คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1
Boy Series เรื่องรักฉบับผู้ชาย ตอนที่1
เสียงอึกทึกครึกครื้น ทางซ้ายมือก็มีเสียงตะโกนดังเรียกผู้โดยสารให้มาใช้บริการของตนเอง ทางขวามือก็มีเสียงเครื่องยนต์ของรถที่เตรียมพร้อมออกเดินทางส่งผู้โดยสารในค่ำคืนนี้ ความวุ่นวายอลหม่านของสถานีขนส่งผู้โดยสารคงเป็นแบบนี้ทุกวันและเป็นประจำ และนี่คงจะเป็นครั้งแรกที่ภีมจะได้เดินทางไปไหนตัวคนเดียว
“ห้ามนำกระเป๋าขึ้นรถเกิน 3 ใบ ค่ะ”เสียงดังของผู้หญิงมีอายุดังขึ้น
“ มันมี4ใบก็จริง แต่ใบที่4มันเป็นกระเป๋ายาครับ เอาผูกติดกับกระเป๋าใบใหญ่ก็ได้ มันสำคัญจริงๆนะครับยานี้แม่บอกให้ผมนำขึ้นรถไปด้วย” หนุ่มน้อยยกแว่นขึ้นนิดหนึ่งพร้อมส่งสายตาถามไปยังพนักงานจำหน่ายตั๋วรถ
“ไม่ค่ะ ยังไงก็ไม่ได้” คนปฏิเสธพูดพร้อมสบัดหน้าหนีเล็กน้อย
ค่อยไปหาซื้อใหม่ละกัน กับแค่ยากระเป๋าใบเล็กๆ เอาขึ้นรถก็ไม่ได้คงไม่ทำให้เนื้อที่บนรถคันนี้แคบลงเท่าไรหรอก แต่นี้ไม่ได้เลย
หลังจากนั้นผมก็ขึ้นรถ รถคันนี้ขับเคลื่อนด้วยความเร็วมาตรฐานที่กรมการขนส่งกำหนดไว้ ไม่เร็วเกินไปหรือช้าเกินไป พอขึ้นเขารถก็ลดความเร็วด้วยความชำนาญเพื่อเปลี่ยนเกียร์ให้สามารถรถขึ้นเขาได้อย่างสบายและพอลงจากเขาก็ใช้ความระมัดระวังอย่างดีถ้าไม่ติดที่พนักงานขายตั๋วรถที่พูดไม่ค่อยจะรู้เรื่องสิ้นปีนี้กำไรจากการใช้บริการเพียบ คิดไปแล้วก็ใจหายกระเป๋ายาใบเมื่อกี้
เมื่อเดินทางมาสักระยะหนึ่ง คนขับรถแตะเบรคอย่างเบาๆแสดงถึงตวามเอาใจใส่ผู้โดยสาร
“เราจะจอดพักที่จุดพักรถประมาณครึ่งชั่วโมงนะคะ ท่านผู้โดยสารโปรดกลับมาให้ตรงเวลาด้วยค่ะ” พนักงานบริกรบนรถคนสวยพูดขึ้น
หลังจากรถจอดสนิทผมก็รีบวิ่งลงไปจากรถในทันทีก็นั่งนานๆมันเมื่อยอยากจะยืดเส้นยืดสายสักหน่อย แต่ระหว่างที่ผมกำลังยืนบิดซ้ายขวาหน้าหลังตรงกระจกหน้าห้องน้ำชาย จู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างสูง เขาก็วิ่งเข้ามาหาพร้อมกับกระชากข้อมือของผมไป
คนถูกดึงข้อมือไม่ทันทำหน้างง และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงโดนกระชากข้อมือ อาการกระชากนี้นอกจากทำให้ตกใจแล้วก็เกิดอาการเจ็บจี๊ดตรงข้อมือด้วย
“เห้ย... นี่มันอะไรกัน ปล่อยนะ” คนเจ็บมือตะโกนอย่างเสียงดัง เป็นใครก็ต้องกลัวออกจากบ้านวันแรกก็เจอเรื่องแปลกๆเลย สาธุขออย่าให้เกิดเรื่องหรือมีเรื่องอะไรเลยนะ ลูกช้างก็เป็นเด็กดีช่วยงานพ่อแม่มาโดยตลอดตอนนี้ลูกช้างจะปลอดภัยหรือไม่ แล้วมันเกิดบ้าอไรขึ้นกันนี่ วอนอย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเลย เพี้ยง
“คุณๆ ปล่อยมือผมได้แล้วจะรีบกลับไปขึ้นรถ เดี๋ยวไม่ทันกันพอดี” สิ้นเสียงผมชายคนนั้นก็ปล่อยมือ
“ขอโทษครับ คือผมวิ่งหนีนักเลงชุมชนมาครับ ตกใจเลยเผลอคว้าแขนคุณมาด้วยเลย ฮ่าๆ” เขาพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
แหม อารมณ์ขันจริงนะ แต่ใครจะมีเวลามาหัวเราะ ก็.... ทันใดนั้นรถคันที่โดยสารมาเมื่อสักครู่ รถคันนที่กระเป๋าผมอยู่ในนั้น รถคันนั้นคันสีขาวกำลังผ่านไปต่อหน้าต่อตา
ผมตกรถแล้วครับ ฮือ...ทำยังไงดี ก็เพราะผู้ชายบ้าที่คว้าแขนผมนี่แหละทำให้ผมต้องตกรถ ก็เพราะบริษัทรถร่วมบขส.คันดังกล่าวที่ไม่ใยดีผู้โดยสารทำให้ผมต้องตกรถ หน้าผมที่เคยสดใสซีดเป็นไก่ต้ม ความกลัวถาโถมเข้ามาใส่ คิดนั้นคิดนี่ฟุ้งซ่านไปหมด
“คุณ!! ไม่ไหวเลย คุณกำลังทำให้คนอื่นเขาตกรถ ผมจะไปกรุงเทพและตอนนี้รถก็ออกไปแล้วด้วย คุณจะรับผิดชอบยังไง?” ผมพูดขึ้นอย่างหัวเสีย
“อ่าว ผมทำให้คุณตกรถเหรอครับ ขอโทษทีไม่ได้ตั้งใจจริงๆไม่เป็นไรครับต่อจากนี้ไปผมจะรับผิดชอบชีวิตคุณเอง”
“นี่จะบ้าเหรอ รับผิดชอบอะไรกัน” นายคนนี้ก็พิลึกนะจะมารับผิดชอบชีวิต โห นี่ใครก็ไม่รู้มาอ้างจะรับผิดชอบชีวิตจะบอกให้นะคุณชีวิตจริงไม่ใช่ลิเกจะมาพี่ขอดูแลรับผิดชอบน้องเองจะได้ไง คงกลัวพวกนั้นจนประสาทเสียแล้วมั้ง
ขนเจ้ากรรมก็ลุกซู่ไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าลุกขึ้นสู้คนพูดแปลกๆหรือลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีผู้ชายพิลึกคนนี้ แปลกนะผู้ชายบ้าอะไรจะมาขอดูแลผู้ชายอีกคน ผมผู้ชายนะครับแต่เป็นผู้ชายที่อาจจะดูไม่เข้มแข็งเท่าไหร่ แต่แม่ยืนยันตลอดบอกว่าผมเป็นผู้ชายผมก็เชื่อแม่อย่างที่แม่บอกนั่นแหละ
“นายแหละคิดอะไร ก็ที่ผมบอกจะรับผิดชอบชีวิตก็คือจะรับผิดชอบชีวิตของคุณจากที่นี่ไปจนถึงบริษัทรถที่คุณโดยสารมาต่างหาก” เขาหันมาพูดพร้อมทำหน้ากรุ่มกริ่ม
เอาละสิ เขารู้ทันความคิดเราด้วยแหะ นอกจากจะเป็นคนที่แปลกพิลึกพิลั่น ยังเป็นคนที่มีพลังวิเศษอีก
“เอ่อ ยะ... ยังไงคุณช่วยพาผมไปส่งหน่อยก็แล้วกัน ขอบคุณล่วงหน้าครับ” คนถูกว่าพูดด้วยรอยยิ้มเจือนๆ
“แต่ทำไมต้องพูดติดๆขัดๆด้วยละ เอ..หรือคุณคิดอะไรกับผม ฮ่าๆ คนน่าตาดีก็งี้แหละเนอะ” คนน่าตาดีไม่พูดเปล่า พร้อมหัวเราะอย่างร่าเริง
ระหว่างทางผมก็ร้อนใจอยู่มาก ไหนจะกระเป๋าสัมภาระสิ่งของที่อยู่บนรถ ไหนจะต้องรีบไปรายงานตัว ไหนจะต้องโทรหาแม่ แต่แบตโทรศัพท์ก็ดันมาหมดเอาซะตอนเกิดเรื่องยุ่งๆแม่คงเป็นห่วงอยู่ตอนนี้
ผมสับสนไปหมดแล้ว เหนื่อยก็เหนื่อยเพลียก็เพลีย จะทำยังไงดี จะทำยังไงดีท่องคำพูดเหล่านี้เป็นรอบที่สิบ เป็นรอบที่ร้อย แล้วในที่สุดสติก็หายไป ก่อนผมจะหลับไปได้ยินเสียงหนึ่งพูดเบามากว่า ฝันดี
ในที่สุดสติที่ได้หายไปก็กลับคืนเป็นปกติ ผมเริ่มรู้สึกตัวตามมาด้วยอาการแสบตา นึกว่าถูกฉายแสงที่ตาซะอีก
“โอ๊ย... แสบตามากเลย ” ไม่ทันจะตื่นก็มีแสงส่องจ้าเข้ามาในตาของผม
“ขี้เซาไปไหน ดูสิกี่โมงแล้วล่ะ” สิ้นเสียงผมก็ลืมตาขึ้นช้าๆ ก็มันอ่อนเพลียไปทั้งเนื้อทั้งตัว ระบมไปหมด ถ้ากล้ามเนื้อพูดได้คงจะมีเสียงดังตุ๊บๆ
สิ่งที่ผมเห็นอยู่เบื้องหน้านั้นถ้าไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ละก็คงจะมีความสุขมาก คงจะตื่นเต้นกับภาพที่เห็นตรงหน้า เป็นภาพที่เหมือนฝันสวยงาม น้ำทะเลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ระยิบระยับไปด้วยแสงอาทิตย์กระทบผืนน้ำ มีเสียงครื่นๆของคลื่นกระทบฝั่ง มองไปข้างหน้าเห็นเพียงฟ้าจรดทะเลเท่านั้น
“นี่คุณ ผมต้องการจะกลับตอนนี้และเดี๋ยวนี้ ผมไม่มีอารมณ์มามีความสุขกายสบายใจทั้งๆที่ยังมีภาระอีกตั้งมากมายหรอกนะครับ” พูดเสร็จผมก็เดินหัวเสียออกไปจากรถ ตรงไปยังทรายละเอียดน้ำทะเลถูกคลื่นนำมากระทบตรงเท้า เท่านี้ความรู้สึกขุ่นมัวที่เกิดขึ้นในความคิดก็หายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โอ้ว นี่มันช่างมีความสุขจริง เป็นธรรมดาครับว่าเด็กหลังเขาอย่างผมจะชื่นชอบมากเพราะนอกจากภูเขา ต้นไม้ ก็ไม่เคยเห็นสิ่งอื่นเลย
แต่ที่พูดไปก็ฟอร์มไปอย่างงั้นเองแหละ
“แหม... ไหน? ใครบอกนะว่าไม่มีอารมณ์จะที่จะสบาย ใครบอกว่ามีภาระอีกมากมาย แต่สีหน้ากลับตรงข้ามกับที่พูดไว้นะ” เขารู้ทัน ไม่พูดเปล่าเขาก็ยักคิ้วข้างขวาขึ้นสูง คนบ้าอะไรดูเจ้าเล่ห์ชะมัดเลย ก็ได้แค่คิดในใจแหละครับไม่กล้าพูดออกไปอย่างที่ว่าแม่บอกเสมอว่าผมเป็นผู้ชายนะครับ
“ก็ ไหนๆก็มาแล้ว ก็ขอสูดอากาศให้เต็มปอดหน่อยไม่ได้หรือไงเล่า คุณเป็นเจ้าของทะเลเหรอมีสิทธิ์ห้ามคนอื่นเมื่อไหร่กัน ฟื้ด.....ชื่นใจจัง” ท่าทางการสูดอากาศของผมก็ดูกวนใช่เล่นอยู่เหมือนกัน แต่ผมลืมบอกไปว่าตั้งแต่ที่ขึ้นรถนายผู้ชายตัวโตคนนี้มา ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาจะพาผมไปไหน ไปทำอะไรมิดีมิร้ายรึป่าว ที่รู้คือผมเพลียและง่วงมากจนหลับไปในที่สุด ตอนที่ลืมตาตื่นมาผมก็พบตัวเองนอนในรถของเขาเบื้องหน้ามีทะเลสวยงามขวางอยู่ มองออกไปทะเลช่างกว้างสุดลูกหูลูกตาจริงๆ
“ตุ๊บ!!” อะไรกัน เหมือนถูกมือยักษ์ผลักทั้งๆที่กำลังสูดอากาศจนสบายใจ
“คุณทำบ้าอะไรครับ เป็นโรคจิตหรือไงคนเขามีความสุขอยู่ดีๆก็ผลักให้ล้มเฉยเลย” พูดเสร็จคนถูกผลักก็ใช้มือดันพื้นเพื่อพยุงตัวเองออกจากทรายนุ่มๆที่ล้มลงไป
“บ่นทำไมแค่ผลักนิดหน่อยเอง ทีเมื่อคืนนะไม่เห็นพูดจาแบบนี้เลย แต่พอตอนนี้เริ่มพูดเก่งจริงนะ” เขายื่นมือออกมาช่วยเพื่อพยุงคนล้ม แต่ขอโทษไม่ทันเพราะผมตั้งหลักได้แล้ว
ก็แน่นอนสิ เมื่อคืนมันมืดเพราะ เป็นช่วงกลางคืนยิ่งต้องเงียบเข้าไว้ขืนโวยวายเสียงดังไปเกิดเขาฆ่าปิดปากเราก็แย่สิ แต่พอรู้ว่าเขาก็ยังเป็นคนดีอยู่บ้างก็เบาใจและพร้อมเผลงฤทธิ์ คอยดูต่อก็แล้วกันนายมือยักษ์นายเจอดีแน่
“เดี๋ยวนะ เรามาที่นี่ เออ...ไม่ใช่สิคุณพาผมมาที่นี่ทำไม แล้วเรา เออ..คุณจะกลับได้ละยังเพราะผมต้องรีบไปเก็บของเข้าหอพัก และวันพรุ่งนี้ผมมีรายงานตัวด้วย กระเป๋าใบใหญ่ยังอยู่ที่บริษัทรถโดยสาร” ผมซัดคำพูดเป็นชุดๆเป็นฉากๆใส่คนตัวโตกว่า
“โอเค จะตอบทีละคำถามก็แล้วกัน คือก็แค่อยากมาก็เลยมาแล้วพอดีอีกเหมือนกันที่นายยังหลับอยู่จะปล่อยไว้ตรงข้างถนนก็เป็นการไม่ดี ส่วนเรื่องกลับเราจะกลับกันได้ต่อเมื่อผมพอใจที่จะกลับครับ แล้วเรื่องนอกจากนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของนายเองนะ มันไม่เกี่ยวกับคนอื่นฉันไม่มีหน้าที่รับผิดชอบนาย” คนมือยักษ์พูดจบก็เดินหนีไปเบื้องหน้า ที่มีคลื่นทะเลคอยกระทบฝั่งดังซู่ๆ
บ้าชะมัด ทำไมพูดแบบนี้ ถ้านายไม่พาฉันมาเมื่อคืน ถ้านายไม่กระชากข้อมือฉัน ฉันคงไม่ตกรถและคงจะได้เก็บกระเป๋าเข้าหอเพื่อเตรียมตัวรอวันรายงานตัวพรุ่งนี้และที่สำคัญคงได้โทรบอกแม่แล้วด้วย
หือ...นี่ลืมโทรบอกแม่เลย แล้วแบตโทรศัพท์ก็หมดซะด้วย ทีนี้จะเป็นยังไงบ้าง ทำไมอะไรๆช่างดูโหดร้ายเหลือเกินหนุ่มน้อยต่างจังหวัดถูกจับมาเพื่อให้หนุ่มชาวกรุงทำร้ายจิตใจ นี่มัยยุคศตวรรษที่21จะเข้า22แล้วนะ เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ยังไง ฮือ..อยากร้องไห้ให้ทะเลท่วมโลกไปเลย ฮือ...
ตำรวจ ใช่แล้ว สิ่งที่อยู่ในความคิดตอนนี้คือตำรวจเท่านั้นที่จะช่วยได้ ไม่รอช้ารีบวิ่งออกจากหาดทรายสีขาวนวลตรงเข้าไปยังชุมชนเพื่อหาสถานีตำรวจ และสิ่งที่ต้องการค้นหาก็พบได้อย่างง่ายดาย นี่คงเป็นเพราะการสวดมนต์ของแม่เป็นแน่แท้ที่ทำให้ผมรอดจากเนื้อมือคนตัวโตพลังยักษ์ และได้เวลากลับไปทำหน้าที่เสียที พอกันทีนะคนประเภทนี้ อย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย
หลังจากจัดการเรื่องวุ่นๆที่เกือบทำลายชีวิตอันสวยงามของผมก็ล่วงเวลาเข้าไปค่ำพอดี ก็พอเจอตำรวจเมื่อตอนเช้าผมก็นั่งรถตามที่คุณตำรวจเขาบอกมาถึงบริษัทรถที่ผมนั่งตอนมาจากเชียงใหม่ จัดการเก็บกระเป๋าที่อยู่บนรถอะไรเรียบร้อย จนกลับมาหออย่างปลอดภัย บัดนี้ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างได้ถูกจัดเข้าที่เข้าทางอย่างดีและเรียบร้อยแล้ว
“อี้อ...” เสียงบิดขี้เกียจจากผู้ชาตัวเล็กที่กำลังกลิ้งไปมาบนเตียง บ่งบอกถึงความสบายใจของผมเอง นึกแล้วก็สะใจมากๆกับอีตาคนตัวโตพลังยักษ์นั้น จะเป็นยังไงบ้างหนอ.. นั่นมันเป็นเรื่องของนายก็จัดการเองไม่เกี่ยวกับฉัน
“ เป็นไงละ ไม่ง้อก็ได้ ฮ่าๆๆ” บรื้ย...ผมส่ายหัวไปมาอยู่หลายครั้ง จะคิดถึงเขาทำไมกัน แต่ก็เอาเถอะขอให้พักผ่อนหย่อนใจให้ช่ำฤหัยดังที่หมายปองนะคุณ ฮ่าๆ
ตรงสนามที่ผู้คนเดินผ่านกันไปมาอย่างผลุผล่าน อลหม่าณไปด้วยผู้คน เสียงร้องเพลง เสียงกลอง เสียงคนพูดดังเต็มพื้นที่สนามไปหมด วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเรียนในปีการศึกษาใหม่นี้ และเสียงครึกครื้นที่ดังกึกก้องไปทั่วสนามบ่งบอกถึงอะไรไม่ได้นอกจาก ประเพณีรับน้อง
“แจวมะแจวจ่ำจึ๊กน้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว เอ้า แจวเรือจะไปซื้อเสื้อๆ .. ภาคเหนือ (ภาคเหนือ) ภาคเหนือ(ภาคเหนือ) ลุกขึ้นมาแจว” เสียงร้องเฮฮาไปด้วยความสนุกสนานเต็มไปทั่วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ย่อมบ่งบอกได้ดีถึงประเพณีที่สำคัญการรับน้องได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่เป็นเพียงการเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น บททดสอบความเป็นเฟรชชี่ยังอีกยาวไกล
เด็กเหนือตัวเล็กๆลุกขึ้นโยกไปตามจังหวะกลองและเสียงร้องดนตรีของรุ่นพี่ บ้างสะบัดไปทางซ้าย บ้างสะบัดไปทางขวา รอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากรุ่นพี่ที่รับน้องแสดงถึงความอบอุ่นของสถาบันแห่งนี้
ทว่าแต่ทุกการเคลื่อไหวของเฟรชชี่คนหนึ่งที่มีลักษณะสะดุดตาแตกต่างจากคนอื่นๆในกลุ่มเฟรชชี่ด้วยกันไม่เคยคลาดสายตาไปจากนายยักษ์ได้เลย
“ผู้ชายอะไร ทำตัวอ่อนแอให้คนอื่นเขาทนุถนอม ผู้ชายจริงรึป่าวก็ไม่รู้” หนุ่มรุ่นพี่ทอดสายตาไปยังหนุ่มเหนือ ที่กำลังโยกและสบัดซ้ายขวาตรงกลางของกลุ่มเพื่อน พร้อมอมยิ้มราวกับกำลังแผนการอะไรสักอย่างอยู่
“ภาวิน คิดอะไรอยู่ เอ...หรือกำลังแอบจ้องกินเด็กปี1เหรอ ไม่เบาเลยนะเพื่อน” ภาวิน เขาคือชายหนุ่มที่เพียบพร้อมไปด้วยฐานะมั่งคั่งและหน้าตาขั้นเอาการ เป็นที่นิยมของทั้งสาวแท้สาวเทียวอีกด้วย ก็เพราะความโดดเด่นไม่เหมือนใครของดวงตากลมโต ขนตาเรียงกันเป็นแพสวย เลยขึ้นไปรับกับคิ้วที่ดกดำดูแล้วงามตา ถัดลงมาก็มีจมูกพ่อมดเป็นที่ดึงดูดใจตลอดจนปากเรียวสวย เข้าขั้นเพอร์เฟ็ค แต่ภาวินก็ไม่เคยจะมีใครให้เตะตาต้องใจเสียที จนแมลงเม้าชอบซุบซิบกันว่าเขาเป็นเกย์แน่ๆ
ถึงฉะนั้นก็ตามแม้ว่าจะไม่เคยคบใครจริงจัง แต่กิตติมศักดิ์ของภาวินเลื่องชื่อไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ รุ่นน้องหรือแม้แต่อาจารย์ก็ตาม ลิ้นพิฆาต ฉายาบ่งถึงความเก่งกาจในการใช้ลิ้น
“ป่าว ก็แหม ดูเด็กปี1ทุกคนแหละ ทุกคนก็คือน้องร่วมสถาบันไง” เขาพูดพร้อมสลัดแผนการที่คิดไว้ตั้งแต่แรก
“แหน่ะ เดี๋ยวนี้พูดดีเนอะ พ่อพระเอกของสามแท้สาวเทียม” พิภัทรเพื่อนคนสนิทของเขาพูดหยอกด้วยความหมั่นไส้ ก็แน่นอนภาคินชอบได้รับบทพระเอกเสมอทั้งๆที่เขาไม่ได้อยากเป็นเลย แต่ตรงข้ามพิภัทรอยากเป็นพระเอกแต่โอกาสมักไม่เคยมาถึง หรือบางครั้งกว่าจะรู้ว่ามีโอกาสก็ผ่านไปซะแล้ว
หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจรับน้องที่สนามหน้าตึกคณะ ก็มีการเรียกให้รุ่นน้องมารวมกลุ่มกันเพื่อชี้แจงนโยบายการรับน้องของปีนี้
“พี่เห็นว่าทุกคนเหนื่อยกับการปฐมนิเทศและรายงานตัวนักศึกษาใหม่ กิจกรรมรับน้องวันนี้จึงพอแค่นี้ เข้าใจด้วยนะน้องว่าหลังจากนี้เราจะรับน้องกัน1เดือนเต็มๆ จงเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม เอาละ วันนี้พอแค่นี้ค่ะ” หลังสิ้นเสียงประกาศของรุ่นพี่สุดโหด ภีมก็รีบวิ่งผ่านกลุ่มเพื่อนและตรงเข้าห้องน้ำในทันทีเพราะยังรู้สึกว่ามีมวลในท้อง
“แอว๊ะ...ให้กินอะไรเข้าไป บ้าจริง คลื่นไส้มากเลย” ไม่พูดเฉย มือข้างหนึ่งก็หันไปคว้ากระดาษทิชชู่ที่แขวนติดผนังห้องน้ำ
“ทำไมทิชชู่ที่นี่มันแปลกๆนะ ทำไมมันนุ่มจังหรือว่าเป็นของมียี่ห้อ ” ภีมหันไปหาทิชชู่ยื่ห้อดีชนิดนั้น แล้วก็พบว่า
“เห้ย นี่มัน นะ... นาย ยะ ยักษ์” คนตกใจพูดไปโดยที่ไม่ได้คิดคำพูดทักทายที่ดีกว่านี้
“ว่าไง เจอกันอีกแล้วนะน้องภีม” ผู้ทักทายก้มมองดูชื่อป้ายชื่อในทันใด
“เออ..ครับ ” เจอเจ้ายักษ์นี่อีกแล้ว วันก่อนก็ทำแสบแอบหนีกลับมาพร้อมแจ้งตำรวจด้วย วันนี้จะโดนเอาคืนหรือเปล่าเจ้าภีมเอ้ย
ทฤษฎีโลกแบนคงจะถูกตอกย้ำมากขึ้น ก็ดูสิโลกมันโครตกลมเท่าผลส้มเพิ่งเจอกันแปปเดียวจู่ๆมาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยเดียวกันอีก ถ้าโลกกลมเหมือนผลส้มนะคราวหน้าจะให้พ่อคิดพันธุ์ส้มให้แปลก วอนให้พ่อออกแบบใหม่ที่ไม่ต้องกลมอีกไม่ต้องกลมอีก
“เออะ... พี่ชื่ออะไรเหรอครับผมยังไม่รู้จักชื่อของพี่เลย” ผมส่งยิ้มแห้งๆกับน้ำเสียงสั่นๆอาการกลัวคนตรงหน้า
“พี่วินครับ แล้วพี่ว่าเรามีเรื่องอะไรต้องเคลียร์กันอีกเยอะเลยละ” คนตัวโตพูดแล้วพยักคิ้วขึ้นสูง จนทำให้คนตัวเล็กประหม่า
“มีเรื่องอะไรให้คุยกันอีกละ เอ่อคือมีเรื่องอะไรเหรอครับ ถ้าเป็นเรื่องวันก่อนผมขอโทษก็แล้วกัน” ก็มาบอกให้รับผิดชอบตัวเอง ก็จัดการตัวเองเสร็จแล้วไงนายจะมาอะไรมีเรื่องอะไรอีก
“มีเรื่องที่อยู่ๆน้องก็หายไปไม่บอกกล่าว และเรื่องใหม่ในวันนี้ที่พี่ได้ยินน้องบ่นอะไรเกี่ยวกับกิจกรรมที่ทำ แล้วคิดดูดีๆนะว่าถ้าเรื่องนี้ถึงหูรุ่นพี่คนอื่น แล้วผลลัพธ์จะเป็นยังไง..” เขาชูนิ้วชี้แล้วไปแตะที่ขมับ พรางบอกเป็นนัยๆว่าให้ภีมคิดๆดู
เหงื่อตก วันแรกของการเรียนวันแรกของการรับน้องก็ถูกข่มขู่ น่าประทับใจมาก คนเป็นรุ่นพี่ก็ชอบข่มแต่น้อง รังแกรุ่นน้อง เดี๋ยวเหอะ >.< ...ฮือ
ความกลัวบังเกิดเรื่องที่หายไปโดยไม่บอกไม่เท่าไหร่แต่เรื่องบ่นกิจกรรมนี่สิ แค่คิดก็สยิวแล้วก็เพิ่งเข้ามาเรียนวันแรกขีนทำตัวนอกรีตนอกกรอบละคงไม่ไหวนะ ทำไงดี ทำไงดี
ให้ทายจะมามุขนี้ไม่บอกให้ไปกินข้าวก็ไปดูหนังเป็นเพื่อนชัวร์ ก็แบบนี้คนน่ารักใครก็อยากจะแกล้งก็อยากอยู่ใกล้แต่คอยดูจะเอาให้ขายหน้าเลย
“โอเคก็ได้ครับ ผมตกลงตามความต้องการของพี่เลยฮะ”
“ขำดีนะ นายคงคิดว่าฉันจะพานายไปกินข้าว ไปเดินเที่ยว ไปดูหนังแล้วบอกว่าพี่เหงาพี่ไม่อยากอยู่คนเดียว อยากให้น้องมาอยู่เป็นเพื่อนสินะ” ยักษ์ตนนี้พูดอย่างรู้ทัน ฉากชีวิตที่แย่ที่สุดช่วงหนึ่งกำลังฉายภาพขึ้นในความคิด แอบคิดอะไรไปก็รู้หมดตั้งแต่เรื่องที่โดนฉุดแขน มาถึงเรื่องันนี้อีก เฮ้อ...คิดไปแล้วก็ปวดหมับ
จะวิ่งหนีตอนนี้ขาก็ไม่ขยับ จะสบตาก็ไม่กล้าเพราะดูน้ำเสียงแล้วไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าใด จะหัวเราะก็ไม่เห็นจะขำตรงไหน โกหกว่าปวดฉี่ก็ไม่ได้เพราะเดินออกมาเมื่อกี้ หรือว่าจะร้องไห้ ...
ความคิดเห็น