คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ปัญหาที่ต้องแก้
หลังจากที่จัดการงานทุกอย่างเสร็จรีบร้อย เอมวิตาก็รีบบึ่งรถกลับบ้านทันที หญิงสาวขับรถด้วยความเร็วสูงตามอารมณ์ภายในจิตใจ เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว หญิงสาวก็รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมลงมาทานอาหารเย็นกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อได้เวลาทุกคนก็ลงนั่งประจำที่ของตน หัวโต๊ะนั้นคือพ่อของหญิงสาว ฝั่งตรงข้ามคือแม่ของหญิงสาว แม้อายุอานามจะมากขึ้น แต่เค้าความสวยบนใบหน้าก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด จนหญิงสาวอดที่จะอิจฉาคนเป็นแม้ไม่ได้ แม้หญิงสาวจะได้เค้าแม่มาบ้างก็ตาม แต่ดูยังไงก็ยังไม่สวยเท่าแม่อยู่ดี ด้านข้างของผู้เป็นแม่นั่นก็คือน้องสาวของเอมวิตา ผู้ถอดพิมพ์หน้าของผู้เป็นแม่มาแทบจะหมดจด อรรวี หรืออุ้ม น้องสาวคนเดียวของหล่อน แม้หน้าตาจะดูสวยหวานกว่าหล่อนก็ตามที หากแต่ความดื้อรั้น และฤทธิ์เดชยังมีมากไม่แพ้ผู้เป็นพี่แต่อย่างใด
“เอม เอม เอม”ผู้เป็นพ่อเรียกด้วยเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆจนหญิงสาวรู้สึกตัว
“เอ่อ...คะพ่อ มีอะไรหรอคะ”
“เป็นไรไปน่ะเอม เรียกตั้งนาน ใจลอยอยู่ได้ มีปัญหาอะไรหรอเรา” น้ำเสียงของผู้เป็นพ่อแม่จะติคตำหนิอยู่บ้าง แต่แววความเป็นห่วงก็ยังคงมีเจือมามากในคำพูดเช่นกัน
“อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะ เอมแค่คิดเรื่องงานนิดหน่อย” จะบอกได้ไงเล่า ว่ากำลังคิดแผนการแก้แค้นไอ้คุณพัทอยู่
“เครียดมากไม่ดีนะลูก มีอะไรปรึกษาพ่อได้นะ” น้ำเสียงของผู้เป็นพ่อยังเจือความห่วงใยเช่นเดิม
“ไม่มีอะไรค่ะ ยุ่งๆเฉยๆ เรื่องที่เค้าหาหนุ่มโสดกันน่ะค่ะ เดี๋ยวก็เสร็จ”
เมื่อทานอาหารเสร็จเอมวิตาก็ขอตัวขึ้นห้องก่อนใคร เพื่อกลับมานั่งคิดแผนการที่จะทำให้พัทธพงษ์ไปถ่ายรูปให้กับนิตยสารของหล่อนและไหนจะแผนการแก้เผ็ดอีกล่ะ โอยยยยยยยย........กลุ้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มาว่าก็ใช้กำปั้นทุบเตียงไปซะหนึ่งที เพื่อระบายความกลุ้มที่กำลังสุมอกอยา
‘ก๊อก ก๊อก ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ’
“เออ รู้แล้วน่ากำลังจะไปเปิดเนี่ย”
“เอม ตัวเร็วๆหน่อยสิ” เสียงของสาวบังเกิดเกล้าเร่ง
อรรวีพูดจบ ประตูห้องนอนของหญิงสาวผู้สีก็เปิดออกทันที
“มีไร แม่ตัวดี”
“ขอเค้าเค้าไปในห้องตัวได้ป่ะ เอม” ว่าแล้วก็ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายตอบ ขาเรียวก็ก้าวฉับๆเข้ามาในห้องเป็นที่รีบร้อยพร้อมทั้งอัญเชิญตัวเองไปนั่งที่เตียงของพี่สาวแล้วเช่นกัน
เอมวิตาได้แต่ส่ายหน้ากับความรั้นของน้องสาว ไม่ว่าจะอย่างไรอรรวีก็คืออรรวี จะให้เปลี่ยอะไรก็คงไม่ได้แล้ว
“เอม ตัวเป็นไร ทำหน้าเครียดๆ”
“พี่มีเรื่องนิดหน่อย แล้วตัวล่ะ มีอะไรจะคุยกับพี่รึป่าว”
“ป่าวแค่เค้าอย่างรู้ว่าตัวเป็นไร มีไรบอกเค้าได้นะ เห็นเค้าอย่างนี้เค้าก็ช่วยได้นะเอม” อรรวีกล่าวกับพี่สาว หล่อนก็เป็นเช่นนี้ประจำ แม้จะดูรั้นบ้างในบางครั้ง แต่เมื่อถึงคราวที่พี่สาวคนนี้เป็นทุกข์หล่อนก็พร้อมที่จะกระโดดเข้ามาช่วยพี่ทุกครั้งไป แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าพี่สาวก็ตัวนั้นอิทธิฤทธิ์ก็ใช่ย่อยก็ตามที
“จริงง่ะ งั้นอุ้ม พี่ขอถามตัว” คิดสองหัวก็ยังดีกว่าหัวเดียว แล้วยิ่งหัวยัยอุ้มด้วย รับรองสบาย
“ว่ามา” น้องสาวสุดที่รัก ก็หันมามองหน้าพี่สาวอย่างเอาจริงเอาจัง จ้องตาไม่กระพริบ
“พี่อยากแก้แค้นคนคนนึง”
“อืม...แล้วไงต่อ” ไม่ไหวแล้วววววว ต่อมความคิดเริ่มต้นทำงาน ไอเดียบรรเจิดกำลังจะอุบัติขึ้น
“แต่เค้าคิดไม่ออก”
“แล้วไมตัวถึงอยากแก้แค้นเค้าคนขึ้นอ่ะ”
“คืองี้นะอุ้ม..........” ว่าแล้วก็ไม่รอช้าเอมวิตารีบอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับน้องสาวฟังทันที ผู้ฟังอย่างอรรวีฟังไปก็คิดแผนการในหัวไป
“สรุปนะเอม ตัวต้องเอาชนะเค้า ด้วยการให้เค้ามาถ่ายรูปให้กับตัวใช่มะ แล้วตัวก็อยากจะแกล้งเค้าอีกเล็กๆน้อยๆด้วยใช่มั้ย”
“อื้ม...ถูกต้องแล้วน้องรัก”
“เค้าว่า พรุ่งนี้นะ ตัวก็ไปนั่งรอคุณพัทไรเนี่ยตั้งแต่เช้า แล้วตัวก็นั่งรอทั้งวัน แล้วตัวก็ไปฉะฝีปากกับเค้ายกสองยก ให้เค้ายอมตัวไง”
“ห๊า.....ทั้งวันเลยหรออุ้ม”
“ก็ใช่น่ะดิ รึตัวไม่อยากเอาชนะเค้า”
“ก็อยากน่ะดิถามได้”
“ก็นั้นแหละตัวก็ต้องทำ”
“แล้วจะเอาเวลาไหนไปแก้แค้นล่ะเนี่ย”
“เอม เค้ารู้ว่าตัวโปรพอที่จะแกล้งเค้าได้ เพราะเรื่องแกล้งคนตัวเป็นคนสอนเค้ามาตั้งแต่เด็กๆเองนะ”
“เออ...รู้แล้วๆ”
“หมดเรื่องละ งั้นเค้าไปนอนนะ” ว่าแล้วอรรวีก็ลุกขึ้นเตรียมเดิมออกจากห้อง
“อืม....ฝันดีนะอุ้ม”ว่าแล้วก็เอามือโยกหัวน้องสาวเล่น
“เช่นกันเอม ฝันดีนะ”
ฮึฮึ...วันนี้พี่ฝันดีแน่น้องรัก เสร็จชั้นแน่คุณพัทธพงษ์ เจอกับเอมวิตาคนนี้หน่อยเป็นไง ว่าจะพอเป็นศัตรูที่สมน้ำสมเนื้อกันได้รึป่าว
เอมวิตาตื่นเช้าขึ้นมาด้วยอารมณ์แจ่มใส วันนี้นู๋เอมวิตาของเราอุตส่าห์ใช้เวลาแต่งหน้ามากกว่าทุกๆวัน เลือกชุดนานกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัว เพื่อเตรียมออกรบอย่างเต็มที่
“แหม เอม ตัวแต่งตัวสวยเน๊าะวันนี้” ก้าวได้ไม่กี่ก้าวก็เจอแม่น้องสาวตัวดีเอ่ยแซวเสียก่อน
“ก็แน่นอนน่ะนะ เพราะวันจะเป็นวันแรกที่พี่จะได้เจอคุณพัทธพงษ์อะไรนั่น” พูดไป สายตาแห่งความมุ่งมั่นก็เหมือนจะกลับมาแรงกลี้กครั้ง
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
“ว่าไง เอม” บก.สาวแห่งเซเลบเอ่ยทักเอมวิตา
“คือเอมจะโทรมาบอกพี่จ๋าน่ะค่ะ ว่าวันนี้เอมไม่เข้าไปนะคะ” หญิงสาวรีบพูดเข้าตรงประเด็น
“ขอทราบเหตุผลด้วย นู๋เอมวิตาที่รัก”
อันที่จริงตามปกติแล้ว หากไม่มีประชุม หรือมีงานพิเศษอะไร นักเขียนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปทำงานที่บริษัททั้งวันก็ได้ หากแต่เพียงเข้าไปรับมอบหมายงานแต่เพียงเท่านั้น แต่ถ้าหากจะไม่เข้าทั้งวันจริงๆก็ขอให้บอกกล่าวกันล่วงหน้าก่อน เพราะเรื่องอย่างนี้เจ๊จ๋าไม่มาด์ยเจ้าค่ะ
“คือเอมจะไปจิ๊กหัวคุณพัทธพงษ์ของพี่เอมมาถ่ายรูปน่ะค่ะ” พูดออกไป ใจก็นึกอยากตบปากตัวเอง นี่ขนาดพูดกับเจ้านายนะเนี่ย ยังไพเราะขนาดนี่
“อืม...งั้นก็ตามสบาย แต่หวังว่ามะรืนนี้พี่คงได้เห็นหน้าคุณพัทที่สตูฯนะเอม”
“โอ้ยยยยย รับรองเห็นชัวร์ค่ะ คุณบก. งั้นแค่นี้นะคะ หวัดดีค่ะ” ขออนุญาตท่านบก.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สาวเจ้าก็รีบบึ่งรถออกจากบ้านทันที แถมหอบหิ้วเอาอารมณ์สุนทรีไปฝากสุดโสดอีกต่างหาก
เมื่อเอมวิตาขับรถมาถึงโรงแรมของชายหนุ่ม ก็รีบลงจากรถทันที เมื่อเท้าแรกเหยียบย่างเข้าสู่โรงแรมอันหรูหราแห่งนี้ ตากลมโตก็สำรวจดูมุมต่างๆของล็อบบี้โรงแรมทันที ‘แม่เจ้าโว้ยยย
อะไรจะหรูขนาดนี้ นี่น่ะหรอ Season Place Palace ใหญ่หน้าดู มีหลายสาขาด้วยนี่คงรวยมากซินะ คุณพัท มิน่าเอาแต่ใจตัวเองชะมะ’ เอมวิตาได้แต่เพียงคิดในใจ
เท่านั้นและก็ต้องรีบสลัดภาพความหรูหรา โอ่อ่าเบื้องหน้าไว้ แล้วรีบเร่งไปตามล่าตัวพัทธพงษ์ต่อ ‘ ไม่ได้ จะให้อีตานั่นมาถึงก่อนเราไม่ได้เด็ดขาด นี่ก็แค่ 7 โมงกว่าๆเองยังไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำไป คงยังไม่มาหรอกนะคุณพัท’ อารมณ์อยากเอาชนะปะทุขึ้นในใจของหญิงสาวอีกระลอก
“เอ่อ...คืออยากจะขอพบคุณพัทธพงษ์น่ะค่ะ” เอมวิตาเอ่ยกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของโรงแรม
“อ๋อ...ท่านยังไม่มาหรอกค่ะ นี่ก็ 7.15 อีกประมาน 15 นาทีท่านก็จะมาถึงน่ะค่ะ” ประชาสัมพันธ์สาวกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตามแบบเฉพาะหญิงไทยใจงาม
“หรอคะ แล้วไม่ทราบว่าดิฉันจะรอคุณพัทธพงษ์ได้ที่ไหนคะ” ชั้นคงไม่ต้องเรียกตานั่นว่าท่านหรอกนะ
“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้ก่อนรึป่าวคะ”
“อ๋อ...ไม่ค่ะ ไม่ได้นัด”
“รบกวน ทราบชื่อด้วยค่ะ”
“ได้ค่ะได้ เอมวิตา จากนิตยสาร เซเลบค่ะ”
“เดี๋ยวดิชั้นจะลองเช็คกับเลขาท่านให้ค่ะ”ว่าแล้วก็ยกหูโทรศัพท์ขึ้นต่อสายไปยังเลาขาของพัทธพงธ์
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” เอมวิตากล่าวพร้อมรอยยิ้ม รู้สึกขอบคุณแม่ประชาสัมพันธ์สาวผู้นี้จริงๆ
ยังไม่ทันที่ประชาสัมพันธ์สาวผู้นั้นจะติดต่อกับเลขา หญิงร่างอวบ ผิวพรรณสวย ใบหน้ายิ้มแย้มมาแต่ใกล้ อายุราวๆจะ33ปี ก็มาหยุดยืนข้างเอมวิตา
“อ้าว สวัสดีค่ะ คุณแอ๊นท์” ประชาสัมพันธ์สาวก็รีบวางสายโทรศัพท์ หันมายกมือไหว้ทักทาย
หญิงที่มาใหม่ทันที
“จ้ะ สวัสดี” สาวร่างอวบนามว่าแอ๊นท์ก็เอ่ยตอบ
“เอ่อ...คุณแอ๊นท์คะ นี่คุณเอมวิตา จากนิตยสารเซเลบน่ะค่ะ จะมาขอพบคุณพัทธพงษ์ค่ะ” ประชาสัมพันธ์สาวว่าพร้อมกับผายมือมาทางเอมวิตา
“สวัสดีค่ะ คือดิชั้นจะมาขอพบคุณพัทธพงษ์น่ะค่ะ”
“เดี๋ยวชั้นจะลองเช็คให้นะคะ” ว่าแล้วเลขาร่างอวบก็เปิดสมุดเช็คตารางเวลาทำงานของเจ้านายหนุ่ทันที
“อืม....ตอนเช้าท่านว่างถึง 10 โมงน่ะค่ะ หลังจากนั้นก็ประชุม ราวๆเที่ยงก็น่าจะเสร็จ ส่วนตอนเย็นท่านมีนัดทานข้าวกับลูกค้าน่ะค่ะ” ดูเสร็จเลขาสาว(ใหญ่)ร่างอวบก็อธิบายตารางงานมาเสียยืดยาว
“ขอบคุณค่ะ คุณ.....” หญิงสาวกล่าวขอบคุณ แต่ติดตรงที่ว่าหล่อนยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลขานี่สิ
“เรียกแอ๊นท์เฉยๆดีกว่าค่ะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณแอ๊นท์”
“เอ่อ...แต่ว่าดิชั้นต้องขอสอบถามท่านก่อนนะคะว่าจะท่านจะว่างให้เข้าพบรึป่าว” แม้จะมีสีหน้าลำบากใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังส่งยิ้มมาให้กลับหญิงสาวเช่นเคย ทำไม เลขาสาว(ใหญ่)คนนี้จะไม่รู้ว่าเจ้านายหนุ่มนั้น ออกจะหงุดหงิดอยู่มากตั้งแต่ตอนรู้ว่าว่าได้รับคัดเลือกจากนิตยสาร เซเลบ นี้ ให้ไปเป็น 1 ใน 5 หนุ่มโสดครองใจสาว แถมยังต้องไปถ่ายรูปที่สตูดิโออีก วันนั้นทั้งวัน หล่อนเลยต้องทนรับกรรมจากนายหนุ่มไปเต็มๆ ขืนครั้งนี้ลองให้สาวสวยแห่งเซเลบคนนี้ได้เยื้องย่างเข้าไปในเขตทำงานงานของเจ้านาย โดยที่เจ้านายยังไม่อนุญาตแล้ว มีหวังงานนี้ไล่ออกสถานเดียว ชัวร์
ว่าแล้วก็โทรเข้าเบอร์เจ้านายหนุ่มทันที
“ว่าไงคุณแอ๊นท์” น้ำเสียงของสายหนุ่มวันนี้ฟังดูแปลกๆชอบกล เหมือนคนกำลังอารมณ์ดียังยังงั้น
“ท่านคะ คือตอนนี้คุณเอมวิตา จากนิตยสารเซเลบมาขอพบท่านน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าท่านพอจะมีเวลาให้เข้าพบรึป่าวคะ”
‘ฮึฮึ กะแล้วเชียวว่าต้องมา แม่คุณนักเขียน’ชายหนุ่มคิดในใจ และถามเลขาสาวกลับไป
“แล้วเค้าจะอยู่พบนานรึป่าวคะแอ๊นท์”
“ซักครู่ค่ะท่าน” พูดจบเลขาร่างอวบก็เอามือปิดไมค์ของโทรศัพท์ แล้วหันมาถามนักเขียนสาว
“ท่านอยากทราบว่า จะอยู่พบท่านนานรึป่าวคะ”
“ช่วยเรียนคุณพัทธพงษ์ว่า ทั้งวันค่ะ” หญิงสาวเน้นคำว่าทั้งวันอย่างชัดเจน เพื่อที่จะประกาศให้รู้โดยทั่วกันว่า วันนี้คนอย่างท่านเอมเอาจริง
แม้จะมีสีหน้าผืดลงเล็กน้อยจากคำตอบ แต่เลขาสาว(ใหญ่)ก็จำต้องหันกลับไปรายงานแก่เจ้านาย
“ท่านคะ คุณเอมวิตาทั้งวันค่ะ” สาว(ใหญ่)ไม่กล้าเน้นคำอย่างที่สาวตาโตของเราทำ เนื่องได้เกรงกรัวเจ้านายหนุ่มนั่นเอง
“ดี...งั้นช่วยบอกเค้าด้วยนะว่าผมจะให้เค้าเข้าพบได้ทั้งวันตามที่เค้าต้องการ” ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงแห่งเครือซีซั่นกล่าวด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ แถมยังอุตส่าห์เน้นเสียงคำเดียวกับแม่สาวเซเลบนี่อีก
‘ตายๆ นี่มันวันอะไรเนี่ย ตอนนี้ชั้นอยู่ในสงครามโลกครั้งที่ 3อยู่รึไง ทำไมมันถึงได้น่ากลัวอย่างนี้เนี่ย’ และนั่นก็คำพูดในใจของสาว(ใหญ่)
“เอ้อ.......คุณแอ๊นท์!!!”เหมือนเจ้านายหนุ่มเพิ่งจะนึกได้ กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มเย็นเรียบ บ่งบอกอารมณ์หงุดหงิดๆขึ้นมาเล็กน้อยของผู้พูดที่บังเกิดขึ้นมาตอนไหนก็ไม่มีใครทราบได้
‘พ่อแก้วแม่แก้วจ๋า...ช่วยลูกช่างด้วย ลูกช้างยังไม่อยากเจอสงคราม’เลขาร่างอวบภาวนาในใจ“ค.....คะ ท่าน” แม้ปากจะสั่นๆแต่ก็จำต้องพูดออกไป
“ครั้งหน้าไม่ต้องเรียนแทนตัวผมว่าท่านนะ เรียกคุณพัทเฉยๆก็พอ”
“ด.....ได้ค่ะคุณพัท” ตอบรับออกไปทั้งที่ใจยังสั่น
“แล้วอีกประมาณ 10 นาที ผมก็จะถึง ถ้ายังไงบอกคุณเอมวิตาด้วยว่าเดี๋ยวรอขึ้นไปพร้อมผมเลยแล้วกัน”
“ค่ะคุณพัท”กล่าวจบเจ้านายหนุ่มก็กดตัดสายไป
“คุณพัทว่าไงบ้างคะ คุณแอ๊นท์” เอมวิตาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น เนื่องด้วยอยากรู้ใจจะจะเจอฤทธิ์อะไรของพ่อยอดหนุ่มโสดครองใจสาวคนนี้อีก
“คุณพัทบอกวว่า อีกประมาณ 10นาที จะมาถึง ให้คุณรอท่านก่อน แล้วค่อยขึ้นไปข้างบนพร้อมกันค่ะ” เลขาร่างอวบบอกเอมวิตาในสิ่งที่ชายหนุ่มฝากมาให้กับเอมวิตาฟัง
10 นาทีผ่านไป รถยนต์คันหรูที่มีชายหนุ่มรูปงาม โครงหน้าคมคาย ผมสั้นเหมือนกับก่อนหน้านั้นเคยเป็นทรงสกินเฮดมาก่อน คิ้วเค้มที่พาดอยู่โผล่พ้นแววตากันแดด ที่เจ้าตัวใส่กันแดดในขณะขับรถ เสื้อสูทสีดำ กางเกงแสล็คสีทำ รองเท้าหนังสีดำ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนที่ดูแลให้คงจะต้องละเอียดลอออยู่พอสมควร ทุกสิ่งที่รวมกันเป็นชายหนุ่มคนนี้ช่างเหมาะเจาะลงตัวเสียเหลือเกิน แล้วไหนจะเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่สวมใส่สิ่งช่วยให้ชายหนุ่มดูดีอย่างมากในสายตาของยิ่งสาวทุกคนไม่เว้นแม้แต่สาวน้อย สาวใหญ่ รึแม้กระทั่งสาวเทียวก็ตาม ต่างมองกันตาไม่กระพริบกันเป็นแถว
เมื่อเข้ามาถึงในโถงล๊อบบี้ ร่างสูงของชายหนุ่มค่อยๆถอดแว่นตากันแดดราคาแพงนั้นออก สายตามุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง และความดื้อรั้นเอาแต่ใจของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดีของเจ้าของค่อยๆกวาดสายตาไปเรื่อยๆเพื่อที่จะหาร่างของเลขาตน และหญิงสาวมานว่า ‘เอมวิตา’ ที่เป็นคู่กัดกันตั้งแต่ยังไม่ได้เจอหน้า และแล้วสายตาของชายหนุ่มก็ไปสะดุดกับร่างอวบของเลขา และ ร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ข้างๆ กางเกงแสล็คสีดำ เสื้อยืดสีเหลืองอ่อนตัวเล็ก ที่ถูกทับด้วยเสื้อเชิ้ตลายเส้นแนวตั้งสีขาวดำและสอดชายเสื้อเข้าไปในกางเกง ผมยาวสลวยแต่ปล่อยสลายยาวถึงกลางหลัง ทำให้ร่างของหญิงสาวดูสวยสมวัย แถมยังดูสมกับเป็นWorking Womanตามแบบฉบับของสาวยุคใหม่
‘ไม่เบาเลยนะเอมวิตา สวย สง่า ดูเป็นสาวทำงานที่แกร่งกล้า แถมฝีปากยังไม่เบาอีก อยากรู้นักวันนี้จะงัดเอากลเม็ดอะไรมาสู้กับคนอย่างพัทธพงษ์ เฮ้อสวยจนคนอย่างพัทธพงษ์เริ่มสนใจแล้วสะด้วยติแต่ไม่น่าเล้ยยยยติดอยู่อย่างเดียว...ปากร้ายไปหน่อย ไม่งั้นนะจะจีบให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย’ และนั่นก็คือความคิดแรกของชายหนุ่มที่มีต่อหญิงสาวร่างสูงโปร่งตรงหน้า
‘มาตรงเวลาพอดีไม่ขาดไม่เกินเลยนะคุณผู้บริหารแห่งเครือซีซั่น ฮึ!หล่อสมกับตำแหน่งหนุ่มโสดครองใจสาวจริงๆ แหม!!คนที่เลือกคุณเป็นเนี่ยต้องตาถึงแถมหน้าตาก็คงสวยหน้าดู อีตอนแรกใส่แว่นกันแดดมาก็เท่ห์ออกปานนั้น ถอดออกมายิ่งเท่ห์กว่าเดิมอีก ถึงแม้ว่าชั้นจะเคยเห็นรูปคุณมาแล้วก็ตามทีนะคุณพัทแต่ดูตอนนี้เนี่ย ชั้นว่าคุณดูดีกว่าในรูปซะอีก แต่...ขอร้องเถอะไอ้สายตาที่ดูเอาแต่ใจตัวเองนั่น กับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นอีก อย่าส่งมาทางชั้นบ่อยมากนักนะ เดี๋ยวเจอไม้ตายชั้นเข้าแล้วจะหนาว แน๊ะ.....นินทาได้ไม่เท่าไหร่ยักคิ้วใส่ชั้นซะละ กวนโอ๊ยไม่เบานะพ่อคุณ ได้เดี๋ยวจัดให้ครบสูตรเลยวันนี้’ และนี่ก็คือความคิดแรกของหญิงสาวที่มีต่อชายหนุ่มมาดเท่ห์แต่ดูเอาแต่ใจตัวเองตรงหน้านี้
หลังจากที่ต่างคนต่างแอบนินทากันในใจหลังจากการพบหน้ากันครั้งแรกเรียบร้อยแล้ว ฝ่ายชายก็เดินเข้าตรงมาหาเลขาของตนกับแม่สาวปากเก่งแห่งเซเลบและก็เป็นผู้เริ่มเปิดการสนทนาก่อน
“สวัสดีครับ คุณเอมวิตา” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบพร้อมกับยื่นมือหนามาตรงหน้า ‘ไอ้กริยาก็พอไหวน่ะนะแต่เดี๋ยวก่อน...ไอ้ตอนเรียกชื่อเอมวิตาเนี่ยทำไมถึงต้องมีน้ำเสียงกวนๆติดมาด้วยก็ไม่รู้’และแน่นอนนี่คือความคิดของเอมวิตา
“สวัสดีค่ะ คุณพัทธพงษ์”สาวเสียงหวานตอบด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าจาตัวคงจะรื่นเริงอยู่ไม่น้อย
แต่หญิงสาวไม่ได้ยื่นมือไปสัมผัสกับชายหนุ่มตามธรรมเนียมสากลแต่อย่างใด หากหล่อนเพียงแต่ยกมือไหว้อย่างสวยงามเท่านั้น
เมื่อของชายหนุ่มที่ยื่นออกไปรอมือบางนั้นถึงกับค้างอยู่หลายวินาที ‘แสบนักนะ เอมวิตา’
พอเริ่มรู้สึกตัว ชายหนุ่มก็ผายมือเป็นออกไปพร้อมกับค่อมตัวเล็กน้อยให้กับหญิงสาว
“เชิญครับ คุณเอมวิตา”
คนทั้ง 3 เดินมาถึงด้านหน้าของลิฟต์ยามที่ยืนเฝ้าอยู่ก่อนแล้วก็กดเปิดลิฟต์ให้กับชายหนุ่มทันที เมื่อลิฟต์เปิดออกฝ่ายชายก็ผายมือออกเป็นเชิงให้เกียรติหญิงสาวที่อยู่ในฐานะแขกเดินนำเข้าไปก่อน แต่มีหรือที่เอมวิตาจะปล่อยให้โอกาสเปิดศึกครั้งนี้ยืดเยื้อออกไป ว่าแล้วก็เดิมเฉียดไปตรงหน้าของชายหนุ่ม พร้อมกับแทกส้นรองเท้าคู่สวยเข้ากับรองเท้าหนังคู่เงานั่นทันที
“โอ๊ย” พัทธพงษ์ร้องออกมา แม้จะไม่ดังมากแต่ก็ทำให้ได้ยินกันทั้ง4คน (พร้อมยามหน้าลิฟต์)
“คุณพัทเป็นอะไรรึป่าวคะ” เลขาสาว(ใหญ่)เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“ไม่เป็นอะไรครับ แค่มดกัดนิดหน่อย”
หลังจากที่สาวสวยปากกล้าของเราเปิดศึกยกแรกเป็นที่รีบร้อยแล้วพอเห็นว่าอีต่คุณพัทคงไม่เป็นอะไรมากจึงเดินนำเข้าไปในลิฟต์ทันที เมื่ออยู่ในลิฟต์หญิงสาวก็ยักคิ้วให้กับชายหนุ่มอย่างที่ชายหนุ่มทำตอนแรกเจอ พัทธพงษ์เดินตามเอมวิตาเข้าไปเป็นคนที่สองและปิดท้ายด้วยเลขาส่วนตัวของชายหนุ่ม เพื่ออยู่ในที่แคบอย่างลิฟต์จึงได้ทีของชายหนุ่มเอาคืนบ้าง พัทธพงษ์ค่อยๆเคลื่อนตัวไปซ้อนข้างหลังหญิงสาวและเอ่ยชิดริมหูของหญิงสาว “เดี๋ยววันนี้คุณกับผมคงต้องลับสมองกันอีกเยอะนะครับคุณเอมวิตา”
ความคิดเห็น