ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุขใจจริงเอย...

    ลำดับตอนที่ #2 : เพลงกับกลอน

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 52


    เพลงกับกลอน

    ความจริงผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบฟังเพลงมากมาย (ไม่ใช่เพลง มากมายของพี่บี้ สุกฤษฎิ์  วิเศษแก้วนะ)  เพราะผมเป็นคนที่ชอบฟังอะไรที่มันเป็นทำนองเสนาะ  ไพเราะเพราะพริ้งจับใจ  ลื่นไหลไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ (ไม่ลงโทษ)  ไม่อืดอาดอยู่กับที่  ..แค่นี้ก็เป็นทำนองแล้ว

    แต่ไม่ใช่แค่ฟังอย่างเดียว  ผมยังแต่งอีกด้วยนะ  ทั้งกลอนและทั้งเพลงนั่นแหละครับ

    ถ้าจะให้ผมไปขุดคุ้ยแล้วนำเอาเพลงที่ผมแต่งมาลง  ผมว่าผมคงต้องนั่งตาค้าง  ไม่เป็นอันกินอันนอนกันเลยทีเดียว  เพราะผมแต่งเพลงมามากมายครับ  เป็น 40 กว่าเพลงเลย

    เหตุที่กระตุกจิต (แรงไปมั้ย?) ให้ผมมีไฟฝันให้แต่งเพลงก็เริ่มมาจากตอนปลายปีประถมศึกษาปีที่ 6  ผมอยากแต่งเพลงที่เกี่ยวกับความทรงจำที่ผมและเพื่อนๆ มีกันและกันมาตลอด 6 ปีเต็ม  และมันก็ค่อยๆ เริ่มจุดประกายให้ผมเริ่มแต่งเพลง  และเปลี่ยนแนวเพลงไปจนรู้ว่าตัวเองชอบร็อค  และกลายเป็นที่รู้จักของเพื่อนๆ และอาจารย์บางท่านในด้าน (ลบของ) การแต่งเพลง

    ถึงแม้เสียงรบเร้าจากคนรอบข้างที่คอยสนับสนุนว่า หยุดเถอะ  อย่าแต่งเลย  สงสารคนที่เขาฟังเถอะนะ (เนี่ยนะ..  สนับสนุน)  แต่ผมก็ยังมีความดันทุรังสูงจนแต่งเพลงไปเรื่อยๆ

    แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นไปตามคำพูดนั้น  เมื่อกฎของศาสนาคือสิ่งที่ขวางกั้นผมกับเพลงเอาไว้

    ไฟฝันที่เคยโหมกระหน่ำและลุกโชน  บัดนี้เหลือเป็นเพียงขี้เถ้าแห่งความทรงจำ  ที่เคยชอบนักชอบหนาก็ต้องหยุดมันและละทิ้งมันไป  ถึงตอนนี้เพียงแค่ฟังเพลงผมก็ยังทำไม่ได้  แต่ผมเชื่อว่าอีกสักหน่อยผมก็เริ่มชินและปรับตัวไปได้เอง

    ขอวกกลับมาเรื่องเพลงนิดส์..นึงนะครับ

    เพลงแรกที่ผมแต่งอย่างเป็นเรื่องราวหน่อย (เพราะแต่ก่อนแต่งอย่างมั่วซั่ว) ก็คือเพลง เพลงดอกไม้ ที่แต่งไว้ตอนจะจบโรงเรียนสมัยประถมศึกษา  เป็นเรื่องราวของคนคนหนึ่งที่อยากจะฝากเพลงเอาไว้ให้กับคนรักเมื่อต้องแยกทางกัน  จึงให้ดอกไม้เป็นสิ่อแทนใจ

    แต่เสียดายที่นำเพลงนี้มาลงไม่ได้  เพราะมันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

    ส่วนเพลงที่ผมแต่งแล้วได้ใส่ทำนองของคีย์บอร์ดลงไปเป็นเพลงแรกนั้น  ก็เป็นเพลงเดียวที่ทำด้วย  นั่นก็คือเพลง เชื่อในตัวฉัน ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคนคนหนึ่งที่อยากจะให้รู้ว่าตนเองพูดความจริง

    ที่จริงแล้วเพลงนี้แต่งขึ้นเพื่อประชดพ่อกับแม่ของผมที่ไม่ยอมรับฟังความจริงของผม  จึงแต่งให้กับท่าน  แต่ก็ยังไม่เคยได้ร้องให้ท่านฟังสักครั้งเลย  จนกระทั่งหมดเวลาลง...

     

    เชื่อในตัวฉัน

     

    แม้...เกิดความวุ่นวายสักเพียงไหน                   แม้...หัวใจของเธอไม่เชื่อฉัน

    แม้...เธอจะไม่อาจรักกัน                              แต่ตัวฉัน...ก็ยังคงรักเธอ

              *แม้...ความจริงในใจของเธออาจไม่รักฉัน

    แม้...กลางคืนกลางวันอาจเปลี่ยนไปในพริบตา

    ขอ...แค่เพียงคำเดียวให้เธอเชื่อฉันไว้ว่า

    ว่าฉัน...ยังรักเธอ

    **คำสัญญาไม่ลือนหาย                               จงเชื่อในตัวฉัน

    ถึงความจริงอาจเป็นแค่ฝัน                           แค่เชื่อในตัวฉัน...สักวันจะต้องเป็นจริง

    (ซ้ำ *,**,**)

     

    แต่เมื่อหมดเวลาแล้ว  เพลงที่ผมแต่งเอาไว้เป็นเพลงสุดท้าย  นั่นก็คือเพลงประกอบเรื่องที่เขียนอยู่นี้  เรื่องราวในเพลงนี้ก็จะเกี่ยวกับความสุขที่มีมากมาย  ซึ่งผมได้ยกมาบรรจุอยู่เพลงที่มีชื่อว่า สุข

     

    สุข

     

    สุขที่ใจ...ไม่ต้องหาคำอธิบาย               สุขหมดใจ...ไม่ต้องมีอะไรเพิ่มเติม

    สุขล้นทรวง...เรื่องราวที่เคยปั้นใจ                    สุขจริงๆ  จนล้นหัวใจ  และจะเติมเต็ม

              *สุขใจรู้ไหม  สุขใจแค่ไหน                  สุขใจจนต้องมีเธอ  แบ่งปันครึ่งหัวใจ

              สุขใจที่ไหน  สุขใจที่พบกัน                 สุขคราวนี้ยังมีเธอ  สุขใดก็ยังไม่เท่า...สุขใจ

    สุขใจเอย...ยามที่เราเคยจูงมือกัน          สุขทุกวัน...แม้ไม่ฝันเหมือนในจินตนาการ

    สุขไปแล้ว...แต่ก็ยังจะทำให้มากกว่า       สุขมากมาย  และเอ่อล้นใจ  มันเกินอธิบาย

    (ซ้ำ *)  สุขใจรู้ไหม  สุขใจแค่ไหน                   สุขใจที่ได้มีเธอ  มาเปลี่ยนสุขในหัวใจ

              สุขใจที่ไหน  ไม่เท่าที่เจอเธอ               สุขคราวนี้ที่มีเธอ  สุขนี้ก็ยังจะเติมเต็ม...ต่อไป

    สุขคราวนี้ยังมีเธอ  สุขใจ...จริงเอย

     

    พูดถึงเรื่องพลงไปเสียนาน  ขอวกกลับมาพูดเรื่องกลอนกันหน่อยนะครับ

    จุดเริ่มต้นเริ่มมาจากที่อาจารย์ให้ลองแต่งกลอนตอนอยู้ชั้นประถมศึกษาตอนต้น  ผมชอบมากจนมีคนมาประกวดที่โรงเรียน  แล้วก็ได้รางวัล  ผมเห่อมากจนกระทั่งปลายๆ ปี  ผมก็ได้ไปประกวดที่ต่างโรงเรียนหรือนอกสถานที่  ได้รองชนะเลิศอันดับ 1 มาเกือบทุกรายการ  แต่พอขึ้นมัธยมผมก็เริ่มไม่ได้แต่งกลอนอีกแล้ว

    จากเรื่องนี้ผมได้ความสุขหลายอย่าง  มันเป็นความสุขที่มาจากการที่เราอยากจะทำอะไรสักอย่างที่คาดหวังไว้  โดยจะรู้หรือไม่รู้แก่ใจก็ตามว่ามันอาจจะต้องพังทลายในที่สุด 

    ถึงแม้ความสุขนี้จะเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วคราว  แต่ผมก็ได้รับมันไปตลอดกาล  ได้รับความสุขที่เกิดขึ้นจากความฝันที่ตัวเองอยากทำ  มิใช่ที่คนอื่นอยากให้เราทำ

    ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ได้แต่งเพลงแล้ว  แต่กลอนก้ยังคงจะมีดำเนินต่อไปเรื่อยๆ

    ความสุขที่แม้มีอะไรมาขวางกั้น  แต่ถ้าเราลองมุ่งไปให้ถึงเป้าหมาย  และประสบความสำเร็จที่ดีและมีประโยชน์กับเรา  จะมัวรีรออยู่ทำไม

    เพลงแต่งไม่ได้  แต่ถ้าไฟฝันยังไม่หมด  และใจยังไม่ถดถอย  จงอย่ารอคอยและมุ่งไปให้ถึงเส้นชัย

     

    มุ่งไปให้ถึงดวงจันทร์

    แม้ไม่เป็นดังฝัน

    แต่ก็ยังอยู่ท่ามกลางดวงดาว

                                          พ่อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×