบนี้ก็คงจะดีแล้ว จะอย่างไรเสีย การร่ำเรียนวิชาอัลเคมิสต์สำหรับคนเรียนมาน้อยอย่างเขาก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วตั้งแต่แรก เขาเองก็จะได้ไปหางานพ่อครัวฝึกหัดตามที่ควรจะเป็นตั้งแต่แรก กลับไปสู่ทางที่ควรจะเป็น เรื่องนี้เขารู้หรอก

      ...แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจที่พองฟูมาตั้งแต่เมื่อวานถึงได้รู้สึกโหวงเหวงแปลกๆ...

       

      ทว่าเมื่อไลล์กลับมาอีกครั้ง เขาก็พบท่านซากีญาเปล่งรังสีเริงร่าอยู่รอบกาย นี่คงเป็นท่าทางแบบที่ป้าแม่ครัวบอกว่า เห็นเมื่อไหร่ให้รีบพุ่งไปหา ของบกับข้าวเพิ่มทีไรได้ทุกที”

                      อ้อ มาแล้วเรอะ ท่านซากีญาร้องทันทีที่เห็นหน้าเขา ก่อนจะร่อนเครื่องบินกระดาษแผ่นหนึ่งมา ไลล์ตะครุบไว้ตามสัญชาติญาณ ทันทีที่นิ้วเขาสัมผัสมัน เจ้าเครื่องบินกระดาษก็จัดแจงคลี่ตัวเองออกอย่างรวดเร็วกลายเป็นกระดาษแผ่นยาวเหยียดพร้อมตัวอักษรเต็มพรืดอยู่ในมือไลล์ 

      รายการของจำเป็นสำหรับบทเรียนแรกของเจ้า รีบๆ ไปซื้อซะ

      ท่านอาจารย์ทรุดตัวลงนั่งบนขอบหน้าต่าง  ท่าทางสบายอกสบายใจเหมือนเด็กเพิ่งออกจากห้องสอบและรู้ว่าตัวเองจะได้คะแนนดี 

      เอ่อ... ไลล์ยังไม่ทันอ้าปาก ก็โดนขัดขึ้นเสียก่อน

      เสร็จแล้วขนไปไว้ในห้องทดลองให้เสร็จก่อนห้าโมง

      อ่า...

      เรื่องค่าใช้จ่ายบอกให้ลงบัญชีแล้วส่งใบรับเงินมาให้ข้าตอนสิ้นเดือน

      เอ่อ...

      มีคำถามอะไรอีก

      คือ...คือว่า... ไลล์อึกอัก ไม่ใช่ว่าท่านจะไล่ข้าออกจากการเป็นลูกศิษย์หรือขอรับ

      ผู้เป็นอาจารย์เลิกคิ้ว ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าจะไล่เจ้าออก

      ก็...ก็...ท่านโกรธที่ข้าเขียนจดหมายไปแบบนั้น ไลล์ละล้าละลัง

      ถ้าข้าไล่คนออกทุกครั้งที่โกรธป่านนี้ที่นี่คงกลายเป็นคฤหาสน์ผีสิงไปแล้ว  ท่านซากีญาพูดหน้าตาย  แล้วนี่จะไปซื้อของหรือจะมาเสนอหน้ามาบอกข้าว่าขอลาออกกันล่ะหา

      ไลล์มองหน้าท่านอาจารย์ คำพูดนั้นมีน้ำเสียงทีเล่น ทว่าดวงตาวาววับที่ฉายอยู่หลังแว่นนั้นบอกว่าเอาจริง ว่าไงล่ะ ไอ้หนู นี่โอกาสสุดท้ายของเจ้าแล้วนะ ขอแค่เจ้าพูดมาคำเดียวเท่านั้น นอกจากข้าจะไม่ห้ามแล้วยังจะถีบส่งด้วยความยินดีด้วยซ้ำ

      เด็กหนุ่มตัดสินใจได้เสี้ยววินาที

      มะ..ไม่ขอรับ ไลล์เงยหน้า ขอบคุณที่รับข้าเป็นลูกศิษย์ ท่าน..ท่านอาจารย์

      ซากีญาแค่นเสียงเฮอะ หันออกไปมองนอกหน้าต่าง ไลล์จึงได้แต่ทำความเคารพ เมื่อจะหันหลังกลับนั่นเอง หางตาของเขาก็เห็นอะไรแว้บๆ ลอยเข้ามาหา เด็กหนุ่มหันกลับมาคว้ามันไว้ด้วยความตกใจ

      เจ้าลืมจดหมาย ท่านอาจารย์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้มองออกไปนอกหน้าต่าง ทำราวกับว่าจดหมายมันบินมาด้วยตัวมันเอง

      อ้อ... ไลล์ก้มลงมองเจ้าจดหมายต้นเหตุ ซึ่งบัดนี้ถูกย้ายมาใส่ซองใหม่ ปิดอากร จ่าหน้าซองถึงที่บ้านเขาอย่างเรียบร้อย ความจริงข้าว่าจะเขียนใหม่แล้วน่ะขอรับ ส่งไปแบบนี้... คงไม่ดี

      ไม่ต้อง คราวนี้ท่านอาจารย์หันมาแยกเขี้ยว เขียนใหม่ทำไม วุ่นวาย เสียเวลา เดี๋ยวเจ้าก็เปลี่ยนให้ข้าเป็นเจ้าของโรงงานลูกท้อดองอีก รีบๆ ไปไปรษณีย์ซะ แล้วซื้อของมาให้ครบ ถ้าขาดไปแม้แต่ชิ้นเดียว คืนนี้ข้าจะให้เจ้าเปลี่ยนไปนอนให้หม้อต้มยา

      ขะ ขอรับ ไลล์นึกถึงของเหลวสีเขียวหนืดหยึ๋ย ที่ถูกเทออกมาจากในหม้อขนาดใหญ่นั่นแล้วก็เสียววูบ 

      คำขู่นั้นมีผลพอจะให้ทำเด็กหนุ่มแล่นไปไปรษณีย์และร้านขายของโดยไม่ตั้งคำถามใดๆ อีกเลย

       

      ----------------------------------

       

      ทว่าเมื่อเจ้าจดหมายฉบับนั้นเดินทางไปถึงมือครอบครัวของไลล์ในสัปดาห์ต่อมา และผู้เป็นมารดาของเขาฉีกซองจดหมายออก นางก็พบกระดาษสองแผ่นร่วงหล่นออกมา

      แผ่นหนึ่งนั้นก็คือจดหมายของไลล์ ซึ่งนางรู้ทันทีที่เห็นลายมือหนาหนักของเขา ทว่ากระดาษอีกแผ่นซึ่งเป็นกระดาษเนื้อดีลงดิ้นทองเป็นกรอบล้อมรอบนั้นมีลายมือที่นางไม่คุ้นเคยเขียนอยู่

      ....ในกระดาษนั้นเขียนข้อความดังนี้...

       

       

      เรียนคุณผู้หญิงที่เคารพ และลุดโลว์, ลิเลียน, ลิลลาที่น่ารัก

       

                      ท่านคงสงสัยว่าข้าเป็นใคร ขอแนะนำตัวก่อน ข้าชื่อซากีญา ในจดหมายของลูกชายท่านเผลอเรียกข้าว่าท่านซากี้ไปครั้งหนึ่ง   

                      ใช่แล้ว ข้าเป็นสิ่งที่ลูกชายของท่านเรียกว่า นายจ้าง ของเขานั่นแหละครับ

      ความจริงแล้วประโยคนี้มีทั้งส่วนถูกและส่วนผิด ข้าเป็นนายจ้างจริง แต่ไม่ใช่ของเขา  แต่เป็นนายจ้างของลุงเขาต่างหาก   อัล พี่เขยของท่านทำงานเป็นพ่อบ้านอยู่ที่คฤหาสน์ของข้าน่ะครับ (ต้องขอชมเชยมาในที่นี้ด้วยว่าเขาปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างน่าชื่นชมยิ่ง)  

                      สำหรับไลล์แล้ว ข้าถือว่าข้าอยู่ในฐานะอาจารย์ของเขา

                      ตอนนี้ท่านคงขมวดคิ้ว ลูกชายของท่านเดินทางจากอีซานเพื่อไปเป็นพ่อครัวฝึกหัด เหตุใดจึงกลายเป็นไปเข้าสำนักร่ำเรียนมีอาจารย์ได้

                      คุณผู้หญิง ข้าขอเรียนให้ทราบ ข้าเป็นนักอัลเคมิสต์ และข้าเป็นผู้ล่อลวงให้ลูกชายของท่านเข้าเรียนวิชาเล่นแร่แปรธาตุนี้เอง

                      ท่านอาจจะใจหายวูบเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ อย่างไรก็ดี ข้าวิงวอนจากใจจริงขอให้ท่านอ่านไปจนจบ ถึงตอนนั้นหากท่านตัดสินใจจะเผาจดหมายนี้ทิ้ง สาปแช่งข้า และเดินทางมายังคาตาลันเพื่อลากคอลูกชายท่านกลับไปก็ย่อมได้  ข้าจะรีบออกเงินค่าที่พักและค่าเดินทางให้ท่านและลูกๆ ทั้งสามของท่านด้วยความยินดี

       

      ...ขอเพียงแต่ท่านอ่านจดหมายฉบับนี้ให้จบ...

       

                      คุณผู้หญิง ข้าเสนอเงินให้เขาถึงสามเท่าของเงินเดือนปกติของเด็กอายุเท่านั้น เขาจึงได้ตกลงเป็นลูกศิษย์ข้าอย่างหวาดเกรง  และเมื่อข้ายื่นเงินให้เขา สิ่งแรกที่เขาทำก็คือนำเงินแทบทั้งหมดไปซื้อตั๋วเงินส่งไปให้ท่านและน้องๆ

                      ข้าขอชมเชยว่าท่านอบรมลูกชายได้อย่างวิเศษยิ่ง

      ท่านคงทราบอยู่แล้ว ลูกชายของท่านเป็นคนที่ซื่อสัตย์มั่นคงยิ่งนัก เขาไม่คล่องแคล่วในเรื่องศาสตร์ของการพูดเท็จเอาเสียเลย คนจึงจับเขาได้ง่ายนัก กระนั้นเจ้านั่นก็ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วงที่เขาต้องมาเป็นลูกศิษย์อัลเคมิสต์เพี้ยนๆ เช่นข้า  เขาจึงพยายามอย่างสุดความสามารถในการที่จะปิดบังท่านจากความจริงอันน่าสะพรึงกลัวนั้น (แต่ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ ในความเห็นข้านะ)

                      อย่างไรก็ดี โชคชะตาทำให้ข้าได้รับรู้ว่าท่านมีเหตุที่ทำให้รังเกียจอัลเคมิสต์ และวิชาพ่อมดหมอผีเยี่ยงนี้นัก

                      หากข้าเห็นผู้คนเสกสิ่งของจากความว่างเปล่า ข้ายอมไม่เข้าใจและหวาดกลัว คุณผู้หญิง ท่านมีสิทธิโดยสมควรทุกประการที่จะเป็นเช่นนั้น

       

                      แต่อัลเคมิสต์ไม่ใช่วิชาเช่นนั้น 

                     

      คุณผู้หญิง ไลล์เล่าให้ข้าฟังว่าบ้านเกิดของเขามีของดีเป็นที่เลื่องลือคือแพรพรรณที่ได้จากเส้นไหมของตัวหนอน มันงดงามวาววับเป็นที่น่าหลงไหล และท่านเองก็เป็นผู้เชียวชาญในการเลี้ยงตัวหนอนและถักทอเส้นไหมนั้น

                      ถ้าเช่นนั้นแล้วท่านย่อมเข้าใจว่าตัวหนอนโปรดปรานอาหารเช่นใด ชอบอยู่ในอุณหภูมิเช่นใด ทำเช่นใดมันจึงจะแข็งแรงและให้เส้นไหมที่งดงามเป็นมันวาว

       

                       อัลเคมิสต์ย่อมเป็นเช่นเดียวกันสำหรับข้า

       

                      หากท่านถามว่า ธาตุเช่นนี้คืออะไร ได้มาอย่างไร ข้าย่อมอธิบายอย่างยืดยาว นี่คือหนูปรอท หนูปรอทเป็นสารที่ยืดๆ หยุ่นๆ ชอบอยู่กันเป็นกลุ่ม กระจายกันไปเดี๋ยวก็กลับมารวมตัวกันได้  ส่วนนี่คือหนูกำมะถัน หนูกำมะถันแม้จะมีกลิ่นเหม็นโฉ่ไปหน่อยแต่ความจริงแล้วเป็นเด็กดี ใช้ทำประโยชน์ได้หลายอย่าง ถ้าหนูปรอทจะแผลงฤทธิ์ใส่ เอาหนูกำมะถันโรยลงไปปลอบ หนูปรอทก็จะไม่โยเยกลับเป็นเด็กดีเหมือนเดิม..

                      รู้สึกว่าจะหลุดประเด็นไปหน่อย.. ต้องขออภัย.. สิ่งที่ข้าอยากบอกก็คือ ข้าก็มีหลักการและความภูมิใจในอัลเคมิสต์ของข้าเช่นเดียวกับที่ท่านมีต่อหนอนไหมของท่าน หากท่านต้องการให้ข้าอธิบายข้าย่อมอธิบายได้เป็นเวลาสามวันและสามคืน (ความจริงแล้วสถิติสูงสุดของข้าคือสี่วันกับอีกแปดชั่วโมงนะ.. แต่ท่านคงไม่อยากรู้ขนาดนั้นใช่ไหม...)

                      ข้าอยากขอให้ท่านเชื่อว่าข้าไม่ได้หลอกลวงลูกชายท่านมาทำในสิ่งเลวร้าย ไลล์เป็นเด็กที่มีพรรสวรรค์ แม้จะเรียนมาน้อย แต่เด็กคนนั้นมีสายตาที่มองทะลุถึงธรรมชาติของสรรพสิ่ง และไม่เกรงกลัวที่จะหาวิธีต่างๆ เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดจากมัน  (และ...ใช่...หากท่านสงสัย... ข้ารู้ทั้งหมดนี่ได้จากไอ้โหลยอดไม้ดองนั่นแหละ... )

                       ข้าอยากให้ท่านเชื่อในตัวลูกชายท่าน เขาเป็นเด็กดี และข้าก็ตั้งใจจะดึงเอาความสามารถในตัวของเขาออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

                      ...ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีอะไรก็ตามนะ ฮ่าฮ่าฮ่า

       

      ท่านซากี้ที่น่ารักแห่งคาตาลัน

      หมายเหตุ  ประโยคสุดท้ายนั่นข้าล้อเล่นนะ...

                     

      ----------------------------

       

      ท่านซากีญา ไลล์ถามเกรงๆ นี่ท่านคงไม่ได้ไปแอบร่ายมนต์หรือทำคุณไสย์อะไรกับครอบครัวข้าใช่ไหมขอรับ

      จะให้ข้าพูดกี่รอบกันเจ้างั่ง ซากีญาว่า อัลเคมิสต์ทำเรื่องแบบนั้นได้ที่ไหน

      ทว่าน้ำเสียงนั้นไม่มีแววกราดเกรี้ยวจริงจัง แม้แต่ชายตาก็ไม่ได้แลมา เนื่องจากเจ้าตัวกำลังวุ่นวายอยู่กับการหันซ้ายหันขวา ชื่นชมเงาของตัวเองในกระจกขณะลองเสื้อคลุมตัวใหม่ที่แม่ ลิลลากับลิเลียน น้องสาวทั้งสองของไลล์ช่วยกันตัดมาให้เป็นของขวัญรับเทศกาลฤดูใบไม้ร่วง โดยมีบัตรอวยพรให้อายุมั่นขวัญยืนที่ลุดโลว์ น้องชายคนรองบรรจงคัดลายมือเขียนอย่างสวยงามแนบมาต่างหาก

      แน่นอนว่าของไลล์ก็มีเสื้อถักแนบมาด้วยตัวหนึ่ง ระยะนี้เมื่อมีของส่งมาจากบ้านถึงไลล์ทีไร ท่านซากีญาก็ต้องได้ของที่ไม่น้อยหน้ากันด้วยชิ้นหนึ่ง แม้จะเป็นของพื้นๆ แบบทำขึ้นในครัวเรือน ท่านอาจารย์ของเขาก็ดูจะชอบมันมาก  ถึงกับเดินออกไปหาซื้อของตอบแทนให้ท่านแม่กับน้องๆ ของเขาด้วยตัวเองพร้อมกับเขียนโน้ตสั้นๆ ขอบคุณแนบไปด้วย   ตอนแรกไลล์ก็ดีใจที่ครอบครัวกับอาจารย์เข้ากันได้ดี แต่เมื่อเห็นทั้งสองฝ่ายสนิทสนมกันมากเข้า  ไลล์ก็เริ่มรู้สึกว่ามัน...อย่างไรชอบกลอยู่...

      ข้าก็ไม่ได้บอกว่าอัลเคมิสต์ทำได้นี่ขอรับ ไลล์ย้อน ข้าบอกว่าท่านซากีญาเป็นคนทำต่างหาก  ดูเหมือนว่าเมื่ออยู่ใต้ชายคาเดียวกันมาใกล้ร่วมปี เขาก็เริ่มสะสมภูมิคุ้มกันพอจะเถียงท่านอาจารย์กลับไปได้บ้างแล้ว

      สีเพอร์เซี่ยนบลูที่แม่เจ้าเลือกมานี่ดีนะ ซากีญาทำหูทวนลม ขับดวงตาสีหมอกทะเลลึกของข้าให้เด่นจริงๆ

      แบบนั้นแถวบ้านข้าเขาเรียกว่าสีน้ำเงินเข้มกับสีเทาน่ะขอรับ ไลล์ตอบเรียบๆ ในใจคิดว่าถ้ายังสวมแว่นหนาเตอะนั่นอยู่ ต่อให้ตาท่านสีรุ้งคนก็มองไม่เห็นหรอกขอรับ ..

      ว่าแต่มีเวลาว่างมาซักข้า เจ้าสรุปผลการทดลองเมื่อวานเสร็จแล้วเรอะ ท่านซากีญาปรายตามาทางลูกศิษย์ ท่าทางไม่สบอารมณ์

      เสร็จแล้วน่ะสิขอรับ ถึงได้มารายงาน ไลล์ก้มลงมองกระดาษในมือ แล้วก็เตาหุงแร่ที่ติดไว้ตั้งแต่เมื่อวานเร้อนได้ที่ เจ้าตุ๊กแกไฟลงไปขดตัวนอนตั้งแต่เช้าแล้ว ท่านจะเริ่มหลอมแร่ต่อไปเลยไหมขอรับ

      งั้นก็รีบบอกเร็วๆ ซี่ ซากีญาสลัดตัวออกจากเสื้อคลุมทันควัน ก้าวฉับๆ ไปทางห้องทดลอง ไลล์ถอนหายใจก่อนจะรีบวิ่งตามท่านอาจารย์ไป ลงแบบนี้เขาคงไม่มีทางได้คำตอบจากท่านอาจารย์ล่ะกระมัง แต่ก็เอาเถอะ  เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว...ล่ะมั้ง....

                     

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×