คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เพลงกับกลอน
เพลงกับกลอน
ความจริงผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบฟังเพลงมากมาย (ไม่ใช่เพลง ‘มากมาย’ ของพี่บี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้วนะ) เพราะผมเป็นคนที่ชอบฟังอะไรที่มันเป็นทำนองเสนาะ ไพเราะเพราะพริ้งจับใจ ลื่นไหลไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ (ไม่ลงโทษ) ไม่อืดอาดอยู่กับที่ ..แค่นี้ก็เป็นทำนองแล้ว
แต่ไม่ใช่แค่ฟังอย่างเดียว ผมยังแต่งอีกด้วยนะ ทั้งกลอนและทั้งเพลงนั่นแหละครับ
ถ้าจะให้ผมไปขุดคุ้ยแล้วนำเอาเพลงที่ผมแต่งมาลง ผมว่าผมคงต้องนั่งตาค้าง ไม่เป็นอันกินอันนอนกันเลยทีเดียว เพราะผมแต่งเพลงมามากมายครับ เป็น 40 กว่าเพลงเลย
เหตุที่กระตุกจิต (แรงไปมั้ย?) ให้ผมมีไฟฝันให้แต่งเพลงก็เริ่มมาจากตอนปลายปีประถมศึกษาปีที่ 6 ผมอยากแต่งเพลงที่เกี่ยวกับความทรงจำที่ผมและเพื่อนๆ มีกันและกันมาตลอด 6 ปีเต็ม และมันก็ค่อยๆ เริ่มจุดประกายให้ผมเริ่มแต่งเพลง และเปลี่ยนแนวเพลงไปจนรู้ว่าตัวเองชอบร็อค และกลายเป็นที่รู้จักของเพื่อนๆ และอาจารย์บางท่านในด้าน (ลบของ) การแต่งเพลง
ถึงแม้เสียงรบเร้าจากคนรอบข้างที่คอยสนับสนุนว่า “หยุดเถอะ อย่าแต่งเลย สงสารคนที่เขาฟังเถอะนะ” (เนี่ยนะ.. สนับสนุน) แต่ผมก็ยังมีความดันทุรังสูงจนแต่งเพลงไปเรื่อยๆ
แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นไปตามคำพูดนั้น เมื่อกฎของศาสนาคือสิ่งที่ขวางกั้นผมกับเพลงเอาไว้
ไฟฝันที่เคยโหมกระหน่ำและลุกโชน บัดนี้เหลือเป็นเพียงขี้เถ้าแห่งความทรงจำ ที่เคยชอบนักชอบหนาก็ต้องหยุดมันและละทิ้งมันไป ถึงตอนนี้เพียงแค่ฟังเพลงผมก็ยังทำไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าอีกสักหน่อยผมก็เริ่มชินและปรับตัวไปได้เอง
ขอวกกลับมาเรื่องเพลงนิดส์..นึงนะครับ
เพลงแรกที่ผมแต่งอย่างเป็นเรื่องราวหน่อย (เพราะแต่ก่อนแต่งอย่างมั่วซั่ว) ก็คือเพลง “เพลงดอกไม้” ที่แต่งไว้ตอนจะจบโรงเรียนสมัยประถมศึกษา เป็นเรื่องราวของคนคนหนึ่งที่อยากจะฝากเพลงเอาไว้ให้กับคนรักเมื่อต้องแยกทางกัน จึงให้ดอกไม้เป็นสิ่อแทนใจ
แต่เสียดายที่นำเพลงนี้มาลงไม่ได้ เพราะมันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ส่วนเพลงที่ผมแต่งแล้วได้ใส่ทำนองของคีย์บอร์ดลงไปเป็นเพลงแรกนั้น ก็เป็นเพลงเดียวที่ทำด้วย นั่นก็คือเพลง “เชื่อในตัวฉัน” ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคนคนหนึ่งที่อยากจะให้รู้ว่าตนเองพูดความจริง
ที่จริงแล้วเพลงนี้แต่งขึ้นเพื่อประชดพ่อกับแม่ของผมที่ไม่ยอมรับฟังความจริงของผม จึงแต่งให้กับท่าน แต่ก็ยังไม่เคยได้ร้องให้ท่านฟังสักครั้งเลย จนกระทั่งหมดเวลาลง...
เชื่อในตัวฉัน
แม้...เกิดความวุ่นวายสักเพียงไหน แม้...หัวใจของเธอไม่เชื่อฉัน
แม้...เธอจะไม่อาจรักกัน แต่ตัวฉัน...ก็ยังคงรักเธอ
*แม้...ความจริงในใจของเธออาจไม่รักฉัน
แม้...กลางคืนกลางวันอาจเปลี่ยนไปในพริบตา
ขอ...แค่เพียงคำเดียวให้เธอเชื่อฉันไว้ว่า
ว่าฉัน...ยังรักเธอ
**คำสัญญาไม่ลือนหาย จงเชื่อในตัวฉัน
ถึงความจริงอาจเป็นแค่ฝัน แค่เชื่อในตัวฉัน...สักวันจะต้องเป็นจริง
(ซ้ำ *,**,**)
แต่เมื่อหมดเวลาแล้ว เพลงที่ผมแต่งเอาไว้เป็นเพลงสุดท้าย นั่นก็คือเพลงประกอบเรื่องที่เขียนอยู่นี้ เรื่องราวในเพลงนี้ก็จะเกี่ยวกับความสุขที่มีมากมาย ซึ่งผมได้ยกมาบรรจุอยู่เพลงที่มีชื่อว่า “สุข”
สุข
สุขที่ใจ...ไม่ต้องหาคำอธิบาย สุขหมดใจ...ไม่ต้องมีอะไรเพิ่มเติม
สุขล้นทรวง...เรื่องราวที่เคยปั้นใจ สุขจริงๆ จนล้นหัวใจ และจะเติมเต็ม
*สุขใจรู้ไหม สุขใจแค่ไหน สุขใจจนต้องมีเธอ แบ่งปันครึ่งหัวใจ
สุขใจที่ไหน สุขใจที่พบกัน สุขคราวนี้ยังมีเธอ สุขใดก็ยังไม่เท่า...สุขใจ
สุขใจเอย...ยามที่เราเคยจูงมือกัน สุขทุกวัน...แม้ไม่ฝันเหมือนในจินตนาการ
สุขไปแล้ว...แต่ก็ยังจะทำให้มากกว่า สุขมากมาย และเอ่อล้นใจ มันเกินอธิบาย
(ซ้ำ *) สุขใจรู้ไหม สุขใจแค่ไหน สุขใจที่ได้มีเธอ มาเปลี่ยนสุขในหัวใจ
สุขใจที่ไหน ไม่เท่าที่เจอเธอ สุขคราวนี้ที่มีเธอ สุขนี้ก็ยังจะเติมเต็ม...ต่อไป
สุขคราวนี้ยังมีเธอ สุขใจ...จริงเอย
พูดถึงเรื่องพลงไปเสียนาน ขอวกกลับมาพูดเรื่องกลอนกันหน่อยนะครับ
จุดเริ่มต้นเริ่มมาจากที่อาจารย์ให้ลองแต่งกลอนตอนอยู้ชั้นประถมศึกษาตอนต้น ผมชอบมากจนมีคนมาประกวดที่โรงเรียน แล้วก็ได้รางวัล ผมเห่อมากจนกระทั่งปลายๆ ปี ผมก็ได้ไปประกวดที่ต่างโรงเรียนหรือนอกสถานที่ ได้รองชนะเลิศอันดับ 1 มาเกือบทุกรายการ แต่พอขึ้นมัธยมผมก็เริ่มไม่ได้แต่งกลอนอีกแล้ว
จากเรื่องนี้ผมได้ความสุขหลายอย่าง มันเป็นความสุขที่มาจากการที่เราอยากจะทำอะไรสักอย่างที่คาดหวังไว้ โดยจะรู้หรือไม่รู้แก่ใจก็ตามว่ามันอาจจะต้องพังทลายในที่สุด
ถึงแม้ความสุขนี้จะเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วคราว แต่ผมก็ได้รับมันไปตลอดกาล ได้รับความสุขที่เกิดขึ้นจากความฝันที่ตัวเองอยากทำ มิใช่ที่คนอื่นอยากให้เราทำ
ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ได้แต่งเพลงแล้ว แต่กลอนก้ยังคงจะมีดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
ความสุขที่แม้มีอะไรมาขวางกั้น แต่ถ้าเราลองมุ่งไปให้ถึงเป้าหมาย และประสบความสำเร็จที่ดีและมีประโยชน์กับเรา จะมัวรีรออยู่ทำไม
เพลงแต่งไม่ได้ แต่ถ้าไฟฝันยังไม่หมด และใจยังไม่ถดถอย จงอย่ารอคอยและมุ่งไปให้ถึงเส้นชัย
มุ่งไปให้ถึงดวงจันทร์
แม้ไม่เป็นดังฝัน
แต่ก็ยังอยู่ท่ามกลางดวงดาว
พ่อ
ความคิดเห็น