คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 1
1
“ทำไมนิวเยียร์มาช้าจังเลยอ่ะ” เดย์พูดขึ้นหลังจากที่ไปรับตัวมา ตอนแรกก็เกือบมีเรื่องแล้วล่ะแต่ฉันเข้าไปขวางก่อน
“นิวเยียร์ติดธุระนิดหน่อยน่ะ”
“ธุระเรื่องผู้ชายน่ะสิไม่ว่า” เดย์บ่นอุบอิบ
อย่าคิดว่าฉันไม่ได้ยินนะ -*-
“หลังจากนี้นิวเยียร์อาจจะไม่ได้มาเล่นกับซันเดย์บ่อยละนะ”
“ทำไมอ่ะ”
“ก็... นิวเยียร์มีซ้อมเต้นน่ะสิ”
“แล้วผมจะเล่นกับใครล่ะ” เดย์ทำเสียงอ่อย ทำเอาฉันใจอ่อนตาม
“เอาน่า ถ้านิวเยียร์ว่างนิวเยียร์อาจจะพาซันเดย์มาเที่ยวอีกก็ได้นะ หรือว่าซันเดย์จะไปเล่นกับลีนินที่หอก็ได้นะ”
“พี่ลีนินที่เพิ่งกลับมาน่ะเหรอ ผมไม่ค่อยคุ้นชื่อเลย”
ก็แหงล่ะสิ ลีนินเพิ่งจะกลับมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วหลังจากไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่อเมริกามา ไม่แปลกหรอกที่ซันเดย์จะไม่รู้จักน่ะ
“เอาเป็นว่า เดี๋ยวนิวเยียร์จะพาไปทำความรู้จักเองนะ เดย์ก็ไปเล่นกับม่บ้านที่บ้านก่อนก็แล้วกัน” ฉันยิ้มบางๆ พลางลูบหัวเดย์
“เล่นกับแม่บ้านขี้อ่อยนั่นน่ะเหรอ ผมไม่เอาอ่ะ”
“แล้วเดย์จะเล่นกับใครล่ะ ถ้านิวเยียร์ไม่อยู่น่ะ”
“อยู่กับฉันที่ร้านก็ได้” เมื่อเราสองคนมาถึงหน้าร้านเค้กของเพื่อนๆ เวย์ เสียงของกังฟูก็ดังขึ้น
“เห้ พี่กังฟู~”
“ได้ข่าวว่านายบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ”
ฉันอดแขวะเขาไม่ได้ เพราะรู้มาว่าตั้งแต่สองเดือนที่แล้วที่กังฟูไปแหย่ลูกพี่ลูกน้องของเดียนเดียร์เข้าเขาก็เริ่มมีแผลฟกช้ำตามร่างกาย เท่าที่ฉันรู้มายัยนั่นชื่อ... เอ่อ... นานาล่ะมั้ง รู้สึกว่ายัยนั่นจะโหดใช่เล่นเลยนะเนี่ย แต่กังฟูก็บอกมาว่าเธอเริ่มจะสิ้นฤทธิ์ลงมาเล็กน้อย แต่เล็กน้อยที่ว่ามันเป็นแบบนี้น่ะเหรอ?
“เอาน่า...เล็กๆน้อยๆ เอง”
“ก็หวังว่านายคงไม่ทำเดย์เสียคนหรอกนะ แค่นี้ก็เสียคนจนฉันแทบจะปวดหัวอยู่แล้วเนี่ย”
“วางใจได้เลยครับคุณน้อง”
“- -*”
“ไอ้กังฟู! ตกลงแกจะไปมั้ยเนี่ย” เสียงรีฟดังมาจากในร้านโดยไม่คิดที่จะเกรงใจลูกค้าเลย
“ไปไหนเหรอ” ฉันก็อดถามไม่ได้เลยถามไป
“...ยุ่ง” เขาหรี่ตามองฉันก่อนที่จะใช้นิวดันหัวฉันแรงๆ แล้วเดินผ่านไป
ฉันก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ เพราะไม่รู้จะด่ามันว่าอะไรแล้ว
สาธุ ขอให้ยัยนานากระถืบมันทีเถอะ!
“นิวเยียร์เจ็บมั้ยอ่ะ”
“ไม่เจ็บหรอก กลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวนิวเยียร์ไปส่ง”
“ครับ”
“ตอนนี้พ่อกับแม่เธอคงจะกลับบ้านแล้วสินะ”
“ครับ”
เดย์ยิ้มให้ฉันก่อนที่จะเดินนำหน้าไปอย่างรู้ดี ส่วนฉันก็ยังคิดเจ็บใจกับอีตากังฟูแท้ๆ
ไม่สนหรอก! ถึงแม้ว่าจะอายุเท่าพี่ชายฉันแต่มาทำแบบนี้มันหาเรื่องอยากตายชัดๆ
เช้าวันต่อมา
“ตื่นได้แล้วยัยบ้า เธอจะนอนกินบ้านกินเมืองไปไหน!!!” เสียงยัยลีนินดังขึ้นทำเอาฝันหวานของฉันดับสลายไป ให้ตายเถอะ! ทำไมมันต้องมาขัดตอนนี้ด้วยเนี่ย
ฉันทำเสียงอู้อี้ก่อนจะกลิ้งไปกลิ้งมาแล้วกลับต่อ แต่ไม่ทันไรยัยลีนินก็เอาหมอนข้างฟาดหน้าฉันเต็มๆ “จะหลับอีกนานมั้ยเนี่ย วันนี้แกมีนัดไม่ใช่เหรอ”
และเพราะคำพูดของลีนินดังขึ้น จากตาที่ปิดสนิทก็กลายเป็นตาที่ใหญ่เท่าไข่ห่าน
“เป็นไงล่ะ รีบตื่นเลยนะแม่คุณ”
“ตอนนี้กี่โมงแล้ว” ฉันรีบหันไปเขย่าแขนลีนินจนหัวแทบหลุด
“จะเที่ยงแล้ว โอ้ย หยุดก่อนได้มั้ยยัยบ้า!”
“อะ...เอ่อ... ขอโทษ ฉันไปก่อนนะ!!”
ฉันรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว แต่ต้องตัดภารกิจหลายอย่างเลยเช่น แช่น้ำร้อน อาบน้ำนม พอกหน้า บลาๆ
ให้มันได้อย่างนี้สิยัยบ้า!
หลังจากที่ฉันจัดการภารกิจเสร็จก็เดินเช็ดผมอยู่ในห้องน้ำด้วยอาการที่ใจร้อน(แต่มาสระผมตอนนี้เนี่ยนะ) สายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ยืนพิงโต๊ะเครื่องแป้งสุดที่รักของฉันอยู่
ดวงตาของฉันเบิกกว้าง ในหน้าก็ชาไปหมดและรู้สึกเหมือนหัวใจมันหล่นวูบลงไปกับพื้นเมื่อรู้ว่าเขาเป็นคนที่ฉัน’รู้จักดี’ ไม่สิ ต้องเรียกว่าอดีตสินะ
“นาย...”
แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกว่าขอบตามันแสบๆร้อนๆ นัก ฉันเงยหน้ากระพริบตาเพื่อไล่ไอ้เจ้าน้ำตาที่มันจะไหลรินนั่น
เรื่องราวในอดีตมันก็ฉายขึ้นมาในสมอง ภาพที่เขาเคยให้คำสาบานกับเวย์ ภาพที่เราสองคนจูงมือกันไปเที่ยว ภาพที่เราสองคนกำลัง...
ฉันไม่ควรจะมาเสียเวลากับเรื่องพวกนี้สินะ
“อ้าว เสร็จแล้วเหรอ” ลีนินที่เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับขนมที่ฉันซื้อมาตุนไว้
“อะ...อื้ม”
“อ๋อ เนี่ยซายม์แฟนฉันเองแหล่ะ คนที่ฉันจะบอกให้แกรู้จักเมื่อวานยังไงล่ะ”
ใช่แล้วล่ะ เขาซื้อ’เซาล์’ไม่ใช่’ซายม์’ แต่ไม่รู้ทำไมเขาต้องใช้ชื่ออื่นด้วย หรืออาจจะเป็นเพราะฉันเคยพูดเรื่องเซาล์ให้ยัยนั่นฟังตอนที่ไปแลกเปลีย่นที่อเมริกาก็ได้
ฉันได้แต่ยืนอึ้งไม่กระดุกกระดิกไปไหน ไม่รู้ว่าทำไมภาพในอดีตถึงได้โผล่ขึ้นมาในสมองฉัน
ส่วนเขาก็ได้แต่ยืนนิ่งแล้วมองฉันด้วยสายตาที่เย็นชาสุดๆ
“รู้จักกันด้วยเหรอ”
“รู้จักสิ เพื่อนพี่ชายฉันเองน่ะ...” ฉันตอบด้วยรอยยิ้มที่เสแสร้งสุดๆ และเซาล์ก็ได้แต่พยักหน้า
“ก็ดีแล้วล่ะ”
“งั้นฉันไปก่อนนะ แล้วเจอกัน”
ฉันไม่สนใจเรื่องแต่งหน้าปะแป้งอะไรมันแล้ว รีบๆ ไปจากที่นี่ดีกว่า ฉันเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไปจากห้องโดยเร็ว
วันนี้ฉันใส่ชุดสะบายๆ นั่นก็คือกางเกงขาสั้นสีขาวที่ยาวไม่ถึงสองคืบและเสื้อยืดสีดำรูปการ์ตูน การที่ฉันได้ใส่แบบนี้แล้วมันทำให้ฉันมีความมั่นใจสูงมาก
ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่ดีในสายตายัยลีนินน่ะนะ
“เดี๋ยว ฉันจะไปด้วย!!”
ขณะที่ฉันเดินมาถึงนอนอาคารเสียงแจ๋นๆ ของยัยนั่นก็ดังมาจากไกล พร้อมกับร่างบางที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง
“เอ้าซายม์! รีบๆ วิ่งสิ” ยัยเพื่อนรักหันไปกวักมือเรียกเขามา แต่ตัวเธอนั่นก็หอบแฮกๆ จนแทบจะหายใจไม่ทันด้วยซ้ำมั่งเนี่ย
“มาด้วยทำไมล่ะ”
“ก็... เธอใส่สั่นขนาดนี้ฉันเป็นห่วงเธอนี่”
“เหรอ นึกว่าอยากไปเจอซานตี้ซะอีก”
“มะ... ไม่ใช่สักหน่อย” เธอรีบเถียงทันควัน อันที่จริงฉันรู้มานานแล้วล่ะว่ายัยนี่เป็นแฟนคลับซานตี้น่ะ
“มากันครบแล้วเริ่มไปกันเลย”
หลังจากที่เซาล์เดินมาถึง เราทั้งสามคนก็เดินไปที่ตึกSB. ซึ่งย่อมาจากSnow Black นั่นเอง ความจริงวงนี้น่ะดังจะตายไปก็เลยมีสปอนเซอร์เยอะ ไม่แปลกหรอกที่จะมีคนสร้างตึกสำหรับการซ้อมเต้นให้น่ะ
ระหว่างการเดินทางเราก็ผ่านตลาด ห้าง และอื่นๆ อีกมากมาย โดยมีฉันเดินนำหน้าห่างกันเป็นเมตรเพื่อไม่อยากเป็น’กขค’ใครบางคน
และฉันก็พยายามไม่คิดถึงเรื่องในอดีตนั้นด้วย
“ยัยบ้า! ไม่คิดที่จะรอกันเลยรึไง”
ฉันไม่สนใจเสียงที่ดังมาจากข้างหลังและได้แต่ฮึมเพลงไปพลางๆ จนยัยนั่นเริ่มโวยวายขึ้นมา
สายตาของฉันได้แต่จับจ้องทางเดินที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เดินผ่านตัวฉันไป บางคนก็แอบเหลือบๆ มามองขาอ่อนบ้าง บางคนก็ยิ้มให้ฉันบ้าง
ฉันคิดถึงรอยยิ้มของเขา...
โป้ก!
“โอ้ยยยยย”
“ฮ่าๆๆๆ สมน้ำหน้า ฮ่าๆๆๆๆ ก๊ากๆๆๆ”
เป็นเพราะฉันเอาแต่เหม่อลอยเนี่ยแหล่ะเลยเดินไปชนเสาไฟฟ้าเข้า เจ็บเป็นบ้าเลยTOT ยัยเพื่อนบ้านี่ก็หัวเราะอยู่ได้ไม่คิดที่จะมาช่วยเลยนะ
ฉันได้แต่ลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ เพราะความเจ็บ ตอนนี้บางคนที่เห็นภาพฉันเมื่อกี้ก็ต่างกลั้นขำไว้ไม่อยู่ รวมถึง... เขา
ฮึ่ยย
ฉันควรจะโทษตัวเองดีมั้ยเนี่ยที่เอาแต่เหม่อมองจนมองไม่เห็นเสาไฟฟ้าเนี่ย
“เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย” เซาล์เดินมาดู คำพูดและสีหน้าของเขามันดูปกติเหลือเกิน
“ฉันไม่เป็นไร”
“แต่ฉันรู้สึกว่ามันเริ่มปูดขึ้นมาแล้วนะ”
ฉันลองใช้นิ้วแตะๆ ดูตรงจุดที่เจ็บก็รู้สึกว่ามันบวมขึ้นมาจริงๆ
ไอ้เสาบ้า! ทำไมไม่หลบไปเนี่ยรู้ทั้งรู้ว่าฉันจะเดินชนอ่ะTOT
“ซายม์...ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก ยัยนี่น่ะถึกยิ่งกว่าหินอีก” ลีนินเดินกระแทกเท้าเข้ามาควงแขนแฟนหนุ่ม ฉันเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้
“เอาเป็นว่าฉันไปก่อนนะ ถ้าสายไปมากกว่านี้เกรงว่าจะโดนซานตี้ด่าเข้าน่ะ”
“งั้นก็ได้ ระวังตัวเองไว้ให้ดีก็แล้วกัน J” เซาล์พูดและยิ้มบางๆ ให้ฉัน แต่มันไม่ได้เป็นรอยบยิ้มที่เขาเคยให้ฉันเลย มันเป็นแค่รอยยิ้มที่ดูเฉยชาและห่างเหินราวกับว่าเราสองคนไม่รู้จักกันมาก่อน
และใช่...ที่เขาทำให้มันดูห่างเหินเพราะเขากลายเป็นคนอื่นไปแล้วยังไงล่ะ ส่วนฉันก็ไม่ควรจะคิดถึงอดีตให้มันมาทำร้ายฉันทำไมล่ะ เซาล์น่ะได้ตายไปจากหัวใจฉันแล้วนี่นา และเขาก็คือซายม์ไม่ใช่เซาล์!
“ขอให้โชคร้ายย่ะยัยบ้า” ลีนินแลบลิ้นใส่
ฉันแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะหันหลังเดินต่อไป และพยายามทำจิตใจให้สงบไม่คิดถึงเรื่องนั้นอีกต่อไป....
ความคิดเห็น