ตอนที่ 9 : eight -
Eight
แล้ววันที่ทุกคนต้องออกไปค่ายอาสาก็มาถึงซึ่งจุดประสงค์ของค่ายนี้ก็คือสร้างโรงเรียนบนดอยให้น้องแน่นอนว่าคนรับผิดชอบเรื่องนี้คงหนีไม่พ้นคิมจงอินและปาร์คชานยอลแต่เพราะงานนี้ไม่ได้บังคับให้ไปกันทุกคนนักศึกษาก็เลยมีไม่มากนักซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีเพราะการดูแลเด็กมหาลัยก็พอๆกับเด็กประถมนั่นแหละ
“เอากระเป๋าไปเก็บที่ข้างรถแล้วขึ้นไปหาที่นั่งของตัวเองได้เลยนะ” จงอินตะโกนบอกรุ่นน้อง
นักศึกษาทุกคนทำตามที่จงอินบอกแต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่รุ่นน้องหรอกมันอยู่ที่เพื่อนของเขาซะมากกว่าขนาดยืนอยู่ตรงนี้ยังเห็นเลยว่ากระเป๋าแบคฮยอนใหญ่แบบยัดหมาที่บ้านมาได้ห้าตัว
นี่กูบอกมึงไปแล้วนะว่าต้องปีนเขาขึ้นไป -_-
“มึงงงงงงงงงงงงกูมาแล้ว แม่กูทำขนมมาเต็มกระเป๋าเลย” พูดโอ้อวดด้วยท่าทางภูมิใจ
“กูเชื่อแล้วว่าไปไหนแล้วพามึงไปด้วยจะไม่อดตาย เอากระเป๋าไปเก็บไป เออ..คยองซูอ่ะ ?”
“จะถึงแล้วๆเมื่อวานมันกลับไปนอนบ้าน คงให้พ่อมาส่งละมั้ง”
“เคเค เออมึงพี่ลู่ไปด้วยนะมันนั่งรออยู่ข้างบน”
“ไหนมึงบอกว่ามันไม่มาไง”
“จิ้มลิ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม !!!”
ยังไม่ทันที่จงอินจะได้ถามอะไรเสียงของลู่หานก็ดังขึ้นพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มโผล่ออกมาจากประตูรถ แบคฮยอนเบ้ปากส่งกลับไปแล้วเดินเอากระเป๋าไปเก็บโดยไม่สนอะไร
“คยองซูๆ ทางนี้ๆ”
“ไอ้แบคอ่ะ ?”
“อยู่ข้างบนกับพี่ลู่อ่ะ มึงขึ้นไปช่วยห้ามทีเดี๋ยวตีกันแล้วจะยุ่ง” คยองซูพยักหน้ารับแล้วเดินขึ้นไปหาแบคฮยอนกับลู่หานบนรถ
สิบนาทีก่อนรถออกเซฮุนและจื่อเทามาถึงที่นัดหมายจากนั้นก็ตามด้วยชานยอลที่มาเป็นคนสุดท้าย จงอินไม่ได้เอ่ยทักทายหรือมองหน้าอะไรใครทำเพียงแค่เช็คชื่อเงียบๆแล้วเดินขึ้นรถไปเพื่อทำการประกาศขอตกลงและข้อบังคับของการไปค่ายอาสาครั้งนี้
“เอาละครับน้องนักศึกษาทุกคน พี่คิมจงอินเป็นประธานในการออกค่ายครั้งนี้ อย่างแรกเลยจุดประสงค์ของค่ายนี้คือการสร้างโรงเรียนสำหรับเด็กให้จำไว้ว่าการออกค่ายครั้งนี้ไม่ใช่การไปเที่ยวพักร้อนกรุณาเคารพกฎในกระดาษที่ทางเราแจกให้พวกคุณด้วย ขอบคุณครับ”
“พี่จงอินครับแล้วเราจะมีกิจกรรมอย่างอื่นให้ทำหรือเปล่า ?”
“มีสิแต่งดแอลกอฮอล์นะ กูรู้พวกมึงคิดอะไรอยู่นี่เรามาทำบุญ”
“งั้นขอแบบเจ๋งๆเลยนะพี่ ไปเหอะผมอยากไปแล้ว”
“เออๆ พี่ครับออกรถเลย”
สิ้นเสียงจงอินทุกคนในรถก็เริ่มเฮฮาหยิบเอากล้อง ที่เตรียมมาขึ้นมาตีและตัวนำก็คงเป็นใครไม่ได้นอกจากลู่หานรุ่นพี่ปีหกที่ไม่ว่าจะจัดกิจกรรมอะไรก็ขอเข้าร่วมด้วยทุกอย่าง จงอินเหลือบมองคนร่างบางที่ตอนนี้กำลังนั่งดูอะไรสักอย่างในโทรศัพท์มือถือกับเพื่อนสนิท
“ไอ้ไคกินมะ ?” แบคอยอนพูดพร้อมกับยื่นถุงขนมให้
“ไม่อ่ะมึงกินเหอะเดี๋ยวกูไปดูข้างหลังหน่อยเผื่อมีคนเมารถจะได้ให้กินยาดักไว้”
“ทำตัวเป็นคนดีดูไม่เข้ากับมึงเท่าไหร่นะ”
ผลักหัวเพื่อนด้วยความหมั่นไส้แล้วเดินหนีจากตรงนั้นตั้งใจจะเดินไปดูทางด้านหลังแต่ก็ต้องหยุดเท้าเอาไว้เพราะเซฮุนเองก็กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำข้างล่างพอดี จงอินเบี่ยงตัวหลบทางซ้ายเพื่อให้อีกคนได้เดินทางขวา
เอี๊ยดดดดดดดดดดด !
แรงเบรกทำให้คนที่กำลังจะก้าวเท้าถึงกับพุ่งไปข้างหน้าแต่โชคดีที่จงอินรับไว้ทันก็เลยต้องตกมาอยู่ในอ้อมแขนของอีกคนแทนแขนบางเผลอยกขึ้นกอดเอวอีกคนไว้ด้วยความตกใจหยุดนิ่งอยู่ได้ไม่นานล้อก็เริ่มหมุนอีกครั้งและทุกอย่างก็เริ่มเข้าสู่สภาพเดิมเว้นจงอินและเซฮุนที่ยังยืนกอดกันกลมอยู่ตรงกลางรถพอดี
“สองคนตรงนั้นอ่ะไปยืนกอดกันทำไม ฮิ๊วๆๆๆๆ”
เสียงแซวผ่านโทรโข่งของลู่หานทำให้ทุกคนหันมามองเป็นตาดียวกันไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่กำลังนั่งหลับตาอยู่ข้างหลังรถเงียบๆอย่างชานยอล ทั้งสองคนที่ถูกมองผละตัวออกจากกันโดยเร็วแล้วแยกกันไปคนละทางแต่เสียงแซวจากลู่หานและรุ่นน้องก็ยังไม่หยุด
“พวกมึงจัดเพลงให้คิมจงอินหน่อยเร็ว วุ้วววว !!!”
ความโสดประมาณกะปริบกะปรอย กะปริบกะปรอย กะปริบกะปรอย ปอย
โสดแต่กิ๊กเป็นร้อย มีกิ๊กเป็นร้อย อีกนิดจะสองร้อย
โสดเป็นบางเวลา ถ้าแฟนเธอมาก็ได้เวลาจ๋อย หยอย หยอย หยอย หยอย หยอย
โอ๊ย เซ็งดันเจอตัวแม่เต็มๆ
“มึงชอบคนแนวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะแบคฮยอน”
“มึงเงียบไปเลยคยองซูบอกตรงกูเพลียกับมันมาก”
ตอนนี้ทุกคนเดินทางมาถึงจุดที่ต้องฝากรถเอาไว้แล้วเพราะทางข้างหน้าเป็นภูเขาลูกใหญ่พวกเขาจะต้องเดินขึ้นไปแทนการใช้รถเพื่อกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ จงอินเร่งทุกคนให้รีบหยิบกระเป๋าแล้วมารวมกลุ่มกันโดยเร็วเพราะตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามกว่าแล้วถ้าเกิดฟ้ามืดทุกอย่างจะลำบากและจะเกิดอันตรายได้
“เชี่ยแบคมึงเอาบ้านมาด้วยหรอวะ !”
“มึงอย่าบ่นช่วยกูถือหน่อย นี่กูอัดของกินมาเพื่อพวกมึงเลยนะ”
คยองซูเหนื่อยใจกับเพื่อนคนนี้เป็นที่สุดถ้าให้เดาในกระเป๋าคงจะเต็มไปด้วยขนมมากมายอาจจะเยอะกว่าเสื้อผ้าที่เตรียมมาอีกสำหรับแบคฮยอนแล้วไม่ว่าไปไหนเรื่องกินนี่เรื่องใหญ่
“ให้ช่วยไหม ?” ชานยอลเดินเข้ามาถามในขณะที่คนตัวเล็กกำลังหยิบเป้ขึ้นสะพายหลัง
“ไม่เป็นไรๆแค่นี้สบายมาก” แบคฮยอนโบกไม้โบกมือแล้วส่งยิ้มให้อีกคน
“ส่งมาเร็วตัวแค่นี้แบกกระเป๋าเยอะเดี๋ยวก็ล้มหรอก” ชานยอลยังคงยืนยันที่จะช่วย
“ไม่ต้องเดี๋ยวกูช่วยเองมึงไปเช็คชื่อช่วยไอ้ไคไป”
ลู่หานเดินเข้ามาดึงกระเป๋าเป้ในมือแบคฮยอนขึ้นไปสะพายแล้วโอบไหล่คนตัวเล็กพาเดินไปทางอื่นถึงแม้ว่าแบคฮยอนจะขัดขืนอยู่บ้างแต่ก็ยอมเดินไปด้วย ปวดประสาทกับลู่หานก็ยังดีกว่าอยู่กับแฟนเก่าอย่างชานยอลนะแบคฮยอนคิดแบบนั้น
เมื่อทุกคนมารวมตัวกันครบจงอินก็เริ่มนำรุ่นน้องออกเดินทางโดยมีชานยอลคอยดูอยู่ทางด้านหลัง โชคดีที่ทางขึ้นไม่รกมากก็เลยเดินกันไม่ลำบากเท่าไหร่แต่ขึ้นชื่อว่าป่ามันก็อันตรายด้วยกันทั้งนั้น
“บนบนถนนหนทางซูเปอร์ไฮเวย์หนุ่มพเนจรกระเป๋าเดินทางมุ่งไปเถิดสุดขอบฟ้า ลางๆโลกไม่ร้างเพราะชีวิตเจ้ายังเดิน” เมื่อเห็นว่าเดินกันเงียบๆลู่หานก็เลยจัดสักเพลงให้พอเฮฮา
“เดี๋ยวสัตว์ก็แตกตื่นหมดหรอก อยู่เงียบๆเหมือนคนอื่นบ้างเหอะ !”
“โห...จิ้มลิ้มพี่ก็เห็นว่ามันเงียบเลยอยากให้ทุกคนสนุก เห้ยไอ้ไคพักตรงนี้ก่อนดิเหนื่อยว่ะ ! ”
“พาคนแก่มาด้วยนี่มันลำบากจริงๆ พวกมึงกูให้พักล้างหน้าล้างสิบนาทีให้พอเอาตีนแตะน้ำเล่นๆแล้วกัน”
“กูได้ยินนะไอ้สัด !”
หลังจากที่จงอินสั่งให้ทุกคนพักแล้วนักศึกษาส่วนหนึ่งก็วิ่งลงไปในธารน้ำตื้นเอาน้ำล้างหน้าเพื่อความสดชื่นมองดูเวลาที่ยังพอมีอยู่บ้างก็เลยวางกระเป๋าแล้วลงไปปเดินเล่นพยายามมองหาใครบางคน
“ไอ้ฮุนๆ จับปูตรงตีนมึงมาดิ๊ !!!!”
“มึงอย่าเสียงดังดิวะ จะตื่นเต้นทำห่าไรก็แค่พูด” ก้มลงจับปูตัวใหญ่ให้เพื่อน
“โอ๊ยเชี่ยมันหนีบกู !!”
“โง่อีก มึงรอกูอยู่นี่ก่อนนะเดี๋ยวกูไปเอาแก้วน้ำมาล้างก่อนขนมมันหกใส่”
“เออๆรีบมานะมึง”
เซฮุนสะบัดน้ำที่ตีนแล้วใส่รองเท้าเตะเดินไปตรงที่วางกระเป๋าระหว่างที่กำลังค้นหาซากแก้วน้ำอยู่สายตาก็เหลือบไปเห็นกระต่ายน้อยตัวสีขาวกำลังวิ่งเล่นอยู่ในใบไม้พอเห็นว่ามันน่ารักก็เลยอยากจะเดินเข้าไปทักทายโดยที่ไม่ทันได้มองว่าตรงหน้ามันเป็นหน้าผาขนาดเล็กอยู่
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เสียงร้องของเซฮุนทำเอาทุกคนถึงกับเด้งตัวขึ้นพร้อมกันแล้วหาต้นตอของเสียงทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากและสิ่งต่อมาที่ได้ยินก็คือ...
“เซฮุนตกหน้าผา !!!!”
“พี่ครับมีคนตกหน้าผา!!!!!”
“พี่จงอินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน เซฮุนอ่ะเซฮุน!!!”
เสียงตะโกนที่ดังขึ้ยเรื่อยๆทำให้จงอินต้องทิ้งกระดูกไก่ที่ตัวเองกำลังกินอยู่ลงพื้นแล้ววิ่งไปดูเป็นคนแรกตามด้วยแบคฮยอนและผ่องเพื่อน
“เซฮุน !” จงอินเรียกชื่อเพื่อตรวจดูว่าเซฮุนไม่ได้หมดสติหรือเป็นอะไรไป
“ครับ !”
“มึงเจ็บตรงไหนไหม ?”
“ผมเจ็บขาอ่ะพี่ลุกไม่ได้”
จงอินไม่รู้ว่าคนพูดมีสีหน้าแบบไหนแต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วขืนปล่อยไว้แบบนี้มันจะยิ่งอันตราย
“เอาไงดีวะมึง”
“แบคฮยอนเดี๋ยวมึงพาทุกคนขึ้นไปข้างบนกูจะลงไปช่วยน้อง กูรู้ทางขึ้นมา”
“เออเอางั้นก็ได้ระวังตัวด้วยนะมึง แล้วมึงจะลงไปไง ?”
“โดดดิครับ”
“เออแล้วแต่มึง เอากระเป๋าไปด้วยดิในนั้นมีเครื่องปฐมพยาบาลเบื้องต้นอยู่”
จงอินเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วยัดทุกอย่างลงไปเพราะดูจากทางแล้วเขาอาจจะต้องหาที่พักสักที่ถึงจะเคยมาสำรวจเส้นทางแล้วก็เถอะ จงอินขอทางทุกคนก่อนที่จะกระโดดลงไปตรงหน้าผานั้นท่ามกลางความตกใจของทุกคนตอนแรกจื่อเทาทำท่าจะกระโดดตามลงมาด้วยแต่โดนแบคฮยอนห้ามเอาไว้จึงต้องยอมทำตามคำสั่งรุ่นพี่
ตุบ...
“อ่าวพี่โดดลงมาทำไม”
“มาช่วย...”
ตอบเสียงเรียบแล้วย่อตัวลงเพื่อดูที่ข้อเท้าของเซฮุน ร่างบางชักเท้ากลับเล็กน้อยตามสัญชาตญาณแต่พอโดนจงอินทำหน้าดุใส่ก็ยอมปล่อยให้อีกคนได้ดูอาการ
“มันบวมเดี๋ยวกูทายาให้แล้วมึงขี่หลังกูแล้วกันขืนเดินไปทั้งอย่างนี้มันจะยิ่งช้ำ”
จงอินหยิบยาที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมานวดที่ข้อเท้าให้เซฮุนอย่างเบามือไม่มีคำพูดอะไรนอกจากเสียงนกหรือสัตว์ป่าที่กำลังส่งเสียงร้อง เซฮุนไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไงหรือพูดอะไรดีถึงจะเกลียดขี้หน้ารุ่นพี่คนนี้แต่จงอินก็ช่วยตัวเขาไว้ตั้งหลายครั้ง
“มึงพอลุกไหวไหม ? ”
“ผมเดินเองได้นะพี่แค่นี้เอง”
“ขี่หลังกูขึ้นไป เร็วฟ้าจะมืดแล้ว”
แล้วทำไมต้องทำเสียงดุหน้าดุด้วยก็แค่อยากเดินเอง !
สุดท้ายซังนัมจาก็ต้องยอมขี่หลังรุ่นพี่เพราะแค่ลุกขึ้นยืนก็เซถอยหลังจนต้องให้อีกคนมาคอยประคองตัวไว้ เรียวแขนโอบกอดลำคอของคนเป็นพี่ไว้หลวมๆสายตาเฝ้ามองด้านข้างของจงอินอย่างเงียบๆ
“อีกนานไหมครับกว่าเราจะถึง”
“ก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร แล้วไปทำยังไงถึงได้ตกลงมาได้ล่ะ” พอโดนถามคำถามนี้เซฮุนถึงกับยิ้มแห้งๆ
“ผมเจอกระต่ายอ่ะเลยอยากจะทักทายมันแต่ว่าไม่เห็นหน้าผาก็เลยพลาด”
“มึงนี่มันจริงๆเลย กอดแน่นๆเดี๋ยวตก”
“ไม่ตกหรอกหน่า เห้ยพี่ !”
พอจงอินแกล้งหงายหลังเซฮุนก็รีบกระชับแขนตัวเองให้แน่นขึ้นจนร่างกายแนบชิดไปกับแผ่นหลังของคนตรงหน้า
“ขี้แกล้งชิบหาย ..” บ่นเสียงเบาแต่จงอินก็ยังได้ยินอยู่ดี
“นั่นกระท่อม !!!”
“ไม่เอาไม่ไป ผมจะขึ้นไปหาทุกคน !!!” ยืนยันเสียงแข็ง
“ฟ้าจะมืดแล้วเดินต่อไปให้เสือแดกเหรอ ?”
“แต่มันไม่มีไฟไม่เอามันมืดผมกลัว”
“อยู่กับกูใครก็ทำอะไรมึงไม่ได้” จงอินหันมายืนยันเสียงหนักแน่นแต่ด้วยความตกใจเซฮุนก็เลย..
แป๊ะ...
มือบางตีเข้าทีหน้าหนึ่งทีจนจงอินหน้าหันคนเป็นน้องถึงกับหน้าซีดทำอะไรไม่พูด จงอินสาวเท้าเดินไปตรงกระท่อมแล้ววางร่างบางลงที่หน้าประตูให้เบาที่สุดแล้วเดินเข้าไปข้างในโดยไม่หันกลับมามองเซฮุนอีก
ทำอะไรลงไปวะโอเซฮุน...แต่ผมไม่ได้ตั้งใจนะผู้ชายเอาหน้ามาใกล้กันมันก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา ...
พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วเดินขากระเพกเข้าไปในกระท่อม แสงสว่างจากโครมไฟเล็กที่จงอินเอามาด้วยทำให้เขารู้สึกอุ่นใจอย่างน้อยก็ไม่ต้องอยู่กันมืดๆบอกตามตรงถ้าให้เลือกเสือกันผีเขาเลือกเจอเสือมากกว่า เขาเห็นจงอินกำลังนั่งกินข้าวเหนียวหมูปิ้งอย่างเงียบคนเดียวก็เลยเดินไปนั่งด้วย
“ผม..ขอ..กินข้าวเหนียวหมูปิ้งด้วย หิวอ่ะ” จงอินไม่ได้ตอบอะไรแต่ยื่นห่อข้าวเหนียวให้แล้วกินของตัวเองต่อ
“พี่ผมขอโทษ...”
“มึงขอโทษกูเรื่องอะไร ?”
“ที่..ตบหน้าพี่คือผมแค่ตกใจแล้วมือมันก็ไว้กว่าความคิด”
“เออช่างเหอะมึงก็ไม่ได้ชอบขี้หน้ากูอยู่แล้วนี่”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น..” พูดเสียงเบาแต่ดูเหมือนว่าคนข้างๆจะไม่ได้ยินเพราะมัวแต่สนใจของกินอยู่
หลังจากกินข้าวเหนียวหมูปิ้งกันเรียบร้อยแล้วก็เลยทิ้งตัวลงนอน จงอินส่งกระเป๋าเป้ที่เอามาด้วยหนึ่งใบให้เซฮุนส่วนตัวเองก็ถอดเสื้อฮู้ดออกแล้วเอามาหนุน ยิ่งดึกอากาศก็เริ่มเย็นแต่จะให้เอาเปรียบคนตัวบางใส่เสื้อแขนยาวอยู่คนเดียวก็ยังไงอยู่
“เซฮุน...”
“ครับ ?”
“มึงรู้ป่าววะว่ากูกำลังจีบมึงอยู่”
“นี่พี่จริงจังอ่อ ? ผมเป็นผู้ชายนะไม่เกย์ แมนทั้งแท่ง”
“กูก็ผู้ชายแมนๆ”
“..................................”
“กูไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคนกูชอบแค่มึงคนเดียว..”
“..................................”
แล้วเสียงหายใจเข้าออกสม่ำเสมอก็ดังขึ้นทำให้คิมจงอินต้องหันไปมองคนข้างๆมำให้เขาได้รู้ว่าตอนนี้เซฮุนได้หลับไปเรียบร้อยแล้ว
“มึงนี่มันน่าตีจริงๆ หนีหลับตอนกูกำลังพูดเรื่องสำคัญเนี๊ย”
จงอินนอนมองคนข้างๆสักพักจากนั้นก็ขยับตัวเองเข้าไปใกล้แล้วดึงคนร่างบางเข้ามากอดไว้ ลมพัดเย็นแบบนี้เซฮุนอาจจะไม่สบายได้และการกอดกันมันก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายแม้ว่ามันจะเสี่ยงมากในการโดนตีนตอนตื่นขึ้นมาก็เถอะ เวลาผ่านไปไม่นานเปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆปิดลงในที่สุด
เซฮุนอ่า...ฝันดีนะ
หลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้วจงอินก็ช่วยประคองเซฮุนให้เดินมาที่ธารน้ำที่พวกเขาลงไปเล่นเมื่อวานทั้งสองคนล้างหน้าให้รู้สึกตื่นตัวแล้วก็ออกเดินทางกันออีกครั้ง จงอินจับแขนเซฮุนขึ้นมาพาดบ่าแล้วใช้มืออีกข้างโอบเอวบางเอาไว้แน่นเพื่อกันไม่ให้อีกคนร่วงลงพื้นดินเดินกันมาในสภาพอย่างนั้นจนถึงที่พัก
“มึงเป็นไงบ้างวะ เจ็บขาอยู่ไหม ? เดี๋ยวผมพามันไปเองครับ” จงอินส่งเซฮุนให้จื่อเทาดูแลต่อส่วนตัวเขาเองก็จะไปเตรียมตัวเพื่อทำกิจกรรมในรุ่นน้องในช่วงสายของวันนี้
“เป็นไงมึงได้อยู่กับน้องสองคน”
“ก็ดีนะกูได้นอนกอดน้องด้วย”
“ทำเป็นอวดพาน้องวนในป่าไปกี่รอบล่ะ” แบคฮยอนถึงกับต้องเบ้ปากใส่
“อะไรกูไม่ใช่คนแบบนั้นก็เห็นว่ามันมืดเลยหาที่พัก”
ว่าแล้วก็เดินผิวปากออกไปอย่างอารมณ์ดีโดยไม่สนใจคำด่าของแบคฮยอนที่ดังตามหลังมา
ก็คนมันมีความสุข ......
_____________________________________________________
#ฟิคคนแมน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เจอคนแมนกว่ามาจีบก็ต้องมีเคลิ้มบ้างแหละเนอะน้องฮุน~
แบคบอก ก็เพลียเหมือนกัน ถถถถ พี่ลู่ปีหก!!!
น้องงุนหวั่นไหวกับพี่จงอินจริงๆจังๆซะทีสิ
นางกระโดดลงมาช่วยเลยนะ ถึงแม้จะนอนกอดไปแล้วก็เหอะ ><
ทำไมเทาเทาไม่เปาหูน้อง !!?
ชอบฉากเบรก-/-
คือแบบแล้วเมื่อไรฮุนจะง้อวะ ขอหวานๆนะ
ถึงแม้นางจะต่อยเก่งกว่าไคก็เถอะ แม่ล่ะเพลีย 55555555555
ติดตามน้าาาา รอ ๆๆๆ