ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุขใจจริงเอย...

    ลำดับตอนที่ #1 : รักแรก...ใกล้ชิด...ไ ก ล ห่ า ง

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 52


    รักแรก...ใกล้ชิด...ไกลห่   

    อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นรักกุ๊กกิ๊กของหนุ่มสาววัยละอ่อน  เพราะความจริงผมยังเป็นเด็กอยู่เลย  และแถมยังปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่า ยังไม่อยากรักใครให้หัวใจว้าวุ่นอีกด้วย

    แต่ความรักที่ผมจะกล่าวถึงนี้เป็นความรักที่เกิดขึ้นในครอบครัว

    หากเล่าละเอียดคงยาว  ฉะนั้นจึงขอเล่าเป็นรายละเอียดคร่าวๆ ดังนี้นะครับ

     

    ณ โรงพยาบาลเลิศศิน  วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2548

    เด็กหญิงคนหนึ่งนามว่า กรรญกร พูลทรัพย์ หรือ เตย หรือ ซิตีฮาวา หรือ บาหวา (หลายชื่อไปมั้ย?)  ได้เกิดขึ้น  โดยมีบิดาชื่อ นายก่อเกียรติ พูลทรัพย์ ซึ่งเกี่ยวข้องเป็นพี่ชายของผม  กับมารดาชื่อ นางสาวพรพรรณ เบญจภัทรากุล ร่วมแสดงความยินดีอยู่ด้วย

    ขณะนั้นผมอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ของโรงเรียนนราทร (เครือคาทอลิก)  ผมจึงแวะไปเยี่ยนเยียนหลานสาวในวันหลังจากวันนั้นไม่กี่วัน

    ขอเล่าย้อนอีกนิดว่าทั้ง 2 คน  เคยพบกันและนับกันเป็นเพื่อน  มีบางข่าวลือเล่าว่า  ทั้ง 2 คนเจอกันผ่านทางอินเตอร์เน็ต  และนัดเจอกันที่ชายหาดแห่งหนึ่ง  ซึ่งไม่แน่ชัดว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่

    ทั้ง 2 คนแต่งงานกันโดยมิได้จดทะเบียนสมรสแต่ประการใด  แต่ได้ทำตามหลักการของศาสนาอิสลาม  คือมีพยานชาย 2 คน  และผู้ปกครองฝ่ายหญิง  คำเสนอ  คำสนอง  และเจ้าบ่าวครบตามที่กำหนด

    ไม่ปรากำจำนวนที่แน่นอนของจำนวนค่าสินสอดหรือค่าสมรสที่ทั้งสองให้แก่กัน  แต่รุ้สึกว่าจะมีการร่วมหลับนอนและทำอะไรต่อมิอะไรกันในคืนนั้นเลย  (มิน่าล่ะ..  ทำไมวันนั้นบ้านโยก ผู้เขียน)

    เดี๋ยวจะยาวเกินไปจนหลับซะก่อน  งั้นขอย้อนมานิดส์..นึง

    หลังจากที่รักกันได้ด้วยดี  ทางครอบครัวจึงเห็นว่าควรปล่อยให้ทั้งคุ่อยู่ตามลำพังกันเสียบ้าง  จึงตกลงกันที่จะไปท่องเที่ยวที่ประเทศมาเลเซียเป็นเวลา 4 วัน 4 คืน  โดยออกเดินทางตั้งแต่วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม 2550 ถึงวันอังคารที่ 1 มกราคม 2551

    และเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้ผมรู้ลึกถึงคำว่ารักแท้...ยังไง?

    หญิงสาวคนนั้นหายไปจากบ้านอย่างไร้ร่องรอย...

     

    บทพิสูจน์ทำให้ผมรู้ใจตัวเองว่าเป็นทุกข์มากแค่ไหน  เวลาห่         

    รักแท้แพ้ระยะทาง..

    รักแท้แพ้ใกล้ชิด..

    รักแท้แพ้ใจตัวเอง..

    รักแท้แพ้...

    ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนอ้างว้าง  เวลาที่ต้องลาจากจากใครสักคนหนึ่ง

    ต่อหน้าก็ทำเป็นไม่รัก ไม่ยุ่ง ไม่มุ่ง ไม่สน แต่พอต้องจากกันจริงๆ  ใจมันก็หวิวชอบกล

    ที่ผมกำลังพูดถึงนี้หมายถึงเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่แทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย..

    ตอนนี้ผมพอจะได้ข้อคิดจากเรื่องอะไรบางอย่างแล้วบ้างว่า เด็กสาวคนนั้นเป็นเหมือนความสุขของผม  ยามใดที่ห่างไกลผมก็ลบเธอออกจากใจไม่ได้สักที

    หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเอยังคงอยู่กับผม  แต่หญิงสาวชาวไทยเชื้อสายจีนคนนั้นกลับเรียกร้องขอเด็กคืน  จนถึงขั้นขึ้นศาลฟ้องร้องเลยทีเดียว

    จนเหตุการณ์ครั้งนั้น  ที่ผมจำได้ไม่ลืม..

    เสียงของเด็กสาวที่ร้องลั่นเรียกตามหาในสน.พลับพลาไชย 2  กับเสียงสบถของตำรวจที่มีต่อหญิงสาวคนนั้น

    ไม่เกิน 6 เดือนเด็กคนนั้นจะได้อยู่กับคุณ ทุกเสียงที่บอกไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามรวมทั้งตำรวจกับพระด้วย

    เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2552

    ตำรวจบอกให้พวกผมทำใจและอยู่ห่างจากเด็กหญิงที่ร้องลั่นดรงพักนี้เสีย  แล้วรอศาลตัดสินในเดือนมิถุนายนในปีเดียวกัน

    แต่ใครจะไปทำใจได้ล่ะ..

    เวลา 4 เดือนในการทำใจ  ไม่มีใครรู้ว่าผลสรุปจะออกมาอย่างไร  แต่ที่แน่ๆ ก็คือจงละทิ้งความทรงจำอันเลวร้ายนั้นออกไป

    ผมจะขอเก็บเพลงที่เกี่ยวกับความทรงจำดีๆ ไว้สักอัลบั้มหนึ่ง  เผื่อเมื่อไหร่ที่ลืมกันจะได้ฟังมันทุกเช้าและก่อนนอน

    ถึงตอนนี้  ต่อให้ผลจะออกมาว่าผมจะไม่ได้เห็นหน้าเธอตลอดกาล  แต่อย่างน้อยผมก็ยอมร้องไห้ในความภาคภูมิใจ  ที่จะเก็บเธอไว้ในความทรงจำ...สีจางๆ

     

    สิ่งที่เหลือในใจ  ไม่ใช่ความว่างเปล่า

    หากแต่เป็นเรื่องราว  บางคราวในอดีต

    ทุกวันทุกคืนฉันฝัน  อยากให้เธออยู่ตรงนี้

    มองดาวที่เราดูกันทุกที  ถ้าให้ดี...ขอให้เป็นจริง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×