คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : DG ตอนที่ 1 50 per
ตอนที่ 1
การพบกันครั้งที่ 1
ฮรึก… ฮรึก ….
เสียงสะอื้นดังมาจากชายหนุ่มร่างบาง ผิวขาวเรียบเนียนกลืนกับหิมะที่กระจายเบาบางบนพื้นยิ่งเวลาช่วงกลางยิ่งขลับให้ผิวพรรณเขาขาวซีด ดวงตาเรียวชายตามองกลุ่มบุคคลร่างหนาชุดดำสนิทตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว นัยน์ตาสีดำขลับสั่นระริก น้ำตาใสระรื้นใต้ขอบตา เขาเอ่ยเสียงสั่น
“.. อ อย่าทำอะไรผมเลย ได้โปรด”
อ๊ะ ชายหนุ่มร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อใครคนหนึ่งในกลุ่มบีบเข้าที่คางของเขา ชายผู้เหนือกว่าเหยียดยิ้มให้กับคนไม่มีทางสู้ก่อนจะเสิร์ฟหมัดเข้าไปที่ท้องเขาจนเจ้าตัวทรุดลงแหมะที่พื้นเย็นเชียบ
ชายชุดดำหัวเราะขำขันเหล่มองชื่อพนักงานตรงหน้าอกเสื้อ “นายชื่อยองแจใช่ไหม”
ยองแจเบิกตาโตเขากลัวจนตัวสั่นเทาเหมือนลูกหมาที่กำลังหนาวสั่น “ป.. ปล่อยผมเถอะ”
“หุบปาก !”
ชายคนหนึ่งในกลุ่มเดินมาทางด้านข้างก่อนจะเอ่ยเสียงกระซิบ “ปล่อยมันไปเถอะ อย่าเสียเวลากับมันเลย เรามีภารกิจที่โซลต่อ”
ชายร่างหนาใช้หางตาเหลือบมอง “คงปล่อยไม่ได้ มันรนหาที่เอง”
ขณะเดียวกัน
หญิงสาวหน้าตราหมดจดเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อ ในมือเต็มไปด้วยถุงข้าวของที่พึ่งซื้อมา ภายนอกนั้นเธอก็ไม่ต่างจากหญิงสาวธรรมดาทั่วไป แต่หารู้ไม่ว่าตำแหน่งงานในเกาหลีของเธอไม่ใช่เล่นๆ คนทั่วไปคงยากที่จะเชื่อว่าเธอคือหนึ่งในหน่วยดีเอสไอลับ
“ย๊า … ฉันเบื่อรับงานที่อิลซานเต็มทีแล้ว มีงานในโซลมาทั้งทีทำไมจะไม่รับไว้ อีกสามเดือนฉันจะรีบบึ่งไปโซลทันทีเลย”
เธอหนีบโทรศัพท์ไว้ระหว่างไหล่กับแก้มในขณะที่มือยังคงจัดของในถุงขนาดใหญ่
เสียงสนทนาทางโทรศัพท์ยังคงดังเป็นระยะในขณะที่เจ้าตัวเดินเอื่อยไปตามทางฟุตบาท “ปลอมตัว ? ของถนัดฉันเลยนะ … นี่ ฉันไม่เหมาะกับบทผู้ชายตรงไหนไม่ท..”
พลั่ก !!
หญิงสาวชะงักกึกเธอคว้าโทรศัพท์ไว้ที่มือก่อนจะกดตัดสาย ดวงตาเรียวหรี่ลงในขณะที่ใบหูยังคงเอียงฟังเสียงที่ดังมาจากซอยข้างหน้า เสียงโหวกเหวกเหมือนพวกอันธพาลชกต่อยกัน เป็นเรื่องธรรมดาที่ละแวกนี้จะมีเรื่องชกต่อยหรือทำร้ายร่างกายอยู่บ่อยๆ จนเธอต้องกลายเป็นฮีโร่ออกโลงเป็นประจำ
“พวกอันธพาลอีกแล้วหรอ ไม่นานก็พึ่งเข้าตารางไปกลุ่ม” เธอส่ายหัวด้วยความเบื่อหน่าย
แต่เท้าก็เดินฉับๆ ด้วยความว่องไวทว่าเบาจนไร้เสียง หญิงสาวขมวดคิ้วเอียงใบหูฟังเสียงสั่นๆ ของผู้ถูกกระทำ ‘พวกอันธพาลขี้ขโมยสินะ รังแกคนไม่มีทางสู้’ คิดได้ดังนั้นมือเรียวก็พลันจับกระบอกปืนใต้ชายเสื้อในกระเป๋ากางเกง
พลั่ก !! เธอเดินย่องเข้าไปก่อนจะเตะเข้าที่ท้ายคอของคนร้ายที่ใกล้สุดดังพลั่ก ทำเอาคนร้ายล้มดังตึ้ง จนกระทั่งคนอื่นๆ เริ่มสังเกตเห็นว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญ หญิงสาวรีบกวาดตามองพวกอันธพาลที่มีราวๆ ห้าถึงหกคน “เป็นฝูงเลยแฮะ…”เธอบ่นงุมงำ
“นี่ สาวน้อย ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาเล่นสนุกกับเธอนะ เจอคนรนหาที่อีกคนแล้วสินะ” ชายชุดดำกระตุกยิ้มขำๆ
หญิงสาวเลิกคิ้วก่อนจะตอกกลับอย่างกล้าหาญ “ดูเหมือนว่า เวลาสนุกของพวกนายก็กำลังจะหมดเหมือนกัน”
ปั้ง! เสียงปืนดังลั่น นกกาที่เกาะเสาร์ไฟฟ้าบินกระจัดกระจาย
คนร้ายมองปืนในมือเธอด้วยความเฉยเมิน “ว้าว ….แบบนี้ก็น่าสนุก” ชายชุดดำละจากชายหนุ่มร่างบางที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความระแวง ทว่า … กลับแฝงไปด้วยความไม่พอใจบางอย่าง
กระบอกปืนสั้นสีเงินแววถูกดึงออกมาจากมือหนาของชายชุดดำก่อนที่ทุกคนจะชี้ปลายกระบอกปืนไปที่เธออย่าพร้อมเพียง “เสียใจด้วยนะ ดูเหมือนเธอจะจนมุมแล้ว… วางปืนลง!”
เธอไม่สบอารมณ์มากนัก เป็นแค่อันธพาลทำไมมีอาวุธร้ายติดตัวกันทุกคน มือเรียวค่อยๆ หย่อนอาวุธในมือลง ขณะที่สายตายังคงกะระยะโฟกัสก่อนจะยกยิ้มจนคนร้ายอึ้งไปซักพัก แต่พวกมันพลาดท่าเสียแล้ว เธอปาบางอย่างลงพื้นจนเกิดประกายหมอกสีขาวขุ่นฟุ้งไปทั่ว
หญิงสาวฟังเสียงการเดินอย่างแม่นยำก่อนจะลุกขึ้นตวัดขาเข้าไปในกลุ่มหมอก เหลือเชื่อที่เธอเตะโดนคนร้ายทุกคนทั้งที่เต็มไปด้วนควันสีขุ่น หนำซ้ำยังคว้าปืนเลย์เซอร์ส่องหาวัตถุมีชีวิตก่อนจะยิงเฉียดแขนคนร้ายอย่างง่ายดาย เธอรุดตรงไปยังชายหนุ่มร่างบางที่นั่งแหมะอยู่กับพื้นโดยมีเสียงร้องครวญครางของคนร้ายเป็นเอฟเฟค
“รีบไปกันเถอะ ก่อนที่แก๊สจะหมด”
เธอรีบพยุงตัวอีกคนจนไม่รู้เลยว่าสายตาของชายหนุ่มมองเธอแบบไหน ไม่ใช่ความซึ้งจนเปี่ยมไปด้วยน้ำตา แต่เป็นความรำคาญถึงที่สุด
แกร๊ก มือเรียวพยุงร่างอีกคนและไม่ลืมที่จะปล่อยแก๊สน้ำตาลงบนพื้น เธอรีบหาช่องทางฝ่าดงคนร้ายออกไปจนสำเร็จ “วิ่ง !!” เธอบอกกับชายหนุ่มด้านข้าง ในขณะที่มือยังคงคว้าเขาไว้ให้วิ่งตามเธอ
เหงื่อเม็ดใสพุดเต็มใบหน้าขาวผ่อง ใบหน้าหมดจนหันไปด้านหลังบางด้านหน้าบ้างเพราะคนร้ายยังคงวิ่งตามเธอมาพร้อมกระสุนปืนที่ตรงมายังพวกเธอไม่หยุดหย่อน
“ไอพวกนี้ … ยังตามมาอีก” เธอเอ่ยอย่างหัวเสีย “นายไหวใช่ไหม เป็นอะไรมากรึป่าว” หญิงสาวามอีกคนด้วยความเป็นห่วง แต่สิ่งที่ได้รับคือแววตาเรียบเชียบจนน่าใจหาย
หนุ่มผิวขาวเหล่มองเธอด้วยหางตาก่อนจะพรำพรึมเสียงเบาแต่แน่นอนว่าเธอได้ยินเต็มสองรูหู “เสร่อไม่เข้าเรื่อง…”
“น… นายว่าอะไร”
ฟรึ่บ กลายเป็นผู้ชายร่างบางที่คว้าข้อมือหญิงสาวไว้ เขามองเธอด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน มันแฝงไปด้วยความน่ากลัวและร้ายกาจอย่างบอกไม่ถูก เธอทำได้เพียงอึ้งทึ่ง ทั้งร่างถูกดึงตามแรงมาศาลของเขา ชายหนุ่มพาเธอลัดเลาะเลี้ยวไปมาตามซอกตึกและซอยทางเดิน
ใช้เวลาไม่นานเสียงปืนค่อยๆ จางหายไป เหลือเพียงเสียงเท้ากระทบพื้นของพวกเขาทั้งสอง ‘นี่มันเรื่องอะไรกัน’ หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก มองมือขาวบางของชายหนุ่มแปลกประหลาดแล้วรู้สึกหวั่นกลัว
พลั่ก !
ดวงตาเรียวเบิกกว้างเท่าไข่หานทันทีที่ถูกอีกคนดันติดพนังตึกในที่ปลอดคน “น.. นาย” เธอกลืนน้ำลายดังอึ้ก ยังจำสายตาสั่นระริกที่เห็นครั้งแรกได้ ตอนแรกเป็นดั่งลูกแมวน้อย ตอนนี้เขาไม่ต่างจากเสือ
ชายหนุ่มหรี่ตา ริมสีปากสีสดเผยอออก เขาดูร้ายกาจด้วยสายตาและท่าทางนั่น “นี่ เธอเป็นตำรวจหรือสังกัดหน่อยไหนห้ะ…”
หมับ!
แน่นอนว่าไม่ทันสายตาเฉียบคมของเขา ในตอนแรกหญิงสาวกะรอเวลาให้คนตรงหน้าเพลอแล้วค่อยใช้เข็มยาสลบ ทว่าถูกมือเรียวอีกคนคว้าข้อมือเธอไว้ ไม่พอยังดันข้อมือเธอติดพนังเหนือศรีษะ
ชายหนุ่มใช้มืออีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของหญิงสาวดึงเอาเข็มยาสลบออกมาก่อนจะกระตุกยิ้ม “ยาสลบ”
“!!!”
“ตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบ….”
“นายกับกลุ่มเมื่อกี้ .. มันคืออะไรกันแน่ อ๊ะ !” ชายหนุ่มบีบข้อมือแรงขึ้นจนผิวขาวเป็นรอยแดง
แสงไฟจากเสาไฟข้างถนนส่องกระทบใบหน้าของชายหนุ่มอย่างชัดเจน ดวงหน้าที่ดูน่ารักในฉบับผู้ชายแต่กลับแฝงเสน่ห์บางอย่างไว้ เธอถลึงตาใส่ด้วยความขัดใจ
เรียวลิ้นสีแดงสดเลียรอบริมฝีปาก ดวงตาเรียวสำรวจร่างกายหญิงตรงหน้าก่อนจะขำคิกในลำคอ “เธอทำงานฉันพังนะ”
“ปล่อยฉัน ! นี่คือคำสั่งจากเจ้าหน้าที่ !” เธอยกตำแหน่งมาขู่ฟ่อ ๆ ไม่นึกว่าตัวเองจะจนมุมให้กับคนตรงหน้าง่ายดายขนาดนี้
พลั่ก ! แน่นอนว่าเขาปล่อยเธออย่างง่ายดาย แต่ไม่ใช่การปล่อยแบบธรรมดา เขาสลัดข้อมือเธอไปด้านข้างด้วยแรงมหาศาล จนทั้งล่างเสไถลไปกับพื้น
“หวังว่าฉันจะไม่เจอเธออีกนะ คุณฮีโร่” เขาแสยะยิ้มมองร่างหญิงสาวด้านล่าง
‘ทำคุณบูชาโทษ !! ถ้าฉันไม่ช่วยนายคงถูกพวกนั้นฆ่าตายไปแล้ว’ เธอคิด
ราวกับอ่านความคิดได้ เขาเอ่ยเสียงเบา “แม้จะไม่มีฮีโร่ ฉันก็ไม่ตายง่ายๆ ดีแค่ไหนที่ฉันปล่อยเธอไป … เสร่อไม่เข้าเรื่อง”
“น …นาย !!!” เธอแทบจะกรีดร้อง ทว่าพอลืมตามองดีๆ อีกทีที่ตรงนั้นเหลือเพียงอากาศ ร่างของเขาหายไปราวกับหายตัวได้
เธอค่อยๆ ลุกขึ้นก่อนจะสบถเสียงลั่น “วันนี้มันวันซวยอะไรของฉันเนี่ย อย่าให้เจออีกจะจับเข้าตารางทันที !!!”
“ล้มเหลวไม่เป็นท่า …. อีกสองเดือนผมจะไปทำงานที่โซล” ชายหนุ่มเดินเฉื่อยมือขาวบางล้วงกระเป๋ากางเกง ใบหน้าแสดงออกถึงความไม่สบอารมณ์
ปลายสายผิดหวังเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงปลอมใจเขา “ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็รู้ว่าที่ต่อไปเราควรไปที่ไหน นายย้ายไปที่โฮสต์คลับในโซลเดือนหน้าเลยแล้วกัน”
“เข้าใจแล้ว” หลังจากกดตัดสายชายหนุ่มจึงหยิบยาสลบที่พึ่งขโมยมาจากฮีโร่สาวขึ้นมาดู “ตัวซวย” นี่คือคำสุดท้ายที่เขาจะพูดถึงหญิงสาวคนนั้น
สามเดือนถัดมา
“ซองยู ไม่ๆ หรือจะเป็น ….ยองซู ?”
“อึนจี เธอควรไปที่องกรณ์ได้แล้วนะ”
อึนจีสะดุ้งเฮือก เธอหลุดจากความคิดเรื่องชื่อผู้ชายไปเสียสนิท อึนจีรีบเก็บอุปกรณ์บนโต๊ะของเพื่อนสาวก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับโบมี เพื่อนร่วมงานคนสนิท เนื่องจากเธอพึ่งย้ายมาโซลไม่นานจึงต้องขออาศัยเพื่อนสาวคนเดียวที่มี
“ภารกิจแรกในโซล แถมยังมีระยะทำงานเป็นเดือนๆ ” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเครียด
โบมียักไหล่เธอมองเพื่อนสาวด้วยความเชื่อเต็มเปี่ยม “ไม่มีใครเหมาะกับภารกิจนี้เท่ากับเธอแล้วแหละ นี่รู้ไหมทำไมเธอต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายแทนที่จะให้ผู้ชายจริงไปทำ”
อึนจียิ้ม “เพราะไม่มีข้อมูลหน้าตาผู้ชายแบบฉันในองค์กร คนร้ายที่เป็นไส้ศึกจะได้ไม่สงสัย ?”
“ย๊า …. เกือบฉลาดแล้วนะ” โบมีวางระเบิดไว้ในห้องก่อนจะเดินออกไป และไม่ลืมที่หันกลับมาเตือน “ถ้าเธอช้ากว่านี้ องค์กรคงได้ปลดเธอออกจากภารกิจแน่ๆ ”
“!!” ดูเหมือนอึนจีพึ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองเกือบสาย เธอรีบเปลี่ยนชุดเครื่องแบบด้วยความไวแสง
‘ปลอมตัวหรอ … ’ ของถนัดเธอเลย เพราะเธอเคยอยากเรียนการแสดงมาก่อนที่จะเป็นดีเอสไอลับเสียอีก
50 per
แท็ก #ฟิคยองจี
ความคิดเห็น