ตอนที่ 20 : nineteen -
Nineteen
วันนี้เป็นวันหยุดที่น่าเบื่อที่สุดของคิมจงอินเพราะว่าหวานใจของเขาต้องไปทำงานที่คณะแล้วทิ้งให้ตัวเขานั่งหงอยเหงาอยู่กับตุ๊กตาหมีคู่ที่อยู่ในห้องเขาหนึ่งตัวและอีกตัวอยู่ที่ห้องเซฮุน ภาพที่ฉายอยู่บนจอสี่เหลี่ยมยังคงถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆแม้ว่าจะเปิดมาเจอรายการโปรดแต่คิมจงอินก็ไม่มีอารมณ์ที่จะดูมันในใจนึกด่าแต่ปาร์คชานยอลที่นัดทำงานแม้กระทั้งวันหยุดพักผ่อน
“ไม่มีเหี้ยไรทำเลย คิดถึงเซฮุนโว้ยยยยยยยยยยยยย !!!”
จงอินโว้ยวายในห้องเสียดังเป็นคนบ้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกไปหาโอเซฮุนทันที
[อื้อว่าไง ..]
“มึงทำไรอยู่วะ ?”
[ทำงานอ่ะ...โทรมามีไรป่าว]
“มีแต่คิดถึงอ่ะเป็นเหตุผลได้ป่ะ ?”
[นี่ว่างใช่ไหมเนี๊ย ไปหาไรทำที่มันเป็นประโยชน์มะ...]
“ไม่คิดว่าคนฟังจะน้อยใจบ้างหรือไง”
[ไม่ต้องมาพูดจาแบบนี้เลยนะเดี๋ยวดูงานเสร็จแล้วรีบกลับไป]
“อืม ..เร็วๆนะ”
โอเซฮุนปล่อยให้จงอินงอแงอยู่อีกสองสามประโยคก็ขอตัวไปทำงานต่อ เมื่อไม่มีอะไรทำคิมจงอินก็เลยใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกายนั่นคือการนอนหลับพักผ่อนรอเซฮุนกลับมาหยิบเอาตุ๊กตาหมีเข้ามากอดไว้แนบอก
กว่าจะคุยงานเสร็จก็ปาเข้าไปทุ่มกว่าแล้วเซฮุนก็เลยแวะซื้อขนมร้านป้าไปฝากจงอินด้วยเผื่อว่าอีกคนจะหิว ร่างบางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่นระหว่างรอขนม วันนี้ตัวเขาเองรู้สึกไม่ดีเพราะมีปากเสียงกับเพื่อนสนิทนิดหน่อยความจริงแล้วเซฮุนเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดเรื่องเขากับจงอินแต่ไม่รู้ว่าจะบอกยังไงให้จื่อเทาเข้าใจ
“ไอ้เด็กบะหมี่แฟนไอ้จงอินนี่หว่า”
“อ่าวพี่ลู่หานไม่เจอกันนานเลยนะครับ” เซฮุนแปลกใจเล็กน้อยกับสีผมใหม่ของลู่หาน
“เออดิกูหนีรักไปพักร้อนมา ชีวิตคนอกหักมันก็แบบนี้แหละมึงมีความรักก้รักษามันไว้ให้ดีๆนะ”
“พี่รู้เรื่องผมกับจงอินด้วยเหรอ ?”
“เห้ยนี่พวกมึงเป็นแฟนกันแล้วเรอะ ? เรียกกันสนิทสนมแบบนี้”
“อ่าครับ...” ตอนแรกที่ยืนคุยกันสองคนเซฮุนก็ไม่เขินเท่าไหร่หรอกแต่พอคนเริ่มเข้ามายืนหน้าร้านเยอะขึ้นแล้วเสียงลู่หานก็ไม่ได้เบาลงเลยสักนิดมันทำให้เซฮุนทำตัวไม่ถูกนอกจากส่งยิ้มเขินให้กับมนุษย์แถวนั้นที่กำลังมองมาด้วยความอยากรู้
ยื่นหูมาขนาดนี้มึงหันมาถามกูก็ได้ครับ ...
“จะไปหาไอ้ไคใช่ไหม ? เดี๋ยวกูไปด้วยๆ”
“อ่าครับ..”
หลังจากที่เข้ามาในห้องลู่หานก็บอกให้เซฮุนไปปลุกจงอินเพราะเจ้าตัวขี้เกียจจะฟัดกับคนขี้เซาแบบคิมจงอินถ้าไม่ใช่คนรักหรือแม่มันที่มาปลุกโดนถีบลงเตียงทุกราย ร่างบางเปิดไฟในห้องนอนแล้วเดินตรงมาที่เตียงเซฮุนนั่งลงบนเตียงเขาแกล้งดึงตุ๊กตาหมีที่จงอินกอดอยู่ออกจากอ้อมแขน
“อือ....” พอเห็นจงอินแสดงสีหน้าหงุดหงิดเซฮุนก็เลยนึกอย่างแกล้งโน้มตัวลงไปบีบจมูกคนที่นอนอยู่แล้วบิดไปมาด้วยความสนุก
“แกล้งกูสนุกไหม ?” ไม่รอให้เซฮุนขยับตัวหนีไปไหนแขนแกร่งยกขึ้นกอดรัดเอวบางเอาไว้แล้วกดร่างของอีกคนให้ลงไปที่เตียงแล้วย้ายตัวเองขึ้นมาคร่อมทาบทับร่างบางเอาไว้
“แล้วแกล้งหลับสนุกไหมล่ะ ?”
“ย้อนอ่อ ?”
“ไม่ได้ย้อนแค่ถาม...อื้อ อย่าดิ” เซฮุนหดคอเมื่อจงอินเริ่มจูบลงบนซอกคอขาว
“วันนี้ปล่อยให้กูรอทั้งวันจะทำโทษยังไงดี” จงอินผละตัวออกมาเล็กน้อยแล้วจ้องตาเซฮุน ร่างบางมีท่าทางอึกอักเล็กน้อยก่อนที่แก้มขาวใสจะขึ้นเป็นสีแดงอ่อนสุดท้ายเซฮุนก็เป็นฝ่ายหลบสายตามองไปทางอื่นก่อน
“เรียนถาปัตย์มันก็งานเยอะแบบนี้แหละ ลุกไปได้แล้วมันหนัก !”
“จูบก่อนดิเดี๋ยวลุกเลย”
“งั้นก็นอนอยู่ท่านี้ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นอ่ะ !”
“ถ้าอยู่ท่านี้นานกว่านี้อีกนิดกูว่าคงไม่ได้ทำแค่จูบ...”
“ในหัวคิดแต่เรื่องอย่างว่าหรือไงฮะนอกจากจะเสี่ยวแล้วยังกามอีก !” เซฮุนบ่นพร้อมกับบิดเข้าที่หัวนมของจงอินจนคนเป็นพี่ร้องโอยอาศัยช่วงที่จงอินเผลอใช้เข่าดันตัวคนเป็นพี่ออกแล้วลุกขึ้นเตรียมวิ่งหนีแต่ใช่ว่าจงอินจะไม่เร็วเขารีบดึงเซฮุนเอาไว้แล้วรวบตัวอีกคนให้ลงมานั่งบนตักใช้แขนแข็งแกร่งกอดเอาไว้แน่น
“หมดยุคคนแมนแล้วครับสุดหล่ออย่าขัดขืนพี่ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” เป่าลมใส่หูจนเซฮุนต้องย่นคอหนี
“อื้อ อ ....จงอินอย่า....”
ความอดทนของผู้ชายที่ชื่อคิมจงอินพังลงเพียงเพราะคนตัวบางนี่เรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงแบบนั้นแต่ที่น่าแปลกคือเซฮุนไม่ได้ขัดขืนเหมือนก่อนหน้านี้แล้วแถมยังยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาคล้องคอเขาเอาไว้หลวมๆ
“จะทำให้ได้เลยใช่ไหม หื้ม ?” คิมจงอินมีสีหน้าแปลกใจกับท่าทางของโอเซฮุนเพราะคนบนตักเขาตอนนี้กลายเป็นแมวยั่วสวาทไปแล้วทั้งท่าทางและสายตายั่วยวนเชิญชวนให้เขาจับฟัด
“ตอนแรกก็ว่าจะแกล้งเล่นแต่ถ้ามึงยอมกูก็ทำนะ...”
“ก็ทำดิ..” เซฮุนเอียงหัวเล็กน้อยสำหรับการรอรับจูบที่คนตรงหน้ากำลังส่งมาให้ ริมฝีปากทั้งสองคนประกบกันในที่สุดสัมผัสร้อนแรงกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง มือบางเลื่อนลงไปปลดกระดุมเสิ้อเชิ้ตของคนเป็นพี่ทั้งที่ริมฝีปากทั้งคู่ยังไม่แยกออกจากกัน
“อื้ม ....อื้อ..”
จงอินตั้งใจจะกดริมฝีปากตัวเองลงอีกครั้งแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักกับเสียงของผู้ที่นั่งรออยู่ด้านนอกนานแล้ว
“ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยย พวกมึงอย่าเพิ่งสร้างแลนด์มาร์คกันตอนนี้ได้ไหมกูหิวข้าว !!!!!!!”
ปัง !!!!!
“ถือว่าหายกันนะ” เซฮุนยักคิ้วให้จงอินด้วยสีหน้าอ้อนตีนสุดชีวิตก่อนจะรีบเด้งตัวลงจากตักแล้วหนีหายออกไปจากห้องนอนปล่อยให้คนเป็นพี่นั่งอารมณ์ค้างอยู่ในห้อง จงอินสบถคำด่าใส่ลู่หานไม่ยั้งก่อนจะติดกระดุมเสื้อตัวเองแล้วเดินออกไปกินข้าวตามเสียงเรียกของรุ่นพี่ที่ยังแหกปากไม่หยุด
คอยดูเถอะจะให้แบคฮยอนเอาคืนซะให้เข็ด !
ลู่หานนั่งกินข้าวฟรีจนอิ่มท้องก็เริ่มเล่าเรื่องที่ตัวเขาหายเงียบไปจากแบคฮยอนได้อาทิตย์กว่า ความจริงแล้วตัวเขาไม่ได้หายไปไหนเลยเพียงแต่ไม่ได้ออกมาให้แบคฮยอนเห็นก็แค่นั้น
“แล้วทำแบบนี้ได้อะไรวะ ?”
“กูก็หวังว่าเพื่อนมึงจะคิดถึงกูบ้างนึกว่าจะกินไม่ได้นอนไม่หลับคิดถึงกูแต่ไม่เลยแดกเยอะกว่าตอนกูอยู่อีก”
“มันเป็นคนปากแข็งคิดอะไรก็ไม่ยอมพูดไปให้มันเจอหน้าเหอะก่อนที่มันจะหมูไปมากกว่านี้”
“เออไว้กูจะลองคิดดู”
“ทำเป็นเล่นตัว”
“สัส ! คราวนี้เราเรื่องของพวกมึงมาให้กูฟังบ้างไปทำกันท่าไหนวะถึงมาเป็นแฟนกันได้” พอโดนถามเรื่องตัวเองโอเซฮุนก็ก้มหน้าก้มตากินบัวลอยไข่หวานที่ซื้อมาจากร้านป้าหน้าคอนโด
“ก็สองสามท่าแต่ไว้ครั้งหน้าจะลองท่าใหม่”
พรวดดดดดดดด !!!!
“แค่ก.....แค่ก ไปบอกเขาทำไม !!!” เซฮุนจ้องจงอินตาขวางแต่คนเป็นพี่กลับทำหน้าล้อเลียนเพราะเจ้าของเสียงดุกำลังหน้าแดง ลู่หานเบะหน้าใส่มนุษย์สองคนตรงหน้าที่จ้องแต่จะหวานใส่กันต่อหน้าคนอกหักช้ำรักอย่างเขา
“จ้องตากันขนาดนี้พวกมึงจะสานต่อจากเมื่อกี้ใช่มะ ? กูจะได้กลับ..”
“ฝากล็อคประตูด้วย”
ลู่หานจับหัวจงอินและเซฮุนโขกกันด้วยความหมั่นไส้จากนั้นก็โบกมือลาทั้งคู่แล้วเดินออกไปจากห้องด้วยความคิดที่ว่าจะง้อแบคฮยอนด้วยการพาไปกินโออิชิลดห้าสิบเปอร์เซ็นหรือบะหมี่โอดี.....
จงอินและเซฮุนมาเรียนด้วยกันตอนเช้าตามปกติ คนร่างบางรู้สึกเพลียเล็กน้อยเพราะเมื่อคืนโดนคนเป็นพี่ลากออกมาจากห้องนอนมาที่โซฟาเพื่อให้นั่งดูฟุตบอลเป็นเพื่อน ก็เข้าใจว่านอนเต็มอิ่มมาแล้วทั้งวันเลยนอนไม่หลับแต่ช่วยเห็นใจคนงานเยอะหน่อยไม่ได้หรือไง ...
“มึงไหวป่ะเนี๊ย ? มีเรียนบ่ายก็ไม่น่าจะมาเช้าขนาดนี้”
“ก็มันเพราะใครล่ะ !”
“อย่าโมโหดิก็บอกให้นอนต่อที่ห้องแล้วมาทำไม”
“ก็อยากมาเรียนพร้อมกันไง” ประโยคนี้เซฮุนพูดเสียงเบาแต่จงอินได้ยินมันชัดเจนเพราะแถวนั้นมีพวกเขาแค่สองคน จงอินแกล้งยีผมเซฮุนที่เจ้าตัวตื่นมาเซ็ตตั้งแต่เช้าจนยุ่งไปหมด เดินเลยมาอีกไม่ไกลก็ถึงหน้าตึกสถาปัตย์ ทั้งจงอินและเซฮุนต่างก็รู้สึกแปลกจากสายตาของคนบริเวณนั้นที่มองมาแล้วจบด้วยการกระซิบคุยอะไรกันสักอย่าง
ทั้งสองคนแยกทางกันตรงหน้าตึกคณะ เซฮุนกดโทรศัพท์หาจื่อเทาอีกครั้งแต่ก็ยังไม่มีใครรับสาย เขาจึงตัดสินใจเดินขึ้นไปข้างบนกะว่าจะนอนหลับสักตื่น โอเซฮุนเปิดประตูเข้ามาในห้องเขารู้สึกแปลกใจที่เห็นจื่อเทากำลังนั่งวาดรูปอยู่แล้วโทรศัพท์มือถือก็วางอยู่ข้างตัวแต่ทำไมเจ้าตัวถึงไม่รับสาย
“อ่าวมึงทำไมวันนี้มาเช้า กูโทรหาตั้งหลายครั้ง”
จื่อเทายังคงวาดงานเงียบๆเขาไม่ได้เหลือบมองเซฮุนหรือหันไปทางไหนนอกจากจ้องงานตัวเองแล้วลบเส้นเดิมๆอยู่หลายครั้งจนเซฮุนที่ยืนดูไม่ไหวเดินเข้ามาหวังจะช่วยวาดให้
“อย่ามายุ่งกับกู” เซฮุนชะงักเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนสนิทสั่ง
“แต่ถ้าลบอีกทีงานมึงจะขาด”
“มันก็เรื่องของกู มึงไปทำงานของมึงเหอะ” แน่นอนว่าการเป็นเพื่อนสนิทกันมันทำให้ต่างคนต่างรู้นิสัยกัน พวกเขาทั้งคู่ไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงและแน่นอนว่าเซฮุนก็จะไม่ปล่อยให้จื่อเทาเป็นแบบนี้
“มึงเป็นอะไรก็บอกกูมาดิวะ !”
“แล้วทำไมกูต้องบอกมึง”
“เพราะมึงเป็นเพื่อนกู”
แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ ฮวางจื่อเทายังคงเขียนงานต่อไปทั้งที่สมาธิเขาได้แตกกระเจิงไปตั้งแต่ที่เซฮุนเดินเข้ามาในห้องนี้แล้ว เซฮุนยังคงยืนอยู่ด้านหลังเขาไม่ยอมไปไหนแต่ลมหายใจเข้าออกมันทำให้จื่อเทารู้ดีว่าเซฮุนกำลังอดทนอดกลั้นมากแค่ไหน
“มึงคิดจะบอกกูเมื่อไหร่วะ...เรื่องที่มึงมีแฟน”
“เมื่อมึงถามกู”
ฮวางจื่อเทาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินออกมาเผชิญหน้ากับเซฮุน พวกเขาทั้งสองคนจ้องมองกันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใครและสุดท้ายฮวางจื่อเทาก็ตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากถามมากที่สุด
“มึงไม่รู้จริงๆเหรอวะว่ากูรู้สึกยังไงกับมึง...”
“ถึงกูจะรู้ว่ามึงรู้สึกแบบไหนแต่ความรู้สึกของกูมันก็เปลี่ยนไม่ได้เหมือนกัน”
“เพราะไอ้พี่วิศวะคนนั้นใช่ไหม ...”
“มันไม่ใช่เพราะใครต่อให้ไม่มีเขาเข้ามากูก็คิดกับมึงแค่เพื่อนสนิท”
บรรยากาศในห้องเงียบลงอีกครั้ง จื่อเทาเงยหน้าขึ้นมองเบดานก่อนจะหลับตาลงซ่อนความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้ ถึงจะรู้คำตอบอยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้แต่ตัวเขาก็ไม่อยากจะเสียโอเซฮุนให้ใครทั้งนั้นและที่สำคัญเขามาก่อนคิมจงอิน สายตาคมเหลือบไปเห็นใครบางคนที่ยืนมองอยู่ตรงหน้าประตูห้องเป็นคนที่ฮวางจื่อเทาอยากซัดหน้ามากที่สุดในตอนนี้
คิมจงอิน ....
ร่างสูงตัดสินใจหยิบกระเป๋าเป้ตัวเองขึ้นสะพายหลังถอดกระดานวาดรูปออกแล้วเดินออกไป ทั้งจงอินและจื่อเทามองหน้ากันนิ่ง เป็นอีกครั้งที่คิมจงอินรู้สึกว่าไอ้เด็กนี่หน้าตาโคตรกวนส้นตีนสักวันคงได้แลกหมัดกันสักครั้งดูจากท่าทางกวนประสาทนั่นแล้ว
“เย็นนี้เจอกันที่สนามบอลหน่อยไหม ” จื่อเทาพูดอย่างท้าทาย ณ เวลานี้ไม่มีคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้องแล้ว
“ก็เอาดิ”
“หึ.....”
จื่อเทาเดินออกไปแล้วตอนนี้ก็เหลือแค่จงอินกับเซฮุนเท่านั้น ร่างบางยังคงยืนอยู่ตรงนั้นแต่สีหน้าเรียบเฉยไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา คิมจงอินรู้ว่าเซฮุนกำลังลำบากใจแต่เขาก็ไม่อยากให้เซฮุนรู้สึกเครียด
“อย่าทำหน้าแบบนี้ดิ” จงอินพูดพร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาเซอุนแล้วกดหัวอีกคนให้ซบลงมาบนไหล่ โอเซฮุนหลับตาลงพร้อมกับกอดเอวจงอินเอาไว้แน่น เขาเสียใจที่พูดกับจื่อเทาไปแบบนั้น แต่ถ้าให้เขาเลือกระหว่างแฟนกับเพื่อนสนิทตัวเขาเองก็ทำมันไม่ได้อยู่ดีและก็ได้แต่หวังว่าจื่อเทาจะเข้าใจ
ช่วงพักกลางวันจงอินไปรับเซฮุนที่ตึกแล้วลากตัวให้มาอยู่ในห้องวิศวะด้วยกันกับเพื่อนของตัวเล็กของเขา แบคฮยอนยังคงทำหน้าทีเรียกเสียงเฮฮาเหมือนเดิมแถมยังดูร่าเริงมากกว่าทุกวัน
“เออว่าแต่ไอ้เด็กนั่นโคตรกล้าอ่ะมาท้ามึงแบบนั้น”
“มึงไม่มีอะไรจะพูดแล้วหรือไงวะแบคฮยอน” จงอินห้ามปรามเพื่อนตัวเองเพราะเขารู้ดีว่าคนที่กำลังนอนหนุนตักเขาอยู่นั้นไม่ได้หลับและเชื่อว่าเซฮุนกำลังฟังอยู่
“มีแต่กูอยากพูดเรื่องนี้”
“เมื่อวานกูเจอพี่ลู่หานด้วย”
“จริงอ่ะ ? มาทำอะไรแล้วทำไมมึงไม่โทรบอกกูวะ!!!”
“เดี๋ยวตอนเย็นมึงก็ได้เจอมัน”
“อย่าบอกนะว่า...”
“เออเย็นนี้มีฟุตบอลวิดวะกับสถาปัตย์ที่สำคัญมีลู่หานและไอ้ชานยอลลงด้วย”
“พวกมึงเล่นเหี้ยไรกันอยู่วะ”
“ก็ดีกว่าต่อยตีกันนะมึงแม่กูสอนไว้ว่าเป็นลูกผู้ชายไม่ควรใช้กำลังกับเรื่องไม่จำเป็น”
“เออจ่ะ....อีลูกกตัญญูเชื่อฟังคำแม่ทุกย่าง อย่าแพ้มาก็แล้วกันมึง”
จงอินยกไหล่ขึ้นพร้อมกับทำสีหน้ากวนประสาทใส่เพื่อนรักแล้วหันไปมองหน้าคยองซูที่ยังคงไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
“มองทำไมฮะ !”
“กูก็มองมึงปกติ” คยองซูตอบเสียงเรียบแล้วเท้าคางมองจงอินสลับกับเซฮุนที่นอนอยู่บนตักอีกครั้ง
“ไม่ได้หมายถึงกูแต่หมายถึงแฟนกูต่างหาก”
“ประสาท ..”
“อยากมีบ้างก็ควงมาที่คณะดิ ได้ข่าวว่ามีหนุ่มนิเทศหล่อรวยมารับมาส่งทุกวัน”
“อะไรมึง !”
“ไม่คิดจะเอามาเปิดตัวเพื่อนฝูงหน่อยอ่อวะ ?”
“หุบปากไปเลย สัส !”
คยองซูหยิบยางลบที่วางอยู่บนโต๊ะปาใส่เพื่อนที่ทำหน้ากวนประสาทใส่เขา จงอินหัวเราะเมื่อได้แกล้งเพื่อนตัวเองแล้วก็ยกหน้าที่ต่อไปให้แบคฮยอนในการกวนประสาทต่อ ส่วนตัวเขาเองก็หันมาสนใจคนที่นอนเอาเสื้อกันหนาวปิดหน้าอยู่บนตัก คนเป็นพี่จับมือน้องมาบีบเอาไว้เพื่อต้องการจะบอกให้เซฮุนรู้ว่ายังมีเขาที่อยู่ตรงนี้ จงอินคิดเสมอว่าการส่งกำลังใจด้วยท่าทางและการกระทำมันสื่ออะไรได้มากกว่าคำพูดและเขาก็รู้ว่าเซฮุนรับรู้ถึงความรู้สึกนี้
“คนแมนเขาไม่ร้องไห้กันนะเว้ย”
“ได้ร้องหรอกหน่า..” เซฮุนตอบกลับมาด้วยเสียงอู้อี้
“นอนหลับไปเลยก็ได้เดี๋ยวบ่ายแล้วปลุก”
“อืม..”
จงอินลูบหัวเซฮุนเพื่อกล่อมให้หลับ ไม่รู้ว่าผลการแข่งขันเย็นนี้จะออกมาเป็นแบบไหนแต่ถ้าจะมาบอกให้เขาถอยเรื่องเซฮุนเขาไม่มีวันยอมแน่
แฟนใครไคก็หวงป่ะวะ ....
__________________________________________
มาอัพละขอโทษที่ช้ามากติดกิจกรรมรับน้องอ่ะ
นี่ก็อัพน้อยต้องขอโทษจริงๆ อีกประมาณสองตอนจบแล้ว
ส่วนเรื่องรวมเล่มเดี๋ยวมาบอกอีกทีนะ ช่วงนี้ยุ่งมาก
อย่าเพิ่งเบื่อนะจะจบแล้ว T.T
#ฟิคคนแมน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตอนเย็นไม่ได้มีแค่คู่เดียวเท่านั้น ยังมีคู่แบคอีก ตื่นเต้นนนนน
แถมยังไปขัดจังหวะไคฮุนเค้าอีก อิอิ อิอิ
คนแมนขี้ยั่วขึ้นมากกก จงอินนางก็คลุมตัวเองไม่ค่อยจะอยู่หรอก
สติพัง เอะอะกามใส่หื่นใส่ โทษตัวเองเลยนะน้องงุน ><
จื่อกับจงอินจะเปิดศึกกันจริงๆแล้วอ่ะ หลังจากฉะกับน้องงุนมาแล้ว
จื่อคงปรี๊ดมาก แบบกุชอบของกุมาตั้งนาน จงอินแม่งซุ่มสอยไปซะงั้น
แต่นี่ลุ้นหนุ่มนิเทศของคยองอ่ะ เค้าเป็นใคร งือออเราอยากรู้
อย่าตีกันเลยยเดี๋ยวคนแมนของเลาจะไม่สบายใจจจจ
อยากอ่านนนน
จงอินนี่ก็ไม่เอะใจอะไรเล้ยยยยยยยย ปล่อยให้น้องมันหลอก 5555555555
55555555555555555555555
พี่หาน ทำไมรู้สึก
พี่หล่อขึ้นนน