คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : 8
8
หลังจากที่งานจบไปได้ด้วยดีฉันก็เดินไปที่ลานจอดรถเพื่อที่จะออกไปที่ร้านสักหน่อย ว่าจะไปหาอะไรกินแก้ขัดเพราะรู้สึกเบื่อๆ กับงานนี้ซะเหลือเกินและอีกอย่างฉันก็คิดไว้ว่าจะไปซ้อเสื้อผ้า เครื่องสำอางสำหรับการอาศัยอยู่ที่บ้านเซาล์ จะอยู่จนกว่าเกมส์จะจบ…
“ฉันรู้ว่านายต้องช่วยฉันได้” ฉันพูดกับปลายสายขณะขับรถอยู่บนท้องถนน ที่ซึ่งมีรถแล่นผ่านอยู่มากและก็เป็นกฎจราจรอีกอย่างหนี่งคือการไม่คุยโทรศัพท์ขณะขับรถยกเว้นแต่บลูทูธเท่านั้น แต่ฉันดันไม่สนใจกฎพวกนั้นด้วยการยกโทรศัพท์คุยกันหน้าด้านๆ ซะได้
ฉันนี่มันแน่จริงๆ เลยสินะ :P
(ช่วยอะไร ถ้าเรื่องผู้ชายฉันขอบาย) ปลายสายพูดอย่างเซ็งๆ ถ้าให้เดาเขาคงจะเครียดกับงานสืบสงสืบสวนมากเกินไปล่ะมั้ง พี่ชายฉันเป็นสายสืบนี่ ถ้าไม่เครียดเรื่องนี้ก็คงไม่รู้จะเครียดเรื่องไรแล้วเพราะพี่คนนี้ซีเรียสกับงานมากกว่าเรื่องอื่นๆ ถึงแม้ตัวเองจะรวยแค่ไหน ต่างกับฉันที่วันๆ เอาแต่ผลาญเงินเล่นๆ ราวกับว่ามันเป็นแค่เศษขี้เล็บเท่านั้นเอง
“เอาน่า อย่างน้อยเรื่องนี้มันก็อาจจะทำให้นายสะใจก็ได้นะ”
(ว่ามา ถ้าไม่โอฉันคงต้องขอ…)
“ช่วยกีดลีนินออกจากเซาล์ที ฉันไม่อยากให้คนบริสุทธิ์อย่างเธอต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง!” ฉันรีบโพล่งออกไปก่อนที่เวย์จะปฏิเสธ “นายชอบช่วยเหลือคนไม่ใช่เหรอ ยังไงฉันก็ขอร้องหน่อยล่ะ”
เวย์เงียบไปเหมือนกับว่าเขากำลังคิดหนักอยู่(ก็ได้ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ)
“ขอบใจมากเลยนะคุณพี่ชาย แล้วน้องสาวคนนี้จะไม่ลืมบุญคุณเลยล่ะ”
(จริงๆ เลย)
“แล้วก็…อย่าไปตกหลุมรักเธอเข้าล่ะ ฉันไม่อยากให้เธอต้องเสียใจภายหลัง”
(ครับๆ แค่นี้ก่อนนะฉันจะทำงาน)
ตี๊ด
ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่คิดเลยว่าทุกอย่างที่ฉันวางแผนไว้จะเริ่มเป็นไปตามที่ฉันต้องการ แต่สิ่งฉันต้องการจริงๆ ล่ะก็…การทำให้เขาต้องเจ็บปวดเหมือนที่ฉันเคยเป็นอยู่นี่ไง!!
เข้าใจนะว่าคาสโนว่าเป็นพวกชอบฟันแล้วทิ้งอะไรประมาณนี้ แต่สิ่งที่เขาเคยให้สัญญาไว้กับเวย์และคนอื่นๆ มันทำให้ฉันรู้สึกเสียหน้าอย่างบอกไม่ถูก ฉันอับอายมากเมื่อคนอื่นมาถามว่าเลิกกันแล้วเหรอหรือรักกันไม่นานก็เลิกกันแล้วคู่นี้มันสร้างกระแสจริงๆ ผู้หญิงบางคนที่เคยเป็นของเขาก็ถึงกับสมน้ำหน้าจนฉันแทบจะไม่กล้าออกจากห้องด้วยซ้ำ เห็นมั้ยล่ะว่าเขาทำกับฉันเจ็บแสบไว้เพียงใด
ต่อให้เขาหล่อราวเทพบุตรส่งมาเกิดแต่จิตใจเลวทรามนรกส่งมาเกิดแบบนี้ฉันก็ไม่ไหวนะ ผู้หญิงคนอื่นยอมขึ้นเตียงกับเขาเพื่อให้ตัวเองได้มีความสุขชั่วข้ามคืนแต่ไม่เคยได้เป็นเจ้าของหัวใจเขามันก็เจ็บแล้ว แต่ฉันคิดไว้ว่าฉันอาจจะได้เป็นเจ้าของหัวใจของเขาจึงยอมทุกอย่างให้เขาแล้ว…แต่เขากลับทำอย่างกับฉันเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ แบบนี้จับฉันไปฆ่ายังจะทำใจง่ายกว่านะ
เหลือก็แต่ลีนินเท่านั้นแหล่ะ อยู่ที่ว่าถ้าเธอรู้ว่าฉันเคยคบกับเซาล์เธอจะรับได้มั้ย เธอจะคบฉันเป็นเพื่อนรักอยู่หรือปล่าว แต่ที่แน่ๆ เธอคงจะเกลียดผู้ชายคนนั้นไปจนวันตายเพราะเขาทำให้ฉันเจ็บจนแทบจะกระอักเลือดตายอยู่แล้วนี่ไง!
ฉันกระดกเบียร์เย็นๆ ลงคอเพื่อดับอารมณ์ที่ขุ่นอยู่ในใจก่อนจะขับตรงไปที่ห้างซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของฉันในการเที่ยวให้หนำใจ คิดไว้ว่าจะซ้อไอโฟนห้าเครื่องใหม่เพราะเครื่องเก่ามันพังไปแล้วก็จะซื้อไอแพตสำหรับใช้เล่นที่บ้านเซาล์ เสื้อผ้า ตุ๊กตา บลาๆๆ
เมื่อฉันมาถึงหน้าร้านเค้กที่ซึ่งเป็นร้านที่เวย์และเพื่อนๆ ลงขันกันสร้างขึ้นมาก็พบกับกังฟูและแฟนจอมซ่าของเขา
แหมมมม คู่นี่ตั้งแต่คบกันมาไม่เคยอยู่ห่างจากกันเลยนะ
“ว่าไงน้องสาว หายหน้าไปนานเลยนะ” เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวทักขึ้นมา
ฉันเข้าไปในห้องและไม่ลืมทิ้งขวดเบียร์ไว้ก่อนจะเข้ามา
“ฉันไปนับญาติกับนายตั้งแต่เมื่อไร” ฉันพูดด้วยวาจาเสียดสีก่อนจะหย่อนก้นลงบนโซฟาสีฟ้าใกล้ๆ กับโซฟาที่กังฟูและนานานั่งอยู่
ในห้องก็มีกันอยู่สามคนเนี่ยแหล่ะ คนอื่นๆ ต่างก็แยกย้ายไปทำธุระนู่นนี่นั่นกันล่ะมั้ง โซฟาที่ใช้ก็จะเป็นไปตามสีที่ทุกคนต้องการ ซึ่งโซฟาที่ฉันนั่งก็จะเป็นสีโปรดของเวย์ ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ฉันจะมานั่งตรงนี้ได้ กระจกใสที่มองไปเห็นผู้คนที่เดินผ่านหน้าร้านนั้นก็ใช่ว่าจะหาเจอตามท้องตลาดได้นะ มันเป็นกระจกที่สั่งมาพิเศษ จึงไม่แปลกว่าทำไมฉันถึงยุ่งกับกระจกนั้นไม่ได้ ห้องนี้อยู่ใกล้เคาน์เตอร์จ่ายเงินเพียงเข้ามาในร้านแล้วเลียวซ้ายก็จะเจอห้องที่สร้างไว้สำหรับเพื่อนๆ ของเวย์นั่นเอง
“ทำไมโหดจังเลยอ่ะ ฉันแค่แซวเฉยๆ นะ” ทำเสียงได้น่าหมั่นไส้มากไอ้คุณพี่กังฟู -*-
“สมแล้วนี่ ดีนะนายไม่โดนเล่นงานเข้า” นานาอดแซวไม่ได้
“ใครมันจะไปโหดอย่างเธอล่ะ เอะอะอะไรก็ต่อยๆ”
“เมื่อกี้ว่าอะไรน้า…” เธอหันไปค้อนใส่เขา
“ปล่าวครับๆ ผมบอกว่าแฟนผมเป็นคนดีรักความสงบ”
เกี่ยวมั้ย? ไม่รู้
“อย่าให้ฉันได้รู้ว่านายพูดอะไรมากกว่านี้” นานากัดฟันชี้หน้า
ฉันล่ะอิจฉาผู้หญิงคนนี้จริงๆ เลย ที่มีกังฟูคอยเป็นหวานใจเพราะฉันรู้มาคร่าวๆ ว่าพ่อของเธอมีภรรยาใหม่ซึ่งจะเป็นพวกมารยาเยอะอะไรประมาณนั้น มีครั้งหนึ่งที่ฉันเคยไปเยี่ยมบ้านของเธอพร้อมกับกังฟูหน้าบ้านของเธอติดป้ายไว้ว่า’สถานที่นี้ไม่อณุญาตคนมีนาเข้า’ ใช่ว่าจะมีแค่ป้ายนะภายในบ้านยังมีสติกเกอร์ซึ่งมีรูปสัตว์มีนอติดอยู่โดยมีXทับอยู่ ขนาดฉันยังรู้สึกสะใจตามเธอเลยเพราะดูท่าทีจากแม่ใหม่ของเธอแล้วคงไม่ใช่พวกน่ารักๆ อะไรประมาณนี้หรอก อ้อ! ลืมไปเธอมีฝาแฝดชื่อนานะเป็นแฝดน้องซึ่งมีนิสัยต่างจากเธออย่างคนละขั้ว นานามีนิสัยชอบใช้กำลังเหมือนผู้ชายจึงทำให้กังฟูแอบคิดไปเหมือนกันว่าเธอเป็นทอมหรือปล่าว ผิดกับนานะที่มีนิสัยอ่อนโยนยิ่งกว่าปุยฝ้ายจนน่าถนอม ใช่ว่าเธอจะมีนิสัยดุร้ายนะ แต่เธออ่อนโยนมากจริงๆ
แต่อย่างน้อยการที่เธอมีกังฟูมันก็ทำให้ชีวิตที่เคยสิ้นหวังจากการไม่มีแม่แล้วก็สดใสขึ้น นานะก็เหมือนกัน การได้มีกังฟูอยู่เป็นเพื่อนมันก็ทำให้เธอดูมีความสุขมากเลยทีเดียว
อยากรู้ว่าหมอนี่มันมีอะไรดีนอกจากกวนประสาทฉันเล่นเนี่ย
“คร้าบๆ”
“ว่าแต่นิวเยียร์มีอะไรเหรอ ทำไมช่วงนี้ฉันไม่ค่อยได้เจอเธอเลยล่ะ”
“พอดีฉันไม่อยากไปไหนมาไหนมาก”
“เฮอะ~ วันๆ เอาแต่เข้าผับล่ะสิไม่ว่า” ฉันแอบได้ยินเสียงอีตากังฟูพึมพำ
“มันเป็นความสุขส่วนตัวของฉันย่ะ” ฉันเชิดหน้าและพูดจาประชดประชัน “ว่าแต่นานะหายไปไหนแล้วล่ะ”
“ยัยนั่นออกไปเดินเล่นน่ะ”
“อ๋อ... ว่าแต่นานาเบื่อมั้ยล่ะ จะไปซื้อของกับฉันก็ได้นะ”
“เบื่อสิ เบื่อมากด้วย”
“เฮ้ๆ อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวสิครับ!” คนถูกทิ้งรีบแย้ง
“นายเฝ้าร้านไปเลย เผื่อลูกค้าเข้าเยอะนายจะได้ไปช่วยยังไง” นานาทำตาขวาง
“อะไรอ่ะ ใจร้ายยยย TOT”
“ไปกันเถอะ อย่าเสียเวลากับคนปัญญอ่อนอย่างหมอนี่เลย” ฉันหันหลังเดินออกจากห้อง
“ถึงฉันจะปัญญาอ่อนแต่ฉันก็ไม่ได้บ้านะ!”
นายมันทั้งปัญญาอ่อนและบ้าต่างหากล่ะ
ฉันและนานาเดินผ่านร้านนู่นร้านนี่ไปเรื่อยเปลื่อยซื้อบ้างไม่ซื้อไปตามๆ กัน แต่ตอนนี้ฉันและนานาก็อยู่ในร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นแล้วล่ะ
“นานาว่าชุดนี้สวยมั้ยๆ” ฉันถามเธอขณะที่มองชุดนั้นอยู่
“โหยยย ทำไมนิวเยียร์แต่งตัวโป๊จังอ่ะ”
“ไม่รู้สิ ฉันไม่ค่อยชอบใส่ยาว มันอึดอัดจะตายอยู่แล้ว”
“ถ้านิวเยียร์ว่าสวยนานาก็เห็นด้วยก็แล้วกัน”
“เจอกันอีกแล้วนะนิวเยียร์” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นจากข้างหลังฉัน พอฉันหันใจก็แทบจะหุบเสียงกรี๊ดไม่ได้เมื่อร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหลังนั่นดูเท่จนบอกไม่ถูก
“คิมหันต์!” กรี๊ดๆๆ พรหมลิขิตบรรดารให้พัดพามาเจอกัน~
คนตัวสูงยิ้มบางๆ แต่มันดูมีเสน่ห์จะบอกไม่ถูก
“แล้วนายมาทำอะไรที่นี่เหรอ” ไม่ใช่ฉันที่พูดออกไปแต่เป็นนานาที่แทรกแทน
“ก็มาเที่ยวเฉยๆ ไม่คิดว่าจะเจอเธอหรอก”
“-*-“
“รู้จักกันด้วยเหรอ” ฉันพูด
“รู้จักสิ เมื่อก่อนฉันเคยเรียนที่เดียวกันกับหมอนี่น่ะ”
“อ้อ~”
“งั้นฉันไปก่อนนะ พอดีต้องรีบไปทำธุระ”
“ไปแล้วเหรอ” ฉันพูดเสียงแผ่ว “งั้นเจอกันวันหลังนะ”
“ถ้าเธอไปผับบ่อยๆ น่ะนะ” คิมหันต์ยกมือมายีหัวเบาๆ
ถึงเราจะเจอกันแค่วันเดียวแต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกว่าเราสนิทกันเพียงชั่วพริบตา
ความคิดเห็น