คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : รักแรก...ใกล้ชิด...ไ ก ล ห่ า ง
รักแรก...ใกล้ชิด...ไกลห่ า ง
อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นรักกุ๊กกิ๊กของหนุ่มสาววัยละอ่อน เพราะความจริงผมยังเป็นเด็กอยู่เลย และแถมยังปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่า ‘ยังไม่อยากรักใครให้หัวใจว้าวุ่น’ อีกด้วย
แต่ความรักที่ผมจะกล่าวถึงนี้เป็นความรักที่เกิดขึ้นในครอบครัว
หากเล่าละเอียดคงยาว ฉะนั้นจึงขอเล่าเป็นรายละเอียดคร่าวๆ ดังนี้นะครับ
ณ โรงพยาบาลเลิศศิน วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2548
เด็กหญิงคนหนึ่งนามว่า กรรญกร พูลทรัพย์ หรือ เตย หรือ ซิตีฮาวา หรือ บาหวา (หลายชื่อไปมั้ย?) ได้เกิดขึ้น โดยมีบิดาชื่อ นายก่อเกียรติ พูลทรัพย์ ซึ่งเกี่ยวข้องเป็นพี่ชายของผม กับมารดาชื่อ นางสาวพรพรรณ เบญจภัทรากุล ร่วมแสดงความยินดีอยู่ด้วย
ขณะนั้นผมอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ของโรงเรียนนราทร (เครือคาทอลิก) ผมจึงแวะไปเยี่ยนเยียนหลานสาวในวันหลังจากวันนั้นไม่กี่วัน
ขอเล่าย้อนอีกนิดว่าทั้ง 2 คน เคยพบกันและนับกันเป็นเพื่อน มีบางข่าวลือเล่าว่า ทั้ง 2 คนเจอกันผ่านทางอินเตอร์เน็ต และนัดเจอกันที่ชายหาดแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่แน่ชัดว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ทั้ง 2 คนแต่งงานกันโดยมิได้จดทะเบียนสมรสแต่ประการใด แต่ได้ทำตามหลักการของศาสนาอิสลาม คือมีพยานชาย 2 คน และผู้ปกครองฝ่ายหญิง คำเสนอ คำสนอง และเจ้าบ่าวครบตามที่กำหนด
ไม่ปรากำจำนวนที่แน่นอนของจำนวนค่าสินสอดหรือค่าสมรสที่ทั้งสองให้แก่กัน แต่รุ้สึกว่าจะมีการร่วมหลับนอนและทำอะไรต่อมิอะไรกันในคืนนั้นเลย (มิน่าล่ะ.. ทำไมวันนั้นบ้านโยก ผู้เขียน)
เดี๋ยวจะยาวเกินไปจนหลับซะก่อน งั้นขอย้อนมานิดส์..นึง
หลังจากที่รักกันได้ด้วยดี ทางครอบครัวจึงเห็นว่าควรปล่อยให้ทั้งคุ่อยู่ตามลำพังกันเสียบ้าง จึงตกลงกันที่จะไปท่องเที่ยวที่ประเทศมาเลเซียเป็นเวลา 4 วัน 4 คืน โดยออกเดินทางตั้งแต่วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม 2550 ถึงวันอังคารที่ 1 มกราคม 2551
และเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้ผมรู้ลึกถึงคำว่ารักแท้...ยังไง?
หญิงสาวคนนั้นหายไปจากบ้านอย่างไร้ร่องรอย...
บทพิสูจน์ทำให้ผมรู้ใจตัวเองว่าเป็นทุกข์มากแค่ไหน เวลาห่ า ง ไ ก ล
รักแท้แพ้ระยะทาง..
รักแท้แพ้ใกล้ชิด..
รักแท้แพ้ใจตัวเอง..
รักแท้แพ้...
ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนอ้างว้าง เวลาที่ต้องลาจากจากใครสักคนหนึ่ง
ต่อหน้าก็ทำเป็นไม่รัก ไม่ยุ่ง ไม่มุ่ง ไม่สน แต่พอต้องจากกันจริงๆ ใจมันก็หวิวชอบกล
ที่ผมกำลังพูดถึงนี้หมายถึงเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่แทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย..
ตอนนี้ผมพอจะได้ข้อคิดจากเรื่องอะไรบางอย่างแล้วบ้างว่า เด็กสาวคนนั้นเป็นเหมือนความสุขของผม ยามใดที่ห่างไกลผมก็ลบเธอออกจากใจไม่ได้สักที
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเอยังคงอยู่กับผม แต่หญิงสาวชาวไทยเชื้อสายจีนคนนั้นกลับเรียกร้องขอเด็กคืน จนถึงขั้นขึ้นศาลฟ้องร้องเลยทีเดียว
จนเหตุการณ์ครั้งนั้น ที่ผมจำได้ไม่ลืม..
เสียงของเด็กสาวที่ร้องลั่นเรียกตามหาในสน.พลับพลาไชย 2 กับเสียงสบถของตำรวจที่มีต่อหญิงสาวคนนั้น
“ไม่เกิน 6 เดือนเด็กคนนั้นจะได้อยู่กับคุณ” ทุกเสียงที่บอกไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามรวมทั้งตำรวจกับพระด้วย
เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2552
ตำรวจบอกให้พวกผมทำใจและอยู่ห่างจากเด็กหญิงที่ร้องลั่นดรงพักนี้เสีย แล้วรอศาลตัดสินในเดือนมิถุนายนในปีเดียวกัน
แต่ใครจะไปทำใจได้ล่ะ..
เวลา 4 เดือนในการทำใจ ไม่มีใครรู้ว่าผลสรุปจะออกมาอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ก็คือจงละทิ้งความทรงจำอันเลวร้ายนั้นออกไป
ผมจะขอเก็บเพลงที่เกี่ยวกับความทรงจำดีๆ ไว้สักอัลบั้มหนึ่ง เผื่อเมื่อไหร่ที่ลืมกันจะได้ฟังมันทุกเช้าและก่อนนอน
ถึงตอนนี้ ต่อให้ผลจะออกมาว่าผมจะไม่ได้เห็นหน้าเธอตลอดกาล แต่อย่างน้อยผมก็ยอมร้องไห้ในความภาคภูมิใจ ที่จะเก็บเธอไว้ในความทรงจำ...สีจางๆ
สิ่งที่เหลือในใจ ไม่ใช่ความว่างเปล่า
หากแต่เป็นเรื่องราว บางคราวในอดีต
ทุกวันทุกคืนฉันฝัน อยากให้เธออยู่ตรงนี้
มองดาวที่เราดูกันทุกที ถ้าให้ดี...ขอให้เป็นจริง
ความคิดเห็น