คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 7
7
ตอนนี้ก็เริ่มงานแล้วล่ะแต่ฉันยังอยู่ในห้องแต่งตัวอยู่เลย โชคดีนะที่แม่ของซันเดย์เขาเข้าใจว่าฉันไม่ถูกกับพวกชุดสุภาพๆ ก็เลยจัดเสื้อยืดกางเกงยีนส์แบบง่ายๆ เพื่อจะได้ปกปิดรอยสักด้วย
“เมื่อไรจะออกไปสักทีครับนิวเยียร์ ผมเบื่อจะแย่อยู่แล้วนะ” ทั้งห้องเงียบหมดมีเพียงเสียงซันเดย์บ่นทุกๆ ห้านาที
“เดี๋ยวก่อนสิ นิวเยียร์ไม่อยากออกไปตอนนี้อ่ะ”
“ทำไมล่ะครับ”
“นิวเยียร์ไม่อยากจะเซอร์ไพรส์ผู้คนที่อยู่ที่นั่นน่ะ”
“แหม มีแผนแบบนี้นี่เอง”
“จบงานแล้วเดย์จะกลับบ้านเลยหรือว่ายังไง”
“เห็นทีว่าจะต้องกลับก่อนน่ะครับ เพราะพ่อบอกว่าพรุ่นี้จะพาไปเที่ยวที่สิงคโปร”
“อ้อ”
“ทำไมเหรอครับ”
“นิวเยียร์คิดไว้ว่าจะไปที่ร้านก็เลยจะพาเดย์ไปเที่ยวด้วยน่ะ”
“เอาไว้วันอื่นก็แล้วกันนะครับ ผมก็อยากจะไปใจจะขาด ก็เลยต้องเลิกกับชิลลี่เพราะว่าผมไม่มีเวลาไปเที่ยวกับเธอด้วย แต่ไม่เป็นไรหรอกนะครับเพราะตอนนี้ผมมีนาจาอยู่แล้ว”
เอิ่มม... เด็กหนอเด็ก
“แก่แดดจริง” ฉันพูดติดตลก
“เมื่อกี้ว่าอะไรนะครับ”
“ปะ...ปล่าว”
“แต่เมื่อกี้ผมว่านิวเยียร์นินทาผมอยู่นะ -_-+”
“ปล่าวสักหน่อย”
“ช่างเถอะครับ เพราะนิวเยียร์ทำให้ผมรู้สึกผิดกับชิลลี่นะ”
“อ้าววว แล้วนิวเยียร์ไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ”
“เพราะนิวเยียร์นั่นแหล่ะทำให้ผมคิดถึงชิลลี่อ่ะ กว่าผมจะจีบติดได้ใช้เวลาไปสามนาทีจากสถิติจีบหญิงแค่สามวินาทีเองนะ! คนนี้สวยมากๆ แล้วก็รวยมากๆ ผมเลิกกับชิลลี่เพราะผมไม่ไปห้างด้วย แล้วนิวเยียร์ก็ชวนผมไปห้างด้วยเพราะฉะนั้นนิวเยียร์ผิด! -^-“
“ไอย๊ะ” เด็กอะไรทำไมยิ่งโตยิ่งแก่แดด สงสัยจะอยู่กับพวกเวย์มากเกินไป
“จะให้ฉันรอไปถึงเมื่อไร” ไม่รู้ว่าฉันเถียงกับเดย์นานแค่ไหนแต่ที่รู้ว่าตอนนี้เซาล์ยืนกอดอกมองฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยโทสะแล้ว
และแล้วงานฮันนี่เบบี๋อะไรนั่นก็เริ่มขึ้นแล้ว ฉันนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ซึ่งจัดไว้เฉพาะผู้เข้าแข่งขันเท่านั้นซึ่งฉันได้หมายเลขสองก็เลยได้นั่งเกือบหน้าสุดโดยมีเซาล์นั่งดูดบุหรี่อยู่ข้างๆ อย่างไม่เกรงอกเกรงใจใคร
“หัดเกรงใจคนอื่นเขาบ้างสิ” ฉันกระแอมเบาๆ
“แล้วไง” เขาปรายตามามองฉันด้วยสีหน้าเฉยชา ฉันได้แต่กัดฟันกรอดจิดสายตาเขาอยู่ห่างๆ
“เฮอะ ไม่อยากจะคิดเลยนะว่าถ้าฉันมีแฟนแย่ๆ แบบนี้ตัวเองจะมีชีวิตที่หม่นหมองยังไง” พูดพลางพิงพนักเก้าอี้
เขาทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้มันจนแหลกสลายแต่ยังมองหน้าฉันอยู่ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาว่า’ถ้าเธอไม่หยุดพูดเธอคงจะแหลกสลายเหมือนก้นบุหรี่นี้แน่!’
“คิดว่าฉันกลัวเหรอ..”
“ซายม์!! โทษทีนะที่มาช้า เอ้านี่! น้ำ” มือบางๆ เจ้าของผมสีดำยื่นขวดน้ำมาให้เขา ฉันจึงหันหน้าไปทางอื่นแทน
จะว่าไปแล้วสุดนี้ใส่แล้วก็ดูอึดอัดอยู่นะ ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่กางเกงยีนส์ก็เถอะแต่ฉันชอบที่จะใส่สั้นมากกว่าใส่ขายาวน่ะนะ
ฉันรู้ว่าลีนินกำลังโกรธฉันอยู่เพราะเหตุนี้ฉันจังไม่อยากยุ่งด้วยมากกว่า เกรงว่าจะเป็นการใส่ฟืนเธอให้เดือดพร่าน เพราะคนอย่างยัยนี่โกรธยากหายยาก
คิดไปคิดมาจะทำยังไงให้ยัยนี้เข้าใกล้คนอันตรายอย่างหมอนี่ให้น้อยที่สุดดีนะ…เพราะถ้าเกิดสองคนนี้เข้าใกล้กันมากเกินไปกลัวว่าเซาล์จะทำอย่างที่เขาทำกับฉันไว้และฉันก็ห่วงลีนินมากด้วยเลยไม่อยากให้เธอต้องมาเจ็บในแบบที่ฉันและผู้หญิงหลายๆ คนเจ็บด้วย
ทำยังไงดีน้า…
ฉันหันไปมองคนข้างๆ ซึ่งใส่เสื้อสีฟ้ากับข้อความที่แสดงถึงคู่รักอย่างเอือมระอา
วินาทีนั้นทำให้ฉันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ายังมี’ใคร’บางคนที่สามารถช่วยฉันได้อยู่ สำหรับฉันแล้วทุกอย่างมันคือเกมส์ ถ้าฉันล้างแค้นผู้ชายคนนี้ได้ทุกอย่างก็จะ…เกมส์…โอเวอร์
ไม่รอช้าฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะกดเบอร์หาใครบางคน ถ้าไม่ติดว่า...
“เอาล่ะครับหมายเลขหนึ่งถึงสิบสามแสตนบายข้างเวทีเลยครับ!” สตาร์ฟคนหนึ่งตะโกนขึ้น ฉันรู้สึกหงุดหงิดยังไงไม่รู้
ทุกคนต่างยืนขึ้นและควงแขนกันไปเป็นคู่ ฉันกลอดตาด้วยความรำคาญอย่างเหลืออดแต่ก็ยอมลุกขึ้นยืนอยู่ดีก่อนจะเอื้อมมือไปคล้องแขนคนข้างๆ อย่างรุ่นแรง เขามองฉันด้วยสายตาดุๆ ได้ไม่กี่วินาทีเพราะฉันจิกตาเขาอย่างเต็มที่
ฉันเดินผ่านลีนินด้วยรอยยิ้มที่เหยียดหยันและไม่ลืมทิ้งท้ายด้วยการชนไหล่เธอแรงๆ จนยัยนั่นทำตาเขียวปั๊ดและเกือบจะตบหน้าฉันด้วยซ้ำไป
แต่ขอโทษ...ไหนๆ เรื่องนี้ฉันเป็นนางเอกแล้วนี่ ใครจะไปกลัวหนูกลัวมดอย่างเธอล่ะ
“หมายเลขหนึ่งมาในชุดนางฟ้ากับซาตาน แหมๆ~ คู่นี้ดูเชือดนิ่มๆ จริง” พิธีกรชายคนหนึ่งพูดผ่านไมโครโฟน คนดูที่อยู่ข้างล่างก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่
เอ่อ...ดูปัญญาอ่อนยังไงก็ไม่รู้แฮะคู่นี้
“หมายเลขสอง เอิ่มม...มาแบบเรียบง่ายไม่มีอะไรเด่นชัด ใช่ว่าจะไม่เด่นที่หนายยยยย หน้าตาราวกับนางฟ้าเทวดาแหน่ะ”
ทันทีที่ขึ้นไปบนเวที เสียงกรีดร้องทั้งชายและหญิงก็ดังขึ้นไม่หยุดไม่ยั้งจนพิธีกรต้องควบคุมให้เงียบ ฉันยิ้มให้กับทุกคนและเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่จัดไว้ รอจนกว่าคู่รักที่ลงสมัครต้องขึ้นมาให้หมด
“เอาล่ะครับ ในที่สุดผู้เข้าแข่งขันก็ขึ้นมาครบแล้ว ต่อไปจะเป็นกิจกรรมพิสูจน์ว่าทั้งสองคนรักกันจริงๆ หรือปล่าว”
“เฮเฮ้!!!”
“เงียบๆ กันก่อนครับท่านผู้ชม เดี๋ยวก็มีอะไรสนุกๆ มากกว่านี้อยู่แล้ว”
ฉันอยากจะเอาหัวโขกกำแพงจริงๆ เลย ทำไมต้องมาเล่นเกมส์อะไรที่ไร้สาระด้วยเนี่ย รู้อย่างนี้ไม่ลงแข่งดีกว่า
“ไร้สาระ” ฉันพึมพำ
“ก็แล้วเธอจะลงแข่งทำไมล่ะ”
“ถ้าไม่ติดว่าซันเดย์ขอมาฉันคงไม่ถ่อสังขารมาที่นี่หรอก!”
“จริงๆ เลยเธอนี่” เขาส่ายหัวอย่างระอา “นิสัยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ไม่ชอบอะไรที่มันไร้สาระ แต่ตัวเองดันทำตัวไร้สาระไปวันๆ”
“นี่นาย…”
“เอาล่ะครับด่านแรกเราจะให้คู่รักทุกคนตอบคำถามให้ถูกต้อง ซ฿งคำตอบไม่ยากเลยถ้าคุณทั้งสองคนรักกันจริงๆ เริ่มจากคู่แรกเลยแล้วกัน”
คู่ที่นั่งข้างๆ ฉันลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าเวทีอย่างเลิกลั่ก
“จริงหรือไม่ครับ แฟนคุณเคยเป็นเกย์มาก่อนที่จะคบกับคุณ”
“ไม่จริงค่ะ!”
“ทำไมครับ เพราะว่าเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ฉันรู้ว่าเขาไม่คิดที่จะเป็นเกย์หรอก แล้วอีกอย่างเราสองคนคบกันตั้งแต่เด็กๆ แล้วด้วย”
“ถูกมั้ยครับคุณผู้ชาย”
“ถูกครับ ที่รักผมรู้ทุกอย่างแหล่ะ เนอะ…”
แปะๆๆๆ
เสียงปรบมือดังมาจากข้างล่าง
“คำถามข้อที่สอง จริงหรือไม่ครับแฟนคุณชอบกินอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน อย่างเช่นจิ้งจกทอด ส้มตำแมงกุ้ดจี่”
“เอ่อ…จริงค่ะ” เธอชอบอย่างเก้ๆ กังๆ
“ว้ายยยยย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
พิธีกรก็ถามคำถามไปเรื่อยๆ จนถึงคู่ของฉันมันก็ปาไปเกือบสิบนาทีด้วยซ้ำไป
“สวัสดีครับ”
“อืม/เออ” ฉันและเซาล์ตอบปัดๆ
“คุณผู้หญิงครับ คุณว่าแฟนของคุณมีนิสัยอย่างไร”
“ง่ายมาก! ชอบไปเที่ยวกลางคืน ฟันแล้วทิ้ง มีผู้หญิงติดตัวไม่เคยห่าง ชอบนอกใจแฟน แถมไม่พอชอบทำให้แฟนอย่างฉันต้องฟิวส์ขาดยังไงล่ะ” ฉันพูดจนลิ้นแทบพันกันเป็นปม
“โห!!”
“แล้วถ้าถามว่ารักกันได้ยังไง…อืม…ฉันไปแย่งของคนอื่นมาค่ะ!” ฉันพูดและปรายตาไปมองลีนินซึ่งนั่งอยู่เกือบติดเวที
“แล้วคุณผู้ชายล่ะครับ คิดว่าแฟนของคุณมีนิสัยอย่างไร”
“เอาแต่ใจ อยากพูดอะไรก็พูดไม่คิดถึงใจเขาใจเรา ชอบขโมยบุหรี่ผมไปดูดตลอด วันๆ เห็นผู้ชายคนไหนหล่อไม่ได้มักจะวิ่งตามเสมอ”
“มิทราบว่า เป็นแฟนกันได้ยังไงครับ เป็นผมผมเลิกไปตั้งแต่ขโมยบุหรี่ไปดูดแล้วนะ”
“อย่าถามมากได้มั้ย! ถ้าไม่รักกันจริงๆ ก็คงเลิกไปแบบที่ลุงถามแล้ว” ฉันรู้สึกเริ่มหมดความอดทนกับอีตาพิธีกรนี่แล้วนะ ถามอะไรไม่รู้
“อันที่จริง ขอแค่เราปรับความเข้าใจซึ่งกันและกันมันก็ไม่มีปัญหาหรอก”
ตอ…
“ถ้าอย่างนั่นผมไม่ถามแล้วครับ เชิญนั่งที่ได้เลยครับ”
ความคิดเห็น