project v - project v นิยาย project v : Dek-D.com - Writer

    project v

    เอ่อ...

    ผู้เข้าชมรวม

    328

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    328

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 เม.ย. 53 / 16:06 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    -0-

    ข้อมูลเบื้องต้นไร-*-

    ข้างไปเนื้อหาเร้ยยยย>0</
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      ------
      แวมไพร์ (อังกฤษ: Vampire) ผีชนิดหนึ่งตามความเชื่อของชาวยุโรป ในยุคกลาง เชื่อว่าเป็นผีดิบ ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่มีฟันแหลมคม ดื่มเลือดของมนุษย์ด้วยกันเป็นอาหารเพื่อหล่อเลี้ยง โดยที่แวมไพร์จะมีชีวิตเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย จะปรากฏตัวได้แต่เฉพาะเวลากลางคืน เพราะกลางวันแพ้แสงแดด แวมไพร์จะหลบซ่อนอยู่ในโลงของตนหรือในหลุมในเวลากลางวัน ไม่มีเงาเมื่อกระทบกับแสงหรือสะท้อนในกระจก มีแรงมากเหมือนผู้ชาย 20 คน -----

       

      *****************************

       

      คฤหาสน์หลังใหญ่สีดำสนิทตามแบบตะวันตก ตั้งตะหง่านอยู่ท่ามกลางแมกไม้ ดูมีมนตร์ขลังไม่น้อย หากเห็นเพียงเท่านี่ใครคงนึกจิตนาการต่อถึงที่ตั้งกลางหุบเขาที่เล้นลับ หาใช่ตั้งอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ดังเช่นที่มันเป็น และแน่นอนหากเกริ่นเรื่องมาถึงนี่แล้วก็คงพอจะเดาได้คร่าวๆ ถึงสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ภายใน

      แวมไพร์

       

      ดวงอาทิตย์ส่องแสงสีแดงชมพูอาบไล้ที่ปลายขอบฟ้าขณะค่อยๆเคลื่อนที่คล้อยต่ำลงท่ามกลางหมู่แมกไม้ที่ต่างชู่ช่อรับแสงแห่งตะวันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนยามค่ำจะมาเยือน

      เด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูรั้ว เอื้อมมือมาคลอเคลียกับลวดหนามที่เลื้อยพันเข้ากับประตูอย่างเหมาะเจาะ เธอดูเด่นและงดงาม เข้ากับดอกกุหลาบสีแดงสดที่เบ่งบานอยู่ทั่วบริเวณบ้าน เด็กสาวเงยหน้าเล็กน้อยขณะคุยกับหญิงวัยกลางคนในชุดเมดที่กำลังเดินเข้ามาหา

      “ป้าคาร่า เดี๋ยวหนูมานะค่ะ”  

      “คุณหนูรีบกลับด้วยนะค่ะ อย่าให้ถึงเช้า เดี๋ยวคุณท่านจะเป็นห่วง” หญิงวัยกลางคนแย้มรอยยิ้มให้เด็กตรงหน้า วันเวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ ไหนเลยใครจะคิดว่าคุณหนูโอลของเธอจะโตเป็นสาวที่น่ารักอย่างทุกวันนี้

      “ค่ะ” เด็กสาวตอบรับ ก่อนหมุนตัวออกจากบ้านเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ

      อย่าให้ถึงเช้า

       

      แม้จะเป็นเวลากลางคืนแต่แสงไฟในเมืองใหญ่แทบไม่ลดลงเลย ขณะที่คนหนึ่งเดินทางกลับบ้าน ก็มีใครอีกหลายๆคนที่ลุกขึ้นมา ได้เวลาเริ่มวันใหม่เสียทีสำหรับเหล่ามนุษย์กลางคืน

      กลางคืนคล้ายจะเป็นอีกแง่มุม เหมือนโลกอีกใบที่จะว่าต่างกันโดยสิ้งเชิงก็ไม่ใช่ ในตอนเช้าเราเห็นคนทำงานเดินกันขวักไขว่ตามถนน  เช่นเดียวกับกลางคืนที่ก็เป็นเรื่องปกติเช่นกันที่จะเห็นเหล่าวัยรุ่นเดินกันทั่วไป ราวกับผีเสื้อกลางคืนที่ออกมาเล่นแสงไฟ

                  ผับต้นโอ๊ค เป็นผับเล็กๆ ผับหนึ่ง ที่เปิดบริการมานาน ตัวผับถูกตกแต่งด้วยบรรยากาศของบ้านสไตล์ยุโรปสมัยก่อนที่สร้างจากไม้ท่อนกลมๆ เป็นที่นิยมเที่ยวของเหล่าคุณหนูที่อยู่ในระดับ มีกะตัง

      เสียงเพลงจากลำโพงสีดำสนิทที่ถูกฝังอยู่บนเพดานไม้เปิดคลอเบาๆให้บรรยายกาศเงียบสงบ ชวนให้ผ่อนคลายจากความเมื่อยล้าของยามกลางวัน

      โอลนั่งฮัมเพลงจิบของหวานสีแดงสด ในใจนึกไปถึงอย่างอื่นที่สีแดงสดเหมือนกันแต่อร่อยกว่ากันเยอะ

      เลือด

      โครกกก

      แต่เพียงคิดท้องก็ร้องซะแล้ววว>w<…

      โอลกำขาแก้วทรงสูง มองไปทั่วอย่างเบลอๆ จนบังเอิญไปสบตากับชายหนุ่มโต๊ะข้างๆ เขาฉีกยิ้มกว้างให้ ก่อนเดินเข้ามาหา

      “ไงสาวน้อย  ไปนั่งกับพี่โต๊ะนู้นมั้ย” ในใจอยากจะตอบว่าไม่ แต่

      “ไปสิค่ะ”

                  อย่าว่าฉันใจง่ายเลยที่ยอมเดินตามเขาต้อยๆ ก็หิวอ่ะ>w< ฉันเดินตามชายหนุ่มไปที่โต๊ะก่อนจะทิ้งตัวลงบนตักเขาอย่างไม่ลังเล พลางก็เอื้อมมือนุ่มไปโอบรอบต้นคอขาว แวปนึงที่สังเกตุวว่านายคนนั้นมองมาที่ฉันด้วยสายตากรุ้มกริ่มแปลกๆ

       “กินอะไรหน่อยมั้ย เดี๋ยวพี่ป้อนให้ แต่ด้วยปากนะจ๊ะ หึหึหึ^^

      สิ้นคำพูดของเขาฉันก็แทบกรี้ด อะไรกัน อุตส่าห์เลือกผับดีๆแล้วนะ ทำไมเจอคนแบบนี่วะ บ่นในใจ แต่ปากกลับตอบไปว่า

      “อยากกินนาย^^”แจกยิ้มกว้างให้กลับชายหนุ่ม โน้มคอขึ้นไปซุกไซกลับซอกคอของเขา มือเรียวยกขึ้นมาเช็ดน้ำลายที่คลอออกมา ง่ำๆ กินแล้วนะค่า>W<

      “กรี้ดดดด” อยู่ดีๆเสียงกรี้ดก็ดังลั่นร้าน  แน่นอนว่าไม่ใช่ของฉัน ตากลมโตคู่สวยเบิกกว้างพลางมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง  หรือว่าเจ้าของเสียงนั้นจะรู้ว่าเมื่อครู่เธอกำลังจะทำอะไร

      ทุกคนในร้านต่างหันหน้าขวับไปยังต้นเสียงอย่างไม่ได้นัดหมาย เสียงกรี้ด ลั่นจากกระเทยถึก เรียกความสนใจจากคนทั้งร้านได้ไม่น้อย

      ขณะที่ผู้จัดการร้านรีบเดินมายังต้นเสียง ไม่รู้เธอคิดไปเองหรือเปล่า แต่ดูเหมือนเจ้ากระเทยต้นเสียงดันมองมาทางโต๊ะที่เธอนั่งเสียงด้วยสิ ตายหล่ะ ความแตกแล้วหรือ คนเสียงแหลมเดินเยี่ยงย่างอย่างมั่นมาหยุดอยู่ไม่ไกลก่อนหันมามองทางเธออย่างเหยียดๆ

      “บอยทำไมบอยทิ้งชายได้อย่านี้หล่ะฮ้า!! ชายไม่ดีตรงไหน ชายแพ้ยัยชะนีนี่ตรงไหนค่ะ ไม่เอานะชายไม่ยอม บอยห้ามทำอย่างนี้กับชายนะ” ไม่ว่าเปล่า กว่าโอลจะรู้ตัวอีกทีเธอก็โดนคนเสียงแหลมเหวี่ยงมานั่งจุ้มปุกกับพื้น ก่อนเจ้าตัวจะนั่งแทนที่เธอเสร็จสรรพ

       =[]=!” เด็กสาวถึงกับหน้าเหวอกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด วูบแรกคือความรู้สึกโล่งใจเมื่อความลับยังไม่ถูกเปิดเผย แต่สิ่งที่ตามมาติดๆคือความอับอาย เมื่อสายตาหลายคู่ต่างจ้องมายังโต๊ะเธอ

       

      ห้าทุ่ม

      โอล mode

      กำอะไรของฉันกันน้า เลือกเหยื่อทั้งทีมันดันเป็นเกย์

      ไอ้ครั้นจะบอกว่าหมดอารมณ์ กลับบ้านเลยก็ใช่ที่เพราะตอนนี้

      โครกกก

      ทนหน่อยนะลูกรัก เดี๋ยวแม่จะหาเลือดมาให้T^T

      ฉันแทบทรุดลงกับพื้น ไม่น่าฟื้นตัวเองเลย รู้งี้ ออกไปตั้งแต่เมื่อคืนก่อนดีกว่า แงๆ ไม่น่าขี้เกียจเลย

      สมองเริ่มตื้อไปหมด แล้วภาพมัวๆของใครบางคนก็พุ่งเข้าสู่โสตประสาท

      “โอลๆ เป็นอะไรมั้ย” เสียงคุ้นๆของใครบางคนที่ดูอบอุ่น ก่อนวงแขนนั้นจะช้อนฉันขึ้นมา

      “อืม(ผู้ชายยยยTTwTT)”แน่นอนว่าประโยคหลังฉันครางในใจ 

      โทษนะ ผู้มีพระคุณ ฉันหิวแล้วอ่ะ โหสิเหอะนะ ถึงแม้นายจะมาช่วยฉันก็เหอะ

      “ง่ำ=w= ฉันฝังเขี้ยวเข้าไปในเนื้อของเขาเต็มที่ หากใครเห็นเราตอนนี้ก็คงเหมือนคู่รักที่กำลังซุกไซร้กัน ทางกลางบรรยายกาศยามกลางคืน ฉันคว้าคอเสื้อของเขาที่เหมือนจะสะดุ้งเมื่อแรกฝังเขี้ยว ก่อนกระชับมันเข้าหาตัว จะหนีไปไหนค่ะ-_-+

      ข้อดีของการเป็นแวมไพร์ข้อหนึ่งก็คือ เมื่อพวกเราดูเลือดของเหยื่อเสร็จ จะมีสารบางอย่างติดไปกับการดูดเลือดซึ่งจะทำให้เหยื่อหลับ และเมื่อตื่นขึ้นมาก็ว้าบบ เขาก็จะลืมเรื่องทั้งหมด อาจจะมีสงสัยในแผลที่ต้นคอตัวเองบ้าง แต่สุดท้ายแล้วเดี๋ยวก็ลืมไปเอง

      “ง้ามๆๆ” ฉันหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุข ขณะปล่อยให้ของเหลวสีแดงสดไหลผ่านริมฝีปาก

      โป้กกก

      “โอ้ย=w=+” ฉันลืมตามามองเหยื่อของตัวเองช้าๆ อะไรกันเป็นแค่เหยื่อ นอนเฉยๆ ก็พอแล้วไป เดี๋ยวจะดูดให้สลบเลยคอยดู แง่มๆ “อ้าว เคนo_O!!” ฉันเรียกชื่อเหยื่อจำเป็นของตัวเองอย่างตกใจ เคนเพื่อนร่วมห้องฉันเองค่ะ อยู่โรงเรียนค่อนช้างเป็นคนเงียบๆ แหนะๆ แอบมาเที่ยวกลางคืนเหมือนกันสิท่า

      เคนหรี่ตามองฉันเล็กน้อย แล้วพูดด้วยเสียงทุ้มๆ ตามแบบฉบับของเขาที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นจำเลยอย่างไนชอบกล

      “เดี๋ยวหลังจากนี้เราต้องคุยกันยาว แล้วไม่ต้องมามองอย่างนั้น พ่อฉันเป็นเจ้าของผับแถวนี้ ไม่ได้มาเที่ยวกลางคืนเหมือนเธอ พอยืนไหวมั้ย” พูดจบเขา ก็ลุกขึ้น แล้วเอื้อมมือมาดึงฉันให้ลุกขึ้นตาม โอ สุภาพบุรุษจริงจริ้งงง

      “อืมต้องไหวสินะ ก็เธอเล่นเอาเลือดคนอื่นไปตั้งเยอะ=_=^” เคนพูดขณะฉุดฉันขึ้นมา

      ฉึก

      ทำไมหมอนี่ต้องมาพูดจาแทงใจดำอย่างนี้ด้วยนะ

      ขอถอนคำพูดที่ว่านายเป็นสุภาพบุรุษ เมื่อกี้-_-+

      แต่เดี๋ยวนะ เกิดอะไรขึ้น หมอนี้ไม่ควรจะอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ยืนทำตาปรือๆ เหมือนคนง่วงนอน เขาควรจะสลบไปแล้วสิ เกิดอะไรขึ้นนะ เอาแค่ลักษณะพื้นฐานของคนเสียเลือดก็ยังไม่มี นายต้องดูอ่อนเพลียสิ ฉันเถียงในใจขณะนึกถึงสถาพเพื่อนๆที่เคยไปตรวจเลือดกันมา นอกจากนี้นะ

      “นี่ๆ นายไม่ตกใจหรอ” ฉันว่านะคนธรรมดาปกติเค้าต้องตกใจไปตั้งนานแล้ว แต่นี่นอกจากไม่ตกใจ แถมยังหน้าด้านไม่ยอมสลบอีกต่างหาก นายเป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ยย

      “ไม่หนิ” เคนพูดพลางเกาหัวอย่างเก้อๆ “ความจริง แม่ของฉันก็เป็นแวมไพร์เหมือนกัน ได้รับมาจากยายหน่ะ แต่ชั้นไม่ใช่แวมไพร์นะ”

      “ถ้างั้น นายจะไม่บอกเรื่องของฉันใช่มั้ย” ใช่สิเขาเป็นคนดี ไม่บอกใครหรอกน่า

      “ขอคิดดูก่อนนะ”

      น้ำเสียงเจ้าเล่ห์นั้นมันอะไรกัน จะเก็บไว้เป็นข้อต่อรองเราะ

      นายยยชั่วร้ายยยTTwTT

       

      ฉันตื่นขึ้นมากับเช้าวันใหม่อย่างไม่สดใสนัก อยากให้เรื่องเมื่อคืนเป็นความฝันจัง ความจริงถึงไม่มีเรื่องนั้นฉันก็ไม่ชอบตอนเช้าเป็นปกตินั้นแหละ เกลียดตอนกลางวันอากาศร้อนก็ร้อนแถมยังสว่างเวอร์อีก

      กริ้งงงง

      เสียงกดกริ่งดังมาแต่เช้า ใครจะมานะ ฉันชะโงกหน้ามองลอดหน้าต่างหน้านอนออกไป

      เคนกำลังยืนพูดอะไรบางอย่างกับเครื่องตอบรับที่หน้าบ้านฉัน

      อะไรกันมาแต่เช้าเชียว

      เขาพูดอะไรสองสามคำ แล้วเงาดำๆที่เดาได้ไม่ยาก แน่นอนว่าพ่อฉันก็พุ่งปราดออกมาอย่างรวดเร็ว

      งานหนักแล้วนะ เพื่อน ก็พ่อฉันหน่ะขึ้นชื่อเรื่องหวงลูกสาวกว่าใคร กว่าฉันจะออกไปดูดเลือดเองได้ต้องอ้อนตั้งนาน ว่าแต่นายนั้นมาทำไมของเขาแต่เช้านะ

      ช่างเถอะ ฉันไม่อยากคิดฟุ้งซ่าน

      ฉันไปอาบน้ำก่อนดีกว่า^^

       

      ก๊อกๆ

      “คุณหนูค่ะ”

      “ค่ะ แป๊บนึงนะค่ะหนูกำลังจะออกไปแล้ว”

      “คุณหนูค่ะวันนี้มีคนมาหาคุณหนูด้วยค่ะ” ป้าคาร่ารายงานทันทีที่ฉันก้าวออกจากห้อง ก็นะนานๆทีจะ มีคนมาหาฉันนี้ ก็นะการพาเพื่อนมาเยี่ยมบ้านตัวเองก็คงไม่ต่างอะไรจากพาถุงเลือดกับบ้านนั้นแหละ

      “แล้วตอนนี้อยู่ไหนหรอค่ะ”

      “กำลังคุยกับนายท่านอยู่ค่ะ” คุยกับพ่อฉัน หรือกำลังโดนพ่อฉันเชือดกันแน่นะ หุหุหุ

       

      “โอล มาแล้วหรอลูก”

      “อรุณสวัสดิ์ค่ะ^^ ฉันกล่าวก่อนหันไปกอดพ่อแรงๆ แล้วชโงกหน้าข้างไหล่หนาไปดูสภาพคนที่อยู่ข้างหลัง ชิ!ยังอยู่ดีเราะ สภาพเคนตอนนี้ห่างไกลจากที่ฉันคิดอย่างแรง

      “ลูกคงรู้จักกันแล้วใช่มั้ย คนนี้ไงหลานของเพื่อนพ่อที่เคยเล่าให้ฟัง”

      หลานของเพื่อนพ่อ=[]=! เพราะอย่างนี้ใช่มั้ยนายคงไม่โดนยำ ชิ! เล่นเส้นนิ =_=+

      โลกกลมจังเนอะ เหอะ!

      เออ! ฉันผิดเองที่ไม่รู้ ทั้งที่ก็เคยเจอกันมาก่อนแล้วนี่นะ ไหนยังคุณลุงอีก เฮ้อ! เกิดมาสวยแล้วสมองช้านี่ผิดมั้ยนะ

       

       

      หลังจากกินข้าวเสร็จ พ่อก็ให้พี่แดงขับรถมาส่งฉันกับเคนที่โรงเรียน

      ฮั่นแน่ ที่แท้ที่นายมาบ้านฉันแต่เช้านี้หวังติดรถมาอ่ะซี่

      นั่นแหละฉันคงคิดอย่างนั้นถ้าบ้านของเขามันไม่ได้อยู่อีกทาง _ _^

      อย่าถามนะว่าฉันรู้ได้ไง  เอาเป็นว่าฉันรู้ละกัน

       “ตกลงนายจะไม่บอกใครสินะ เรื่องที่ฉันเป็น”ฉันถามเคนอีกครั้ง แน่น้อนน นายไม่มีทางบอกอยู่แล้ว ก็แม่นายก็เป็นเหมือนกันนิ ฮึ่มๆ

      เขามองทอดยาวไปตามทางปูอิฐแดง ที่ทอดยาวไปยังตึกเรียนซักพัก ก่อนหันหน้ามาตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ ตามแบบฉบับ “ของคิดดูก่อน^^

      อะไรกันหมอนี่=_=+ ยังต้องมีอะไรให้คิดอีก คิดมากแช่งหน้าแก่เลย

      “เธอนั่นแหละที่อย่าคิดมาก” เคนพูดก่อน จะก้มลงทำท่าเหมือนจะหอมแก้มฉัน แล้วก็ผละไป

      =[]=!!! ระรู้ได้ไงอ่ะ” ว่าแต่เล่นอย่างนี้ไม่ดีนะนาย>///< แงๆ

      “เก่ง^^ 555 หน้าเธอแดงตลกชะมัด ” เขาพูดก่อนเดินนำหน้าไป

      ชิ!เจ้าคนชอบแกล้งรู้งี้เมื่อวานกัดให้แรงกว่านี้ดีกว่า เอ๊ะ!o[]o

      “นี่ๆเจ็บมากมะ” ฉันเอาเมื่อแตะที่ผ้าพันแผลสีขาวบนคอเขาเบาๆ เคนสะดุ้งนิดหน่อย แล้วหันมาตอบอย่างหน้าตาย

      “รู้แล้ววันหลังก็เพลาๆหน่อยเหอะ แรงอย่างฟาย”

      เอิ่ม..ชักรู้สึกอยากกัดคนขึ้นมาตะหงิดๆ=_=+

      “เย็นนี้กลับด้วยกันนะ^^” หน่ะ ตบหัวแล้วลูบหลังนี่นา

      “อืม-///-” ทำไงได้ ฉันไม่ได้แพ้คนหล่อนะแง่มๆ แค่เห็นแก่รอยเลือดแดงๆบนผ้าพันแผลนายเท่านั้นแหละ

      สุดท้ายแล้วฉันก็ได้แต่เดินตามเคนที่เดินนำหน้าออกไป อืม แผ่นหลังของเขากว้างดีจัง

       

      กิ้งก่องง

      เลิกเรียนจ้า

      อาจารย์กล่าวสรุปการบ้าน ก่อนนักเรียนจะทำความเคารพ ในที่สุดเลิกเรียนซักที เฮ้อ ฉันเป็นแวมไพร์แน่นอนตอนกลางวันฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ มันเป็นเรื่องปกติของ พวกเรา ถึงอย่างนั้นฉันก็ถือว่าแข็งแรงมากแล้วนะที่สามารถใช้ชีวิตท่ามกลางแสงสว่างได้เกือบปกติ

       “น้องโอลๆ”เสียงเรียกจากรุ่นพี่คนหนึ่ง หัวทองคนหนึ่ง ท่าทางของเขาดูแปลกๆพิกล

      “ขา.. ฉันตอบก่อนเดินไปหาเขาหน้าห้อง

      “คือพี่จะคุยเรื่อง คำขวัญที่น้องส่งไปเมื่อเดือนก่อนอ่ะจ้า พี่อยากจะให้น้องไปยืนยันความจำนงรับรางวัลหน่อยช่วยตามพี่มาหน่อยนะ” รุ่นพี่คนนั้นพูดพลางฉีกยิ้มกว้าง

      “โอเค ค่า^^” เออ ไปดูเรื่องรางวัลก่อนละกัน ยังไงวันนี้กลับช้าซักหน่อย คิดแล้วก็อยากจะฆ่า ไอ้คนที่บอกว่าให้กลับด้วยกันแต่ดันโดดหายไปตั้งแต่คาบ 2 จริงๆ _ _^

      ฉันเดินตามรุ่นพี่มาเรื่อยๆ จากที่ๆผู้คนเริ่มเดินกันขวักไขว่ จนคนค่อยๆบางตาลง เอ๊ะ ชักเริ่มเปลี่ยว รุ่นพี่นี่จะลากฉันมาทำมิดีมิร้ายรึเปล่าเนี่ย ไหนยังท่าทางลุกรนแปลกๆอีก อย่างนี้มันน่าสงสัยนะ

      ขวับ

      อยู่ดีๆรุ่นพี่คนนั้นก็หันกลับมาอย่างรวดเร็ว จนฉันสะดุ้ง

      “เออ น้องโอล คือพี่ขอโทษนะที่หลอกน้องมา พี่แค่” รุ่นพี่ผู้ชายพูดตะกุกตะกักแปลกๆ “พี่แอบชอบน้องมานานแล้วคบกับพี่เถอะ”

      =[]=!!

      ….

      “ไม่ดีกว่าค่ะ” ฉันกล่าวก่อนหมุนตัวจากมาอย่างรวดเร็ว อาจจะดูใจร้ายไปบ้าง แต่ฉันไม่ต้องการให้ความหวังใคร เพราะสุดท้ายคนที่เจ็บที่สุดก็คือเขานั้นแหละ

      “แต่พี่รักน้องจริงๆนะ” ไม่ว่าเปล่ารุ่นพี่คนนั้นก็เอื้อมมือมารั้งเอวของฉันไว้ แถมยังยื่นปากตัวเองเข้ามาใกล้จนเกินควรอีก

      เพราะสุดท้ายคนที่เจ็บที่สุดก็คือเขานั้นแหละ โดยเฉพาะถ้ายังทำรุ่มร่ามกับฉันมากไปกว่านี้

      “ปล่อยหนูเถอะค่ะ”

      -3-

      _ _^ กำอะไรของคนสวย แงๆ ฉันขมวดคิ้วก่อนสายตาจะเผลอไปเห็นคนอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเคน

      ตายหล่ะหว่า มองอย่างนี้แล้วนายนั่นต้องเข้าใจผิดชัวร์เลยอ่าTT แง นั่นไงเดินหนีไปแล้ว

      ไม่นะ อย่า

      ทั้งที่เจอกันไม่กี่วัน แต่หากเป็นปกติใครจะคิดยังไงกับฉันก็เรื่องของเขา แต่วันนี้ฉันกลับรู้สึกร้อนรนแปลกๆ อย่า

      ไม่ๆ ฉันจัดการกับเจ้าปลาหมึกมือยุบยั่บนี้ แล้วรีบไปหาเคนดีกว่า

      “น้องโอลลล >3<

      เปรี้ยง!! ไม่รู้ไม่สน โหสิเหอะ

      oxO อ๊อคค..

      ฉันเหวี่ยงรุ่นพี่คนนั้นอัดกำแพงอย่างหมดความอดทน

      เคน..รอด้วย

       

      “นาย

      “มีอะไร” เคนหันมาหาฉันช้าๆ แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

      T^T มันไม่มีอะไรนะ” ตายแล้วๆ จะเริ่มยังไงดี แงๆนายนี่จะโกรธฉันมั้ยนะ ห้ามโกรธนะนายไม่มีสิทธิ์ แงๆ อะไรเล่า

      “คิก อุ้บ! 555^^ หน้าเธอตลกดี เหมือนหมาโดนทิ้ง

      =[]=” อ๊ะ อะไรไม่โกรธหรอ? คนสวยงง

      “ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนแบบนั้น” เคนบอก แต่เขาคงจะเข้าใจเครื่องหมายคำถามบนหน้าฉัน ก็นะรู้จักกันแป๊บเดียว จะมาเข้าใจฉันทุกเรื่องได้ยังไงเล่า จึงถอนหายใจเล็กน้อยก่อนอธิบายต่อ “ฉันรู้จักเธอมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ 2ปีก่อน -///- ที่งานแต่งงานของคุณน้า เธอน่ารักดี พอฉันรู้ว่าเธอจะมาเข้าที่โรงเรียนนี้ฉันก็เลยตามเข้ามา”

      “ห๊ะ =[]=”ช็อคคะ คนสวยช็อค เดี๋ยวตะกี้นายพูดว่าอะไรนะ “นายตามฉันเข้าโรงเรียนนี่เราะ ฉันเข้าที่นี่เพราะลุงบอกว่านายจะเข้าต่างหาก อุ้บ!

      “เธอว่าอะไรนะ”

      “ปล้าวว ไม่มีอะไร>///<

      “เธอตามฉันมาหรอ” เคนทำตาโตมองฉัน

      “แล้วไงเล่า มีปัญหาหรอ=///=+

      “ไม่มีอะไรหรอก ก็ดีไม่ใช่หรอที่เราใจตรงกัน” เคนพูดจบก็หน้าแดง อะไรเล่าพูดให้คนอื่นหน้าแดงแล้วมาหน้าแดงเองอยางนี้ใช้ได้ที่ไหน

      “อืม-///- ใจก็คิดไปอย่างนั้นแต่ปากก็ตอบ อืม ละนะ

      “ว่าแต่ถ้านายรู้ว่าฉันไม่ใช่คนแบบนั้น ทำไมตอนฉันโดนรุ่นพี่ปลาหมึกนั้น ไม่คิดจะเข้าไปช่วย=_=+

      “ฉันช่วยแล้ว” เคนพูดพลางชี้ไปที่อาจารย์พยาบาลกำลังคุมนักการแถวนั้นให้ช่วยกันหามร่างๆหนึ่งออกมาจากมุมตึก “ช่วยตามอาจารย์ให้ เพราะฉันรู้ว่าโอลอ่ะ แรง..…_ _^ นั่นแหละ”

      “…ตาบ้า>0<”

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×