คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : 12
12
“หิวเหรอ”
“เฮ่ย! นายเข้ามาได้ยังไงเนี่ย” ฉันตะโกนเสียงหลง อะไรกันจู่ๆ ก็เข้าห้องเขาสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่คิดจะเคาะประตูก่อนเลยรึไง
นิสัย…
“ฉันถามว่าหิวหรือปล่าว”
“ก็หิว...หิวมากด้วย”
“งั้น ลงไปหาอะไรทานในห้องครัวสิ ฉันก็หิวเหมือนกันนะ”
“นายจะยังหิวอยู่เหรอ แอลกอฮอล์เต็มท้องแล้วมั้งนั่น”
“แล้วมันย่อยกลายเป็นสารอาหารได้หรือปล่าวล่ะ” เขาตอบเสียงขุ่น
…ย่ะ เรื่องนั้นฉันไม่เถียง
“งั้นขอฉันไปอาบน้ำก่อนนะ” ฉันลุกขึ้นยืนก่อนจะไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่เพิ่งซื้อใหม่ออกมา “อ้อ แล้วก็ขอบุหรี่สักม้วนสองม้วนไว้ด้วยนะ” จากนั้นฉันก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำทันที
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวอะไรเสร็จฉันก็เปิดประตูออกมาจากห้องของตัวเองก็ได้กลิ่นบุหรี่ฟุ้งเลย ฉันเดินลงบันไดตรงไปที่ห้องนั่งเล่นที่เดาว่าต้นตอกลิ่นคงจะมาจากที่นั่น ตอนนี้ฉันอยู่ในชุดสบายๆ อย่างเสื้อยืดกางเกงขาสั้นพร้อมกับผมที่เปียกหมาดๆ
เซาล์ยื่นบุหรี่ให้ฉัน สายตาของเขาจับจ้องไปที่ทีวีโดยไม่แลมาทางฉัน ฉันรับมันไปแต่โดยดีแล้วนำมันมาสูบเพื่อปัดความหงุดหงิดออกไป
“ว่าแต่นายจะกินอะไรล่ะ”
“อะไรก็ได้ ที่ไม่มีไขมัน”
“งั้นเดี๋ยวฉันไปดูของในตู้เย็นก็แล้วกัน” พูดจบฉันก็หันตัวก้าวเดินไปที่ห้องครัวแล้วเปิดตู้เย็นออกมา
อืมมม มีแต่พวกแฮม ชีส ไข่ เนื้อหมู ผักสลัด แครอท หมูยอ ส่วนข้างบนตู้เย็นก็จะมีพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำกุ้งทั้งนั้น หมอนี่ยังคงชอบรสนี้ไม่เปลี่ยนเลยแฮะ
ฉันสวมผ้ากันเปื้อนก่อนจะเริ่มลงมือหั่นผักหั่นเนื้อหมู ข้างๆ ตัวฉันก็ต้มน้ำร้อนไว้สำหรับต้มบะหมี่โดยเฉพาะ และก่อนทำฉันก็ไม่ลืมทิ้งบุหรี่ที่ยังสูบไม่หมดออกพร้อมกับการล้างมือด้วย
ระหว่างการประกอบอาหารฉันก็ฮัมเพลงไปพลางๆ เพื่อความบันเทิงในการทำอาหารไปด้วย
“ให้ฉันช่วยมั้ย” ร่างสูงโผล่ขึ้นมาพร้อมกับเสียงของเขาทำเอาฉันแทบจะเฉือนปลายนิ้วไปแล้ว
“ไม่ต้องหรอก นายไปนั่งเถอะ”
“เอาน่า ฉันหิวมากๆ ด้วย ถ้าเธอทำเสร็จช้าไปกว่าห้านาทีฉันจะกินเธอแทนบะหมี่พวกนี้แล้วนะ” คนตัวสูงขู่อย่างเลือดเย็น ฉันถอนหายใจอย่างหงุดแต่ก็ยอมยื่นมีดให้เขาหั่นผักไป ส่วนฉันก็ยกมีดกับเขียงอีกชุดหนึ่งมาหั่นเนื้อหมูเพื่อความรวดเร็ว หลังจากที่ฉันหั่นหมูเสร็จฉันก็นำมันลงน้ำร้อนที่กำลังเดือดได้ที่ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับเซาล์หั่นผักเสร็จพอดี
“นายไปนั่งที่โต๊ะอาหารก่อนนะ” เขาพยักหน้าเบาๆ แล้วยอมเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารโดยไม่ขัดขืนอะไร
เวลาผ่านไปอีกสักห้านาทีที่ทุกอย่างเสร็จหมดแล้วฉันก็ยกหม้อบะหมี่มาวางไว้ตรงกลางโต๊ะอาหารและถ้วยจานช้อนส้อมมาไว้ข้างๆ พอวางเสร็จไม่กี่วินาทีเนี่ยแหล่ะคนหิวโซก็เริ่มกวนประสาทฉันอีกครั้ง
“เธอว่าเหมือนเราเป็นสามีภรรยากันเลยมั้ย น่าเสียดายที่ไม่มีลูกด้วย”
ฉันผลักหน้าผากเขาอย่างหมั่นไส้”มันใช่เวลามาพูดมั้ย กินๆ ไปแล้วก็รีบนอนเสีย”
“ฉันรู้แล้วล่ะว่าขาดอะไรไปด้วย” ยังไม่หยุดพูดอีกนะหมอนี่มันยังไงล่ะเนี่ย “คนเป็นสามีภรรยาเขาต้องนอนห้องเดียวกันด้วยสิ ถึงจะเหมาะสม”
“โอเค ไม่กินใช้มั้ยงั้นฉันขอล่ะ” ไม่พูดเปล่าฉันลากหม้อใส่บะหมี่มาทางฉัน
“แค่ล้อเล่นน่า ซีเรียสอะไรเยอะแยะ”
ซีเรียสอะไรเยอะแยะอย่างนั้นเหรอ...เหอะ! มันเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวมาก ฉันล่ะเจ็บใจกับเรื่องในอดีตจริงๆ เลย แล้วยิ่งเขามาพูดว่าอย่าซีเรียสแบบนี้แล้วยิ่งเดือดเข้าไปใหญ่
“นิวเยียร์...”
“หืม?”
“เธอมาที่นี่เพื่ออะไร” ช้อนส้อมในมือของฉันร่วงลงบนจานเสียงดัง ฉันจ้องมองเขาด้วรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยยาพิษ
“ความรักล่ะมั้ง”
“อย่าโกหก” เซาล์ขมวดคิ้วเป็นปม
“นี่คือความจริงยังไงล่ะ...ที่รัก” ฉันกรีดยิ้มให้เขาแล้วก้มลงทานบะหมี่ต่อ
“ไม่ใช่ว่าเธออยากจะมาตื๊อฉันหรอกเหรอ”
“ถ้านายคิดแบบนั้น ฉันก็จะตื๊อนายจนถึงที่สุดเลยก็ได้นะ”
“ทำไมล่ะ ทำไมฉันทำร้ายเธอขนาดนั้นเธอถึงไม่โกรธแค้นอะไรฉันเลย”
ก็เพราะว่านายมันโง่ยังไงล่ะ สิ่งที่ฉันทำลงไปตอนนี้มันก็คือละคร แล้วหลังจากนั้นนายก็จะรู้เองว่าฉันมันก็ไม่ต่างอะไรกับอสรพิษที่จะทำให้นายเจ็บปวดและทรมานตายลงในที่สุด
นายจะต้องชดใช้กับสิ่งที่นายทำลงไป
แล้วทุกอย่างมันก็จะจบ...
“นายรู้จักคำว่า ’ความรัก’ มั้ย” ยิ่งพูดมันยิ่งกระดากปากจริงๆ เลย ถ้าฉันพูดคำหวานๆ ไปมากกว่านี้มีหวังวันนี้ฉันคงจะได้เลี่ยนตายกันพอดี
แหวะ!
“ก่อนที่เธอจะถามฉัน เคยถามตัวเองบ้างหรือปล่าวว่าเธอน่ะสะกดคำว่ารักเป็นหรือปล่าว” เขาย้อนเสียงเรียบ แววตาเต็มไปด้วยความสะใจ “ถ้าเธอไม่รู้จักคำคำนี้เธอคงจะรักใครไม่เป็นจริงๆ”
โอ้พระเจ้า! เขาไปเอาคำนี้มาจากไหน ทุกทีก็เห็นแต่คำหวานไว้จีบสาวนู่นนี่นั่น
อเมซิ่งหลายๆ
ฉันได้แต่เงียบใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เกิดจากการอดกลั้นหัวเราะไว้
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันรักใครไม่เป็น”
“ดูจากการทำตัวของเธอสิ เห็นควงด้วยไม่กี่วันก็เขี่ยทิ้งแล้วไปมีใหม่ซะนี่”
“นั่นมันแค่อารมณ์ชั่ววูบ แต่ก็ดีกว่าพาใครขึ้นเตียงหรอกนะ” พูดไปด้วยตักบะหมี่เข้าปากไปด้วย “จะว่าไปฝีมือฉันก็ใช้ได้เลยนะเนี่ย” มันเรื่องจริงนะ ทั้งรสเผ็ด รสเปรี้ยว รสหวาน มันลงตัวกันมากๆ เลย ไม่เสียแรงที่พ่อกับแม่สอนมาตั้งแต่ตอนเด็ก
ด้วยความที่ฉันทั้งหิวและบะหมี่มันอร่อย ฉันก็โซ้ยจนหมดภายในหนึ่งนาทีซึ่งผู้หญิงทั่วไปเขาไม่ทำกันหรอกนะ ภายในหนึ่งนาทีมีหวังติดคอตายแน่ๆ
“ตกลงว่านายไม่กินใช่มั้ย งั้นฉันขอล่ะนะ” พูดจบฉันก็ลากถ้วยของเขามาทางฉันทันที
“น้อยๆ หน่อยเถอะ ในหม้อก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ” เขาโบ้ยอย่างหัวเสีย
“ก็มันร้อนนี่ ของนายมันเริ่มเย็นแล้วด้วย เพราะฉะนั้นขอล่ะนะ” ฉันมองเขาด้วยสายตาออดอ้อน
เขาถอนหายใจเหมือนจะหงุดหงิดแต่ก็ยอมดันมาให้ฉันอยู่ดี “ผู้หญิงบ้าอะไรกินมูมมามขนาดนี้ ดูสิเลอะปากหมดแล้ว”
หือ?... ช่างเรื่องปากมันเถอะน่า
ฉันยิ้มให้กับบะหมี่ที่อยู่ในถ้วยของเซาล์แล้วลงมือกินมันต่อ
อร่อยอีกแล้วววว
ง่ำๆๆๆๆ จะกินมันให้กระเพาะแตกเลย
กินไปนานๆ เข้าฉันก็รู้สึกว่ามันเริ่มจะไม่อร่อยแล้วสิ อาจจะเป็นเพราะว่าฉันเริ่มอิ่มขึ้นมาแล้วก็ได้ แงงง นึกว่าจะได้กินจนกระเพาะแตกแล้วแท้ๆ แต่ทำไมมันต้องมาอิ่มตอนนี้ด้วยนะ
“อิ่มหรือยังล่ะ”
“ก็เริ่มอิ่มขึ้นมานิดนึงแล้วนะ”
“เธอนี่กินเหมือนเด็กอนุบาลจริงๆ เลย”
“หมายความว่าไง”
“ไม่รู้สึกเหมือนมีอะไรเลอะปากเลยรึไง”
ฉันเบ้ปากใส่เขาแล้วลองใช้นิ้วปาดตรงริมฝีปากตัวเองก็พบว่ามาคราบน้ำแกงของบะหมี่เลอะอยู่จริงๆ ด้วย
แล้วนี่ฉันมาทำตัวมูมมามทำไมให้อายเขาล่ะเนี่ย!!
“เอ้านี่ทิชชู่” เขายิ้มกรุ่มกริ่มพลางยื่นทิชชู่มาให้ฉันสองแผ่น ฉันรับมันมาเช็ดอย่างเงอะงะเพราะสายตาก็จ้องแต่เขา
“มองอะไรกันนักกันหนา เช็ดไม่ตรงจุดแล้วนะ”
เซาล์คงจะเริ่มหงุดหงิดแล้วมั้งเพราะเขาจับฉันเช็ดปากเหมือนเด็กเลย
แงงง ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ
อีตาบ้านี่ก็แปลกนะ เมื่อกี้ยังเห็นหงุดหงิดอยู่เลยตอนนี้กลับมายิ้มเป็นจานดาวเทียม
“ฉันเจ็บนะ!”
“ก็แล้วทำไมเธอไม่เช็ดให้ดีๆ ล่ะ”
“ดูนายจ้องฉันสิ แบบนั้นฉันก็อายเป็นเหมือนกันนะ”
“หมดสักทีนะ” เช็ดเสร็จเขาก็ทิ้งทิชชู่ลงถังขยะใกล้ๆ กับโต๊ะอาหารก่อนจะไปนั่งที่เดิม
ริมฝีปากของฉันรู้สึกแสบร้อนมากๆ เนื่องจากเขาเช็ดแรงเกินน่ะสิ
“กินเสร็จแล้วใช่มั้ย ฉันจะได้เก็บจานไปล้าง”
“ฉันอิ่มตั้งแต่ถ้วยแรกแล้วย่ะ พอจะถ้วยที่สองเธอก็แย่งไปฉันเลยไม่มีอารมณ์กิน”
สรุปว่าฉันผิดสินะ?
เชอะ!
ความคิดเห็น