คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 : : รักลงตัว
เสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าบ้านของเอกชัย เอกชัยเดินออกไปเปิดประต้านก็เห็นพินิจยืนทำหน้ากลุ้มอยู่ เขาจึงพอเดาเหตุการณ์ออก จึงเรียกเขาเข้าไปคุยในบ้าน
เอกชัยเรียก องุ่น คนรับใช้ในบ้านให้เอาน้ำส้มมารินให้พินิจ ก่อนที่จะเริ่มบทสนทนาขึ้น โดยพินิจเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“คุณเอกครับ...เอ่อ ขอเรียกพี่เอกแล้วกันนะครับ จะได้ดูสนิทสนมขึ้นหน่อย คือที่ผมมาวันนี้ ผมมีเรื่องจะปรึ...”
ทันใดนั้น เสียงกริ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง นารินที่เดินลงมาจากข้างบนเห็นพอดีจึงเดินไปเปิดประตูให้ ปรากฎว่าคนที่มากดกริ่งหน้าประตูนั้นคือเจนนี่นั่นเอง เมื่อเจนนี่เห็นหน้าพินิจก็ขึ้นอารมณ์รุนแรง ก่อนจะลาออกจากบ้านไปด้วยคำพูดประชดประชันต่างๆ นานา ทำเอาเอกชัยกับนารินงงเป็นไก่ตาแตก
“อ้าว.. คุณปั่น ไปทะเลาะอะไรกับหนูแจนเข้าล่ะ เขาถึงได้กระฟัดกระเฟียดออกไปอย่างนั้นน่ะ..” นารินเดินกลับมาถามพินิจอย่างเข้าอกเข้าใจ
พินิจเหลือกตาไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดความจริงออกมา
“คือความจริงแล้ว...ผมกับนารินก็ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันหรอกครับ แต่เขาเองต่างหากล่ะที่ผิด!”
นารินเดาเหตุการณ์ได้จึงชิงพูดขึ้นก่อน “นั่นไง.. เห็นไหม เราเองนั่นแหละที่ผิด...”
พินิจงงเล็กน้อยแต่ก็พูดขึ้นต่อไป
“ผมผิดยังไงเหรอครับ คุณนา...เอ๊ย แม่นา”
นารินเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ พินิจ
“ก็เธอน่ะ ไม่ยอมลองคิดดูว่าตัวเองผิดบ้างไงล่ะ เธอถึงได้ผิด ถ้าเธอลองคิดว่าเธอผิดบ้างล่ะก็...หนูแจนเขาคงไม่กระฟัดกระเฟียดออกไปขนาดนั้นหรอก”
พินิจตั้งท่าจะเถียง แต่เมื่อเขาคิดได้มันก็เป็นความจริง เอกชัยจึงลองถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น พินิจจึงตอบว่า เขาตั้งใจจะซื้อของขวัญเซอร์ไพรส์วันเกิด แต่พอเธอจับได้ว่าเงินหายไปก็กล่าวหาว่าเขาไปแอบมีคนใหม่
“แหม...คู่ใหม่ปลามันจริงๆ เลยนะ” เอกชัยกระเซ้าเล่น แต่ก็ต้องเงียบด้วยสายตาอันคมปลาบของนาริน
“เอาอย่างนี้ไหมล่ะ? ฉันว่าเธอลองกลับไปปรับความเข้าใจกับหนูแจนกันก่อนดีกว่านะ ส่วนเรื่องจะเซอร์ไพรส์วันเกิดเนี่ยก็ล้มเลิกไปเสียก่อน เอาเป็นว่า...เราก็บอกเขาไปตรงๆ เลยว่าที่เงินมันหายไปเพราะเราตั้งใจว่าจะเซอร์ไพรส์วันเกิดเขา แต่เขาเข้าใจผิดไปเอง และถ้าเกิดเขายังไม่เชื่ออีก ก็บอกให้เขามาหาน้าเลย เดี๋ยวน้าจะจัดการให้เอง เรื่องแค่นี้ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก น้าเจอมาเยอะแล้ว”
นารินแนะนำอย่างละเอียดได้สมกับเป็นมืออาชีพ จนเอกชัยเกือบจะปรบมือให้ แต่ก็รู้ตัวทันว่ามันยังไม่ใช่เวลาที่จะมาปรบมือดีใจอะไรกันตอนนี้!
“ขอบคุณมากๆ เลยครับ แม่นา...”
พินิจกำลังก้มจะขอบคุณ แต่นารินห้ามเอาไว้ก่อน
“ไม่ต้องมาขอบคุณอะไรน้าหรอก น้าแค่แนะนำไปตามประสบการณ์ของผู้ชายบ๊องๆ คนหนึ่งที่น้าอยู่ร่วมกันมานานกว่ายี่สิบปีแล้วล่ะ”
เอกชัยที่กำลังจะจิบน้ำส้มก็พุ่งออกมาทันที เพราะรู้ตัวว่ากำลังถูกหลอกด่าอยู่
ส่วนนารินก็ยังพูดต่อไป “แล้วถ้ามีเรื่องอะไรอีก ก็มาปรึกษาน้าได้ทุกเมื่อนะ เพราะคนแถวนี้ให้คำปรึกษาไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ขนาดลูกตัวเองยังไม่เคยให้คำปรึกษาเลย...”
คราวนี้น้ำกระเฉาะลงเสื้อ เอกชัยจึงแสร้งทำเป็นไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องเพื่อตัดปัญหา
“อ้อ...แล้วครั้งหลังก็อย่าเรียกว่าแม่นาเลยนะ เหมือนน้าอายุชรามากเลยนะจ๊ะ เรียกแค่ น้านาดีกว่าจ๊ะ ดูเด็กลงกว่าเดิมตั้งเยอะ...”
คราวนี้คนที่พุ่งกลายเป็นพินิจแทน แถมยังพุ่งใส่หน้านารินอีกต่างหากแน่ะ!
วันเปิดร้านวันที่สองคนก็ยังคับคั่งอยู่เหมือนเดิม จนฝนทองกับจัตวาต้องอยู่ทำงานในร้านกันจนดึก ทำให้ฝนทองเริ่มไม่สบาย จัตวาเห็นดังนั้นจึงอยากให้ฝนทองกลับเข้าไปนอนในบ้านก่อน แต่ฝนทองไม่เชื่อจนเป็นลมหมดสติไป เมื่อเก็บร้านเสร็จจัตวาจึงอุ้มฝนทองเข้าไปในบ้าน ซึ่งบ้านของพวกเขาก็อยู่ติดกับบ้านของเอกชัยกับนารินนั่นเอง
จัตวาโทรฯ เรียก สุดา หรือ สุ ให้มาช่วยจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฝนทอง เพราะเขากลัวว่าจะเห็นอะไรที่ไม่ดีไม่งามของฝนทอง ก่อนที่จะให้สุดากลับไป แล้วเขาก็จัดการที่นอนให้กับฝนทองอย่างเรียบร้อย แต่ใบหน้าของฝนทองดูเย้ายวนใจเขามาก เขาเกือบที่จะประทับฝีปากลงบนใบหน้าของเธอ แต่ก็ยับยั้งใจไว้ทัน เพราะยังคงรู้ตัวว่า เขายังคงเป็นผู้เข้าแข่งขันอยู่ ไม่ใช่ตัวจริง
เช้าวันต่อมา เมื่อฝนทองเห็นตนเองอยู่ในชุดใหม่ก็นึกว่าจัตวาแอบลวนลามเธอ แต่พอจัตวาอธิบายเธอก็เข้าใจเพราะเธอเห็นในละครทีวีบ่อยๆ ก็มักจะเป็นเช่นนั้น พอเธอจะไปทำงาน จัตวาก็อยากให้เธอนอนพักที่บ้านอยู่ก่อน เพราะกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรร้ายแรงไปอีก ส่วนฝนทองก็ยอมแต่โดยดี เพราะเธอก็รู้สึกขี้เกียจอยู่เหมือนกัน
เมื่อจัตวาออกจากบ้านไป ฝนทองก็กลับขึ้นไปนอนที่ห้องต่อ แต่เพราะไม่มีอะไรทำ เธอจึงลงมาเปิดโทรทัศน์ที่ห้องนั่งเล่นข้างล่างดู ระหว่างที่กำลังดูอยู่นั้น เธอก็รู้สึกอยากดื่มน้ำเย็นขึ้นมา จึงเดินไปที่ตู้เย็น และเมื่อพบกับนามบัตรของโอภาส เธอก็นึกเรื่องอะไรขึ้นมาได้ ก่อนที่จะไปปิดโทรทัศน์แล้วเปลี่ยนชุดออกจากบ้านไปทันที
ขณะนั้น จัตวาที่เดินออกจากบ้านมาก่อนก็มาพบกับธีระในชุดนักศึกษาที่กำลังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าบ้าน เขาจึงนึกได้ว่าวันนี้ธีระมีแข่งฟุตบอลตอนบ่ายจึงไม่ไปมหาวิทยาลัยตอนนี้ เมื่อเห็นดังนั้นจัตวาจึงเดินเข้าไปหาทันที แต่ธีระก็สารภาพออกมาเสียก่อน
“ผมไม่กล้าไป”
จัตวางงเล็กน้อยก่อนถามไปว่า
“ทำไมล่ะ? วันนี้เป็นวันแข่งขันฟุตบอลของเธอที่เห็นว่าสำคัญนักสำคัญหนาไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่กล้าไปเสียดื้อๆ อย่างนี้ล่ะ หรือว่า..”
ธีระพยักหน้ารับทำเอาจัตวาแทบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
“อะไรกันๆ เรื่องแค่นี้เนี่ยนะที่ทำเอาเสียเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต ไม่ต้องเครียดไอ้น้อง เอาอย่างนี้ดีกว่า ไปนั่งจิบกาแฟจิบโอวัลตินที่ร้านพี่ก่อนก็ได้ แล้วเราค่อยคุยกันต่อ”
ธีระพยักหน้าเออออตามจัตวาไป ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันไปนั่งจิบช็อคโกแล็ตปั่นในร้านกาแฟอิ่มอุ่น ธีระเริ่มต้นบทสนทนาก่อน
“ผมยอมรับครับว่าบางทีผมอาจจะคิดมากเกินไปเรื่องริน แต่ผมก็รับไม่ได้เหมือนกันที่เห็นคนอื่นมากุ๊กกิ๊กอยู่กับเขา”
“แล้วเราเคยบอกเขาไปหรือเปล่าล่ะ? ว่าเราชอบเขา” จัตวาย้อนกลับทันทีทำเอาธีระสะดุ้งเฮือก ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ อย่างคนสำนึกผิด
“แล้วเราจะไปโกรธเขาทำไม เราไม่มีสิทธิ์ใดๆ ไม่ว่าจะหึง จะหวง จะโกรธ หรือจะอะไรก็แล้วแต่ เราทำอย่างนั้นไม่ได้ เหตุผลง่ายๆ เลยนะธี เธอไม่เคยเป็นอะไรกับเขา เราก็เป็นแค่ตัวสำรองของคนที่เขาจะบอกรักต่างหาก”
ธีระเงียบก่อนจะดูดน้ำอีกอึกหนึ่ง
“แต่ผมก็รับไม่ได้ ก็ผมไม่อยากให้เขา..”
จัตวาหลุดหัวเราะออกมาอย่างทนไม่ได้ ก่อนจะปลอบธีระต่อว่า
“ถ้าเธอจะบอกว่าไม่อยากให้เขามีแฟนใหม่เนี่ย มันดูจะแปลกๆ อยู่นะ เอาเถอะๆ ถือว่าครั้งนี้ฉันจะช่วยเธอแล้วกัน ช็อคโกแล็ตปั่นแก้วนี้ฉันเลี้ยง แต่เธอต้องสัญญากับฉันก่อน ว่าเธอจะทำตามอย่างมุ่งมั่น”
“ได้เลยครับ! ว่าแต่จะให้ผมทำอย่างไรหรือครับ”
จัตวาดูดน้ำอีกอึกหนึ่งก่อนจะพูดว่า
“ไปบอกเขาตรงๆ ว่าเธอชอบเขา และรักเขามากๆ”
ความคิดเห็น