ตอนที่ 3 : two -
Two
อุปกรณ์ทุกอย่างถูกเตรียมขึ้นสำหรับการจัดสถานที่ในงานกีฬาโดยรุ่นพี่ปีสองแต่คนที่จะต้องทำนั้นคือนักศึกษาปีหนึ่งเพื่อแสดงศักยภาพของตัวเองส่วนทางด้านเซฮุนและจื่อเทานั้นได้รับหน้าที่ทางด้านการออกแบบจากนั้นคนที่จะทำในสิ่งที่พวกเขาคิดขึ้นก็คือเด็กปีหนึ่งของคณะวิศวกรรมศาสตร์
“มึงว่าแบบนี้จะดีป่ะวะเทา”
เซฮุนถามขึ้นก่อนจะยกผลงานให้เพื่อนตัวเองดู การออกแบบอาจจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับโอเซฮุนก็จริงแต่การที่จะทำมันออกมาให้เป็นที่ถูกใจของทุกคนนั้นแหละเรื่องยาก
“สวยแล้วมึง กูว่าปรับตรงเสาสแตนนิดหน่อยก็โอเคนะ”
คนร่างบางพยักหน้าก่อนจะวาดลายเส้นลงบนกระดาษสีขาวอีกครั้งจากนั้นก็นำมันไปส่งให้กับรุ่นพี่
“พี่ชานยอลว่ามันโอเคไหมมครับ?” ชานยอลรับมันมาก่อนจะดูอย่างพิจารณา
“อืม...ฉันว่าโอเคแล้วนะ นายออกแบบได้ดี..ฉันมองคนไม่ผิดจริงๆ”
ลิ้นเล็กแลบเลียริมฝีปากอย่างเคยชินเมื่อได้รับคำชมจากรุ่นพี่ ชานยอลยกมือขึ้นยีหัวเซฮุนเล่นอย่างเอ็นดูก่อนจะนำแบบออกไปให้รุ่นน้องในคณะวิศวกรรมศาสาตร์
ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดด ปิ๊ด ปิ๊ด ปิ๊ด ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!
โอ๊ยยยยยยยยเป่าเชี่ยไรนักหนาว่ะ หูกูจะแตกละเนี๊ย !!
“โอ๊ย...ไอ้เหี้ยไคพ่องเป็นคนขายนกหวีดออกว่ะ..ไปเป่าไกลๆไปสัส !”
เสียงของแบคฮยอนกร่อนด่าเจ้าของที่ทำเสียงนกหวีดดังทำให้เซฮุนรู้ทันทีว่าใครเป็นคนทำ ร่างบางหันไปมองเพียงชั่วครู่ก็หันหลังกลับไปที่ตัวเองอีกครั้ง
“เป็นไรว่ะมึงหน้ายุ่งเขียว” จื่อเทาเอ่ยถามขึ้น
“ง่วงนอนนิดหน่อยวะ...เมื่อคืนนอนน้อย”
“ง่วงก็นอนดิมึง...กลับก่อนป่ะล่ะ ?”
“ไม่เป็นไรๆ...กูไม่อยากเอาเปรียบคนอื่นมึงกูวานไปซื้อน้ำให้กูหน่อยดิ..ขอเย็นๆซ่าๆ”
“เออๆ..งั้นมึงตัดโฟมนี่ไปก่อนละกันเดี๋ยวกูมา”
จื่อเทาลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะส่งของในมือให้กับเพื่อนสนิท เซฮุนรับมันมารอจนกว่าเพื่อนจะเดินหายไปถึงเริ่มตัดโฟนต่อ
ง่วงว่ะ....ไม่ไหวละตาจะปิด...
เซฮุนยังคงนั่งตัดโฟนอยู่อย่างนั้นจนไม่รู้ว่าตัวเองเริ่มนั่งโยกเยก ความง่วงจู่โจมจนเจ้าตัวเริ่มฝืนเอาไว้ไม่อยู่แล้วที่สุดเขาก็เผลอจนตัวเองที่นั่งอยู่ล้มลงนอน
“เห้ยยยยย...เซฮุนเป็นลม...ช่วยด้วยค่ะ”
เสียงอิเจ้นี่ดังชิบหาย กูง่วงครับไม่ได้เป็นลมแค่เผลอหลับกลางอากาศ
“เป็นลมจริงๆด้วย...ชานยอลไม่อยู่..ไอ้ไคมึงมาอุ้มน้องเค้าไปห้องพยาบาลดิ้ !!!”
เสียงนี่มันคุ้นๆนะ ถ้าจำไม่ผิดเสียงพี่แบคฮยอนแน่ๆแล้วทำไมต้องเรียกไอ้พี่ตัวดำนั่นด้วยว่ะ !
“เซฮุนเป็นอะไร..หลบๆเดี๋ยวกูพาน้องเขาไปเอง”
จงอินรีบวิ่งมาตามเสียงเรียกของแบคฮยอนทันทีที่มาถึงก็แหวกฝูงผู้คนที่กำลังล้อมวงอยู่ออกจากนั้นก็ช้อนตัวคนร่างบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
ไอ้เหี้ย...เอาไงดีวะกู..เนียนหลับไปก่อนแล้วกัน..กูอาย T.T
“มึงพาน้องไปห้องพยาบาลก่อนเดี๋ยวกูตามไป”
จงอินไม่รอฟังคำพูดอะไรอีกเขาอุ้มคนตัวบางเดินไปยังห้องพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้น
ภายในห้องสีขาวสะอาดไม่พบใครอาจจะเป็นเพราะว่าเย็นมากแล้วจงอินพาร่างบางมาวางลงบนเตียงนุ่มก่อนจะจัดท่าทางให้เรียบร้อย เขาเดินไปหยิบเอายาดมที่วางอยู่ไม่ไกลมาจ่อที่จมูกก่อนส่วนมืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ก็คอยพัดให้อีกคน
“เวลาหลับมึงเหมือนคนจริงๆ”
อ่าว...แล้วตอนกูไม่หลับกูไม่เหมือนคนเหรอว่ะ !
“มึงน่ารักจริงๆนะเนี๊ย...ดูดิแก้มชมพูผิวก็เนียน...สวรรค์ส่งมึงมาผิดเพศป่ะว่ะ ?”
ไม่พูดเปล่าจงอินยังยื่นมือไปบีบที่แก้มขาวๆเล่นอย่างหมั่นเขี้ยวเพราะเวลาที่เจ้าตัวตื่นเขาคงไม่ได้ทำแบบนี้แน่ๆ
“อืม...”
ครางซะหน่อย..ขืนนอนนิ่งให้มันลวนลามเฉยๆคงไม่ดีเท่าไหร่...ว่าแต่ตื่นได้ยังว่ะ..คนเป็นลมส่วนใหญ่เขาเป็นกันกี่นาทีว่ะเนี๊ย...แต่ตื่นเหอะแก้มกูจะพังละ
“ตื่นแล้วเหรอ ? มึงเป็นไงบ้างยังมึนๆอยู่ป่ะ ?”
“ไม่เป็นไรครับ..ขอบคุณที่พาผมมา”
“เรื่องเล็กน้อย..” ยกมือขึ้นยีหัวคนตัวบางเล่น
ทำไมเดี๋ยวนี้มีแต่คนชอบยีหัวเล่น !
“ไอ้ไคน้องเป็นไงบ้าง...อ่าวฟื้นแล้วนี่ !!”
แบคฮยอนเปิดประตูพรวดพลาดเข้ามาทำเอาทั้งสองคนสะดุ้ง ร่างเล็กเข้ามานั่งบนตักของจงอินเพื่อที่จะได้ขวางเพื่อนตัวดำเอาไว้
“เซฮุนของพี่เป็นไงบ้าง ? กินยาไหม ? แล้วนี่เป็นลมได้ไงไม่กินข้าวเหรอ ?”
“ไอ้เชี่ยแบค..ตูดก็ใหญ่นั่งลงมาได้ !”
“มึงเลิกบ่นสักที...กูกำลังคุยกับน้องเขาอยู่”
“ผมไม่เป็นไรแล้วครับแค่รู้สึกหน้ามืดนิดหน่อย..ไปทำงานกันต่อเถอะผมโอเคแล้ว”
รางวัลตุ๊กตาทองปีนี้ของกูนะครับรู้สึกผิดแต่ก็อายมากกว่าถ้าจะบอกว่าความจริงแล้วผมหลับกลางอากาศ..
เซฮุนลุกขึ้นทำให้แบคฮยอนรีบลุกตามแล้วเข้าไปพยุงคนที่ตัวสูงกว่าเอาไว้ จงอินตบหัวเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเดินตามหลังทั้งคู่ออกไป
จื่อเทาดูจะตกใจมากเมื่อรู้ว่าเพื่อนของเขาเป็นลมแต่ก่อนจะวิ่งไปถึงห้องพยาบาลก็เห็นว่าเซฮุนออกมากับรุ่นพี่แบคฮยอนและรุ่นพี่จงอินจึงเข้าไปอาสาเป็นคนพยุงเองเมื่อทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติทุกคนก็เบาใจที่เห็นว่าเซฮุนไม่เป็นไรและคิดว่าคงจะเมาแดด
“มึงไหวป่าววะ ?”
“ไหวดิ...ทำงานต่อเหอะมึง”
ช่วงใกล้ค่ำของการทำงานเต็มไปด้วยเสียงเพลงและเสียงหัวเราะส่วนคนที่สร้างมันก็คงหนีไม่พ้นรุ่นพี่ลู่หานที่จัดนำเอากลองมาตีเอาฉิ่งเอาฉาบมาเคาะเป็นจังหวะแม้จะได้ยินเสียงแบคฮยอนบ่นอยู่บ้างแต่รวมๆแล้วบรรยากาศก็ดีขึ้นเมื่อทุกคนได้ฟังเสียงเพลงจังหวะมั่วๆของลู่หาน
“ผม..ร๊ากกกกกก...เมืองไทยละมาอยู่เมืองไทยตั้งนานหลายปี วุ้ว!!!”
“เมื่อไหร่มันจะหยุดร้องแล้วกลับบ้านสักทีว่ะรำคาญ วุ้วพ่อง !” แบคฮยอนบ่นอย่างหัวเสีย
“เอาหน่ามึงคนอื่นก็ดูสนุกออก..” คยองซูหันไปตบบ่าเพื่อนเบาๆ
“ไอ้จงอินมาตีกลองให้กูดิ้ กูจะออกสเต็ป”
“โห่พี่เต้นมานานแล้วนะ...เกิดกระดูกกระเดี้ยวหักขึ้นมาผมไม่พาไปโรงบาลนา..”
“อ่าว..ไอ้เชี่ยนี่ !”
จงอินลุกขึ้นไปตีกลองให้ลู่หานไม่นานก็มีคนมาร่วมแจมด้วยเพราะงานในส่วนของตัวเองเสร็จแล้ว เด็กสถาปัตย์เฝ้ามองอยู่เป็นระยะบ้างก็อยากเข้าไปร่วมด้วยบ้างก็อยากจะตะโกนบอกให้หยุดตี
“พวกวิศวะนี่ร่าเริงได้ทุกสถานะการจริงๆ” ชานยอลพูดขึ้นในขณะที่กำลังลงเส้นสิ่งที่ตัวเองวาดไว้
“พวกพี่ไม่ถูกกันเหรอครับ ?” เซฮุนเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย
“ไม่หรอกก็เฉยๆจะเข้ากันไม่ค่อยได้ก็ตอนทำงาน..อย่างที่เห็นพวกมันร่าเริงส่วนพวกเราจริงจัง”
“อ่อ..ครับ”
เมื่อเห็นว่าเริ่มดึกรุ่นพี่ทุกคนจึงสั่งให้เก็บของไว้ทำต่อในวันพรุ่งนี้ เซฮุนจัดการยกเอาอุปกรณ์ทั้งหมดไปเก็บไว้ในห้องเก็บของก่อนจะโบกมือลาพี่ๆในคณะและขอแยกตัวออกมาเพื่อกลับไปที่ร้านวันนี้ป๊าไม่ได้ขายของก็เลยอยู่จนดึกลืมเวลาและทางกลับบ้านไปเลยว่ามันเปลี่ยวแค่ไหนสำหรับการเดิน
เมื่อเช้าไม่น่ารีบจนลืมปั่นน้องโจโกโบ๊ะออกมาเลย กลัวผีว่ะไมมันมืดงี้ !
ร่างบางรีบสืบเท้าอย่างเร็วเมื่อเห็นสายลมพัดผ่าน ความมืดรอบข้างทำให้เซฮุนรู้สึกขนลุกไปทั้งร่างกาย
“ผม...ร๊ากกกกก..เมืองไทยละมาอยู่เมืองไทยตั้งนานหลายปี”
เงียบๆแบบนี้ต้องร้องเพลง..จำพี่ลู่หานมาสดๆร้อนๆ
“ผม.........รัก......เมือง....ไทย” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังทำเอาคนตัวบางสะดุ้ง
ชิบหายแล้วไง...อิเหี้ยกูไม่น่าร้องเพลงเลย
“มา...เล่น....ต่อ...เพลง....กัน”
“เชิญมึงเล่นไปคนเดียวเหอะ กูไปละบาย....”
เซฮุนออกไม่รอคำตอบออกตัววิ่งไม่คิดชีวิตไม่ว่าจะคนหรือผีก็ขอวิ่งไว้ก่อนการออกไปจากเส้นทางนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดหลับหูหลับตาวิ่งจนเกือบเลยบ้าน
“อ่าวอาตี๋จะวิ่งไปไหนบ้านอยู่ทางนี้”
“ป๊าาา....อ๊ากกกกกกกกก....ว๊ากกกกกกกกกก.....โอ้วววววววววว....”
“นี่มันภาษาอะไรว่ะเนี๊ย”
“ฮุนเจอผีอ่ะ..โคตรน่ากลัวเลยป๊า”
เซฮุนร้องโวยวายอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปกอดป๊าตัวเองแน่นน้ำหูน้ำตาไหลเป็นทาง ผู้เป็นพ่อจึงกอดปลอบลูกชายเอาไว้เวลาผ่านไว้เกือบยี่สิบนาทีเซฮุนถึงสงบลง
พรุ่งนี้กูจะรีบกลับบ้านไม่เอาแล้ว
เซฮุนตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวันเพราะวันนี้เป็นวันหยุดและพี่ที่คณะก็นัดบ่ายเขาจึงมีเวลานอนมากพอ เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับได้ก็ปาเข้าไปตีสามครึ่งเสียงยานคางยังคงติดอยู่ในหัว
“อาตี๋วันนี้ไปมอกี่โมง”
“คงบ่ายๆอ่ะ..แล้วป๊าเปิดร้านป่ะวันนี้ ?”
“เปิดๆอย่ากลับมืดอีกนะวันนี้”
“ไม่กล้าแล้วอ่ะป๊า...เออเดี๋ยวฮุนมานะเอาจักรยานไปเติมลมก่อน”
เซฮุนจูงจักรยานคู่ใจออกไปเพื่อจะไปเติมลมตรงหน้ามหาวิทยาลัยที่ถูกกว่าด้านหลังประมาณสองบาท คนตัวบางจูงจักรยานเข้าไปในมอเพื่อจะได้เดินผ่านสนามจะได้ดูว่ามีคนมาเยอะหรือยังเผื่อว่าจะอยู่ช่วยเลยจะได้กลับเร็วกว่าเมื่อวานด้วย
ภายในสนามกีฬายังไม่มีผู้คนมากนักนอกจากนักกีฬาฟุตบอลที่กำลังฝึกซ้อมอย่างหนัก เซฮุนมองเห็นผู้เป็นโค้ชทีมฟุตบอลกำลังเคร่งเครียด คิมจงอินดูแตกต่างไปจากเดิมมากในเวลาที่เขาจริงจังไม่มีการเล่นหรือคำกวนๆอะไรทั้งนั้นแต่เมื่อนกหวีดสั่งพักนักกีฬาดังขึ้นใบหน้าที่ตึงเครียดก็คลายออกเปลี่ยนเป็นคิมจงอิมคนกวนเหมือนเดิม
“อ่าวน้องเซฮุนนนนนนนนน !” คนที่แอบดูอยู่สะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกจับได้ จงอินที่เดินเข้ามาตอนไหนไม่รู้โบกมืออยู่ไม่ไกล
“เอ่อ...ครับ”
“ทำมึงมาเร็วจังยังไม่ถึงเวลานัดเลย”
“ผมจะเอาจักรยานไปเติมลมอ่ะ..ไปก่อนนะพี่..ไว้เจอกันบ่ายๆ”
ถึงแม้ว่าเซฮุนจะมองจงอินดีขึ้นจากเมื่อวานนิดหน่อยแต่มันก็ยังรู้สึกแปลกอยู่ดีเพราะคนๆนี้เข้ามาในรูปแบบที่ต่างไปจากคนอื่นเกิดมาไม่เคยโดนผู้ชายจีบจะให้ทำตัวเฉยๆก็คงไม่ได้ทางที่ดีคือเลี่ยงได้ก็เลี่ยง
“กูยังไม่ทันได้หยอดเลยหนีกูอีกละ...จีบผู้ชายไมมันยากจังว่ะ !”
จงอินพูดอย่างหัวเสียก่อนจะเดินกลับไปคุมนักกีฬาต่อ เซฮุนคุยดีกับทุกคนยกเว้นเขาแต่จงอินก็ไม่คิดจะยอมแพ้หรอกนะยังไงก็ไหวบอกเลยคนนี้
พี่รักจริงหวังได้..
_____________________________________________________
#ฟิคคนแมน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่ไคเขารักจริงคะ น้องฮุนใจอ่อนสักทีสิ
แล้วพี่จงอินจีบเขาแต่ดูพูดจาเหมือนสนิมมาสิบชาติเขาเดินหนีก็สมควรอ่ะ55555555
คืออะไรน่ะพี่จงอิน
ฮาน้องวุน ชถึงกับหลับกลางอากาศ
เลยต้องเนียนเป็นลมให้จงอินขย้ำแก้ม ><
รักเมืองไทยมากมั้ยฮุน วิ่งเลยบ้าน5555555