ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tears of the blue sky ☂ -青空のナミダ-

    ลำดับตอนที่ #4 : - บทที่สอง : แมลงเต่าทอง . บนท้องฟ้าสีฟ้า

    • อัปเดตล่าสุด 5 ส.ค. 55


















    ๐๒

    แมลงเต่าทอง , บนท้องฟ้าสีฟ้า







     

    เปิดฝาพับของโทรศัพท์มือถือเครื่องสีชมพูที่แน่นิ่งอยู่ข้างหมอนขึ้นมาดูเวลาเมื่อแสงแดดเริ่มจะทะลุผ่านบานหน้าต่างเข้ามา เพิ่งจะเก้าโมง แต่เธอกลับลืมตาตื่นเสียเต็มที่โดยไร้ซึ่งความง่วงเหงาหาวนอนใดๆ นั่นคงเป็นผลพวงจากการที่เมื่อคืนเธอเข้านอนเช้าเป็นประวัติการณ์เอาตอนสามทุ่มกว่าแน่ๆ

    ด้วยไม่รู้ว่าการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพี่ชายมันควรจะเป็นเช่นไร? แม้กระทั่งการนั่งดูรายการทีวีร่วมกันยังน่าอึดอัดเสียจนเธอต้องขอปลีกตัวเข้ามาอยู่ในห้องนอนเพียงลำพัง นึกถึงช่วงเวลาที่มีแม่ผู้เข้าใจเธอได้มากที่สุดก็ทำท่าว่าหยาดน้ำตาจะไหลรื้นขึ้นมาที่ตรงขอบตา หากก็กลั้นมันเอาไว้เพราะกลัวคนที่อยู่ข้างนอกซึ่งปิดทีวีจนเหลือเพียงความเงียบเชียบจะได้ยินมันเข้า

    ...และเธอก็สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะไม่ร้องไห้อีกแล้วไม่ใช่หรือ?

     

     

     

     

    ช่วงเวลาเช้าของวันธรรมดาเช่นนี้ย่อมไม่แปลกที่บ้านเช่าเล็กๆแห่งนี้จะยิ่งเงียบเชียบเพราะผู้คนออกไปทำงานกันเกือบหมด นั่นทำให้ตัวเธอตระหนักได้ว่าตัวเองก็ควรจะหางานทำได้แล้วเช่นเดียวกัน ด้วยไม่นึกอยากจะเป็นภาระให้กับซาโตชิมากไปกว่านี้ เมื่อวานเหมือนจะเห็นร้านอาหารเล็กๆเรียงรายอยู่แถวสถานี บางที...ที่นั่นอาจจะพอมีงานให้เธอทำได้บ้าง

     

    ตอนที่กระชับกระเป๋าสะพายข้างตัวจะเดินออกจากกำแพงของบ้านเช่านั้นเอง หญิงสาวก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆก็มีจักรยานพุ่งฉิวเข้ามาในระยะประชิดอย่างแทบจะไม่ทันได้ตั้งตัว

    “ขอโทษครับ! ชายหนุ่มคนที่เป็นตัวต้นเหตุขี่จักรยานมารีบร้อนขอโทษขอโพยซาโตมิแทบจะในทันที แต่เธอก็เพียงสั่นหัวเพื่อบอกว่าไม่เป็นไรแล้วขยับตัวหนีออกห่างจากจักรยานคันนั้นแทน

    “ขอโทษครับ” เขาพูดย้ำอีกครั้งเมื่อหญิงสาวทำท่าว่าจะเดินหนี

    นั่นเรียกความสนใจจากคนที่กำลังจะก้าวฝีเท้าจากไปได้เป็นอย่างดี เธอหันกลับมามองเขาอีกครั้งหนึ่งด้วยคิ้วที่ขมวดผูกกันแทบจะเป็นปม

    “ผมไอบะ มาซากิครับ” อยู่ๆก็แนะนำตัวเองพลางใช้มือข้างที่ไม่ได้จับแฮนด์จักรยานเกาท้ายทอยบนทรงผมฟูฟ่องที่ดูเหมือนจะไม่ได้จัดแต่งของตัวเองคล้ายแก้เก้อ

    “อ่า...โอโนะ ซาโตมิค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” หากเธอก็มีมารยาทมากพอจะก้มหัวทักทายกลับไปอย่างสุภาพ

    คราวนี้กลายเป็นมาซากิที่ค่อยโล่งอก ในตอนแรกคิดว่าเธออาจจะไม่ตอบ หรือที่ร้ายไปกว่านั้น...เขาคิดว่าเธออาจจะพูดไม่ได้ โชคดีที่ได้ยินเสียงใสจากริมฝีปากเล็กๆนั่นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญหรือรังเกียจ

    ก่อนที่เหมือนจะเพิ่งนึกเอะใจในคำพูดแนะนำตัวของเธอขึ้นมา

    “เอ๊ะ...โอโนะเหรอครับ?”

    “ฉันเป็นน้องสาวของโอโนะ ซาโตชิซังค่ะ” ชิงตอบคำถามที่เธอมั่นใจว่าเขาจะต้องถามเธออย่างแน่นอนขึ้นมาเสียก่อน มาซากิจึงพยักหน้ารับแรงๆเสียหนึ่งทีและฉีกยิ้มกว้างให้กับซาโตมิ

    ดูจริงใจจนแม้กระทั่งซาโตมิเองก็รู้สึกได้...

     

    “ผมเพิ่งรู้ว่าซาโตชิมีน้องสาวด้วย”

    มาซากิเริ่มต้นบทสนทนาอย่างเป็นมิตรเหมือนกับไม่อยากให้ช่วงเวลาที่มีกับเธอที่เพิ่งพบเจอจบลง

    เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร?

    “ค่ะ” ก็ยังคงตอบรับสั้นๆเช่นเคย ทว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้มาซากิพอจะใจชื้นได้บ้างคือรอยยิ้มบางๆที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ

     

    ลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านมาและกลีบดอกไม้ก็ปลิวผ่านใบหน้าของเธอไป

    พร้อมกับความรู้สึกที่สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างบนนิ้วเรียว ในทีแรกซาโตมิคิดว่าอาจจะเป็นกลีบดอกไม้ที่ปลิดปลิวร่วงหล่นมาโดนเข้า แต่เมื่อยกมือข้างขวาขึ้นมาระดับอกจึงได้เห็นชัดๆว่าสิ่งที่อยู่บนนิ้วชี้นั้นก็คือแมลงเต่าทอง

     

    “อ๊ะ! เต่าทอง” เป็นมาซากิที่ร้องทักก่อนรีบร้อนลงจากจักรยานแล้วจูงมันมายืนใกล้กันกับซาโตมิแทน

    “รู้มั้ยว่าเต่าทองเป็นแมลงนำโชค?”

    ซาโตมิส่ายหน้าโดยไม่ละสายตาจากแมลงเต่าทองตัวเล็กสีแดงบนนิ้วเลยแม้แต่น้อย

    “แมลงเต่าทองจะบินเข้าไปหาความสุขและนำพาความสุขมาให้”

    ก่อนที่เจ้าตัวจิ๋วจะค่อยๆโบยบินขึ้นไปสู่ท้องฟ้ากว้างใหญ่ทิ้งให้คนทั้งคู่แหงนคอมองตามมันไปจนไม่อาจมองเห็นได้อีกต่อไป

     

    ความสุขอย่างนั้นเหรอ?

     

    “แล้วซาโตมิจังจะต้องโชคดีมากแน่ๆ”

     

    มันผิดมั้ยที่เธอจะเชื่ออย่างนั้น...?

     

    .

     

    明日へ向かう私 いま、走り出す 空を深く 吸い込んで

    ฉันมุ่งหน้าไปสู่วันพรุ่งนี้ สูดลมหายใจของท้องฟ้าเข้าลึกๆและเริ่มออกวิ่งไป

     

     

     

     

     

     

    เป็นครั้งแรกที่เอโนโมโต้ เอริกะได้เห็นสีหน้าของโอโนะ ซาโตชิเป็นเช่นนี้ตลอดช่วงเวลาที่คบกันมา

    หลังจากเขานัดเธอออกมาที่ร้านกาแฟเล็กๆในย่านชิโมคิตะซาวะแล้ว ไม่แม้แต่จะแตะต้องชาร้อนที่ตอนนี้ได้กลายเป็นชาเย็นชืดๆอยู่ในแก้วตรงหน้าขณะเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างร้านแล้วก็เอาแต่ถอนหายใจซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

    นั่นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกรำคาญใจ แต่ไม่สบายใจต่างหาก

     

    “ซาโตชิ”

    รวบรวมความกล้าร้องเรียกชื่อของเพื่อนสนิทผู้ที่เหมือนจะได้สติขึ้นมาหลังจากเหม่อลอยอยู่ในห้วงความคิดตัวเองอยู่กว่าครึ่งชั่วโมง

    “อา...ขอโทษนะเอริกะ”

    “ไม่เป็นไรหรอก” ไม่ได้นึกถือโทษโกรธเคืองใดๆ ยังคงระบายยิ้มให้ตามประสาของเอริกะเช่นที่ซาโตชิจะได้รับมันเสมอ

    ซาโตชิพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง ยกชาชืดๆขึ้นมาจิบก่อนวางมันกลับลงไปอย่างเก่าแค่เพียงขอบถ้วยสัมผัสกับริมฝีปากเท่านั้น

    หญิงสาวจึงเรียกสาวเสิร์ฟสั่งชาร้อนมาอีกถ้วยให้แก่คนตรงกันข้ามแม้เขาจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่มันก็ไม่เป็นไรสำหรับเอริกะเช่นเดียวกัน

    “เป็นเรื่องของน้องสาวอย่างนั้นสินะ?”

    ยกแก้วน้ำส้มขึ้นมาดูดแล้วคาดเดาถึงปัญหาที่รบกวนจิตใจของซาโตชิ จนเมื่อเขาทำตาโตมองเธออย่างประหลาดใจก็ทำให้เอริกะมั่นใจว่าเธอคาดเดาไม่ผิดเลยจริงๆ

    “มีอะไรเล่าให้ฉันฟังก็ได้นะ ถึงจะช่วยไม่ได้มาก แต่ก็อยากจะทำให้ซาโตชิสบายใจ...แค่สักนิดก็ยังดี”

    ในวินาทีนี้ ซาโตชินึกซาบซึ้งใจกับเอริกะมากเสียจนอยากจะโผเข้ากอดร่างแบบบางที่ใครๆก็เหลียวมองด้วยดีกรีนางแบบนิตยสารของเธอเสียให้ได้

    หากก็ทำได้แค่เพียงกล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มแรกของวันที่ในที่สุดเอริกะก็ได้เห็นมันเสียที

     

    แค่นี้ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว...

     

    .

     

    大切に、そして忘れずに

    やさしく、愛しあう人 出逢えてラッキー

    โชคดีที่ฉันได้พบคนที่ฉันจะสามารถรักเขาได้อย่างอ่อนโยน ดังสิ่งล้ำค่าที่ไม่มีวันจะจางหายไป

     

     

     

     

     

    สวนสาธารณะเล็กๆปกคลุมด้วยแสงอาทิตย์อ่อนๆที่ส่องลอดผ่านผืนฟ้าสีสดอันกว้างไกลและดอกซากุระสีชมพูขาวที่บานอวดความสวยงามจนดูเหมือนว่าเป็นดินแดนแห่งความฝันสีสันสดสวยที่มีเสียงดนตรีเพลงป๊อปหวานๆกล่อมบรรเลงคล้ายดังสรวงสวรรค์ที่อยู่บนโลก

     

    ฮานาบิรู้สึกมีความสุขจนแทบจะบินได้

    ผู้คนมากมายที่รายล้อมและพักผ่อนกันอยู่ในสวนสาธารณะต่างก็มีสีหน้าชื่นบานและเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่งดงามให้หัวใจของฮานาบิได้รู้สึกพองโต เธอชอบช่วงเวลานี้มากที่สุด ทั้งช่วงเวลาที่ได้ร้องเพลง และช่วงเวลาที่ผู้คนมีความสุขไปกับบทเพลงของเธอ

     

    こころのパズルのピース 拾いあつめ

    この空へはめ込んで 仰ぐのよ、ブルースカイ

    ฉันเก็บชิ้นส่วนของหัวใจ, รวบรวมมันขึ้นไปบนท้องฟ้า และฉันก็มองขึ้นไป...บนท้องฟ้าสีฟ้า

     

    ยามาชิตะ โทโมฮิสะกอดอกหรี่ตาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่แสงอาทิตย์ยังคงแผดแสงพอจะทำร้ายสายตาของเขาได้สบายๆ บทเพลงคัฟเวอร์ดังชัดเจนอยู่ไม่ไกล ค่อยหลับตาลงโดยที่ยังแหงนหน้า มโนภาพท้องฟ้าสดใสกว้างไกลเคล้าคลอไปกับเสียงใสอยู่ในความคิดแล้วยิ้ม

    ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกขานนามสกุลของตัวเองดังมาแต่ไกล ก่อนค่อยๆเข้าใกล้และกระโดดปุมานั่งอยู่บนม้านั่งข้างๆกัน

    “โทโมะซัง”

    พลันภาพท้องฟ้าในห้วงความคิดก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าสดใสของเด็กหญิงวัยอนุบาล

    “โทโมะซัง หลับเหรอคะ?” คำถามไร้เดียงสาและคำตอบจากผู้เป็นพ่อซึ่งดังตามมาทำให้เขาต้องหลุดหัวเราะ “อ๊ะ โทโมะซังตื่นแล้ว!

    “สวัสดีจ้ะโคฮารุจัง” อุ้มเด็กหญิงไอบะ โคฮารุวัยห้าขวบที่หัวเราะคิกคักขึ้นมานั่งบนตัก

    เช่นนั้น ผู้เป็นพ่อที่จูงจักรยานมาด้วยก็ค่อยๆนั่งลงไปข้างกันกับโทโมฮิสะแทน สายตาจ้องมองไปยังกลุ่มนักดนตรีที่ควบตำแหน่งเพื่อนร่วมบ้านเช่าซึ่งเสกความมีชีวิตชีวาให้กับสวนสาธารณะแห่งนี้ด้วยรอยยิ้มที่ลูกสาวถอดแบบมาจากกันแทบไม่ผิดเพี้ยน

    “ทำไมวันนี้โคฮารุจังเลิกเรียนไวจัง?”

    “โคฮารุไม่สบายค่ะ คุณครูก็เลยให้มาซากิคุงมารับ แต่พอเดินกลับบ้านอยู่ๆโคฮารุก็สบายดี มาซากิคุงเลยพามาเดินเล่นที่สวนสาธารณะค่ะ” เด็กหญิงตอบเสียงเจื้อยแจ้วทวีความน่ารักน่าเอ็นดูมากขึ้นไปอีก

     

     

    “โคฮารุจังมาด้วยเหรอจ้ะ?”

     

    คนที่ร้องเพลงจบแล้วรีบวิ่งตรงมาทันทีที่ได้เห็นใบหน้าของเด็กน้อยคนเดียวในบ้านเช่าจากที่ไกลๆ เธอลูบหัวที่มัดเป็นก้อนดังโงะกลมๆทั้งสองข้างของโคฮารุอย่างเอ็นดู

    “ค่ะ” พยักหน้ารับแรงๆ “เพลงของฮานาบิซังเพราะมากๆเลย”

    น่ารักเสียจนฮานาบิต้องโผเข้ากอดโคฮารุที่ยังนั่งอยู่บนตักของโทโมฮิสะเสียหนึ่งที

    ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเออิจิโร่ที่เพิ่งจะเดินเข้ามาและโทโมฮิสะที่รู้สึกยุกยิกจากน้ำหนักของเด็กน้อยที่นั่งบนตักเขาต่างเก้าอี้

    ส่วนมาซากิเพียงแค่ยิ้มกว้าง

     

     

    “เต่าทอง!

     

    อยู่ๆก็ร้องเสียงดังเมื่อเห็นเต่าทองสีแดงตัวเล็กยิ่งกว่านิ้วก้อยที่แสนเล็กของเธอเดินอยู่บนกลีบดอกซากุระที่พัดร่วงจากต้นมาตามสายลม แน่นิ่งอยู่บนม้านั่งระหว่างโทโมฮิสะและมาซากิ

    “ว้าว น่ารักจัง” ฮานาบิเป็นคนแรกที่ร้องอย่างตื่นเต้น เป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วนะที่เธอไม่ได้เห็นเต่าทองใกล้มากขนาดนี้?

    “มาม๊าเคยบอกว่าแมลงเต่าทองจะบินเข้าหาความสุขและนำพาความสุขมาให้” โคฮารุว่า

     

    มือของฮานาบิและเออิจิโร่เลื่อนมาจับกันโดยไม่รู้ตัว ทั้งคู่สบสายตาและยิ้มกว้างให้แก่กันอย่างมีความสุข

     

    “โคฮารุจังต้องเป็นคนนำพาความสุขมาให้พวกเราแน่เลย”

     

    คำพูดของโทโมฮิสะทำให้โคฮารุหันมายิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่

    “เพราะมาม๊ากับมาซากิคุงชอบเต่าทอง โคฮารุก็เลยชอบเต่าทองมากๆค่ะ”

    พอเลื่อนมือจะไปจิ้มกับปีกสีแดงจุดดำ แมลงตัวเล็กจ้อยก็ค่อยๆโผบินออกไป

    “เดินทางดีๆนะ” โคฮารุโบกมือส่งลาให้กับเจ้าแมลงเต่าทองจนลับตา

     

     

    มีเพียงมาซากิที่นึกถึงเรื่องราวการพบเจอระหว่างเขากับซาโตมิเมื่อยามเช้าและวาดรอยยิ้มบนใบหน้าแม้กระทั่งการปั่นจักรยานกลับบ้านก็ยังทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่ดีจริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

    ไฟในห้องของเขาปิดสนิท ไม่มีแม้กระทั่งเสียงของทีวีหรือเสียงพูดคุยใดๆให้ได้ยิน มันเป็นเรื่องปกติในตอนที่เขาอยู่ห้องนี้ลำพัง หากพอมีซาโตมิเข้ามาอาศัยอยู่ด้วยแล้วมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่แปลกไปสักหน่อย

    มองนาฬิกาบนฝาผนังให้แน่ใจและมันก็เพิ่งจะเป็นเวลาแค่สองทุ่ม

    ปกติซาโตมิเข้านอนเช้าขนาดนี้เชียวหรือ? เมื่อวานเธอยังเข้านอนเอาตอนสามทุ่มกว่าๆอยู่แท้ๆ ซาโตชิเริ่มจะไม่แน่ใจแล้วว่าควรจะต้องคิดอย่างไร ค่อยๆก้าวเท้าผลักบานประตูห้องนอนของเธอที่ยังคงเปิดแง้มไว้อย่างเมื่อวานอยู่ดี

    เธอนอนกอดหมอนข้างและหลับสนิทไปแล้ว

    ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องอมยิ้ม คงเพราะซาโตมิในเวลานี้ช่างดูเหมือนกับเด็กน้อยธรรมดาคนหนึ่ง ไม่เหมือนกับคนที่มีสีหน้าเรียบนิ่ง นัยน์ตาฉายแววเศร้าตลอดเวลาและไม่ค่อยพูดค่อยจากับใคร แบบนั้นมันดูผิดแปลกกว่าเด็กวัยยี่สิบปีทั่วไปไม่ใช่หรือ?

    หากเขาไม่อาจจะรู้ได้ว่าตลอดเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ซาโตมิมีชีวิตแบบไหน?

    ค่อยๆเดินเข้าไปห่มผ้าให้กับคนที่นอนดิ้นจนผ้าห่มมาอยู่ที่ปลายเท้าอย่างอ่อนโยน ดูเหมือนว่าเธอจะหลับลึกจนไม่อาจรู้สึกถึงการมาถึงของเขา

    ประตูห้องไม่ได้ถูกปิดสนิทแม้ในยามที่ซาโตชิเดินออกจากห้องไป

     

     

     

    ตั้งแต่พรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานที่ร้านราเมงซาซาซากิแถวสถานี เลิกดึก หวังว่าคงไม่เป็นไรนะคะ

    ปล.ฉันซื้อขนมเค้กมาฝากด้วยค่ะ

     

    ข้อความที่ถูกเขียนด้วยลายมือน่ารักแบบเด็กวัยรุ่นในกระดาษฉีกซึ่งวางอยู่บนโต๊ะในส่วนห้องรับแขกที่เขาใช้ทำงานถูกหยิบขึ้นมาอ่าน ข้างกันนั้นมีกล่องขนมเค้กจากร้านเค้กเล็กๆแถวสถานีที่เขาได้เคยทานบ่อยๆ

    แล้วคนเป็นพี่ชายก็ยิ้มกว้างออกมาจากหัวใจ

    แม้จะไม่มากมาย แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีระหว่างเขากับซาโตมิใช่มั้ย?

     

    ภาพแมลงเต่าทองที่ถูกวาดด้วยฝีมือแบบเด็กเล่นตรงขอบกระดาษมุมซ้ายล่างนั้นทำให้ซาโตชิหุบยิ้มไม่ลงเลยจริงๆ

     

    .

     

    何かを失うことで 手にしたハッピー

    ฉันได้สูญเสียบางสิ่งไป แต่ก็ได้รับบางอย่างกลับคืนมา...นั่นคือความสุข















     


        青空のナミダとあゆ。    
    firstdate: 2012年7月7日

    คุณพระคุณเจ้าช่วยกล้วยปิ้ง! T{}T ไม่รู้ว่าไปทำอะไรกับตอนนี้เข้าถึงต้องเอามาลงใหม่! กรี๊ดด
    ทอล์คเทิ้คหายหมดเลย. จำไม่ได้แล้วว่าพูดอะไรไปด้วย ก็เอาเป็นว่าเปิดตัวพระเอก(?)ของเรื่องแล้วนะ :p ล้อเล่นหรอก!
    แมลงเต่าทองก็ก๊อปมาจาก My Girl ของไอบะหน้าด้านๆนี่แหละจ่ะ ~ เป็นตอนที่ชัดว่า 'อบอุ่น' มากกก
    ซาโตมิเป็นไปในทางที่ดีเพราะไอบะจังนั่นเอง
    พลังรัก(?)เหรอ.. :p ฮ่าๆ ค่อนข้างจะอวยไปทางไอบะบ้างอะไรบ้าง 55
    ส่วนเพลงที่ฮานาบิร้องและเนื้อเพลงในตอนคือเพลง Bleu Sky ของ moumoon ที่เล่นอยู่ในตอนนี้นั่นเองจ้า:)

    อยากจะให้ทุกคนมีรอยยิ้มและความสุขก่อนจะเผชิญดราม่านับต่อจากนี้ ที่ไม่รู้จะมาเมื่อไหร่ แต่มาแน่!

    ป ล . สิ่งเดียวที่จำได้คือวันแรกสุดที่เราอัพตอนนี้คือวันทานาบาตะที่งดงาม แฮ่ๆ  ^(+++++)^

    * สุดท้ายนี้แค่คลิกเข้ามาดูก็ขอขอบคุณมากๆแล้วจ่ะ แล้วมาร่วมติดตามชีวิตของพวกเขาไปด้วยกันนะ :-)

    lil duck
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×