คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : - บทที่สาม : ความลับ . ความรัก
๐๓
ความลับ , ความรัก
ทั้งที่แต่งตัวและแต่งหน้าเตรียมพร้อมที่จะออกไปข้างนอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากแค่เพียงก้มหน้าลงไปกระซิบข้างหูของคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงเพื่อบอกถึงสถานที่และชื่อของลูกพี่ลูกน้องผู้ที่เธอกำลังจะไปพบก็กลับถูกคนที่ดูเหมือนว่าจะแกล้งทำเป็นหลับดึงลงไปนอนอยู่ข้างกันก่อนจะพลิกตัวขึ้นมาอยู่ข้างบนพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ฮานาบิยอมรับว่ามันไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย
“ไม่เอา” รีบบอกปฏิเสธราวกับล่วงรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะกระทำสิ่งใดกับตนเอง ขยับตัวไปมาแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรมากไปกว่านั้น “เออิจิโร่ยังไม่ได้ล้างหน้าเลยนะ”
“ก็ไม่เคยรังเกียจไม่ใช่เหรอ?” คำพูดยอกย้อนหากเป็นความจริงอย่างแน่แท้ภายใต้รอยยิ้มหวานเช่นนี้ทำเอาฮานาบิถึงกับพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ขยับปากมุบมิบเป็นเชิงบ่นเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง
เรียกเสียงหัวเราะจากเออิจิโร่ได้เป็นอย่างดี
ก่อนที่เขาจะค่อยก้มหน้าลงมาใกล้และฮานาบิก็รีบหันหน้าหนีไปอีกทางจนริมฝีปากของอีกฝ่ายสัมผัสได้เพียงแก้มเนียนสีชมพูจากเครื่องสำอางที่เพิ่งจะแต่งแต้มลงไปเท่านั้น
“เดี๋ยวลิปสติกมันจะเลอะ”
ฮานาบิรีบแก้ตัว
“ใจร้าย!”
ก่อนที่หญิงสาวจะรีบพาตัวเองเขยิบหนีจากมือหนาที่อ่อนลงจนเธอสามารถหลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่อีกฝ่ายก็เลื้อยกลับไปนอนคว่ำหน้ากอดหมอนแล้วทำท่าว่าจะร้องไห้โฮเสียให้ได้
“ฮานาบิใจร้ายที่สุดเลย”
พูดซ้ำๆจนคนที่ยันตัวเองขึ้นนั่งพลางจัดแต่งทรงผมให้เข้าที่รู้สึกผิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ถึงกระนั้น ฮานาบิก็ไม่ได้ก้มหน้าลงไปรับสัมผัสจากริมฝีปากที่คุ้นเคยในยามเช้า
“งั้นเย็นนี้จะชดใช้ให้ยิ่งกว่าจูบก็แล้วกัน”
แค่เพียงคำพูดสั้นๆประโยคเดียวเท่านั้น...และเมื่อประตูห้องปิดลง เออิจิโร่ก็หลุดยิ้มออกมา
นี่เธอพูดอะไรออกไปกันเนี่ย?
เพิ่งจะมานึกได้ว่าไม่ควรจะเอ่ยคำพูดน่าอายเช่นนั้นออกไปเลยจริงๆ แต่มันก็ดูท่าว่าจะสายไปแล้วสินะที่จะเรียกคำพูดซึ่งหลุดไปกลับคืนมา? คิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงวาบขึ้นมาจนอากาศวันนี้ก็ดูเหมือนจะสูงขึ้นกว่าปกติทั้งที่มันเย็นสบายดีออกแท้ๆ
ถึงแม้ว่าเธอกับเออิจิโร่จะมีความสัมพันธ์ในแบบ...เอ่อ...แม้แต่ฮานาบิก็ยังไม่รู้เลยว่าควรจะนิยามมันเป็นเช่นไร? แต่ที่แน่ๆคือพวกเขา’ไม่ใช่’คนรักกัน ถึงจะดูคล้ายแบบนั้นก็ตามเถอะนะ แต่ก็ไม่ใช่!
ความสัมพันธ์อันคลุมเครือแบบนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยที่พวกเขาอยู่ชั้นไฮสกูลปีสุดท้ายจนกระทั่งปัจจุบัน ฮานาบิยังไม่เคยนึกอยากมีคนรัก แค่ได้มีใครสักคนให้คิดถึงและห่วงใยเช่นเออิจิโร่ ด้วยสถานะที่เป็นอยู่นี้สำหรับฮานาบิแล้ว การที่เขายอมรับและเข้าใจก็ถือว่าเป็น’เรื่องยอดเยี่ยม’ที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตแล้ว
เป็นหนึ่งในพลังงานที่เติมเต็มความสุขและหัวใจสีชมพูของมิโซระ ฮานาบิให้ขับเคลื่อนและทำงานต่อไปในทุกวันอย่างไม่ย่อท้อ
แค่ได้มีกันและกันแบบนี้ก็ดีมากแล้ว
ฮานาบิและเออิจิโร่ไม่เคยคิดว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง...
“ไม่ไปไม่ได้เหรอ?”
พูดพลางสวมกอดร่างบางผู้มีใบหน้างดงามและดูโดดเด่นยิ่งกว่าหญิงสาวคนไหนๆจากทางด้านหลังโดยไม่แม้แต่จะสนใจว่าจะมีใครผ่านไปมาและสนอกสนใจพวกเขาหรือไม่?
ในเมื่อคนอย่างมัตสึโมโต้ จุนเคยแคร์อะไรเสียที่ไหน?
น้ำเสียงออดอ้อนที่แทบจะไม่เคยมีใครได้ยินหรือได้ฟังของจุนทำให้หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้ม
ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจหรอกหรือ...?
“ไม่ได้หรอก”
“โชมันไม่โกรธหรอกน่า”
‘อาคุตะงาวะ มิทสึกิ’รู้สึกได้ถึงแรงกอดรัดที่แน่นขึ้นและริมฝีปากซุกซนที่ค่อยเลื่อนไปตามลำคอของเธอจนต้องรีบแกะแขนของอีกฝ่ายและถอยห่างออกมา
“ไม่เอาน่ะจุน! คนเยอะออกขนาดนี้”
“แล้วจะไปสนใจทำไมเล่า!” จุนทำหน้าเซ็งเมื่อรู้สึกเหมือนกับว่าถูกผลักไส
“ถ้าเผื่อคนรู้จักมาเจอล่ะ...เธอก็รู้นี่ว่าฉันเป็นคู่หมั้นของโช”
คนที่ไม่พอใจยิ่งกลอกตาทำหน้าเซ็งมากขึ้นไปใหญ่ “โชๆๆ เฮอะ! ทำอย่างกับว่าเธอแคร์มันมากกว่าฉันอย่างนั้นแหละ”
มาถึงตอนนี้ มิทสึกิเริ่มจะรู้ว่าพูดอะไรไปกับจุนก็คงจะเปล่าประโยชน์โดยสิ้นเชิงยิ่งเมื่อมีชื่อของคู่หมั้นของเธอและเพื่อนสนิทของเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว สถานการณ์ทุกอย่างก็ดูจะย่ำแย่ลงไปทุกขณะจนมิทสึกิต้องถอนหายใจออกมาแรงๆ บอกลาจุนอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจว่าเขาจะชอบใจหรือไม่
เมื่ออีกฝ่ายนิ่งเงียบ เธอจึงหมุนตัวหันหลังให้แล้วเดินข้ามถนนไปยังอีกฝั่งก่อนจะหายลับไปเมื่อรถบัสขับเคลื่อนผ่าน
จุนสบถออกมาด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวอย่างที่สุด
ก่อนที่นัยน์ตาคมจะสบเข้าให้กับหญิงสาวผมสั้นที่เขาจำได้ว่าเธอคือนักร้องของมูนริเวอร์ หรืออีกนัยหนึ่ง เธอก็คือลูกพี่ลูกน้องของว่าที่คู่หมั้นของอาคุตะงาวะซึ่งปรากฏสีหน้าตกใจจนคล้ายกับว่ามันจะถอดสีเมื่อเห็นเขาเข้าให้
มัตสึโมโต้ จุนมั่นใจว่าเธอเห็นภาพเหตุการณ์ระหว่างเขากับมิทสึกิตั้งแต่ต้นอย่างแน่นอน
“อ๊ะ!”
เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงร้องอุทานของซาโตมิ อดไม่ได้ที่จะต้องมีสีหน้าประหลาดใจ
“เชิญค่ะ” ก่อนที่หญิงสาวจะทำหน้าที่พนักงานร้านราเมงซึ่งสวมผ้ากันเปื้อนเหมือนกับพนักงานคนอื่นๆแล้วเชื้อเชิญให้ซาโตชิกับเอริกะที่ซาโตมิรู้จักจากหน้านิตยสารนั่งที่มุมในสุดของร้าน
คำถามที่ว่า ‘เขาทั้งคู่เป็นคนรักกันอย่างนั้นหรือเปล่านะ?’ วนเวียนอยู่ในหัวหากไม่แสดงออกผ่านทางสีหน้าเลยแม้แต่นิด
“ซาโตมิจังใช่มั้ย?” เมื่อคนที่ยืนรอรับออเดอร์พยักหน้า ใบหน้าสวยของเอริกะที่เป็นจุดสนใจของแทบจะทุกคนในร้านก็ส่องประกายด้วยรอยยิ้ม “ฉันเอโนโมโต้ เอริกะ เพื่อนของซาโตชิ ยินดีที่ได้รู้จักซาโตมิจังนะ”
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” ซาโตมิเอ่ยเสียงแผ่ว ก้มหัวลงนิดหนึ่งเป็นการทักทายคนที่อายุมากกว่า
โดยปิดบังความรู้สึกหม่นหมองและอดไม่ได้ที่จะนึกเปรียบเทียบตัวเองกับเอโนโมโต้ผู้ที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวอยู่ในใจ
แม้จะมีคำพูดมากมายจากพวกเขา เธอก็เพียงแค่ตอบรับไปอย่างไร้จิตวิญญาณ เมื่อจดรายการอาหารแล้วก็โยนหน้าที่เสิร์ฟโต๊ะนั้นให้กับเพื่อนร่วมงานแทน
ส่วนตัวเธอเองได้แต่แอบมองคนทั้งคู่หัวเราะและยิ้มอย่างมีความสุข แม้จะไม่ได้ยินบทสนทนาใดๆของพวกเขาจากที่ไกลๆตรงนี้ก็ตาม
เธอคงจะไม่มีวันเป็นคนที่พูดคุยและทำให้พี่ชายหัวเราะได้อย่างที่เอโนโมโต้ทำอย่างแน่ๆ
ตอนนั้นเองที่ซาโตมิตระหนักได้ว่าโลกที่เงียบเหงาของเธอมันช่างอ้างว้างเพียงใด...
โทรศัพท์มือถือเครื่องสีเงินของฮานาบิส่งเสียงร้องมาจากกระเป๋าสะพายที่ข้างตัว หากเจ้าตัวไม่กล้าแม้แต่จะหยิบมันขึ้นมาด้วยซ้ำจนคนที่นั่งตรงกันข้ามต้องเอ่ยปากอย่างรำคาญ
ดังนั้นแล้ว ฮานาบิจึงค้นหยิบมันอย่างร้อนรน หากพอหยิบมันขึ้นมาก็ถูกชายหนุ่มฝั่งตรงกันข้ามฉวยเอาไปดื้อๆเสียอย่างนั้น
“โชจัง?” อ่านชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอแล้วก็พ่นลมหายใจคล้ายเป็นเชิงเยาะเย้ยก่อนกดตัดสายทิ้งไปและถือวิสาสะปิดเครื่องมือถือของเธออย่างไม่ใยดี
“เอ่อ...ฉันคิดว่าคงจะต้องรีบไปแล้วล่ะค่ะ คิดว่าโชซังคงจะโทรมาตาม”
สีหน้าของผู้หญิงที่ชื่อฮานาบิในสายตาของจุนตอนนี้ดูน่าหัวร่อ แต่การที่เธอเอาแต่ทำท่าเหมือนกลัวเขาแบบนี้มันก็ดูน่ารำคาญมากเหมือนกัน ยิ่งได้ยินชื่อของผู้ชายที่เขานึกโมโหจากมิทสึกิมาตั้งแต่เช้ายิ่งทำให้อารมณ์ของจุนคล้ายกับจะปะทุออกมาได้ทุกเมื่อ
“หยุดสักที”
“เอ๊ะ?”
ด้วยคำพูดของอีกฝ่ายนั้นช่างแสนเบาจนฮานาบิไม่ทันจะได้ยินอย่างชัดเจน
“เลิกพูดถึงไอ้โชมันสักทีได้มั้ย!?”
เธอถึงกับสะดุ้งเฮือกและเนื้อตัวก็ยิ่งลีบเล็กลงราวกับจะหดหายไปเสียตรงนั้นให้ได้
ไม่น่าจะมารับรู้เรื่องราวอะไรแบบนี้เลยจริงๆ...
“ฉัน...” ตัวยิ่งหดเล็กลงไปทุกทีเมื่อเห็นนัยน์ตาปลาบจ้องมองเธอนิ่งอย่างนั้น “ฉันคิดว่าต้องไปแล้วค่ะ” พรวดพราดลุกขึ้น ไม่ลืมคว้าเอาสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ข้างถ้วยกาแฟของจุน แต่ทว่าข้อมือเล็กก็ถูกคว้าหมับและจับมันเสียแน่น
“ฉันยังไม่หมดธุระกับเธอ”
ยิ่งพยายามสะบัดตัวเองให้หลุดเท่าไหร่ก็ดูเหมือนว่าจะรังแต่ทำให้ตัวเองเจ็บตัวเปล่าๆเท่านั้น
มิโซระรู้สึกอยากจะร้องไห้เป็นครั้งแรก และใบหน้าที่เคยฉายรอยยิ้มตลอดเวลาก็ไม่เหลือเค้าให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
ผู้ชายที่ชื่อมัตสึโมโต้ จุนกำลังทำให้เธอกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“คิดว่าเราคงต้องการที่ๆเป็นส่วนตัวมากกว่านี้”
ข้อมือของฮานาบิที่ถูกฉุดรั้งไปตามแรงกระชากของจุนยิ่งเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ
ห่างออกไปไม่กี่มุมถนนที่มูนริเวอร์ซึ่งเปิดเป็นร้านอาหารในยามเช้า โชยกข้อมือข้างซ้ายขึ้นมาดูนาฬิกาไม่รู้จะกี่รอบจนหญิงสาวคนที่นั่งข้ามกันต้องปรามให้หยุดก่อนที่เธอจะปวดหัวมากไปกว่านี้
“สายนิดสายหน่อยไม่เป็นไรหรอกน่า” คนที่ไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไรกับการมาสายแค่ไม่กี่นาทีเอ่ย
“แต่ทุกทีฮานาบิไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่นา” ซากุราอิบ่นอุบอิบ เมื่อยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูอีกครั้ง มิทสึกิก็เอนตัวไปข้างหน้าและตีข้อมือคนขี้กังวลเสียหนึ่งที
เขาร้องโอดครวญในขณะที่อีกคนยกแก้วน้ำขึ้นจิบ แสร้งไม่สนใจกับการกระทำของตัวเองก่อนหน้า
ไม่ทันจะได้เอาคืน สมาร์ทโฟนก็ส่งเสียงครืดคราดแสดงว่ามีข้อความเข้า
‘ เผอิญมีธุระด่วน ขอโทษจริงๆนะคะ ‘
คล้ายกับเป็นข้อความที่อีกฝ่ายพิมพ์อย่างเร่งรีบจนโชเองก็จับสังเกตได้ อาจเพราะทุกทีฮานาบิจะส่งข้อความยาวเหยียดหรือถึงแม้ว่ามันจะสั้น หากก็ต้องมีอีโมติค่อนแทรกเสริมมาด้วยให้ดูน่ารักน่าเอ็นดูแก่โชเสมอๆ
เมื่อเขาระบายความสงสัยให้กับมิทสึกิ หญิงสาวก็ยังคงไม่วายบอกว่าเขาคงจะกังวลมากเกินไป
“อย่างงั้นเหรอ...”
ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจแต่โชก็เก็บสมาร์ทโฟนสีดำกลับคืนที่เดิม เลิกกังวลกับการเฝ้ารอคอยลูกพี่ลูกน้องที่คงจะไม่มาเจอกันในวันนี้แล้วหันมาสนใจกับคู่หมั้นแทน
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ถือโอกาส’เดท’กับมิทสึกิแทนก็คงจะไม่เป็นการเสียเวลาหรอกนะ พลันโลกของซากุราอิก็คล้ายกับมีดอกไม้ปลิวปลิวไปทั่วในฤดูใบไม้ผลิ
ร่างของเธอถูกเหวี่ยงลงไปกับรถสปอร์ตแบรนด์ญี่ปุ่นสีดำอย่างแรงโดยที่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีห่วงใยด้วยซ้ำว่าเธอจะรู้สึกเจ็บหรือไม่? หัวของเธอถูกกระแทกกับประตูรถจนรู้สึกเจ็บปวดมากอย่างไม่อาจห้าม แม้สีหน้าเธอจะแสดงออกถึงความเจ็บปวดมากเพียงไหนก็ไม่เป็นผลกับคนที่เข้ามานั่งอยู่ด้วยกันบนเบาะหลัง
“เธอเคยคิดถึงเรื่องแบบนี้มาก่อนมั้ย?”
น้ำเสียงที่เยือกเย็นจับใจส่งผลให้หญิงสาวผงะและพยายามจะถอยห่างจากจุนแม้จะไม่มีหวังที่จะหลุดพ้นออกจากที่นี่ได้เลยก็ตาม
“ฉันสัญญาว่าจะไม่บอกโชซังเรื่องคุณกับมิทสึกิซังจริงๆนะคะ ฉันจะไม่บอกใครเลยทั้งนั้น”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอกนะ”
“ฉะ...ฉันไม่เข้าใจ”
“ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจ”
จูบที่รุนแรงเสียจนรู้สึกได้ว่ามันเจือปนไปด้วยความโกรธแค้นที่ฮานาบิไม่อาจเข้าใจ และสัมผัสที่รุนแรงช่างทรมานจนเหมือนกับว่าตัวเองจะแหลกสลายอยู่ภายใต้ร่างของจุนที่ไม่แม้แต่จะใส่ใจถึงความรู้สึกของเธอเลยสักนิด
มิโซระไม่อาจจะเข้าใจว่าเขาทำแบบนี้กับเธอไปเพื่ออะไร?
“ซาโตมิ”
“.....”
“ซาโตมิ” ร้องเรียกซ้ำอีกครั้งเมื่อเจ้าของชื่อเอาแต่ยืนเหม่อเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
‘ซาซาซากิ ยูระ’จึงเข้าไปสะกิดร่างบางของพนักงานเสิร์ฟหญิงคนเดียวในร้านและส่งรอยยิ้มที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยไปให้จากใจจริง
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เธอส่ายหัว แต่ยังไม่ทันที่ยูระจะได้พูดอะไรต่อไป ลูกค้ารายใหม่ก็เข้ามาและเมื่อเห็นหน้าพวกเขา ซาโตมิก็รีบเดินจากเขาไปทันที
ยูระได้แต่ยิ้มแกนๆ ก่อนคนที่มีน้ำเสียงและหน้าตาคล้ายกันแทบจะทุกกระเบียด แตกต่างกันก็แค่ผมสีทองของเขาและสีน้ำตาลของอีกคนที่พอจะให้ทุกคนแยก’ฝาแฝดซาซาซากิ’ออกจากกันได้
“อย่าพยายามเลยจะดีกว่านะ”
“นายควรจะเก็บไว้บอกกับตัวเองดีกว่า”
ยูระย้อน‘ซาซาซากิ คิระ’คนน้องด้วยน้ำเสียงดูแคลนไม่แพ้กัน
อีกครั้งที่ความแค้นเคืองได้พอกพูนเข้าไปข้างในใจของฝาแฝดคู่นี้
ซาโตมิถึงกับตาโตและพูดไม่ออกเมื่อได้รับรู้ว่าไอบะ มาซากิ...ผู้ชายคนที่ใจดีกับเธอเมื่อวานนั้นจะมีลูกสาวอายุห้าขวบอยู่แล้วทั้งคน!
จากการคาดคะเน ซาโตมิคิดว่าเขาน่าจะมีอายุพอๆกับซาโตชิ และการมีลูกสาวอายุห้าขวบแบบนี้ก็หมายความว่าเขามีโคฮารุตั้งแต่อายุสิบแปดสิบเก้าอย่างนั้นเหรอ?
มันเหลือเชื่อมากจริงๆ!
“มาม๊าของซาโตมิซังเสียไปแล้วใช่มั้ยคะ?”
หลังจากที่เธอเอาราเมงมาเสิร์ฟแก่ลูกค้าร่วมบ้านเช่าทั้งสองแล้ว โคฮารุก็ชักชวนซาโตมิพูดคุยด้วยน้ำเสียงแหลมเล็กสดใส
หากเรื่องที่โคฮารุพูดขึ้นทำให้ซาโตมิพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง ได้แต่พยักหน้ารับช้าๆด้วยแววตาเศร้าสร้อย
“โคฮารุจังพูดอะไรแบบนั้น” มาซากิซึ่งเป็นผู้ใหญ่กว่าไม่อาจห้ามปรามเด็กน้อยได้ทัน เขาได้แต่ขอโทษขอโพยแทนโคฮารุและซาโตมิก็รีบสั่นหัวส่งยิ้มฝืนๆไปให้กับมาซากิเพื่อบอกว่า’ไม่เป็นไร’
“โคฮารุก็ไม่มีแม่ค่ะ”
เด็กน้อยยังคงไม่หยุดพูด ทว่าคำพูดที่หลุดออกจากปากของโคฮารุถัดมากลับทำให้นัยน์ตาของซาโตมิเปลี่ยนไป กลายเป็นความสงสัยที่เข้ามาและจ้องมองไอบะคนพ่อแทนอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่มี...แม่อย่างนั้นเหรอ?”
“มาซากิคุงบอกว่ามาม๊าไปอยู่บนท้องฟ้าคอยเฝ้ามองโคฮารุอยู่ค่ะ” ชี้ไปยังท้องฟ้าภายนอกที่มองเห็นลิบๆจากภายในร้านที่ถูกบดบังด้วยป้ายผ้าหน้าประตูที่ค่อยปลิวไปตามลม
“เพราะฉะนั้น มาม๊าของซาโตมิซังก็จะต้องไปอยู่บนท้องฟ้าคอยเฝ้ามองดูซาโตมิซังเหมือนกับมาม๊าของโคฮารุอย่างแน่นอนค่ะ”
รอยยิ้มของโคฮารุและนัยน์ตาที่ส่องประกายวิบวับด้วยความเชื่อมั่นในคำพูดของตัวเองทำให้น้ำใสๆคล้ายจะไหลรินลงมา
รีบยกมือขึ้นปาดมันออกแม้จะคลออยู่ที่ขอบตาเท่านั้น เธอยังคงยึดมั่นกับคำสัญญาของตัวเองที่ว่าจะไม่มีวันร้องไห้อีกเป็นอันขาด
ยิ่งจะไม่มีวันร้องไห้หรือปล่อยให้น้ำตาไหลต่อหน้าคนอื่นไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม…
ก่อนที่ซาโตมิจะขอตัวหลบไปหลังร้าน มาซากิก็หยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นส่งมันให้กับเธอ
ไม่มีคำพูดใดๆนอกจากรอยยิ้มที่เข้าใจของเขา ในตอนนี้...ซาโตมิเริ่มจะไม่แน่ใจแล้วว่าหัวใจของตัวเองกำลังเต้นแรงเพราะอะไร?
หลังจากได้รับโทรศัพท์จากปลายสายที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นโดยไม่รอช้า เขารีบวิ่งออกไปยังสวนสาธารณะซึ่งในเวลาที่ท้องฟ้ามืดเช่นนี้ก็ไม่ค่อยจะมีผู้คนผ่านไปมาแล้ว
ร่างบางของฮานาบินั่งตัวสั่นแว่วเสียงร้องไห้ดังมาจนเออิจิโร่ไม่รอช้าที่จะโผเข้าไปหาเธอและสวมกอดเธอไว้แน่น
ไม่เอ่ยถามเรื่องราวที่เธอยังไม่อยากพูด
แค่เพียงประโยคเดียวที่พูดซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับลูบกลุ่มผมของเธอเป็นการปลอบโยนหัวใจที่เจ็บช้ำ
“ฉันอยู่กับเธอแล้วฮานาบิ”
เสียงร้องไห้ของเธอดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด...ไม่ต่างจากหัวใจของเขาในตอนนี้เลย
青空のナミダとあゆ。
firstdate: 2012年7月12日
อย่าถามว่าคึกมาจากไหน? ไม่รู้เหมือนกัน เค้าเมา *หัวเราะ* แต่ที่แน่ๆ . . ตอนที่สามมันมาแล้ว 55555
อ่านแล้วอาจจะเกิดความรู้สึกที่ว่า 'มันคืออะไร' ใช่มั้ย :p ฮิๆ ไม่ได้ไหลไปตาม 君と風と三日月 ของแฝดจุนโกะจริงๆนะ!
คิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องมีฉากให้จิ้นในตอนนี้ตั้งนานแหละ อิๆ ~ ตอนนี้ 'ดราม่า' ของจริงมาแล้วนะจ่ะ !
เป็นตอนที่อุทิศเพื่อฮานาบิ(เหรอ) กับการถูกย่ำยีจากพระเอก(เหรอ)ชั่วอย่างจุน -_-' และพระรองโคตรแสนดีอย่างเออิจิโร่
/ ชอบอิจุนบทนี้มาก ดูเลวดีนะ 55555 ! เหตุผลที่จุนกระทำเพราะว่าจริงๆแล้วมัน 'เหงา' น่ะ เพราะมันไม่กลัวเรื่องคบชู้จะแดงอยู่แล้ว
ถ้าอ่านๆดูแล้วจะรู้เลยว่าฮานาบินี่จริงๆไม่ได้เข้มแข็งเลยนะนั่น ! เธออ่อนแอเพราะคอยพึ่งพาเออิจิโร่มาตลอด .
ส่วนซาโตมินี่เริ่มเอียงมาทางไอบะ อาจเพราะว่ารอยยิ้มและความอบอุ่นแบบที่เธอไม่มีก็เลยเริ่มชอบขึ้นมา
และความคิดของซาโตมิตอนนี้ก็คือพี่ชายตัวเองก็มีเอริกะอยู่แล้วทั้งคน , เหมือนคิดอยู่กลายๆว่าเราสู้ไม่ได้น่ะ
บอกแล้วว่าเข้าใจนิสัยของคนอย่างซาโตมิจริงๆนะ >< แต่ไอบะจะเป็นพระเอกมั้ยและโอโนะจะเป็นแค่พี่ชายป่าว ? อันนี้ยังไม่ได้คิด
หิหิ ~ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้กำลังสนุกกับฉากของฮานาบิและมัตสึจุนมาก -..- บอกได้เลยว่าฮานาบิโดนทำร้ายแน่นอน 55
และถึงแม้จะแต่งให้ชวนจิ้นไม่ได้มากนัก แต่ก็ขอยอมรับว่าสนุกกับการแต่งฉากนี้มาก 55555 จะพยายามต่อๆไปจ้ะ ! ><
ปล.เพลงตอนนี้คือ be with you ของ Tiara นะจ้ะ เพราะมากกกกกกกกคูณล้านๆ ~
เป็นเพลงที่อยากให้กับคู่รักและคู่แอบรักทุกคู่ในตอนนี้เลย (ส่วนอิจุนเชิญถอยไป) โดยเฉพาะฮานาบิและเออิจิโร่
แทนความรู้สึกได้อย่างดีมาก ~ ยอมรับว่าแต่งแล้วแอบสงสารคู่นี้มากที่สุดแล้วในตอนนี้เลย เศร้า ( ; ; )
* สุดท้ายนี้แค่คลิกเข้ามาดูก็ขอขอบคุณมากๆแล้วจ่ะ แล้วมาร่วมติดตามชีวิตของพวกเขาไปด้วยกันนะ :-)
ความคิดเห็น