คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 3
3
“ดูเหมือนว่าผมไม่ควรจะพูดขึ้นมาสินะครับ เห็นคุณทำหน้าเศร้าเลยนะ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“จะไม่เป็นไรได้ยังไงล่ะครับ ถ้าให้เดาคุณคงจะเลิกกับแฟนมาสินะและเจ้ารอยสักนี่ก็คือรอยสักที่คุณเคยสักกับเขามา ผมเดาถูกมั้ยครับ...”
ถูก! แต่แค่เกือบเท่านั้นแหล่ะ
“ก็ประมาณนั้นแหล่ะค่ะ”
“สวยๆ แบบคุณผมว่าไม่ควรจะมาเสียใจกับเรื่องนี้นะครับ”
“ฉันก็ไม่ได้สนใจกับเรื่องนั้นมากมายนี่คะ แค่คุณพูดแล้ทำให้ฉันคิดถึงความหลังก็แค่นั้นเอง”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ควรจะเปลี่ยนประเด็นแล้วสินะครับ”
“แล้วแต่คุณเถอะค่ะ”
“คุณเรียนที่ไหนเหรอครับ”
“ฉันเรียนจบตั้งแต่ม.หกแล้วค่ะ ที่จบเร็วเพราะฉันเรียนก่อนวัยยังไง”
“โห!”
“ขอนั่งด้วยได้มั้ยคะ” จู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมกับร่างบางที่ใส่เดรสสีแดงแป๊ด ช่างเข้ากับสีโซฟาซะจริง
“เชิญครับ” ฮันเทอร์ผายมือให้ เธอเข้ามานั่งข้างๆ สุดหล่อของฉัน
ยัยนี่กล้าดียังไงมายุ่งกบัสุดหล่อของฉันเนี่ย!!
“คุยอะไรกันเหรอคะ”
“คุยเรื่องส่วนตัวที่’คนอื่น’ไม่ควรรู้น่ะคะ” ฉันยิ้มหวานใส่
“เหรอคะ น่าเสียดายจังที่ฉันไม่ใช่คนอื่นคนไกลน่ะ”
“ก็เรื่องของคุณเถอะค่ะ”
“เอ๊ะนี่เธอ! ฉันเป็นถึงคุณหนูเชียวนะทำไมไม่พูดดีๆ ด้วยล่ะ” อะไรของยัยนี่เนี่ยอยู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมาอ่ะ
โรคจิตอ่อนๆ รึปล่าวเนี่ย
“หยุดเถอะเนลลี่ ผมอุส่าห์ให้คุณมาร่วมวงด้วยก็ดีแล้วนะ”
“ฮันเทอร์...”
ฉันก็พยายามกลั้นอารมณ์ไว้ไม่ให้เดือดเพราะเกรงว่ามันจะไม่ดีต่อที่นี่
แต่เพราะเสียงเพลงที่อึกทึกบวกกับฉันที่เริ่มมึนขึ้นมานิดๆ ทำให้มันเริ่มจะเก็บไว้ไม่อยู่
“เอาเป็นว่าฉันไปนั่งที่อื่นก่อนนะคะ” ฉันลุกขึ้นและถือขวดเหล้าเอาไว้ในมือ ฮันเทอร์และยัยคุณหนูนั่นก็หันขวับ
“ถ้าอย่างนั้นค่อยคุยกันวันหลังก็แล้วกันนะครับ”
“ค่ะ” พูดจบฉันก็เดินเซไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจะสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มาแก้ขัด
ถ้าไม่มียัยนั่นป่านนี้ฉันคงได้คุยกับเขาอย่างสนุกปากไปนานแล้ว ฮึ่ยยย!
“เฮ้~ สาวน้อยมานั่งด้วยกันสิ” เมื่อฉันเดินได้ไม่กี่ก้าวก็มีเสียงดังมาจากโต๊ะข้างๆ
เมื่อฉันหันไปก็...
กรี๊ดดดดดดด เทพบุตรส่งมาเกิดดดดดด
ฉันส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเดินเข้ามานั่งด้วย ไม่ใช่นั่งธรรมดาแต่นั่งชิดติดขอบสุดหล่อพ่อเทพบุตรเลยแหล่ะ
“ชื่ออะไรเหรอครับ”
“นิวเยียร์ค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผม...คิมหันต์”
“เช่นเดียวกันค่ะ”
เราสองคนคุยกันอย่างเมามันส์และฉันก็เหลือบไปเห็นฮันเทอร์ที่นั่งโต๊ะข้างหลังกำลังทำหน้าบูดอยู่ ขอโทษนะสุดหล่อ...พอดีเขาหล่อกว่านายไปนิดนึงเอง
อย่าโกรธกันเลยนะ T/\T
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคนอย่างเธอจะมาที่นี่ด้วย”
“นาย!!...”
“รู้จักกันด้วยเหรอครับ” คิมหันต์ทำหน้างง
“แหงล่ะสิ ก็ผู้หญิงคนนี้น่ะ...”
“...??”
อย่าเว้นไว้แบบนั้นสิ มันทำให้ฉันใจสั่นนะตาบ้า!
“เป็นเพื่อนของแฟนฉันเอง” คำพูดของเขามันทำให้ฉันโล่งอกไปนิดแต่มันรู้สึกเหมือนหัวใจมันหล่นฮวบลงไปอีกแล้วล่ะ
ฉันรู้ว่าไม่มีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของเขาอีกต่อไปแล้วในเมื่อเขาไม่เคยรักฉันเลย และการที่เขาคิดจะคบกับเพื่อนฉันก็คงไม่แปลก...ก็เขาอาจจะรักลีนินจริงๆ ก็ได้
เราควรจะดีใจกับเขาสินะ
ยิ้มเข้าไว้นิวเยียร์ ยิ้มให้กับความสุขของเพื่อน ยิ้มให้กับคนที่เรารักได้มีความสุข เพราะรอยยิ้มของคนหนึ่งคนทำให้โลกนี้สดใสได้!
“แล้วนายไม่อยู่กับลีนินหรอกเหรอ” ฉันเริ่มเปิดบทสนทนาขึ้นหลังจากที่เงียบไปนาน
“ไม่อ่ะ อยู่กับยัยนั่แล้วน่าเบื่อ”
เลว!
แต่สิ่งที่เขาพูดไปมันทำให้ใจฉันสั่นยังไงไม่รู้แฮะ ไม่น่ะๆ เขาไม่คิดแบบนั้นหรอก
ฉันทำหน้าเอมใส่เขาก่อนจะกระดกแอลกอฮอล์เข้าปาก รสชาติที่ขมและเย็นของมันทำให้ฉันรู้สึกซู่ซ่าขึ้นมาทันใด
เมื่อตอนเด็กๆ ฉันเห็นพ่อแม่กินกันฉันไม่คิดที่จะกินมันไปด้วยซ้ำ แต่พอโตมาแล้วกลับกินทุกวัน
ที่จริงแล้วมันมีมนต์ขลังอยู่นะเจ้าเนี่ยน่ะ :P
“ฉันว่าหน้าเธอเริ่มแดงแล้วนะ ถ้าเกิดเธอเมาไปมากกว่านี้ลีนินคงได้ปวดหัวไปถึงพรุ่งนี้แน่ๆ”
ฉันมองเขาตาขวาง”ยุ่ง!”
“จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไงล่ะ ถ้าเกิดว่าเธอไปอาละวาดที่ห้องเดี๋ยวฉันก็โดนยัยนั่นบ่นหรอก”
“หูของนาย ไม่ใช่หูของฉัน...เพราะฉะนั้นต่างคนต่างอยู่!”
“พอได้แล้วสองคนนี้อ่ะ ทำตัวเหมือนเป็นแฟนกันไปได้” คิมหันต์รีบห้ามปราม
ทั้งฉันและเซาล์ต่างมองตากันโดยไม่ได้นัดหมาย เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ...
“ปล่าวซะหน่อย!” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจฉันและเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ทำให้คิมหันต์ถึงกับอึ้งปนตลกไปด้วย
“แล้วจะพูดพร้อมกันทำไมเนี่ย ร้อนตัวเหรอ...”
“ถ้าแกยังอยากแก่ไปมีเมียอยู่ล่ะก็หยุดพูดได้แล้ว”
“ครับๆ~”
“ฉันกลับแล้วดีกว่า วันนี้มันเป็นวันอะไรเนี่ยทำไมเจอแต่เรื่องน่าเบื่อๆ” ฉันลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและถือขวดเหล้าอีกสองสามขวดที่ยังไม่ได้กินก่อนจะเดินออกไปจากผับ
พอมาถึงห้องสภาพฉันก็ไม่ต่างอะไรกับขี้เมาได้เอาแต่พล่ามอะไรไปต่างๆ นานา ลีนินก็ทนไม่ได้ที่จะบ่นใส่ฉันเป็นชุด แต่เพราะด้วยอาการมึนๆ เลยทำให้ฉันไม่ได้สนใจสิ่งที่ยัยนั่นพูดเลย
“นั่นไงฉันว่าแล้ว ถ้าเธอไม่หิ้วขวดเหล้ามาก็เมาแบบนี้นั่นแหล่ะ”
“พูดมากน่า!!~ ฉานม่ายด้ายมาวซักกาหน่อยยยย”
“แล้วไอ้ที่เดินโซซัดโซเซมาเนี่ยเค้าเรียกว่าอะไรกันยะ”
“ก็เดินน่ะสิ ถามด้ายยยยย~”
“แล้วแบบนี้ฉันจะพาเธอขึ้นห้องยังไงเนี่ย ซายม์ก็ไม่อยู่ซะด้วย”
“โอ้ยยยย ป่านนี้คงไปมีความสุขกับผู้หญิงคนอื่นแล้วม้างงงงง~”
“เธอว่ายังไงนะ” ลีนินรับหันมาทันที
“อารายยยย ฉานม่ายด้ายพูดน้า~”
“ก็เมื่อกี้... ช่างมันเถอะ!”
“ปล่อยฉานด้ายแล้วววว ฉานเดินเองด้ายหนา”
“เกิดเธอเดินเองได้เธอคงได้มีเรื่องกับเสาแถวๆ นี้แน่ๆ”
“ม่ายรู้ม่ายโสนนนนน”
ฉันพยายามสลัดตัวออกจากลีนิน แงงงงง เมื่อไรจะหายเมาเนี่ยมึนหัวจะแย่อยู่แล้ว TOT
“ไม่ปล่อยโว้ยยยย”
“ปล่อยยยยยย”
“ไม่ปล่อย!”
“ปล่อยยยยย”
“ม่ายยยยยย”
“ปล่อยยยยย”
“ม่ายยยยยย”
“ปล่อยยยย...”
“มีอะไรกันเหรอ” เสียงเข้มๆ ของใครคนหนึ่งดังขึ้น และเมื่อฉันพยายามมองหน้าเขาให้ดีๆ คนคนนั้นก็คือ’รีฟ’ เพื่อนของพี่ชายฉันเอง
“ไอ้หนุ่มตาแดงมาแล้วววววว”
“ว่าใครกันแน่ฮะ”
“คนแถวๆ นี้อ่ะแหล่ะ”
“ก่อนจะว่าคนอื่นหัดดูสภาพตัวเองซะบ้าง เมาไม่เป็นท่าแบบนี้มันเดือดร้อนคนอื่นน่ะรู้มั้ย!” ลีนินพูด
“ยุ่งน่า”
“ฉันว่าเธอคงลากยัยนี่ขึ้นไปไม่ไหวแน่ๆ เดี๋ยวฉันช่วยก็แล้วกัน” รีฟอาสาอุ้มตัวฉันไป
ระหว่างทางฉันก็แวะทิ้งรอยเอาไว้เป็นจุดๆ หวังว่าเจ้าของหอคงไม่ว่ากันนะ
จนพวกเรา(กว่าจะ)มาถึงห้องรีฟก็แทบจะลากฉันขึ้นมาด้วยซ้ำไป แหมๆๆๆ จิตอาสาต่อให้ทรหดแค่ไหนมันก็ต้องทนล่ะนะ :P
“อ้วกกกกก แหวะ!” พอมาถึงห้องมันก็อดไม่ได้ที่จะไปหาชักโครกสีขาวไข่มุกสุดที่รัก ขอกอดให้มันชื่อใจทีเถอะ~ “อ้วกกกก ขอ...ขอน้ำหน่อย”
ชักโครกอันนี้เป็นสุดที่รักฉันจริงๆ นะ
ไม่นานลีนินก็โผล่หัวขึ้นมาพร้อมกับแก้วน้ำที่ข้างในมีน้ำอยู่เต็มแก้ม ฉันรับมันมาแล้วรีบบ้วนปากทันที รู้สึกขยะแขยงลำคอตัวเองยังไงไม่รู้ ไอ้หัวนี่ก็มึนจ๊างงงงงง~
“เป็นไงล่ะ ดีนะที่ฉันไม่ได้บอกพี่เธอน่ะ” รีฟพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“โอ้ยยยย ไม่ต้องบอกมันก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าฉันเป็นยังไง”
“เหอะ...เหอะ...เหอะ...”
หัวเราะอะไรของมันวะเนี่ย - -^
“นายจะไปไหนก็ไปเลยไป ขืนอยู่นี่นานเดี๋ยวโดนพวกฉันจับข่มขืนเอา...”
“น้อยๆ หน่อยย่ะ ฉันไม่ทำอะไรทรามๆ แบบเธอหรอก!!” เสียงคุณเพื่อนแย้ง
“ก็ดีนะ ฉันจะได้มีภรรยาเป็นน้องเพื่อนน่ะ” รีฟเสริม
“รีบๆ ไปเลยไปก่อนที่จะเจอของดี”
“อะไรเหรอๆๆๆ”
“ก็...นี่ไง” ฉันยกเท้าขึ้นสูงกว่าหัวตัวเอง รีฟทำหน้าแหยไปเลย
“เสียอารมณ์จริงๆ เลย ช่วงนี้ยิ่งไม่มีที่เกาะอยู่ซธด้วยสิ”
“ก็ที่ร้านยังไงล่ะ”
“ให้ฉันไปอยู่เป็นก้างขวางคอไอ้กังฟูเนี่ยนะ มีหวังไม่รู้ว่าจะโดนยัยทอมนั่นซ้อมเอารึปล่าว ไอ้ดราฟมันก็ยุ่งกับงานของมันด้วย ส่วนไอ้เวย์อย่าถามว่ามันทำอะไรเธอก็คงรู้ดีนะ” พี่ชายฉันก็ไปเป็นสายสืบไงล่ะ
ฉันว่านะ กวนๆ อย่างกังฟูไม่น่าไปเป็นแฟนกับนานาเล้ยยย ก็ยัยนั่นน่ะถ้าไม่บอกก็ไม่รุ้นะว่ายังมีความเป็นผู้หญิงน่ะ แต่ยังไงอีตากังฟูคงไม่ได้มองที่หน้าตาอย่างเดียวหรอกมั้ง ....คิดไปคิดมาหมอนั่นมันก็โดนซ้อมเกือบทุกวันแต่ก็ยังคบกันได้อยู่ หวังว่าคงไม่ใช่พวกซาดิสม์หรอกนะ
หวังจริงๆ นะเนี่ย
“นายก็หาแฟนได้แล้ว หรือไม่ก็ไปหาอะไรสนุกๆ ทำก็พอ”
“พอเลยเธอน่ะ ฉันไม่ใช่พวกเสือผู้หญิงนะ” เขาตีสีหน้าเข้ม โอ้ยกลัวตายล่ะ!
“ฉันบอกนายตั้งแต่เมื่อไรว่าไอ้’สนุกๆ’ที่ว่าน่ะมันเป็นเรื่องนี้ ทะลึ่งแล้วนะเราน่ะ”
“ฮ่าๆๆ อยู่ด้วยแล้วฉันคงได้ขำตายแน่ๆ ฉันไปนอนรอนะ” ลีนินพูดและเดินจากไป ส่วนฉันก็ยังนั่งกอดชักโครกอันเป็นที่รักอยู่เลย
“...เออ! ยอมรับ”
“ทำหน้าโหดเข้าไป เพราะแบบนี้ล่ะนะสาวๆ ถึงได้ไม่เหลียวมองน่ะ”
“เรื่องของฉัน ว่าแต่เธอเถอะ ได้ข่าวว่า...”
“หยุด!!”
ฉันรีบโพล่งออกมาก่อนที่ลีนินจะได้ยินหรือไม่ได้ยินก็ตาม เพราะว่ายังไงแล้วมันก็เป็นอดีตที่ขมขื่นเกินไปสำหรับฉัน
รีฟเงียบไปสักแล้วถอนหายใจออกมา
“โอเค ฉันขอโทษ” เขาพูดด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด
ใช่แล้วล่ะ...เขาก็เป็นหนึ่งในพยานที่รู้เห็นว่า’ในวันนั้น’เราสองคนตกลงที่จะคบกัน เวย์ก็หวังว่าเราจะคบกันจนแต่งงานเลย แต่! มันผิดคาดไปหมดเลย ตอนนั้นเวย์ทั้งเสียใจ ผิดหวัง โกรธแค้น และอีกหลายๆ ความรู้สึกที่ไม่สามรถบอกได้ ฉันเองก็เสียใจไม่แพ้กันหรอก
แต่ว่ายังไงแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาตั้งนานแล้วนี่ จะไปแคร์มันทำใมล่ะในเมื่อคนอย่างเขาไม่ได้มีคนเดียวในโลก เพียงแค่ฉันกวักมือเรียกผู้ชายคนไหน คนนั้นก็ยอมมาด้วยความเต็มใจด้วยซ้ำไป
เห็นมั้ยล่ะ ว่าฉันไม่ได้แคร์เขาเลย :)
“งั้นฉันกลับก่อนแล้วกัน ไหนๆ นี่มันก็ดึกมากแล้ว”
“อ่าว นายไม่ได้อยู่ที่หอนี่หรอกเหรอ”
“ฉันแค่มาส่งเพื่อนเฉยๆ”
“อ้อ”
“งั้นฉันไปก่อนนะ”
“จ้ะ”
เขายิ้มให้ฉันเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินออกไปโดยมีเสียงลีนินอำลาตามหลัง
ฉันถอนหายใจด้วยความอ่อนล้าแล้วลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนตรงระเบียงห้องก่อนจะเดินเข้ามาในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระล้างสิ่งสกปรกและชำระเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้วที่ฉันยังคงนอนแช่ในอ่างโดยในหัวกลับคิดถึงเรื่องราวในอดีตทั้งๆ ที่ฉันควรจะทำตัวร่าเริงเข้าไว้แท้ๆ
‘ฉันรักเธอนะนิวเยียร์...รักเธอที่สุดในโลกเลยล่ะ’
‘เธอทำให้ฉันไม่สามารถรักใครได้จริงๆ’
‘ฉันไม่เชื่อนายหรอก นายน่ะเจ้าชู้จะตายไป’
‘ฉันจะเลิกเจ้าชู้ต่อเมื่อฉันได้รักเธอเท่านั้นแหล่ะ’
ดวงตาของฉันพร่ามัวไปหมด น้ำตาที่มันไหลไม่เคยหยุดทำให้ฉันไม่สมารถจะห้ามมันได้เลยในเมื่อเสียงนั่นมันยังคงดังก้องอยู่ในหัว
คำพูดที่เขาเคยให้ไว้กับฉันมันไม่เคยหายไปจากสมองเลย ฉันยังจำวันที่เขาบอกรักฉัน วันที่เขาเข้ามาจีบฉัน วันที่เขาและฉัน...เคยทำอะไรต่อมิอะไรฉัน จนตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่าสิ่งที่เขาทำไปล้วนแต่เป็นแค่นิสัยและสันดารที่ยังเจ้าชู้ไม่เลิกนี่ยังไงล่ะ
หัวใจของเขาทำด้วยอะไรกันแน่!
‘เธอมันก็เป็นแค่ผู้หญิงที่ใจง่ายเท่านั้นแหล่ะ’
‘หมายความว่ายังไง...’
‘จะให้แปลความหมายให้ใช่มั้ย ก็ฉันเบื่อเธอแล้วยังไงล่ะ!!’
‘ไม่จริงอ่ะ!!! ก็ไหนนายบอกว่าไม่สามารถรักใครได้อีกนอกจากฉันยังไงล่ะ!!’
‘ฉันก็แค่พูดไปงั้นๆ แหล่ะ เพราะพวกผู้หญิงมันก็โง่กันทุกคนทั้งนั้น’
และ...คำพูดที่เขาทำให้หัวใจของฉันแทบสลายกลายเป็นจุลก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง มันทำให้ฉันไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้เลย
ฉันพยายามขบริมฝีปากตัวเองแรงๆ เพื่อกลั้นเสียงสะอึกสะอื้นไว้เพราะตอนนี้หัวใจของฉันเจ็บปวดเหลือเกิน
เขาทำให้ฉันเจ็บได้ ฉันก็ทำให้เขาเจ็บได้สินะ!
ก๊อกๆๆๆ
“เฮ่ยยยย นี่เธอจะอาบให้ตัวเปื่อยเลยใช่มั้ยฮะ!!?!!” เสียงของลีนินดังขึ้นเป็นเหตุให้ฉันปาดน้ำตาตัวเองลวกๆ และกระแอมเล็กน้อยเพื่อให้เสียงตัวเองปรกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ก็ฉัน...ก็ฉันมัวแต่คิดเรื่องอื่นน่ะสิ”
“ถ้าจะคิดก็ออกมาคิดข้างนอกนี่ ฉันปวดฉี่จะแย่อยู่แล้ว!!”
“รอสักครู่ก็แล้วกันนะ” ฉันพูดพลางวักน้ำมาล้างคราบน้ำตาออกและพยายามทำให้ขอบตาที่แดงเสมือนสีเลือดให้เจือจางลง(ถึงแม้จะไม่รู้วิธีการก็เถอะ)
ไม่นานนักฉันก็เปิดประตูห้องน้ำก็พบว่ายัยลีนินมายืนบิดๆ เบี้ยวอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว สีหน้าเจ้าหล่อนดูเครียดมากเนี่ย หวังว่ารอแค่นี้นิ่วไม่กินหรอกนะ
ความคิดเห็น