ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : (- Intro) u n l u c k y ,
super cell
Cause I can't help it if you look like an angel
คงช่วยไม่ได้หรอกนะ ถ้าเธอจะหล่อราวกับเทพบุตร
Can't help I if I wanna kiss you in the rain so
คงช่วยไม่ได้หรอกนะ ถ้าฉันอยากจะจูบเธอท่ามกลางสายฝน
Come feel this magic I’ve been feeling since I met you
มันเหมือนกับมีเวทมนต์ ตั้งแต่ที่ฉันได้พบกับเธอ
Can't help it if there's no one else
และคงช่วยไม่ได้ด้วย ถ้าเรื่องนี้จะมีแค่เราสองคน ;p
บทนำ
บรรยากาศยามเช้าของพอลลักซ์ไฮสกูลไม่ค่อยคึกคักมากนัก แม้นี่จะเป็นเวลาเกือบแปดโมงกว่าๆ แล้วก็ตาม ที่หน้าประตูโรงเรียนมีเพียงเด็กปีสองในชุดฟอร์มนักเรียนสีดำ-ทองไม่กี่คนยืนถกกันเรื่องการบ้านวิชาวิทยาศาสตร์ ถัดมาอีกหน่อยก็เป็นกลุ่มของพวกปีสามที่ยืนตรวจเอกสารของตัวเองแบบไม่ค่อยจริงจังซักเท่าไหร่นัก นอกจากนั้นตลอดทางเดินหินอ่อนขัดมันของพอลลักซ์ไฮ ที่ถอดตัวยาวไปยังอาคารเรียนทั้งสี่หลัง ก็มีเพียงเด็กชายหญิงอีกสองสามคนเท่านั้น
เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจหากจะบอกใครๆ ว่า พอลลักซ์ไฮสกูลไม่มีเรียนในช่วงเช้า
ตารางเรียนของพวกเขาส่วนมากจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลาสิบสามนาฬิกาเป็นต้นไป และจะสิ้นสุดลงอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงระฆังทองเหลืองใบใหญ่ตีบอกเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาตรง ฟังดูเป็นการเรียนที่สบายเสียนี่กระไร ? แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ.. เด็กอัจฉริยะมักใช้เวลาทำความเข้าใจบทเรียนน้อยกว่าคนทั่วไปหลายเท่าตัวล่ะ ;p
ส่วนช่วงเช้าตารางเรียนจะถูกกำหนดให้เป็นชั่วโมงของการทำโปรเจ็กต์งานวิจัยที่อาจารย์ที่ปรึกษาของแต่ละห้องเป็นผู้กำหนดหัวข้อให้แบบรายคน ซึ่งงานชิ้นนี้แหละที่เป็นตัวกำหนดเกรดทั้งเทอมของเหล่าพอลลักซ์ไฮทั้งหลาย แบบนี้ถึงอยากจะนอนตื่นสายขนาดไหน ก็ต้องลุกมาโรงเรียนแต่เช้าจริงมั๊ยล่ะ ?
และหนึ่งในคนที่ต้องมาแต่เช้าเกือบทุกวัน ก็คือชายหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลไหม้ซอยสั้นระต้นคอ เขามีใบหน้าเรียวหล่อเหลาราวกับรูปสลัก ที่เมื่อรวมเข้ากับดวงตาสีอัลมอนด์พราวระยับนั่นด้วยแล้ว ยิ่งทำให้คนตรงหน้าแผ่ออร่าอันเจิดจ้าออกมาได้อีกเป็นเท่าตัว
ร่างสูงก้าวยาวๆ พลางหันมองซ้ายทีขวาทีด้วยความระมัดระวัง เขาเดินตัดผ่านสนามหญ้ามุ่งหน้าเข้าสู่ตึกเรียนสีขาวสะอาดที่ทั้งกว้างและสูงกว่าตึกอื่น ใบหน้าคมเข้มปรากฏรอยยิ้มพึงพอใจอยู่ในที เมื่อนึกไปถึงสิ่งที่ตัวเองพึ่งจะทำลงไป
“เตรียมตัวเละเป็นโจ๊กได้เลย... คาสเตอร์” เสียงทุ้มพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะก้าวขาขึ้นบันไดอย่างไม่เร่งรีบเท่าตอนแรก ริมฝีปากสีส้มซีดห่อเข้าหากัน แล้วผิวปากเป็นทำนองเพลงที่ตนเองคุ้นเคย เขาเลี้ยวซ้ายเมื่อเดินขึ้นไปถึงชั้นสาม เดินหน้าไปอีกไม่กี่ก้าวก็หยุดลงตรงประตูไม้บานใหญ่ที่แกะลายเถาองุ่นไว้อย่างงดงาม คนตัวสูงเหลือบตาขึ้นมองป้ายสีทองวาววับที่สลักคำว่า ‘คณะกรรมการนักเรียน’ ไว้อย่างพึงพอใจ เขาเอื้อมมือเรียวไปหมุนลูกบิดประตูตามปกติ และทันใดนั้นเอง...
“ไอ้เลวแซงค์!!!!!” เสียงแหลมสูงที่ตะโกนอย่างเดือดดาลดังออกมาจากในห้องแทบจะทันทีที่เจ้าของชื่อก้าวเท้าเข้าไป หญิงสาวผู้มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับเขายืนเท้าสะเอว พลางกัดริมฝีปากแน่นอย่างต้องการจะข่มอารมณ์ ใบหน้าสวยหวานบัดนี้แดงก่ำเพราะความโกรธจัดที่สุดจะกลั้นได้ ดวงตาสีฮาเซลจ้องตรงมาที่เขาจนแทบจะถลนออกมา
อ่า... ไม่รอดจนได้หว่ะเรา ;’(
“ไงเดียร์... เมื่อคืนหลับสบายดีมั๊ย?” พอนึกวิธีเอาตัวรอดไม่ออก จำเลยหนุ่มสุดหล่อจึงทำเนียนเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว แม้ในใจจะรู้ว่ามันไม่มีทางได้ผลก็ตาม
“สบายบ้านแม่แกสิ” เดียร์ หรือ เรนเดียร์ ตอบกลับมาด้วยความหงุดหงิด รู้สึกคันไม้คันมือยิบๆ เหมือนอยากจะฟาดใครให้ตาย
“แม่ฉันก็น้าแท้ๆของเธอนะ”
“เออ! นี่แกไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะไอ้แซงค์ ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องทุบหัวแกให้แบะแน่นอน” คนตัวเล็กกว่าแยกเขี้ยวใส่ แล้วก้มลงไปหยิบกระดาษสีขาวสะอาดที่พิมพ์อะไรไว้เล็กน้อยชูให้ลูกพี่ลูกน้องของเธอดู
“อธิบายมาเดี๋ยวนี้!”
“เธออ่านหนังสือไม่ออกหรอเดียร์?” จบประโยคฝ่ามือพิฆาตก็ตะปปลงไปที่คอของเขาอย่างรวดเร็ว
“แกอยากจะโดนเล็บยาวๆ ของฉันจิกจริงๆ ใช่มั๊ย?” ไม่พูดเปล่ายังเพิ่มแรงกดลงไปที่ปลายนิ้วอีกเท่าตัว
“ฉันรู้ว่าเธอไม่กล้าหรอกเดียร์ ;) ทุกทีเธอก็แค่ขู่ แต่ไม่เคยทำจริงๆ ซักครั้งเลยนี่” คนปากกล้าลอยหน้าลอยตาท้าทาย
ฉึก !
“ว้ากกก! ไอ้เดียร์...นี่แก.. แกจิกลงไปได้ยังไงวะ! โอ๊ย! เจ็บชิบเป๋งเลย” แซงค์สะบัดตัวหลุดจากเงื้อมมือของเดียร์ทันที เขาทำหน้าเหยเกพลางเอามือกดเลือดที่ไหลซิบๆ ออกมาตามรอยจิกที่ญาติสาวเป็นคนฝากไว้ให้
“ฉันจะทำมากกว่านี้อีกถ้าแกยังไม่อธิบายเรื่องทั้งหมดน่ะ” เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลทองเอ่ยอย่างสุดจะกลั้น ไม่ต้องบอกก็รู้.. ความอดทนของเธอกำลังจะหมดลงในไม่กี่วินาทีนี้แล้วล่ะ !
“มันก็ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่ แค่แกต้องไปแลกเปลี่ยนที่คาสเตอร์สามเดือนก็แค่นั้น !” ท้ายเสียงขึ้นสูงอย่างต้องการจะเยาะเย้ยโดยไม่สำเหนียกตัวเองว่ากำลังจะชะตาขาด ในขณะที่มือขาวๆ ของคนตัวเล็กกว่าก็ฟาดลงไปที่กลางหลังของเขาอย่างจัง
ผัวะ !
“โอ๊ย!! อะไรของแกอีกวะเดียร์ ให้อธิบายฉันก็อธิบายแล้วไง จะยังโมโหอะไรอีกล่ะวะ?”
ชักจะของขึ้นแล้วเหมือนกันนะเฮ้ย! ;(
“แค่นั้น? แกกล้าใช้คำว่าแค่นั้นกับเรื่องใหญ่ขนาดนี้งั้นหรอไอ้คนเลว ! แกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาส่งฉันไปแลกเปลี่ยนที่คาสเตอร์สัปปะรังเคนั่น ห๊ะ?!!!” เรนเดียร์ตวาดเสียงดังจนเจ็บคอ แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเลิกตะโกนด่าแซงค์แต่อย่างใด
“สิทธิ์ที่ฉันเป็นประธานนักเรียน ส่วนแกเป็นแค่ประธานฝ่ายปกครองไงเดียร์ ;p” ได้ทีชายหนุ่มก็โต้กลับไปหนึ่งดอก แต่แทนที่เรื่องจะจบ กลับยิ่งทำให้ผู้เสียหายโกรธเป็นฟืนเป็นไฟในทันที
“อ๋อ..ประธานนักเรียนงั้นสินะ แกเป็นประธานนักเรียนมีอำนาจล้นฟ้า เลยแก้เบื่อด้วยการส่งหนูตัวกระจิ๊ดอย่างฉันไปผจญภัยในกองขยะอย่างนั้นใช่มั๊ย? ไอ้แซงค์... ถ้าวันนี้ฉันไม่ฆ่าแกให้ตายก็อย่ามาเรียกฉันว่าเดียร์อีกเลย!!!!! ย้ากกกกกก!” เรนเดียร์วิ่งเข้ามาหาแซงค์ด้วยความเร็วสูง ก่อนจะเลือกมุมที่ดีที่สุด กระโดดเตะเสยปลายคางของคนตัวสูงกว่าตรงหน้าร่วงลงไปนอนน๊อคเอาท์อยู่ที่พื้นหินอ่อนเย็นเฉียบทันที
“ถ้าแกไม่ยกเลิกคำสั่งนี้ ฉันจะไม่ปราณีแกอีกต่อไปแล้วนะ” หญิงสาวขู่ลอดไรฟัน เมื่อเห็นว่าญาติตัวแสบยังมีสติดีอยู่
นี่ปราณีของแกสินะเดียร์ ทำเอาฉันเกือบคอหักเนี่ย ;( หึ!
“ฝันไปเถอะเดียร์ ดูจากที่แกทำกับฉันขนาดนี้แล้ว คงต้องขอแก้แค้นคืนบ้างล่ะ!” แซงค์ยันตัวลุกขึ้นแล้วรีบเดินอ้อมไปอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เพื่อป้องกันไม่ให้เรนเดียร์เข้าถึงตัวเขาได้อีกต่อไป
เห็นแก่ว่าแกต้องไปอยู่คาสเตอร์เพราะคำสั่งฉันหรอกนะ ถึงได้ยอมให้ซ้อมเนี่ย !
“ไอ้บ้า! งั้นฉันจะฟ้องคุณน้ารำไพเรื่องที่แกทำแจกันสมัยราชวงศ์ถังแตก”
“งั้นฉันก็จะฟ้องป้ารำพาว่าแกเป็นคนแอบเอาพอร์ชไปชนเละมาเมื่อเดือนที่แล้ว ไม่ใช่พี่คนขับรถที่แกโยนความผิดให้คนนั้น”
“.........” เรนเดียร์ถึงกับนิ่งอึ้งไป เมื่อประธานนักเรียนจอมเผด็จการยกความลับอันน่ารังเกียจของเธอขึ้นมาขู่
“ว่าไงล่ะเดียร์ ? จะยอมไปถล่มคาสเตอร์ให้ฉันดีๆ หรือว่าจะให้ฉันกลับไปฟ้องป้ากันล่ะ” ดวงตาสีฮาเซลมีประกายวาบขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคีย์เวิร์ดคำว่า 'ถล่มคาสเตอร์' ออกมาจากปากของแซงค์ ทีแรกเธอก็กะจะทำอิดออดต่ออีกซักนิด เผื่อญาติคนนี้ของเธอจะยอมใจอ่อน แต่พอได้ยินจุดประสงค์หลักของมันขึ้นมาจริงๆ เท่านั้นแหละ จากที่ไม่อยากไปสุดชีวิตก็เริ่มสนใจขึ้นมานิดๆ แล้วเหมือนกัน
“แกมีแผนยังไงบ้างล่ะ?” เพียงเท่านั้นใบหน้าหล่อเหลาของแซงค์ก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา นัยน์ตาสีอัลมอนด์เปล่งประกายระยิบด้วยความพึงพอใจ เขาผายมือเชื้อเชิญญาติสาวลงนั่งที่โซฟาสีขาวหนานุ่ม ก่อนจะเอ่ยปากพูดด้วยเสียงที่บ่งบอกความตื่นเต้นถึงขีดสุด
“ตั้งใจฟังดีๆ นะเดียร์ เราต้องเริ่มจาก...”
แอ๊ด !
“เป็นยังไงบ้าง?” เสียงนุ่มของชายหนุ่มเจ้าของความสูง 184 ซม. ถามหญิงสาวที่เพิ่งเดินออกมา หลังจากหายเข้าไปในห้องคณะกรรมการนักเรียนนานเกือบชั่วโมง
“ไม่ได้ผลอ่ะ ยังไงก็ยังต้องไปที่นั่นอยู่ดี” คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าหมดหวัง ไม่คิดจะบอกเรื่องแผนการถล่มคาสเตอร์ที่ได้ฟังมาให้ชายหนุ่มรู้แต่อย่างใด
“ให้ซิลเข้าไปคุยกับแซงค์ให้มั๊ยเดียร์?” ริมฝีปากสีอ่อนถามด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าหล่อเหลาตามแบบฉบับผู้ชายชาวเอเชียก้มลงมาหาเธออย่างกังวลใจ
“ไม่เป็นไรหรอกซิล ขนาดเดียร์ขู่แซงค์เรื่องแจกันที่หมอนั่นทำแตกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังไม่ได้ผลเลย” เรนเดียร์แสร้งส่งรอยยิ้มเศร้าให้กับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของเธอ ก็จะให้บอกเขาไปได้ยังไงล่ะว่าสุดท้ายเธอก็ยินยอมไปคาสเตอร์เพื่อจะไปทำตามแผนการบ้าๆ ของลูกพี่ลูกน้องจอมเผด็จการคนนั้นน่ะ ใครก็รู้ว่าซิลเวสเตอร์เป็นผู้ชายยังไง ? ขืนบอกไปเธอได้โดนเขาตีตายแน่ๆ เลยล่ะ ;’(
“งั้นซิลจะไปรับไปส่งเดียร์ทุกวันเอง อย่างน้อยจะได้ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับเดียร์ไง”
อ่า..นิสัยขี้ห่วงของเขานี่ดูกี่ทีมันก็น่ารักน่าหยิกจังแฮะ ! J
“อื้ม! แบบนี้เดียร์ก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย... ขอบคุณนะซิล” เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลทองฉีกยิ้มกว้าง ในขณะที่คนผมสีไวน์องุ่นเอื้อมมือหนามากุมมือเล็กของเธอไว้เบาๆ
“For you, I will”
ปังๆๆๆ!!
“หืม -*-” ชายหนุ่มตัวสูงโปร่งที่กำลังนอนขดตัวอยู่บนโซฟาผ้ากำมะหยี่สีเลือดนกพลิกตัวไปมาก่อนจะค่อยๆยันตัวลุกขึ้นเมื่อประสาทการได้ยินของเขาถูกรบกวนด้วยเสียงทุบประตูห้องปึงปังตั้งแต่เช้า
ปังๆๆๆๆ!!!
“ใครวะ...” บ่นพึมพำกับตัวเองแล้วหยิบเสื้อกลามสีขาวที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมาใส่และเดินไปที่ประตูอย่างลำบากยากเย็นเพราะที่พื้นห้องเต็มไปด้วยกระป๋องเบียร์และเอกสารต่างๆนาๆที่ไม่คิดจะเก็บกวาด
อ้อ...แล้วก็มีเพื่อนของเขาอีกสองที่ยังเมามายไม่ได้สติ นอนก่ายกันอยู่ที่พื้น ชายหนุ่มหรี่ตาแล้วหาทางเดินไปที่ประตู ร่างบิ๊กๆของผู้ชายที่ไม่ได้ล่ำน้อยไปกว่าเขาเท่าไหร่เนี่ยมันขวางทางเดินซะหมด เพราะฉะนั้นเขาเลยต้องใช้วิธีประณีประณอมเพื่อที่จะจัดการเพื่อนของเขาไปให้พ้นทาง
“เกะกะ”
ใช้เท่าเขี่ย...ประณีประณอมโคตรๆ =_=
ปังๆๆๆๆๆๆ!!!!
“โว้ยยยย ตายรึยังวะ!”
ยังไม่ตายโว้ย...
อยากจะตะโกนตอบไปอย่างนั้น แต่อาการแฮงก์ที่ส่งผลมาจากการดื่มเบียร์กระป๋องแบบมาราธอนเมื่อคืนส่งผลให้เขาไม่มีอารมณ์จะพูดซักเท่าไหร่ ใช้นิ้วชี้ของมือทั้งสองนวดคลึงระหว่างคิ้วเบาๆ หวังว่าจะหายมึน อ่า...ถึงประตูสักที
พลัวะ!
“มีธุระอะไร -*-”
คนที่มาทุบประตูห้องส่วนตัวของเขาคือผู้หญิงตัวเล็กผิวขาว ส่วนสูงของเธออยู่ประมาณหัวไหล่ของเขาได้ ใบหน้าก็จัดได้ว่าน่ารักน่าชังอยู่ ว่าแต่ทำไมยัยนี่ต้องทำหน้าเหมือนจะเอามีดอีโต้มาฟันหัวเขาด้วยล่ะ
“นาย ไอ้ประธานนักเรียนเฮ็งซวย!” แถมยังชี้หน้าเขาอีกแน่ะ
“อะไร แล้วเธอเป็นใคร เฮ้ย!!! O_O เธอจะเข้ามาในนี้ไม่ได้นะ ออกไปโว้ยยย”
ปัง!
หญิงสาวผู้มาเยือนเดินเข้ามาในห้องก่อนจะใช้เท้าถีบประตูดังปัง เธอผลักคนตัวสูงกว่าไปนั่งจุ้มปุ้กอยู่ที่พื้นสามัคคีกับกระป๋องแล้วยืนเท้าสะเอ็วมองหน้าเขาอย่างหาเรื่อง
“อี๋...เหม็นกลิ่นเบียร์ชะมัด” เธอบีบจมูกแล้วมองไปรอบๆห้องอย่างรังเกียจ “นี่นายใช้ห้องคณะกรรมการนักเรียนมาทำแบบนี้งั้นหรอ”
“น้อยๆหน่อยยัยเตี้ย! ใครใช้ให้เธอมาวิจารณ์ห้องของฉันห๊ะ”
“แม่นายสิเตี้ย หุยปากนะยะ!!”
เขาจำใจเงียบแล้วจ้องหน้าเธออย่างเรื่อง ฮึ่ย! เกิดมาไม่เคยโดนผู้หญิงด่า มิวนิคคนนี้ที่เป็นถึงประธานนักเรียนแห่งคาสเตอร์ไฮเจ็บช้ำยิ่งนัก อย่าให้เอาคืนนะยัยบ้า!
“นี่มันอะไรกันเนี่ย...” หญิงสาวตัวเล็กมองไปรอบๆห้องคณะกรรมนักเรียนแล้วต้องอ้าปากค้าง เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างในห้องนี้เรียกได้ว่าหรูและดูเหมือนจะเป็นของเกรดเอทั้งนั้น แต่ปัญหามันอยู่ที่ทุกอย่างมันไม่เข้ากันเลย! โซฟาสีแดงกลางห้อง หัวสัตว์ติดอยู่ตามผนัง แซนเดอเลียที่ดูราคาแพงห้อยลงมาจากเพดาน ยังไม่นับรวมกระป๋องเบียร์ที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น แล้วผู้ชายสองคนนั้นนั้นอีกล่ะ พระเจ้าช่วย! บอกเธอทีว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ในคาสเตอร์ไฮด้วย
“เข้ามาไม่ได้อ่านป้ายหน้าห้องหรือไง” พร้อมยักคิ้วกวนประสาทตบท้าย “พูดธุระของเธอมาแล้วออกไปได้แล้ว ฉันจะนอน”
พรึ่บ!
กระดาษสีขาวขนาด A4 ถูกปามาแปะบนใบหน้าหล่อของเขาพอดี มิวนิคขมวดคิ้วแล้วหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาและปรับโฟกัสสายตาไปยังตัวหนังสือบนกระดาษแผ่นนั้น
‘โครงการแลกเปลี่ยน คาสเตอร์ไฮ-พอลลักซ์ไฮ’
“นี่อย่าบอกนะว่า...”
“นายมันเลววว นายมันร้ายกาจจจ TOT” คนตรงหน้าเริ่มโวยวายแล้วทึ้งหัวตัวเองราวกับคนบ้า “นายใส่ชื่อฉันลงไปได้ยังไง ฉันไม่เคยคุย ไม่เคยด่า ไม่เคยตบตีนายมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ฉันไปทำอะไรให้นายไม่พอใจกันห๊ะ!”
“เธอเองหรอเนี่ย -*-”
มิวนิคนั่งลงบนโซฟา ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นระบายอารมณ์ด้วยการเตะกระป๋องเบียร์ที่อยู่บนพื้น เมื่อสองสามวันก่อนเขาเพิ่งจะสุ่มชื่อหนึ่งในนักเรียนโรงเรียนคาสเตอร์ไฮให้ไปเข้าโครงการแลกเปลี่ยนที่พอลลักซ์ไฮ ทีต้องสุ่มก็เพราะว่ามันไม่มีมนุษย์หน้าไหนโผล่หน้ามาสมัครยังไงล่ะ ความเลวร้ายของโครงการบ้าๆนี่...ดูจากอาการของผู้หญิงคนนี้แล้วก็คงจะเดาออก
นรกชัดๆ....
“เอาชื่อฉันออกเดี๋ยวนี้เลยนะ T_T หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็จะไม่ไปเหยียบโรงเรียนบ้านั่นเด็ดขาดดด!!”
“เอาล่ะ” มิวนิคลุกขึ้นและเดินตรงเข้าไปหาเธอก่อนจะยัดกระดาษใส่มือคนตรงหน้า“เธอชื่ออะไรนะ”
“เอลโม่”
“โอเคเอลโม่ ฉันมีอะไรจะบอกเธอสามอย่าง”
“
.”
“หนึ่งคือเธออายุน้อยกว่าฉันหนึ่งปี เลิกทำตัวหยาบคายใส่ฉันได้แล้ว”
“=^=!”
“สองคือฉันเอาชื่อเธออกไม่ได้ ยัยประธานวิชาการเพิ่งจะส่งเอกสารนี่ไปให้ที่พอลลักซ์”
“เอามันกลับมาเซ่!” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวผู้โชคร้ายเริ่มแบะปากโวยวาย มิวนิคจึงรีบชิงตัดหน้าพูดข้อสามของเขาทันที
“สาม! ออกไปจากห้องนี้ได้แล้วโว้ยยย”
ปัง!!
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อห้าวินาทีก่อนหน้านี้มิวนิคเพิ่งจะจับไหล่ของเอลโม่ เปิดประตูห้องแล้วดันเธอออกไป เขาใจดีพอที่จะไม่ลืมปิดประตูเสียงดังสนั่นใส่หน้าเธออีกด้วย
นี่มันอะไรกันเนี่ยยยย TOT
เอลโม่เดินลงบันไดของตึกออกมาด้วยจิตใจที่ล่องลอยและหดหู่ ทำไมเธอถึงซวยแบบนี้นะ...พอลลักซ์ไฮเป็นสถานที่ที่เหล่าคาสเตอร์อย่างเธอไม่อยากเข้าใกล้มากที่สุด อย่าให้พรรณนาความเลวร้ายของโรงเรียนบ้าวิชาการนั่นเลย เด็กกิจกรรมจ๋าอย่างเธอจะเป็นลม!
ขยี้หัวตัวเองอย่างไม่รู้จะระบายที่ไหน สายตามองไปยังสนามกีฬาขนาดกว้างของคาสเตอร์ซึ่งเป็นสถานที่โปรด มีทั้งสนามบาส สนามฟุตบอล สระว่ายน้ำ ลู่วิ่ง และสนามเอนกประสงค์ ถัดจากสนามกีฬาเป็นพวกโดมต่างๆไว้ซ้อมละครหรือทำกิจกรรม อีกทั้งยังมีห้องขนาดกว้างสำหรับชมรมศิลปะและโชว์งานของนักเรียน พื้นที่ของตึกเรียนสำหรับคาสเตอร์นั้นแทบจะเรียกได้ว่ามีแค่ 10% เท่านั้น ผู้อำนวยการใช้เงินจำนวนมากทุ่มให้กับส่วนของกิจกรรมมากกว่าส่วนของวิชาการอยู่แล้ว
อีกไม่นานเสียงออดเข้าห้องเรียนก็คงจะดัง ในช่วงแปดนาฬิกา สามคาบแรกก่อนช่วงพักกลางวันจะเป็นการเรียนวิชาการตามหลักสูตรของโรงเรียนปกติ หลังจากนั้นก็จะปล่อยให้เด็กนักเรียนได้เข้าชมรมของตัวเองเพื่อทำกิจกรรมที่ชอบ เด็กคาสเตอร์ไฮน่ะบ้าพลังและฟิตกันทุกคนนั่นล่ะ จะให้เอลโม่เข้าชมรมกรีฑาเพื่อวิ่งวุ่นทั้งวันเธอก็ไหวนะ~
เอลโม่นึกไปถึงโรงเรียนอีกโรงเรียนที่เธอจะต้องไปแลกเปลี่ยน ไอ้พอลลักซ์ไฮมันจะมีชั่วโมงชมรมสักกี่ชั่วโมงเชียว! ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด
“หน้าบูดแต่เช้าเชียวนะเธอ” เสียงกวนประสาทงุ้งงิ้งดังขึ้นเมื่อเธอเดินออกมาจากตึก ชายหนุ่มผมสีทองเด่นนั่งขัดสมาธิอยู่บนโต๊ะริมสนามบาส เขาแทบจะไม่เงยหน้าขึ้นมามองเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะหมอนั่นเอาแต่สนใจกับการฟันผลไม้ในไอโฟนกรอบสีเหลืองแปร๊ดนั่นน่ะสิ!
“จะคุยก็กันช่วยหันขึ้นมามองก่อนได้มั้ย” เอลโม่เดินไปหยุดอยู่หน้าหนุ่มผมทองก่อนจะใช้สองมือตะปบไปที่แก้มขาวๆของเขา ยกขึ้นมาเพื่อประจันหน้ากัน
“ถ้าสิวขึ้นฉันจะโกรธเธอ”
“เอาสิ โกรธฉันเลย ฉันจะไปไม่ให้นายเห็นหน้าแล้ว บาโร ไอ้บ้า! T_T” เอลโม่สะบัดหน้าหนีอย่างน้อยใจ ฮึก! คนยิ่งจิตใจบอบบางอยู่ มาพูดจาอย่างนี้เดี๋ยวก็ตัดเพื่อนซะเลยนี่
“โอ๋~ อย่างอนสิคร้าบบบ” บาโรใช้นิ้วชี้เขี่ยแก้มคนเป็นเพื่อนเบาๆก่อนจะกระโดดลงมาจากโต๊ะ “เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เตรียมอนุบาล ฉันเคยโกรธเธอจริงๆจังๆซะที่ไหนกันล่ะ”
เมื่อได้ยินคำว่าเพื่อนตั้งแต่เตรียมอนุบาล น้ำตาของเธอก็พาลจะไหลออกมาซะงั้น
ก็ตั้งแต่เรียนหนังสือมา ไม่มีคราวไหนเลยที่เธอกับบาโรแยกโรงเรียนกัน เพราะสนิทกันมากมาตั้งแต่เด็กแล้วเป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนสำคัญก็คือเธอรู้สึกผูกพันธ์กับเขามากจริงๆ ทั้งคอยดูแล ทั้งคอยทำให้อารมณ์ดี เพื่อนสนิทดีๆแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนะ..
“ไม่อยากไปพอลลักซ์เลยโว้ยยยย”
ก็เผลอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาซะอย่างนั้น ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจจะบอกเขาเลยแท้ๆน้า..
“เดี๋ยว
อะไรนะ? เธอจะไปพอลลักซ์ทำไม?”
เมื่อได้ยินชื่อโรงเรียนฝั่งตรงข้ามดังออกมาจากปากเพื่อนสนิท บาโรก็ตกใจขึ้นมาทันที
“ฉันโดนสุ่มชื่อไปเข้าโครงการแลกเปลี่ยนนั่นอ่ะ นายคิดว่าไง T_T”
“ไม่เอาอ่ะ ฉันไม่ให้เธอไป” เปลี่ยนจากท่ายืนเป็นกอดแขนแล้วเขย่ายิกๆ “เธอไปแล้วฉันจะอยู่ยังไง”
“บาโร นายทำฉันซึ้งมาก”
“ใครจะให้ฉันลอกการบ้านเลขล่ะ ใครจะให้ฉันยืมเงิน โฮฮฮฮฮ T_T”
“ไอ้
”
“ฉันล้อเล่น! อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ”
หยิกแก้มสองสามทีให้จั๊กจี้ ก่อนที่เอลโม่จะหลุดอมยิ้มออกมา
“ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกนายก่อนอ่ะ ฉันไปแค่สามเดือน นายไม่เหงานะ?”
“พูดอะไรอย่างน้าน~” อมยิ้มอารมณ์ดีแล้วพูดต่อ “พอลลักซ์กับคาสเตอร์อยู่กับแค่นี้ เรากลับบ้านด้วยกันแบบเมื่อก่อนก็ได้นี่ เดี๋ยวฉันไปรอแล้วกัน J”
“นายใจดีที่สุดด กรี๊ดดดด >O<”
ด้วยความดีใจจนลืมตัว เอลโม่กระโดดกอดเพื่อนรักจนเต็มเหนี่ยว ทำเอาคนที่โดนกอดใจเต้นไม่เป็นจังหวะ อยากให้เธอกอดต่อไปแบบนี้เหมือนกัน แต่ก็กลัวจะโดนจับได้ว่าแอบคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าจะผลักออกตอนนี้
ก็ไม่รู้ จะหาโอกาสดีๆแบบนี้ได้เมื่อไหร่อีกแล้วเนอะ
โฮล่า ~สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนอีกครั้งนะค้า :D
เนื่องจากพี่ยูไม่ว่าง ตูนเลยเป็นคนเอาบทนำของเราทั้งสองมาเสิร์พแบบสดๆร้อนๆกันเลย ,
ส่วนแรกเป็นพาร์ทสาวพอลลักซ์ของพี่ยู ส่วนที่สองเป็นพาร์ทสาวคาสเตอร์ของตูน
บทนำนี้ไม่มีตัวละครของใครได้โผล่ออกมาเลยค่ะ นอกจากลูกๆของตูนกับพี่ยู (เอ้ะ หรือมี? 55555)
ก็ไม่รู้จะทอล์คอะไรแล้วเด้อ 55555555555 ‘ ขอคอมเม้นงามๆจากทุกคนหน่อยได้มั้ยคะ ?
รู้สึกว่าคอมเม้นตอนลงคาแรก มันน้อยกว่าตอนยังไม่ลงอีก เค้าน้อยใจนะเฮ้ยย ,
เม้นสั้นๆให้กำลังใจกันก็ได้ค่า ไม่ต้องยาวมากก็ได้ บางทีก็แอบเกรงใจ
ตูนกับพี่ยูมีความสุขที่เห็นทุกคนยังติดตามนิยายเรื่องนี้นะเอ้อ :)
เรารักคุณเท้าฟ้า ~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น