ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry Potter :FanFic[Lily Reven & Severus Snape]

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 :โอกาส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 417
      20
      22 เม.ย. 58

       


              การหายตัวไปโดยไม่บอกไม่กล่าวหลังอาหารเย็นไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก นอกจากนั้น เธอก็ไม่อยากทำให้วินรี่เป็นห่วง หลังจากที่เธอหายตัวไปตลอดทั้งบ่ายจนถึงเวลาอาหารค่ำ

              และเหตุผลที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เธอไม่เล่าเรื่องนัดหลังอาหารกับอาจารย์ใหญ่ให้เพื่อนของเธอฟัง นั่นเพราะเธอไม่อยากให้เพื่อนของเธอเข้ามาเกี่ยวข้องเพียงเพราะความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง

              ลิลลี่ ตัดสินใจที่จะแอบออกจากหอพักในตอนกลางคืน มันเป็นสิ่งที่เสี่ยงพอสมควร แต่อย่างน้อยเธอก็มั่นใจว่าจะไม่หลงในโรงเรียนหลังจากที่เธอจำแผนที่จากประวัติโรงเรียนได้อย่างขึ้นใจ แผนของเธอได้รับการสนับสนุนจากความสามารถในการนอนของวินรี่ เพราะทันทีที่เธอเอนตัว เธอก็หลับไปอย่างรวดเร็วและง่ายดาย แต่ลิลลี่รอบคอบกว่านั้น เธอนั่งรออย่างใจเย็น

              จนกระทั่ง ถึงเวลาที่เธอมั่นใจว่าปลอดภัย --สามทุ่ม ลิลลี่ มั่นใจว่าทุกอย่างต้องปกคลุมด้วยความมืดและความเงียบ เธอออกจากทางเข้าหอพักอย่างเงียบเชียบและเอาหนังสือเล่มหนากั้นประตูไว้ไม่ให้ปิดสนิท เพราะสุภาพสตรีอ้วนไม่ได้อยู่ในกรอบรูป ดังนั้น เธอคงเข้าหอพักไม่ได้ทั้งคืนหากประตูถูกปิดสนิท --ทางเดินไร้ผู้คน เหล่ารูปภาพเคลื่อนไหวได้ก็นอนสลบไสลกันหมด เธอไม่จุดแสงที่ปลายไม้กายสิทธิ์ขณะเดินตามระเบียงทางเดิน เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้รูปภาพบนผนังตื่น

              ลิลลี่เดินตามแผนที่ในหัวของเธอ เพื่อไปยังห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ เธอเดินไปตามทางอย่างคลองแคล่ว ประดุจดังมองเห็นในความมืด จนถึงทางเดินหลักที่มีแสงไฟมากพอ ลิลลี่ เดินอย่างระมัดระวัง --ยิ่งแสงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นจุดสังเกตมากเท่านั้น อย่างน้อยสิ่งที่เธอต้องระวังสำหรับคืนนี้คือ ภารโรงที่เป็นยามกะกลางคืนของโรงเรียน และแมวของเขา ไม่ว่าจะเป็นใคร แต่โทษของการออกมานอกหอพักและเดินท่อมๆกลางตัวปราสาทคงหนีไม่พ้นการกักบริเวณและหักคะแนนบ้านอย่างแน่นอน

         "เอาล่ะ อีกแค่นิดเดียว" ลิลลี่ พึมพำ --พยายามควมคุมการหายใจและความตื่นเต้น ใครจะเชื่อ เด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนแหกกฎโรงเรียนตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เข้ามาเหยียบฮอกวอตส์ มันต้องเป็นอะไรที่แย่มากๆ ทว่าจะมาล้มเลิกกลางคันก็ไม่ทันแล้ว เพราะตอนนี้ เธอได้ยืนอยู่หน้ารูปปั้นซึ่งเป็นทางไปห้องทำงานของดัมเบิลดอร์แล้ว

              แต่ว่า มีสิ่งหนึ่งที่เธอพลาด --สิ่งหนึ่งที่คาดไม่ถึง จู่ๆ รูปปั้นก็หมุนทำให้มองเห็นบันไดกลที่ซ่อนอยู่ข้างใต้ พร้อมกับร่างของศาสตราจารย์เซเวอร์รัส สเนป ที่กำลังเดินลงมาช้าๆ ใบหน้าที่เฉยชาปะทะเข้ากับใบหน้าตะลึงงันของหญิงสาว ในก้าวสุดท้ายของบันได

              ลิลลี่ ไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาอธิบาย ตอนนี้เธอยืนแข็ง น่าแปลกที่สเนปดูเหมือนจะมีปฏิกริยาแบบเดียวกัน นั่นทำให้บรรยากาศยิ่งน่าขนลุกมากขึ้นไปอีก

         "เอ่อ สายัณสวัสดิ์ค่ะ ศาสตราจารย์" ลิลลี่ ยังคงเริ่มบทสนทนาอีกตามเคย

         "คุณเรเวล์น เธอมาทำอะไรตามทางเดินในเวลาแบบนี้" เขาเอ่ย --ความประหลาดใจซ่อนอยู่ในดวงตาสีดำสนิท

         "เอ่อ คือว่าหนู....คือ..."

         "โอ้ เซเวอร์รัส ฉันนึกว่าจะตามเธอไม่ทันเสียแล้ว พอดีว่าฉัน... " ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เดินลงบันได เขาทำเสียงโล่งใจเมื่อเห็นว่า สเนปยังเดินไปได้ไม่ไกล แต่ทันทีที่เขาเห็นลิลลี่ เขาก็เงียบในทันที

         ดัมเบิลดอร์ มองคนทั้งสองสลับกันไปมา พลางคลี่ยิ้มบางๆ ลิลลี่ รู้สึกขอบคุณเขาเป็นอันมาก ที่เข้ามาช่วยเธอจากสถานการณ์น่าสิ่วหน้าขวานแบบนี้

         "ฉันมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า เซเวอร์รัส" เขาเอ่ย --สีหน้าเบิกบาน

         "เปล่าครับ... อาจารย์ใหญ่" สเนปตอบ น้ำเสียงเรียบเฉย ดัมเบิลดอร์หรี่ตา ก่อนจะเพ่งความสนใจไปที่ลิลลี่

         "งั้นรึ --โอ้ ลิลลี่ นึกว่าเธอจะไม่มาซะแล้ว"

         "หนูไม่อยากให้ใครเป็นห่วงน่ะคะ เลย... ออกมาตอนกลางคืน" ลิลลี่ อึกอัก  

         "แต่ว่า หากมันเป็นการทำผิดกฎของโรงเรียนหนูยินดีรับผิดคะ แต่ได้โปรดอย่าหักคะแนนบ้านกริฟฟินนดอร์เลยนะคะ" ลิลลี่ ขอร้อง ดัมเบิลดอร์มองลอดแว่นจันทร์เสี้ยวอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะหันไปหาศาสตราจารย์สเนปที่ นิ่งเงียบอยู่

         "จะทำอย่างไรล่ะ เซเวอร์รัส" เขาถาม --น้ำเสียงดูจะสนุกสนานอยู่ไม่น้อย

         "แล้วแต่ท่านเลย อาจารย์ใหญ่" สเนปเอ่ย เขาพยายามหลีกเลี่ยงการตัดสินใจจอย่างเห็นได้ชัด ดัมเบิลดอร์เห็นดังนั้นก็กล่าวขึ้น

         "ฉันคงทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก เซเวอร์รัส เธอเชี่ยวชาญด้านการตัดสินใจมากกว่าฉัน ดังนั้น ฉันจะยอมรับสิ่งที่เธอกำลังจะพูด" ดัมเบิลดอร์ อธิบาย ลิลลี่ กลืนน้ำลาย

         หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุม ไม่มีใครพูดอะไร ส่วนลิลลี่ก็ลุ้นตัวสั่น เธอจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะโดนอะไรบ้าง

         จนกระทั้ง สเนปเอ่ยขึ้น "...ท่านอาจารย์ใหญ่ เป็นคนเชิญ คุณเรเวล์นมาห้องทำงาน ดังนั้น เธอก็มีเหตุผลที่จะต้องออกมายามวิกาล ฉะนั้น..." เขาเหลือบมอง ลิลลี่ อีกที

         "...ไม่มีความผิด"

         ลิลลี่ ถอนหายใจอย่างโล่งอก ดัมเบิลดอร์เลิกคิ้ว

         "เอาล่ะ --อย่างที่ฉันให้คำไว้ว่าฉันจะยอมรับการตัดสินใจของเธอที่ว่าลิลลี่ ไม่มีความผิด " เขาพูดซ้ำเพื่อเน้นความ "แต่ทว่าเธอจะช่วยรับฟังคำตัดสินของฉันได้ไหม เซเวอร์รัส" สเนป พยักหน้า

         "อะแฮ่ม --เพื่อให้เป็นบทเรียน ฉันจะขอกักบริเวณเธอกับศาสตราจารย์สเนป อย่างไม่มีกำหนด" ดัมเบิลดอร์พูด สเนปและลิลลี่หันขวับ

         " เพื่อให้เธอเรียนรู้สิ่งต่างๆมากขึ้น จนกว่าฉันจะเห็นว่าเธอได้เรียนรู้อย่างถูกต้องแล้ว ฉันจึงจะยกเลิกโทษนี้" เขาพูดต่อไป สเนปขมวดคิ้ว พอๆกับลิลลี่ที่เบิกตาโพลง

         "ขอโทษครับ อาจารย์ใหญ่ ผมว่า..." ดัมเบิลดอร์ชูนิ้วชี้ขึ้นมา สเนปชะงัก

         "เธอพยักหน้ารับการตัดสินใจของฉันแล้วนะ เซเวอร์รัส" เขายิ้ม ดวงตาใต้แว่นจันทร์เสี้ยวเปล่งประกาย

         "....ครับ" สเนป รับคำอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ก่อนจะเหลือบมอง ลิลลี่ เป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินจากไป พอเห็นว่าศาสตราจารย์เดินออกไปพ้นระยะสายตาแล้ว ลิลลี่ จึงหันขวับไปหาดัมเบิลดอร์ที่ยืนทำหน้าระรื่นอยู่ แต่อีกฝ่ายชิงพูดขึ้นมาก่อน

         "ฉันรู้ว่าเธอไม่เห็นด้วย แต่เชื่อฉันเถอะ ว่ามันจะตอบคำถามทุกอย่างที่เธอสงสัย นี่คือโอกาสเดียวที่ฉันสามารถมอบให้เธอได้ ลิลลี่" อาจารย์ใหญ่กล่าว น้ำเสียงเป็นการเป็นงาน ลิลลี่ เข้าใจในทันที เธอยิ้มออกมา "ขอบคุณค่ะ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์" ว่าแล้วลิลลี่ก็ทำท่าจะเดินออกไป

         "ครั้งต่อไปเธอไม่จำเป็นต้องเอาหนังสือคั่นประตูหรอกนะ"

         ลิลลี่ หยุดอย่างกระทันหันจนเกือบจะสะดุดล้ม เธอหันหลับไปหาดัมเบิลดอร์ที่ยืนหัวเราะในลำคอ

         "...ฉันได้แจ้งคุณผู้หญิงประจำหอเอาไว้แล้ว ว่าจะมีนักเรียนไปเรียนเสริมตอนกลางคืน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" เขากล่าวต่อ ก่อนจะโบกมือลาหญิงสาวอย่างเปรมปรีย์

         ลิลลี่ ยิ้มน้อยๆ แล้วรีบเดินกลับหอพักอย่างเขินอาย


    ....................

              ลิลลี่ปิดประตูหอพักเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอเดินย่องไปที่เตียงนุ่มๆของตัวเอง ก่อนจะเอนตัวลงอย่างเงียบงัน เธอยังคงคิดถึงสิ่งที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูด

         'นี่คือโอกาสเดียวที่ฉันสามารถมอบให้เธอได้ ลิลลี่'

              ดูยังไงมันก็ไม่ค่อยมีเหตุผล เธอไม่ได้ทำชื่อเสียงให้โรงเรียน ไม่ได้รู้จักกับพ่อมด แม่มดที่เก่งกาจ แต่ทำไมศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จึงเอ็นดูเธอขนาดนี้ กระทั่ง มอบโอกาสให้เธอได้หาคำตอบในสิ่งที่เธอต้องการ

         เธอไม่อยากจะคิดไปในทางที่ไม่ดี แต่ก็อดไม่ได้ ว่า 'การที่ศาตราจารย์ดัมเบิลดอร์ทำดีกับเธอนั้น ได้หวังผลสิ่งใดหรือเปล่า'

         ลิลลี่ สะบัดหัวไปมา เพื่อขับไล่ความคิดที่ไม่ดีออกไป

              ไม่ว่ามันจะมีอะไรอยู่เบื้องหลัง เธอก็ย้อนกลับไม่ได้แล้ว เธออยากช่วยศาสตราจารย์สเนป เธออยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอเห็นวันนั้น เธออยากจะเชื่อในดวงตาของเขา ดังนั้น เธอจำเป็นที่จะต้องพิสูจน์ด้วยตาของตัวเอง

         ลิลลี่ คิดเรื่องต่างๆนาๆ ไม่นานนักเธอก็ผลอยหลับไปในที่สุด


    ....................

         "เมื่อคืนเธอไปไหนมาน่ะ ลิลลี่" วินรี่ เอ่ยถามขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไปเรียนวิชาการบินกับมาดามฮูช

         "อ้อ --ฉันไปเข้าห้องน้ำน่ะ" ลิลลี่ ตอบด้วยรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติ วินรี่เหมือนจะไม่เชื่อ "ไปนานเหลือเกินนะ" วินรี่พูด สุดท้ายลิลลี่ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุย

         "จะว่าไป วิชาการบินเป็นวิชาที่ฉันไม่ถนัดเลย" เจสัน จ้องหญิงสาว "อัจฉริยะ อย่างเธอเนี้ยนะ" ลิลลี่ พยักหน้าน้อยๆ นิโคลัสหัวเราะคิก

         "คนเรามันก็ต้องมีอะไรที่ไม่ถนัดบ้างล่ะนะ" เจสันพูด --พยายามทำความเข้าใจ "นั่นสิ" พรีเฟ็คหนุ่มเสริม จู่ๆเขาก็นึกอะไรออก

         "ว่าแต่นายเองก็เป็นนักกีฬาควิชดิชประจำบ้านนี่ เจค" เขาเปรยหน้าตาย ลิลลี่ ดูเหมือนจะสนใจ เพราะเธอหันขวับมาหาเจสันอย่างรวดเร็ว

         "จริงเหรอ" เธอถาม ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ "เก่งจังเลย เจสัน" เธอกล่าวชมอย่างไร้เดียงสา โดยที่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังจะระเบิดเพราะความเขิน นิโคลัสหัวเราะดังสนั่น

         "นี่เธอยังคุยกับฉันไม่จบเลยนะ" จู่ๆวินรี่ก็ตะโกนออกมา ลิลลี่ สะดุ้ง

         "เธอนี่ก็เซ้าซี้จริงๆ ยัยแว่นหนา!" เจสัน แหนบแหนม "เรเวล์น บอกว่าไม่มีอะไร ก็ไม่มีอะไรสิ" นิโคลัส พยักหน้าเห็นด้วยกับเจสัน ก่อนจะดันไหล่ลิลลี่เเบาๆ โดยไม่สนใจหญิงสาวที่ยืนนิ่งอยู่

         "เดี๋ยวสิเจสัน รอวินรี่ก่อนสิ" ลิลลี่ พูดขณะมองข้ามไหล่นิโคลัสไปหาเพื่อนสาว

         "ช่างยัยนั่นเถอะ ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน สมเป็นสกีตเตอร์แล้วล่ะนะ"

         "เจค!!!" นิโคลัสห้าม แต่ดูท่าจะไม่ทันแล้ว ฝ่ามือของวินรี่ได้ปะทะเข้ากับแก้มขวาของเจสันอย่างแรงจน เขาหน้าหัน ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนคนอื่นๆ

         "ยัย....!!!" เจสันทำท่าจะสวน แต่ก็ชะงักไปเมื่อเหลือบเห็นของเหลวสีใสที่ร่วงเผลาะจากใบหน้าของหญิงสาว

         "ใช่สิ --ฉันมันก็เป็นสกีตเตอร์ พวกนักข่าวน่ารังเกียจที่เอาแต่เซ้าซี้ชาวบ้านเขาไปทั่ว นายเคยถามฉันบ้างมั้ยว่าฉันอยากจะเป็นแบบพวกนั้นหรือเปล่า --ไม่เคยเลย!" วินรี่ ตวาดดังขึ้นเรื่อยๆ จนคนอื่นๆเริ่มหันมามอง แต่เธอก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว

         "นายมันก็เหมือนคนอื่นๆ ตัดสินคนจากภายนอก จากครอบครัว --ฉันเกลียดที่สุด!" จู่ๆวินรี่ก็หยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาแล้วเล็งมันไปที่ชายหนุ่มคู่กรณี ลิลลี่เห็นท่าไม่ดีจึงเข้ามากั้นระหว่างคนทั้งสอง ส่วนนิโคลัสก็เข้าไปห้ามเจสันที่กำลังจะหยิบไม้ออกมาจากเสื้อคลุม

         "ใจเย็นๆนะ วินรี่ ...โรแลนด์เขาไม่ได้ตั้งใจหรอก" ลิลลี่ ปลอบหวังให้เพื่อนสาวใจเย็นลง ท่ามกลางการมุงดูของนักเรียนบ้านอื่นๆ

         "ถอยไป ฉันจะจัดการกับไอ้คนปากบอนนี่!" วินรี่ ไม่มีทีท่าจะวางไม้ เธอยังคงเล็งมันไปที่เจสัน --พร้อมปล่อยคาถาได้ทุกเมื่อ

         "ไม่เอาน่า เด็กใหม่...พวกโง่มันจะทะเลาะกันก็ปล่อยมันไปสิ " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มเอ่ย สายตาเจ้าเล่ห์จับจ้องไปยังเหตุการณ์ข้างหน้าอย่างสนุกสนาน เขาและเพื่อนอีกสี่ ห้าคนใส่เสื้อคลุมของบ้านสลิธีริน ลิลลี่ได้ยินวินรี่เล่าว่า เด็กสลิธีรินเป็นพวกที่ชอบหาเรื่องและชอบรังแกคนอื่น สมกับตราประจำบ้านที่เป็นรูปงู

              เธอมองเขม้นไปที่ชายหนุ่มคนนั้น เหมือนจะบอกว่า 'อย่ามายุ่ง' เขาชักสีหน้าด้วยความไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเดินลิ่วเข้ามาอยู่ตตรงหน้าเธอ โดยมีเด็กสลิธีรินที่เหลือยืนดูสถานการณ์อยู่

         "อะไร จ้องหน้าฉันแบบนั้น อยากมีเรื่องหรือยังไง อย่าคิดว่าเป็นเด็กใหม่แล้วฉันจะยอมนะ ฉันรู้ว่าเธอเป็นแม่มดที่เกิดจากมักเกิ้ล อย่ามาลองดีกับเลือดบริสุทธิ์อย่างฉัน--ยัยเลือดสีโคลน!!!" เขาดูหมิ่น พลางถลาเข้าไปกระชากแขนลิลลี่ จนเธอเสียหลัก วินรี่ชะงัก เจสันและนิโคลัสจ้องไปที่ชายผมน้ำตาลอย่างเหลืออด ทั้งคู่หยิบไม้กายสิทธิ์ในท่าเตรียมพร้อม

         "พวกเธอมาเกาะกลุ่มทำอะไรกันตรงทางเดิน" เสียงเย็นดังมาจากศาสตราจารย์สอนปรุงยาที่ บังเอิญเดินมาทางนี้พอดี ทุกคนหันขวับไปที่ต้นเสียงด้วยความหวาดกลัว ยกเว้นเด็กสลิธีรินที่แสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย ลิลลี่ ถือโอกาสสะบัดแขนออกจากการบีบของเด็กหนุ่ม

         เจสัน นิโคลัสและวินรี่เก็บไม้กายสิทธิ์เข้าเสื้อคลุมอย่างรวดเร็ว สเนปหรี่ตามองทุกคน แต่แล้วดวงตาสีดำก็ไปสะดุดอยู่ที่ลิลลี่ซึ่งพยายามมองไปทางอื่น เธอเอามืออีกข้างลูบแขนข้างที่โดนกระชากเมื่อครู่ โดยไม่ให้ใครเห็น

         "เธอเป็นอะไรรึเปล่า ลิลลี่" วินรี่ ถามเพื่อนสาวด้วยความเป็นห่วง ถึงจะยังโกรธเจสันอยู่ แต่เรื่องที่ ลิลลี่ ถูกเรียกว่าเลือดสีโคลนและยังถูกกระชากแขน ดูจะเป็นอะไรที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าสิ่งที่เจสันพูดกับเธอ

         ลิลลี่ หันไปทางอื่นชั่วครู่ก่อนจะหันมายิ้มให้เพื่อน "ฉันไม่เป็นไร"

         "ไม่เป็นไรที่ไหนเล่า ไอ้บ้านั่นเรียกเธอว่าเลือดสีโคลนเชียวนะ! แถมยังกระชากแขนเธอด้วย" วินรี่ พูดน้ำเสียงดุดัน

         "อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอหยุดได้ก็แล้วกัน" ลิลลี่ หัวเราะเบาๆ วินรี่ถอนหายใจอย่างหน่ายๆ

         "แกถอนคำพูดซะ! แล้วขอโทษ เรเวล์นเดี๋ยวนี้" ศึกของวินรี่เพิ่งจะจบ แต่ดูเหมือนว่าทางด้านนี้กำลังจะเริ่ม เมื่อเจสันหันไปหาเรื่องกับชายหนุ่มสลิธีริน ต่อหน้าศาสตราจารย์สเนป

         "อะไร! แกจะหาเรื่องฉันแทนแฟนของแกหรือยังไง"

         "หนอย! แก" เจสันทำท่าจะพุ่งไปหาอีกฝ่าย แต่ลิลลี่เข้ามาบังเอาไว้ "อย่าทำให้มันเป็นเรื่องเลย โรแลนด์"

         "ทำตัวเป็แม่พระ ที่แท้เธอก็เป็นยัยเลือดสีโคลนที่มีแต่ผู้ชายรุมล้อมเหมือนกันนี่"

         "พอแล้ว! อากาเรส" ศาสตราจารย์สเนป ตวาดใส่ชายหนุ่มผมสีน้ำตาล จนเขาสะดุ้งโหยง

         "หัก 20 แต้ม คุณอากาเรส และอย่าให้ฉันได้ยินคำสกปรกหลุดมาจากปากอีก ไม่อย่างนั้นเธอจะได้ไปกักบริเวณในป่าต้องห้ามอย่างแน่นอน" สเนปพูดเสียงเย็นชา ดวงตาสีดำจ้องอีกฝ่ายจน เขาสั่นด้วยความกลัว ก่อนจะวิ่งหนีไป พร้อมกับเด็กสลิธีรินคนอื่น

         สเนปมองลิลลี่ ที่ตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ เขาทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่เมื่อเห็นเพื่อนที่ห้อมล้อมเธอไว้ เขาก็เดินจากไปโดยที่ไม่พูดอะไร


    ....................

              การเรียนดำเนินไปอย่างปกติ ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว เพราะไม่อยากทำให้ลิลลี่รู้สึกไม่ดี แต่ตลอดทั้งวัน วินรี่กับเจสันก็ไม่มองหน้ากันเลย กลายเป็นบรรยากาศที่น่าอึดอัดอย่างเงียบๆ

         "ฉันว่านายไปขอโทษ วินรี่ซะไม่ดีกว่าเหรอ" นิโคลัส ถาม สีหน้าเป็นกังวล

         "ถ้าจะให้ฉันขอโทษยัยนั่น ฉันขอไปนั่งกินข้าวกับโทรลล์ ดีกว่า" เจสัน ทำหน้าบึ้ง พรีเฟ็คหนุ่มถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย

         "ทำไมต้องโมโหขนาดนั้นเล่า..." เจสัน พึมพำกับตัวเองเบาๆ มือขวาลูบแก้มที่เคยเป็นรอยแดงเบาๆ


    .....

         "วินรี่ ไม่เป็นไรนะ เธอน่ะดูไม่ร่าเริงเลย" ลิลลี่ พูดด้วยความเป็นห่วง

         "ฉันเกลียดหมอนั่น เอาแต่พูดดีทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้รู้อะไรเลย" วินรี่พูดด้วยความเจ็บใจ ลิลลี่ กุมบ่าเพื่อนสาวเบาๆ

         "ฉันเข้าใจ แต่อย่างน้อยเราก็เป็นเพื่อนกัน ทำไมเราไม่คุยกันดีๆล่ะ หากแต่ล่ะฝ่ายเข้าใจกันและกัน ฉันมั่นใจว่าจะไม่มีความบาดหมางอย่างแน่นอน" ลิลลี่ ยิ้มเป็นกำลังใจ วินรี่เคยคิดว่าลิลลี่เป็นคนยิ้มสวย แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกเลยว่ารอยยิ้มนั้นช่างสดใสและทำให้เกิดความหวังอย่างน่าประหลาด วินรี่ยิ้มบางๆให้

         "ขอบใจนะ ลิลลี่"


    ....................

              เวลาอาหารเย็นดูเงียบไปเมื่อทั้งสองคนไม่ทะเลาะกันเรื่องของหวาน เจสันไม่ได้กินทาร์ตน้ำตาลข้น เขาหันไปกินแอปเปิ้ลชุบน้ำตาลที่เขาไม่ชอบแทน ส่วนวินรี่ก็ไม่ได้แตะมันแม้แต่น้อย กลับกันเธอก็เปลี่ยนไปกินอย่างอื่น และดูเหมือนว่าเธอจะกินของหวานน้อยลงเสียด้วยซ้ำ

         "... ทำไมวันนี้เธอไม่กินทาร์ตน้ำตาลข้นล่ะ" เจสันตัดสินใจเอ่ยขึ้นเบาๆ นิโคลัสกลั้นหัวเราะ

         "ฉันไม่อยากกิน" วินรี่ตอบเรียบๆ ใบหน้าเฉยเมิย

         "ไม่กินจริงๆใช่มั้ย" เจสัน กลืนน้ำลาย วินรี่ขมวดคิ้ว แล้วกอดอกแน่น "ไม่กินย่ะ"

         "งั้นฉันกินนะ" เขาเลื่อนถาดใส่ทาร์ตเข้ามาใกล้ตัว แต่ทว่ามันกลับหยุดด้วยแรงดึงของวินรี่ ที่หน้าแดงก่ำ ลิลลี่หัวเราะเบาๆในลำคอ

         "นายนี่มัน! ฉันไม่กินไม่ได้หมายความว่านายมีสิทธิ์ที่จะกินมันนะ ไอ้คนสมองทึบ" วินรี่ ตวาด เจสันยังคงดึงถาดอยู่

         "ก็เธอบอกว่าไม่กิน ดังนั้น ฉันก็มีสิทธิ์น่ะสิ ยัยแว่นหนา"

         "ว่าไงนะ สรุปนายพยายามยั่วโมโห ฉันรึยังไง"

         "เปล่าสักหน่อย!! ฉันแค่อยากจะขอโทษเท่านั้นล่ะน่า..." เจสัน หน้าแดงขึ้นมาทันที เมื่อรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป เขาเบือนหน้าหนีอย่างเขินอาย วินรี่แสยะ

         "นายกำลังจะบอกว่า พยายามขอโทษฉันด้วยการมอบถาดทาร์ตน้ำตาลข้นให้เนี่ยนะ" เจสัน หน้าแดงกว่าเดิม จนดูเหมือนว่ามันพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

         "ทำตัวเหมือนเด็ก น่าสมเพชจริง โรแลนด์" วินรี่ยิ้มสะใจ

         "ฉันก็แค่เห็นว่าเธอเห็นแก่กินเลยเอามาล่อ ไม่คิดหรอกนะว่าเธอจะติดกับ" เจสันพยายามแก่ตัว เพื่อให้ตัวเองดูดี

         "ว่ายังไงนะ" วินรี่ลุกพรวด จนลิลลี่ต้องดึงเพื่อนลงมานั่งตามเดิมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะห้ามปราม

         "พอเถอะวินรี่ อย่างน้อย โรแลนด์ก็ขอโทษเธอแล้ว ในวิธีของเขา" ลิลลี่ แอบหัวเราะ วินรี่ หยิบทาร์ตมากินโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม แต่ตายังคงเขม้นไปที่ชายหนุ่ม

         "เธอยอมรับ คำขอโทษของนายแล้วน่ะ เจค"นิโคลัส หัวเราะคิกคักพลางตบบ่าเพื่อนอย่างแรง จนไหล่ลู่

              การทานอาหารเย็นกลับมามีสีสันเหมือนเดิม ลิลลี่มัวสนใจแต่เพื่อนทั้งสอง เลยไม่ทันได้สังเกตสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมาจากโต๊ะคณาจารย์


    ....................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×