ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    K'Casanova คาสโนวี่ครับ ผมผิดไปแล้ว

    ลำดับตอนที่ #13 : 12

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 56


    12

                    “หิวเหรอ”

                    “เฮ่ย! นายเข้ามาได้ยังไงเนี่ย” ฉันตะโกนเสียงหลง อะไรกันจู่ๆ ก็เข้าห้องเขาสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่คิดจะเคาะประตูก่อนเลยรึไง

                    นิสัย

                    “ฉันถามว่าหิวหรือปล่าว”

                    “ก็หิว...หิวมากด้วย”

                    “งั้น ลงไปหาอะไรทานในห้องครัวสิ ฉันก็หิวเหมือนกันนะ”

                    “นายจะยังหิวอยู่เหรอ แอลกอฮอล์เต็มท้องแล้วมั้งนั่น”

                    “แล้วมันย่อยกลายเป็นสารอาหารได้หรือปล่าวล่ะ” เขาตอบเสียงขุ่น

                    ย่ะ เรื่องนั้นฉันไม่เถียง

                    “งั้นขอฉันไปอาบน้ำก่อนนะ” ฉันลุกขึ้นยืนก่อนจะไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่เพิ่งซื้อใหม่ออกมา “อ้อ แล้วก็ขอบุหรี่สักม้วนสองม้วนไว้ด้วยนะ” จากนั้นฉันก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำทันที

                    เมื่ออาบน้ำแต่งตัวอะไรเสร็จฉันก็เปิดประตูออกมาจากห้องของตัวเองก็ได้กลิ่นบุหรี่ฟุ้งเลย ฉันเดินลงบันไดตรงไปที่ห้องนั่งเล่นที่เดาว่าต้นตอกลิ่นคงจะมาจากที่นั่น ตอนนี้ฉันอยู่ในชุดสบายๆ อย่างเสื้อยืดกางเกงขาสั้นพร้อมกับผมที่เปียกหมาดๆ

                    เซาล์ยื่นบุหรี่ให้ฉัน สายตาของเขาจับจ้องไปที่ทีวีโดยไม่แลมาทางฉัน ฉันรับมันไปแต่โดยดีแล้วนำมันมาสูบเพื่อปัดความหงุดหงิดออกไป

                    “ว่าแต่นายจะกินอะไรล่ะ”

                    “อะไรก็ได้ ที่ไม่มีไขมัน”

                    “งั้นเดี๋ยวฉันไปดูของในตู้เย็นก็แล้วกัน” พูดจบฉันก็หันตัวก้าวเดินไปที่ห้องครัวแล้วเปิดตู้เย็นออกมา

                    อืมมม มีแต่พวกแฮม ชีส ไข่ เนื้อหมู ผักสลัด แครอท หมูยอ ส่วนข้างบนตู้เย็นก็จะมีพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำกุ้งทั้งนั้น หมอนี่ยังคงชอบรสนี้ไม่เปลี่ยนเลยแฮะ

                    ฉันสวมผ้ากันเปื้อนก่อนจะเริ่มลงมือหั่นผักหั่นเนื้อหมู ข้างๆ ตัวฉันก็ต้มน้ำร้อนไว้สำหรับต้มบะหมี่โดยเฉพาะ และก่อนทำฉันก็ไม่ลืมทิ้งบุหรี่ที่ยังสูบไม่หมดออกพร้อมกับการล้างมือด้วย

                    ระหว่างการประกอบอาหารฉันก็ฮัมเพลงไปพลางๆ เพื่อความบันเทิงในการทำอาหารไปด้วย

                    “ให้ฉันช่วยมั้ย” ร่างสูงโผล่ขึ้นมาพร้อมกับเสียงของเขาทำเอาฉันแทบจะเฉือนปลายนิ้วไปแล้ว

                    “ไม่ต้องหรอก นายไปนั่งเถอะ”

                    “เอาน่า ฉันหิวมากๆ ด้วย ถ้าเธอทำเสร็จช้าไปกว่าห้านาทีฉันจะกินเธอแทนบะหมี่พวกนี้แล้วนะ” คนตัวสูงขู่อย่างเลือดเย็น ฉันถอนหายใจอย่างหงุดแต่ก็ยอมยื่นมีดให้เขาหั่นผักไป ส่วนฉันก็ยกมีดกับเขียงอีกชุดหนึ่งมาหั่นเนื้อหมูเพื่อความรวดเร็ว หลังจากที่ฉันหั่นหมูเสร็จฉันก็นำมันลงน้ำร้อนที่กำลังเดือดได้ที่ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับเซาล์หั่นผักเสร็จพอดี

                    “นายไปนั่งที่โต๊ะอาหารก่อนนะ” เขาพยักหน้าเบาๆ แล้วยอมเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารโดยไม่ขัดขืนอะไร

                    เวลาผ่านไปอีกสักห้านาทีที่ทุกอย่างเสร็จหมดแล้วฉันก็ยกหม้อบะหมี่มาวางไว้ตรงกลางโต๊ะอาหารและถ้วยจานช้อนส้อมมาไว้ข้างๆ พอวางเสร็จไม่กี่วินาทีเนี่ยแหล่ะคนหิวโซก็เริ่มกวนประสาทฉันอีกครั้ง

                    “เธอว่าเหมือนเราเป็นสามีภรรยากันเลยมั้ย น่าเสียดายที่ไม่มีลูกด้วย”

                    ฉันผลักหน้าผากเขาอย่างหมั่นไส้”มันใช่เวลามาพูดมั้ย กินๆ ไปแล้วก็รีบนอนเสีย”

                    “ฉันรู้แล้วล่ะว่าขาดอะไรไปด้วย” ยังไม่หยุดพูดอีกนะหมอนี่มันยังไงล่ะเนี่ย “คนเป็นสามีภรรยาเขาต้องนอนห้องเดียวกันด้วยสิ ถึงจะเหมาะสม”

                    “โอเค ไม่กินใช้มั้ยงั้นฉันขอล่ะ” ไม่พูดเปล่าฉันลากหม้อใส่บะหมี่มาทางฉัน

                    “แค่ล้อเล่นน่า ซีเรียสอะไรเยอะแยะ”

                    ซีเรียสอะไรเยอะแยะอย่างนั้นเหรอ...เหอะ! มันเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวมาก ฉันล่ะเจ็บใจกับเรื่องในอดีตจริงๆ เลย แล้วยิ่งเขามาพูดว่าอย่าซีเรียสแบบนี้แล้วยิ่งเดือดเข้าไปใหญ่

                    “นิวเยียร์...

                    “หืม?”

                    “เธอมาที่นี่เพื่ออะไร” ช้อนส้อมในมือของฉันร่วงลงบนจานเสียงดัง ฉันจ้องมองเขาด้วรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยยาพิษ

                    “ความรักล่ะมั้ง”

                    “อย่าโกหก” เซาล์ขมวดคิ้วเป็นปม

                    “นี่คือความจริงยังไงล่ะ...ที่รัก” ฉันกรีดยิ้มให้เขาแล้วก้มลงทานบะหมี่ต่อ

                    “ไม่ใช่ว่าเธออยากจะมาตื๊อฉันหรอกเหรอ”

                    “ถ้านายคิดแบบนั้น ฉันก็จะตื๊อนายจนถึงที่สุดเลยก็ได้นะ”

                    “ทำไมล่ะ ทำไมฉันทำร้ายเธอขนาดนั้นเธอถึงไม่โกรธแค้นอะไรฉันเลย”

                    ก็เพราะว่านายมันโง่ยังไงล่ะ สิ่งที่ฉันทำลงไปตอนนี้มันก็คือละคร แล้วหลังจากนั้นนายก็จะรู้เองว่าฉันมันก็ไม่ต่างอะไรกับอสรพิษที่จะทำให้นายเจ็บปวดและทรมานตายลงในที่สุด

                    นายจะต้องชดใช้กับสิ่งที่นายทำลงไป

                    แล้วทุกอย่างมันก็จะจบ...

                    “นายรู้จักคำว่า ความรักมั้ย” ยิ่งพูดมันยิ่งกระดากปากจริงๆ เลย ถ้าฉันพูดคำหวานๆ ไปมากกว่านี้มีหวังวันนี้ฉันคงจะได้เลี่ยนตายกันพอดี

                    แหวะ!

                    “ก่อนที่เธอจะถามฉัน เคยถามตัวเองบ้างหรือปล่าวว่าเธอน่ะสะกดคำว่ารักเป็นหรือปล่าว” เขาย้อนเสียงเรียบ แววตาเต็มไปด้วยความสะใจ “ถ้าเธอไม่รู้จักคำคำนี้เธอคงจะรักใครไม่เป็นจริงๆ”

                    โอ้พระเจ้า! เขาไปเอาคำนี้มาจากไหน ทุกทีก็เห็นแต่คำหวานไว้จีบสาวนู่นนี่นั่น

                    อเมซิ่งหลายๆ

                    ฉันได้แต่เงียบใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เกิดจากการอดกลั้นหัวเราะไว้

                    “นายรู้ได้ยังไงว่าฉันรักใครไม่เป็น”

                    “ดูจากการทำตัวของเธอสิ เห็นควงด้วยไม่กี่วันก็เขี่ยทิ้งแล้วไปมีใหม่ซะนี่”

                    “นั่นมันแค่อารมณ์ชั่ววูบ แต่ก็ดีกว่าพาใครขึ้นเตียงหรอกนะ” พูดไปด้วยตักบะหมี่เข้าปากไปด้วย “จะว่าไปฝีมือฉันก็ใช้ได้เลยนะเนี่ย” มันเรื่องจริงนะ ทั้งรสเผ็ด รสเปรี้ยว รสหวาน มันลงตัวกันมากๆ เลย ไม่เสียแรงที่พ่อกับแม่สอนมาตั้งแต่ตอนเด็ก

                    ด้วยความที่ฉันทั้งหิวและบะหมี่มันอร่อย ฉันก็โซ้ยจนหมดภายในหนึ่งนาทีซึ่งผู้หญิงทั่วไปเขาไม่ทำกันหรอกนะ ภายในหนึ่งนาทีมีหวังติดคอตายแน่ๆ

                    “ตกลงว่านายไม่กินใช่มั้ย งั้นฉันขอล่ะนะ” พูดจบฉันก็ลากถ้วยของเขามาทางฉันทันที

                    “น้อยๆ หน่อยเถอะ ในหม้อก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ” เขาโบ้ยอย่างหัวเสีย

                    “ก็มันร้อนนี่ ของนายมันเริ่มเย็นแล้วด้วย เพราะฉะนั้นขอล่ะนะ” ฉันมองเขาด้วยสายตาออดอ้อน

                    เขาถอนหายใจเหมือนจะหงุดหงิดแต่ก็ยอมดันมาให้ฉันอยู่ดี “ผู้หญิงบ้าอะไรกินมูมมามขนาดนี้ ดูสิเลอะปากหมดแล้ว”

                    หือ?... ช่างเรื่องปากมันเถอะน่า

                    ฉันยิ้มให้กับบะหมี่ที่อยู่ในถ้วยของเซาล์แล้วลงมือกินมันต่อ

                    อร่อยอีกแล้วววว

                    ง่ำๆๆๆๆ จะกินมันให้กระเพาะแตกเลย

                    กินไปนานๆ เข้าฉันก็รู้สึกว่ามันเริ่มจะไม่อร่อยแล้วสิ อาจจะเป็นเพราะว่าฉันเริ่มอิ่มขึ้นมาแล้วก็ได้ แงงง นึกว่าจะได้กินจนกระเพาะแตกแล้วแท้ๆ แต่ทำไมมันต้องมาอิ่มตอนนี้ด้วยนะ

                    “อิ่มหรือยังล่ะ”

                    “ก็เริ่มอิ่มขึ้นมานิดนึงแล้วนะ”

                    “เธอนี่กินเหมือนเด็กอนุบาลจริงๆ เลย”

                    “หมายความว่าไง”

                    “ไม่รู้สึกเหมือนมีอะไรเลอะปากเลยรึไง”

                    ฉันเบ้ปากใส่เขาแล้วลองใช้นิ้วปาดตรงริมฝีปากตัวเองก็พบว่ามาคราบน้ำแกงของบะหมี่เลอะอยู่จริงๆ ด้วย

                    แล้วนี่ฉันมาทำตัวมูมมามทำไมให้อายเขาล่ะเนี่ย!!

                    “เอ้านี่ทิชชู่” เขายิ้มกรุ่มกริ่มพลางยื่นทิชชู่มาให้ฉันสองแผ่น ฉันรับมันมาเช็ดอย่างเงอะงะเพราะสายตาก็จ้องแต่เขา

                    “มองอะไรกันนักกันหนา เช็ดไม่ตรงจุดแล้วนะ”

                    เซาล์คงจะเริ่มหงุดหงิดแล้วมั้งเพราะเขาจับฉันเช็ดปากเหมือนเด็กเลย

                    แงงง ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ

                    อีตาบ้านี่ก็แปลกนะ เมื่อกี้ยังเห็นหงุดหงิดอยู่เลยตอนนี้กลับมายิ้มเป็นจานดาวเทียม

                    “ฉันเจ็บนะ!

                    “ก็แล้วทำไมเธอไม่เช็ดให้ดีๆ ล่ะ”

                    “ดูนายจ้องฉันสิ แบบนั้นฉันก็อายเป็นเหมือนกันนะ”

                    “หมดสักทีนะ” เช็ดเสร็จเขาก็ทิ้งทิชชู่ลงถังขยะใกล้ๆ กับโต๊ะอาหารก่อนจะไปนั่งที่เดิม

                    ริมฝีปากของฉันรู้สึกแสบร้อนมากๆ เนื่องจากเขาเช็ดแรงเกินน่ะสิ

                    “กินเสร็จแล้วใช่มั้ย ฉันจะได้เก็บจานไปล้าง”

                    “ฉันอิ่มตั้งแต่ถ้วยแรกแล้วย่ะ พอจะถ้วยที่สองเธอก็แย่งไปฉันเลยไม่มีอารมณ์กิน”

                    สรุปว่าฉันผิดสินะ?

                    เชอะ!

                    ฉันลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเก็บถ้วยเก็บจานไปในครัวและเริ่มทำการล้างถ้วยล้างหม้อให้เสร็จ 


     
    Lambo-san theme
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×