ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ETERNAL (HUNHAN)

    ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER II

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.44K
      10
      26 ม.ค. 57


















     















     

     
     

    Chapter II
     

     

    'มิคาเอลสหายรัก... ข้าคิดว่าข้ากำลังตกหลุมพลางรัก'

    'ผู้โชคดีผู้นั้นคือใครฤาลูซิเฟอร์?'

    'มนุษย์ที่อยู่ด้านล่างนั้นเล่า,

    ผู้ที่มีดวงตาดั่งทินกรอันสว่างไสวที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอ'

     

     

     

     

     

     

                แสงสว่างที่แยงตาสาดส่องมาทางหน้าต่างนั้นทำให้ลู่ฮานรู้ว่าเขาไม่ควรนอนอีกต่อไป แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะตื่นเต็มตา ลู่ฮานลุกออกจากเตียงทั้งๆ ที่ยังคงหลับตาอยู่ ขาทั้งสองข้างก้าวเดินตามกลิ่นหอมที่มาจากห้องครัว และมันคงจะเดาได้ไม่ยากว่ามันคืออาหารเช้าที่ปรุงโดยคนรักของเขา

     

     

     

     

              "ทำไมไม่ล้างหน้าก่อนลงมา" คริสหันไปถามบุคคลที่ยืนอยู่ตรงประตูก่อนที่จะหลุดหัวเราะออกมา 

     

     

     

     

                "หัวเราะอะไร"

     

     

     

     

                "เปล๊า" คริสยังคงหัวเราะไม่หยุด ภาพของลู่ฮานที่ยังปรือตาเนื่องจากยังไม่ตื่นดี ผมสีน้ำตาลเข้มที่ชี้ไปคนละทาง แม้ว่าสภาพตอนตื่นนอนของคนอื่นๆ จะแทบดูไม่ได้ แต่คริสก็ยังคงคิดว่าลู่ฮานตอนตื่นนอนดูดีและน่ารักมาก

     

     

     

                "หิว"

     

     

     

                "ไปล้างหน้าก่อนแล้วค่อยลงมากินข้าว" คริสพูดพร้อมกับตักไข่ดาวใส่จานวางเคียงกับเบคอน

     

     

     

                ลู่ฮานเดินไปทางห้องน้ำอย่างว่าง่าย ห้านาทีผ่านไปลู่ฮานก็กลับมายืนอยู่ที่เดิมอีกครั้ง แต่ในคราวนี้ลู่ฮานตื่นเต็มตา ดวงตากลมโตจ้องมองไปทางอาหารที่อยู่บนเคาท์เตอร์ คริสมองภาพนั้นแล้วอมยิ้ม "ไปนั่งรอที่โต๊ะสิครับ เดี๋ยวหยิบไปให้ทานนะ"

     

     

     

                ลู่ฮานพยักหน้าก่อนที่จะไปนั่งรอที่โต๊ะ คริสหยิบจานสองใบที่ใส่อาหารเช้าของพวกเขาสองคนไปวางไว้บนโต๊ะ พวกเขาทั้งสองคนเริ่มทานในทันที อันที่จริงแล้วมันแค่เหมือนลู่ฮานนั่งทานอยู่คนเดียวมากกว่า คริสแค่นั่งอยู่เฉยๆ มองดูลู่ฮานที่ตักอาหารเข้าปากเรื่อยๆ 

     

     

     

                "วันนี้ฉันหยุด นายต้องไปทำงานไหม?" ลู่ฮานเอ่ยถามคริสหลังจากที่จัดการอาหารเช้าของตนไปเกือบครึ่งจาน

     

     

     

                คริสหัวเราะ "ถ้าไปทำงานตอนนี้คงมีหวังโดนไล่ออก"

     

     

     

                ลู่ฮานมองนาฬิกาที่อยู่แขวนอยู่ตรงผนัง พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยง ลู่ฮานยิ้มเจื่อนๆ

     

     

     

                "ไปไหนกันดี?"

     

     

     

                ลู่ฮานทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง "ไม่รู้สิ"

     

     

     

                "ไปหอศิลป์กันไหม?"

     

     

     

                "หอศิลป์หรอ?" ลู่ฮานทวนคำถาม จิ้มไส้กรอกอีกชิ้นเข้าปาก "ก็ดีนะ"

     

     

     

                "งั้นทานเสร็จแล้วเดี๋ยวเราไปกัน" 

     

     

     

                ลู่ฮานขานรับในลำคอก่อนที่จะทานอาหารเช้าต่อ ไม่มีบทสนทนาอะไรต่อจากนั้นอีก เวลาผ่านไปไม่นานลู่ฮานก็จัดการอาหารในจานของตนจนหมด คริสลุกขึ้นก่อนที่จะหยิบจานไปล้างทำความสะอาด ส่วนลู่ฮานนั้นก็ขึ้นด้านบนเพื่อแต่งตัว

     

     

     

     

     

     

    -

     

     

     

     

     

     

               

                รูปนั้นสวยดีนะ

     

     

     

                ลู่ฮานชี้ไปที่รูปที่อยู่ด้านขวามือ มันเป็นรูปที่ถูกละเลงด้วยสีต่างๆ ที่ไม่ได้เข้ากันเลยแม้แต่น้อย คริสไม่เข้าใจว่ามันสวยยังไง เขาได้จ้องมองไปที่ภาพนั้นย้ำๆ ทว่าเขาก็ยังไม่พบคำตอบ

     

     

     

                นายมองไม่ออกหล่ะซิลู่ฮานหันไปยิ้มกวนๆ ใส่คนด้านข้าง

     

     

     

                คริสยักไหล่ ฉันไม่เห็นว่ามันจะสวยตรงไหน

     

     

     

                พวกไม่มีศิลปะในหัวใจลู่ฮานหัวเราะ ส่งผลให้คริสเบ้ปาก ลู่ฮานอมยิ้มกับการกระทำที่ดูเหมือนเด็กๆ ของอีกคน ล้อเล่นนิ้วเรียวเอื้อมไปหยิกแก้มของคนตัวสูงกว่า

     

     

     

                คริสยิ้มออกมา โอบเอวลู่ฮานก่อนที่จะเดินต่อไปข้างหน้า จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงโซนที่สาม

     

     

     

                โซนที่เกี่ยวกับด้านศาสนา

     

     

     

                โทษในการฝ่าฝืนกฎของวิมานบนนภานั้นร้ายแรงเพียงใด เจ้าเองก็รู้ดีใช่ไหมมิคาเอล?’

     

     

     

              เสียงในอดีตอันน่าเกรงขามลอยเข้ามาในหัว คริสหยุดนิ่ง รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของร่างกายที่ลดลงจนเย็นเชียบ ไม่...มันจะต้องไม่เป็นแบบนั้นอีก คริสหยุดชะงัก ซึ่งนั่นทำให้ลู่ฮานหันมามอง เดี๋ยวฉันมาคริสพูดพร้อมกับผละออก ลู่ฮานส่งสายตางุนงง ไปห้องน้ำน่ะ เจอกันด้านนอกนะ

     

     

     

                “อืมลู่ฮานขานรับในลำคอ ก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ กวาดสายตามองไปรอบด้าน ภาพของเทวดาที่สวมใส่ชุดสีขาวบริสุทธิ์บนปุยเมฆสีขาวนั้นทำให้ลู่ฮานนึกสนใจ เดินเข้าไปใกล้ภาพนั้นเพื่อให้เห็นชัดเจนขึ้น

     

     

     

                เทวดาในรูปตนนั้นคือมิคาเอล

     

     

     

              ลู่ฮานยังคงเพ่งมองไปรอบๆ รูป ลายเส้นที่สวยงามและการใช้สีอย่างประณีตนั้นทำให้เขานึกชื่นชมกับคนที่สรรค์สร้างรูปนี้ขึ้นมา และจุดที่เด่นที่สุดในรูปนี้คือพระองค์เจ้าที่อยู่บนสุดของภาพ มันเป็นจุดที่โดดเด่นและดูมีพลังอำนาจ ตราตรึงให้ทุกคนที่เดินผ่านต้องจ้องมองมัน

     

     

     

                ลู่ฮานละสายตาจากรูปนั้นออกมาหลังจากที่จ้องมองได้สักพัก รูปที่อยู่ถัดมานั้นช่างดูแตกต่างกับรูปที่เพิ่งเบนสายตาออกมา รูปนั้นดูมืดมิด โดดเดี่ยว อ้างว้างและชิงชัง

     

     

     

                นั่นคือรูปของลูซิเฟอร์

     

     

     

                ลู่ฮานจดจ้องพิจารณารูปนั้นไปรอบๆ พบว่ายิ่งมองเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนจมลงในหลุมมืดมากขึ้นเท่านั้น ลู่ฮานรู้สึกได้ถึงความเศร้าสร้อยของนัยน์ตาคมคู่นั้น นัยน์ตาที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นของเทวดาที่ต้องสาป

     

     

     

                ชอบรูปนี้หรอครับ?”

     

     

     

                เสียงพูดดังขึ้นพร้อมกับเงาตะคุ่มที่อยู่ด้านข้าง ลู่ฮานหันไปมองทางต้นตอเสียงและพบว่าบุคคลนั้นใส่หมวกและมีรูปร่างที่สูงกว่าเขามาก แต่ถึงกระนั้นก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าบุคคลนี้มีหน้าตาที่ค่อนไปทางสมบูรณ์แบบแม้ว่าจะมีหมวกปิดใบหน้าอยู่ถึงครึ่งหนึ่งก็ตามที สังเกตได้จากจมูกที่โด่งเป็นสันและริมฝีปากที่ได้รูปบนโครงหน้านั้น

     

     

     

                อืม มันสวยดีนะ

     

     

     

                “แล้วถ้าเทียบกับรูปของมิคาเอล คุณชอบภาพไหนมากกว่ากัน?”

     

     

     

                “อืมลู่ฮานลากเสียงอย่างครุ่นคิด รูปมิคาเอลหล่ะมั้ง

     

     

     

                “ทำไมหล่ะ?” บุคคลแปลกหน้าคนนั้นยังคงถามต่อ ทว่าใบหน้าของร่างสูงยังคงจับจ้องที่รูปภาพสีดำสนิทเหมือนเคย

     

     

     

                ก็รูปนี้ดูมีสีสัน มีชีวิตชีวา และมิคาเอลก็ยังเป็นตัวแทนของความดี

     

     

     

                เสียงแค่นหัวเราะดังมาจากบุคคลแปลกหน้า ลู่ฮานหันไปมองพบว่าบุคคลคนนั้นยังคงไม่ถอดหมวกออก เขายังคงจับจ้องไปที่รูปนั้นอยู่ดั่งเคย

     

     

     

                คุณคิดว่าพวกเขาเป็นคนดีกันหมด?”

     

     

     

                ลู่ฮานเริ่มรู้สึกสงสัย เขาเริ่มหันไปมองบุคคลด้านข้าง อืม...พวกเราควรนับถือพระเจ้าไม่ใช่หรือไง?”

     

     

     

                “งั้น...บุคคลแปลกหน้าคนนั้นถอดหมวกออก ลู่ฮานเบิกตาโพลง นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องไปยังคนด้านข้างอย่างไม่ละสายตา

     

     

     

                เจ้าของใบหน้าที่เขารู้สึกคุ้นเคยกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา              

     

     

     

                ถ้าผมบอกว่า... พระเจ้าที่คุณนับถือหน่ะ...

     

     

     

                “…”

     

     

     

                “เป็นคนฆ่าคุณเองหล่ะ?”

     

     

     

                “หา?” ลู่ ฮานอุทานขึ้นเมื่อฟังประโยคคำถามของคนตรงหน้าเสร็จ ยอมรับว่ามันเป็นประโยคที่ไม่ค่อยจะได้ยินบ่อยนัก และนั่นมันก็ทำให้เขาตกใจมากทีเดียว ลู่ฮานขมวดคิ้ว คำถามบ้าอะไรเนี่ย? ลู่ฮานคิด เริ่มให้ความสนใจกับคนด้านข้างมากขึ้น

     

     

     

                ผมล้อเล่นคนด้านข้างหันมายิ้มกวนประสาทให้หนึ่งทีก่อนที่จะหันไปมองรูปนั้นเหมือนเดิม ลู่ฮานเบ้ปาก หากไม่ได้ติดใจอะไร สายตามองต่อไปเรื่อยๆ บุคคลแปลกหน้าเหลือบมามองคนด้านข้างก่อนที่จะยิ้มบางเบา

     

     

     

                ถ้าหากว่าลู่ฮานยังคงมองอยู่ที่คนแปลกหน้าคนนั้น

              เขาจะได้เห็นว่าแววตานั้นไม่ได้มีท่าทีล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย

     

     

     

     

     

     

     

    -

     

     

     

     

     

     

                “นี่นายจะเดินตามฉันอีกนานไหมเนี่ย

     

     

     

                ลู่ฮานพูดขึ้นเมื่อยังคงเห็นว่าบุคคลแปลกหน้าคนนั้นยังคงเดินตามหลังเขาอยู่ไม่ห่าง เสียงหัวเราะในลำคอที่ออกแนวกวนประสาทดังขึ้นจากข้างหลัง ลู่ฮานหันหลังไปทำตาถมึงทึงใส่ เรียกเสียงหัวเราะได้มากกว่าเดิม

     

     

     

                เฮ้ ผมก็แค่เดินไปรอบๆ เองนะบุคคลแปลกหน้าคนนั้นตอบแล้วยิ้มกวน

     

     

     

                นายเดินตามหลังฉันชัดๆ

     

     

     

                บุคคลแปลกหน้าคนนั้นไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ได้แต่ยิ้ม

     

     

     

                ลู่ฮานถอนหายใจ นายมีอะไรจะพูดกับฉันไหม?”

     

     

     

                ร่างสูงทำท่าครุ่นคิด ผมอยากรู้ว่าคุณคิดยังไงกับพวกเทวดา?”

     

     

     

                มันเป็นคำถามที่ค่อนข้างแปลก ลู่ฮานคิด แต่เขาก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวบุคคลตรงหน้านี้เลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำเขายังกล้าที่จะตอบคำถามบ้าๆ นี้กลับไปด้วยซ้ำ

     

     

     

                เป็นตัวแทนของความดี บริสุทธิ์ และน่าเคารพ

     

     

     

                บุคคลแปลกหน้าหัวเราะ หากแต่ออกไปทางแค่นเสียงและเสียดสีมากกว่าทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นหล่ะ?”

     

     

     

                “...

     

     

     

                นั่นสิ...

                ทำไมเขาถึงคิดแบบนั้น                                                          

     

     

     

                เพราะว่าคุณแค่ทำตามคนอื่น เชื่อในสิ่งที่กล่าวมาในอดีต

     

     

     

                “งั้นนายไม่เชื่อหรือไงลู่ฮานย้อน

     

     

     

                ไม่คนตรงหน้ายิ้มกวน ผมไม่เชื่อ

     

     

     

                “งั้นนายเชื่ออะไร?”

     

     

     

                “ผมเชื่อในตัวผม

     

     

     

                นั่นเป็นคำตอบที่ทำให้ลู่ฮานหลุดขำซึ่งไม่รู้ว่าทำไม หลงตัวเองลู่ฮานพึมพำ ถึงกระนั้นร่างสูงตรงหน้าก็ยังได้ยินอยู่ดี บุคคลแปลกหน้าเริ่มหัวเราะ ก็มันจริงนี่นา

     

     

     

                “หรอลู่ฮานทำเสียงล้อเลียน งั้นฉันก็เชื่อในตัวเองเหมือนกัน

     

     

     

                “แต่เมื่อกี้คุณเพิ่งบอกผมว่าคุณเชื่อในพระเจ้าบุคคลแปลกหน้าย้อน

     

     

     

                ลู่ฮานยักไหล่ ฉันแค่นับถือความดี

     

     

     

                “แล้วคุณรู้ได้ไงว่าสิ่งที่คุณนับถือนั่นคือสิ่งที่ดี?” บุคคลแปลกหน้าเริ่มเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทีเหรียญยังมีสองด้าน

     

     

     

                “…”

     

     

     

                “แล้วทำไมสิ่งที่ขาวสะอาด แต่ในอีกด้านจะเน่าเฟะไม่ได้หล่ะ?”

     

     

     

                ลู่ฮานเงียบ ทำหน้าครุ่นคิด บุคคลตรงหน้านี้เริ่มทำให้เขานึกสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ

     

     

     

                เฮ้ อย่าทำหน้าเครียดสิ ผมแค่พูดเฉยๆ

     

     

     

                “… งั้นนายไม่นับถือพระเจ้า?”

     

     

     

                “ก็กล่าวว่างั้นได้บุคคลแปลกหน้าพูดต่อ ไม่สิ ผมเคยนับถือมาก่อน แต่เราไม่ควรพูดถึงเรื่องนั้นในตอนนี้นะ

     

     

     

                “…”

     

     

     

                “คุณอาจจะคิดว่าผมเป็นบ้าสินะร่างสูงกล่าวติดตลก

     

     

     

                ใช่...มันดูเหมือนเขากำลังคุยกับคนบ้า ลู่ฮานคิด แต่มันน่าแปลก เขาไม่ได้รู้สึกกลัวกับบุคคลตรงหน้านี้เลยแม้แต่นิดเดียว เจ้าของใบหน้าที่สมบูรณ์แบบนี้ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย

     

     

     

                ไม่หรอกลู่ฮานโกหก

     

     

     

                ผมรู้ว่าคุณคิด

     

     

     

                “นายอ่านใจฉันออกหรือไง

     

     

     

                บุคคลแปลกหน้ายักไหล่ ก็ไม่เชิง

     

     

     

                ลู่ฮานส่งสายตาหน่ายๆ ทว่าร่างสูงก็ยังคงยิ้มยียวนอยู่อย่างนั้น

     

     

     

                จะยิ้มอีกนานไหม?”

     

     

     

                “ไม่หล่ะบุคคลแปลกหน้ายิ้มล้อเลียน เดี๋ยวผมก็จะไปแล้ว

     

     

     

                ไม่ทันได้พูดอะไรบุคคลแปลกหน้าก็หันเดินหนีไปเสียงั้น ลู่ฮานยืนนิ่งอยู่กับที่ ชั่งใจอยู่เพียงครู่ก่อนที่จะตะโกนตามหลังไป

     

     

     

                เฮ้ นายชื่ออะไร

     

     

     

                บุคคลแปลกหน้าหยุดชะงัก หันหน้ามาหาเขา ภายในแวบหนึ่งที่ลู่ฮานรู้สึกว่าเหมือนเขาเคยเห็นมาก่อน มันเหมือนภาพหลายรูปที่กำลังซ้อนทับกัน ลู่ฮานรู้สึกคุ้นเคยกับดวงตาสีดำสนิทที่กำลังจ้องมองมาทางเขา รู้สึกคุ้นเคยกับโครงหน้าเรียวอันสมบูรณ์แบบ และสิ่งที่ลู่ฮานรู้สึกคุ้นเคยมากที่สุด...

     

     

     

                ลู่ฮานรู้สึกคุ้นเคยกับรอยยิ้มของคนๆ นี้...

     

     

     

                ผมชื่อเซฮุน โอเซฮุน

     

     

     

     

     

     

     

    -

     

     

     

     

     

     

     

                ยังคงขี้ขลาดเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

     

     

     

                เสียงก้องดังขึ้นจากด้านหลัง คริสหันไปมอง พบว่าเป็นบุคคลคนเดิมที่เขาแสนจะชิงชัง

     

     

     

                โอเซฮุน

     

     

     

              เงียบทำไมหล่ะครับ อู๋อี้ฟาน

     

     

     

                “แล้วเสนอหน้ามาที่นี่ทำไม?”

     

     

     

                เสียง แค่นหัวเราะดังขึ้นพร้อมกับแรงกระชากตรงปกเสื้อ เซฮุนใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการเข้าหาคริส แววตาคมสีดำสนิทนั้นฉายความชิงชังอย่างไม่ปิดบัง

     

     

     

                ข้าควรจะถามเจ้ามากกว่า เหตุใดถึงได้พามนุษย์ผู้นั้นมาที่นี่!?”

     

     

     

                คริสไม่ตอบอะไร ทว่านัยน์ตายังคงจ้องกลับอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมใคร

     

     

     

                ขี้ขลาดเซฮุนแค่นเสียง เจ้ามันเห็นแก่ตัว

     

     

     

                “…”

     

     

     

                “ที่หนีมาอยู่ตรงนี้ตัวคนเดียว หึ... ทำไม? กลัวพระองค์เจ้าจะปลดเจ้าออกจากอำนาจที่สองของวิมานหรือเยี่ยงไร?” เซฮุนกดยิ้มมุมปาก อ่าใช่ ข้าลืมไป... ว่าเจ้าก็เป็นได้เพียงพวกขี้ข้า

     

     

     

                คริสยังคงยืนนิ่ง แค่นยิ้มให้กับอีกฝ่าย ถึงจะเป็นขี้ข้า... แต่ข้าก็มีอำนาจมากกว่าเจ้า

     

     

     

                “ยังมีหน้ามาพูด!” เซฮุนตวาดลั่น ทว่าไม่มีใครคนไหนสนใจพวกเขาสองคน ที่เจ้าทิ้งผู้นั้นไว้เพียงลำพัง ก็เพียงเพราะเกรงกลัวคำบัญชาของพระองค์เจ้า เกรงกลัวในกฏโง่ๆ ข้อนั้น!”

     

     

     

                “...

     

     

     

                “เจ้าไม่สมควรยืนเคียงข้างผู้นั้น มิคาเอล

     

     

     

                “เจ้าก็เหมือนกัน ลูซิเฟอร์...เจ้าอยู่ในเงามืด ทว่าข้าอยู่ในแสงสว่างคริสจับข้อมือที่ยังกระชากคอเสื้อของเขาออก จับเสื้อที่ยับยู่ยี่นั้นให้เข้าที่

     

     

     

                แล้วใครเล่า... ที่จะเลือกอยู่ในความมืดมิดไปตลอดกาล?”

     

     

     

                “…”

     

     

     

                “ข้าคือตัวแทนของความดีงาม ทว่าเจ้าคือตัวแทนความชั่วร้ายคริสแสยะยิ้มแค่นั้นก็มากพอ... ที่จะทำให้ผู้นั้นเลือกข้าอยู่เคียงกาย

     

     

     

                “งั้นเจ้าคงลืมอะไรไปบางอย่าง เซฮุนกระตุกยิ้มร้าย บรรยากาศรอบข้างนั้นเย็นยะเยือกโดยฉับพลัน

     

     

     

                “ความขี้ขลาดและความเห็นแก่ตัวของเจ้า...

     

     

     

                “…”

     

     

     

                ทำให้ผู้นั้นวายชีพไปกี่หนกัน?”

     

     

     

                คริสนิ่งเงียบ

     

     

     

                ไม่มีวจีแก้ตัวเลยหล่ะสิ

     

     

     

                เซฮุนมองคนตรงหน้าอย่างอาฆาต ภาพในอดีตนั้นฉายซ้ำอีกครั้ง เขาอยากที่จะปลิดชีวาคนตรงหน้าให้บรรลัยแนบธรณี อยากให้วิญญาณอันเลวทรามนี้ไม่ได้ไปผุดเกิด อยากให้ผลบาปที่เคยทำไว้ส่งผลในเร็ววัน

     

     

     

                แต่เจ้าก็คือหนึ่งในเหตุผลนั้นเช่นเดียวกัน ลูซิเฟอร์

     

     

     

                คริสตอบกลับอย่างไม่กลัวเกรง ถ้าหากเจ้าไม่ยโสและถือดีมากจนเกินไป ผู้นั้นคงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานในกงเกวียนอยู่แบบนี้

     

     

     

                “เหอะเซฮุนแค่นเสียง งั้นในเวลานี้เจ้าก็ควรที่จะกลับไปเป็นเทวาบนวิมานที่เจ้าแสนรัก

     

     

     

                “…”

     

     

     

                “ไม่เช่นนั้น พระองค์เจ้าอาจทำในสิ่งที่เจ้าหวาดกลัว

               

     

     

                “…”

     

     

     

                “คงไม่ต้องให้ข้าพูดหรอก เพราะเจ้ารู้ดีว่ามันคืออะไร, มิคาเอล

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×