คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : AGASE : บทที่ 4 แก้ไข!
บทที่ 4 DARK WINK
เรื่องทั้งหมดพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นคุณพร้อมที่จะรับรู้รึยัง?
Love can touch us one time
And last for a lifetime
And never go till we're one
ความขาวบริสุทธิ์ของเส้นขนสวยราวกับมีมนต์สะกด แต่ละเส้นเรียงกันอย่างปราณีตงดงามแม้แต่ปุ่ยนุ่นขาวสะอาดก็มิอาจเทียบเท่า
ทรมาณเหมือนจะตายทั้งเป็น เจ็บปวดร่างกายราวกับมีลูกธนูกว่าสิบสายพุ่งเข้าในตัวของเขา มือขาวซีดสั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่ หรือจะเป็นผลของคำสาปที่ทำให้เขาเจียนตายแบบนี้ ส่วนลึกในจิตใจกำลังสั่งเขา ‘ห้ามตายเด็ดขาด’ ดั่งฟ้ากลั่นแกล้งอีกนิดเดียวแล้วเชียว อีกเพียงแค่เอื้อมมือเท่านั้น…
เท้าเล็กๆ ของชายหนุ่มร่างบางค่อยๆ เคลื่อนไปตามทางถนนเขาเหมือนคนบาดเจ็บสาหัสทั้งๆที่ไม่มีบาดแผลแม้แต่นิด มือขาวกุมท้องของตัวเองเพื่อทุเลาความเจ็บ ราวกับพื้นดินกำลังดูดเขาให้จมไปกับคอนกรีต ขาของเขากำลังแปรสภาพเป็นเพียงผ้านุ่มนิ่มที่พร้อมจะยวบยับพาร่างของเขาให้ล้มลง
‘ใกล้.. จะถึงบ้านแจบอมแล้ว’ ปากบางสีแดงสดอ้าออกด้วยความเหนื่อยล้า มันสั่นเทาทำเอาฟันข้างในกระทบกันดังกึกกัก ผิวของชายหนุ่มขาวซีดราวกับหิมะ ปากนั่นแดงราวกับดอกกุหลาบสดสีสวย กลับปากเรียวได้รูปเม้มกันไปมา ดวงตาเรียวเล็กค่อยๆ ปรือลงจนกระทั่งทั้งร่างเขาล้มตึงเรียบไปกับพื้นคอนกรีตที่เย็นเชียบดุจน้ำแข็งความเย็นที่ส่งผ่านทำให้เขาทรมาณหนักกว่าเดิมทวีคูณ
‘แจบอม… ’ เสียงเพรียกจากหัวใจกำลังโหยหา หากแต่เขากลับไม่สามารถเปล่งเสียงที่เคยใสกริ๊งนั้นออกมาได้
‘ทรมาณเหลือเกิน เจ็บเจียนตาย …. อย่างน้อย อย่างน้อย ข้าก็ได้พบเขา’ เขาไม่รู้จักที่อื่นบนโลกใบนี้เลยนอกจากบ้านของคนที่เขาต้องการพบมากที่สุด
แจบอมลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดในห้องขนาดพอดีสีหม่น มือเรียวเอื้อมเปิดโคมไฟบนหัวเตียงก่อนจะปรับสายตาให้ปกติ ร่างสูงของเขาลุกขึ้นนั่ง ลมหายใจอ่อนถูกพ่นออกมาจากปากได้รูป เขาเสมองแมวตัวดีที่กำลังตะเกียตะกายพยายามจะปีนขึ้นหน้าต่างที่สูงเท่าสะโพกเขา
“โนรา… อะไรของเธอห้ะ”
เมี๊ยว เมี๊ยว มันหันมาจ้องหน้าเขาพลางร้องไม่หยุดปาก
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เขาตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อไปดูว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้แมวเขาร้องลั่นได้ขนาดนี้ แต่ทันใดนั้นเองเสียงข้อความจากโทรศัพท์บนโต๊ะทำเขาต้องหันกลับไปที่เดิม หน้าจอปรากฏเบอร์มือถือของ ‘แฟนสาว’
-นาบี-
: แจบอมอ่า… ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกนายในวันพรุ้งนี้ สำคัญมากๆ รีบมามหา’ลัยด้วยละ
เขาคิดซักพักก่อนจะส่งไป : ทำไมไม่ยอมนอนซักที นอนได้แล้วนะ
Rrr Rrr ข้อความเข้าอีกครั้ง : นายก็เหมือนกัน นอนซะๆๆ พรุ้งนี้รีบมาด้วยละ
Rrr Rrr คราวนี้เป็นข้อความของอีกคนที่เขารู้จักดี
-ฮายอง-
: นายชวนน้องรหัสฉันคุยใช่ไหม นาบียังออนคาท๊กอยู่เลย
เขาอ่านข้อความก่อนซะส่ายหัวกับความรู้มาก : เธอละ คุยกับผู้ชายกี่สิบคนหรอ เลือกได้ซักคนรึยัง อย่าลืมหาหนุ่มเพื่อให้แบมแบมด้วยนะ
และข้อความนี้ก็คือข้อความสุดท้ายที่เขาส่งไป มือเรียววางเครื่องมือสื่อสารไว้ที่เดิมก่อนจะค่อยๆ ลากเท้าไปยังเตียงแต่แล้วเสียงของแมวตัวดีก็ฉุดรั้งเขาไว้ เกือบลืมไปเสียสนิท
เขาค่อยๆ เปิดม่านยาวที่ปิดไว้ออกทีละนิดก่อนจะสูดอากาศบริสุทธิ์ด่านนอกพลางเซาะหาสิ่งที่ทำให้โนรามีอาการผิดปกติ เขาเงยมองข้างบนก่อนจะเริ่มสำรวจด้านร่าง จนสะดุดเข้ากับร่างชายหนุ่มที่นอนเรียบตรงถนนเยื้องกับประตูรั้วหน้าบ้านเขาเพียงนิดเดียวเท่านั้น
เขาเพ่งมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น ร่างนั้นนิ่งสนิทราวกับหยุดหายใจ แจบอมขมวดคิ้วมุ่น เขาเกือบจะละสายตาออกไปและพยายามจะไม่สนใจร่างนั้น คนเมารึป่าวยังไม่รู้เลย
‘แจบอม.. แจบอม’ เสียงใสราวกับตีพิณนั้นทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ … เขากำลังคิดถึงเรื่องในวันนั้นอีกแล้ว
ในส่วนลึกของจิตใจสั่งให้เขาลงบันได ขาของเขากำลังต่อต้านสมอง จิตใจของเขาก็เช่นกัน เขาค่อยๆ เดินลงมาจนถึงประตูบ้าน ภาพร่างของคนนั้นฉายเข้ามาในหัว แมวของเขาก็เดินตามเจ้าของต้อยๆ
เขาสะบัดหัวทีนึงเพื่อเรียกสติ ก่อนจะหันหลังกลับ แต่ทว่า ‘แจบอม… แจบอม…’
‘นี่มันอะไรกันแน่’ เหมือนกับภาพเก่าถูกฉายซ้ำ เขาตัดสินใจเปิดประตูออกไป นัยต์ตาสีดำสนิทสบเข้ากับร่างของอีกคนที่กำลังนอนแน่นิ่ง ถ้าไม่บอกว่าคน ชายหนุ่มจะคิดว่าหุ่นยนต์ ผิวขาวสว่างของอีกคนช่วยขับให้ร่างของเขาโดดเด่นในความมืด
“คุณ …! คุณ… คุณเป็นอะไรรึป่าวครับ” เสียงทุ้มของคนที่เขาโหยหามากที่สุดดังก้องเข้ามาในโสตประสาท เปลือกตาขาวบางค่อยๆ เผยขึ้นช้าๆ เพื่อมองภาพตรงหน้า
‘แจบอม…’ ร่างเล็กเอ่ย.. แต่มัน ‘ไม่มีเสียง’
แจบอมเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีจึงรีบรุดไปหาอีกคน ร่างสูงนั่งลงตรงหน้าก่อนะค่อยๆ สะกิด“ทำไมคุณถึงได้มานอนตรงนี้ คุณเป็นใคร.. ไม่สิ เป็นอะไรรึป่าว”
ปากบางสีสดอ้าออก เขาพยายามจะพูดแต่ทำไม่ได้ เขาได้แค่พะงาบๆ ปากโดยไม่มีเสียงอะไรเอ่ยออกไปแม้แต่นิด ทั้งๆ ที่เขาอยู่ใกล้กับแจบอมแล้ว แต่เขาไม่สามารถเอ่ยอะไรได้เลย ราวกับมีมือล่องหนมาบีบครั้นหัวใจของเขาให้แตกสลาย
“คุณกำลังจะพูดอะไรนะ”
ชายหนุ่มร่างสูงไม่เข้าใจสิ่งที่ร่างเล็กตรงหน้าเขาจะสื่อ แจบอมค่อยๆ พยุงร่างของอีกคนขึ้น
น้ำเม็ดใสค่อยๆ ไหลลู่ออกมาจากดวงตาเรียวใส นั่นทำให้ร่างสูงตกใจไม่น้อย ฮึก… ฮึก… ร่างเล็กน้อยร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่อยู่ น้ำใสค่อยๆ อาบแก้มของเขาและหยดติ๋งบนพื้นคอนกรีตด้านล่าง
เขาทำได้แค่ร้องไห้เท่านั้น น้ำตาเท่านั้นที่จะช่วยบอกอารมณ์ของเขา มือขาวที่สั่นเทาค่อยสัมผัสกับไหล่ของอีกคนตรงหน้า ปากบางยิ้มเบาบางออกมา การกระทำนั้นทำเอาแจบอมงงเป็นไก่ตาแตก
จู่ๆ ร่างของชายหนุ่มก็สลบไปเสียตื้อๆ แจบอมเบิกตาโต เขาพินิจมองใบหน้าของอีกคนอย่างชั่งใจ คนนี้เขาเป็นอะไร ว่าแล้วก็สำรวจร่างกาย แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร ‘เขาจะทำเช่นไรดี’ คิดอยู่นานก่อนจะตัดสินใจช้อนร่างอีกคนขึ้นมาไว้ในแขนทั้งสองข้าง
แมวโนราส่งเสียงร้องเนือยๆ พลางมองเจ้าของที่กำลังอุ้มร่างของคนแปลกหน้าเข้าไปในบ้าน
TBC
ความรักกำลังพาข้ามาที่นี่
ความรักกำลังทำให้ข้าต้องแลกทุกอย่าง
นาอึน ชื่อแสนจะธรรมดาของข้าถูกตั้งมาจากยมทูติในดินแดนนรกภูมิ ฟังไม่ผิดหรอก... จะตกใจไหมถ้าข้าจะบอกว่าข้าคือ 'เทพสวรรค์' บางทีตอนนี้คุณอาจจะกำลังขบขันอยู่ก็เป็นได้ แต่เชื่อเถอะ นี่คือเรื่องจริง
เมื่อครั้งอดีตชาติข้าเคยเป็น'นก' นกอากาเซที่ครั้งหนึ่งมนุษย์นิยมเลี้ยงกัน ข้าถูกเลี้ยงให้อยู่ในเกล็กดัดสีดำทมิฬ วันๆ ได้แต่มองลอดรั้วอย่างไร้จุดหมาย จนกระทั่งข้าได้พบเขา...ชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มอบอุ่นราวกับพระอาทิตย์ ก่อนหน้านั้นข้ารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในฤดูหนาวที่หนาวเหน็บเกินจำเป็น ชายหนุ่มผู้นั้นยื่นเตาพิงอันอบอุ่นให้ข้าด้วยความเต็มใจ แต่ข้าถลำลึกเกินไป ข้าอยากได้เตาพิงนั้นเป็นของตัวเอง
ข้ารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้... ไม่มีทางเป็นไปได้ ท้ายที่สุด ข้าตัดสินจะจากเขาไปเพียงหัวใจที่ปวดร้าวอย่างที่บอกทางเดียวที่ข้าจะไม่ยึดมาเป็นของตัวเองคือการทิ้งมันซะ....
ช่วยเวลาช่างพอเหมาะกับตอนที่ข้าถูกอาวุธอนุภาพร้ายแรงในโลกมนุษย์พรากเอาวิญญาณในร่างนกของข้าไป
ข้าคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดกำลังจะจบแค่ตรงนั้น ใช่ ความจริงมันต้องจบลงเสียตั้งแต่ตอนนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะความผิดพลาดในนรกภูมิละก็ ข้าอาจจะลืมรอยยิ้มแสนอบอุ่นของชายคนนั้นไปแล้ว ถึงแม้ข้าจะอยู่กับเขาในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม. แต่ข้ากลับคิดถึงเขาตลอดทุกการกระทำอย่างบ้าคลั่ง
เกินอะไรขึ้นตอนที่ข้าไปเยือนดินแดนยมทูต
ทำไมข้าถึง... ไม่อาจลืมเขาไปจากหัวใจได้
...........
โลกหลังความตายเป็นอย่างไรงั้นหรอ นรกโลกัณฑ์ หรือสรวงสวรรค์ กันหละ ไม่มีใครซักคนที่สามารถล่วงรู้ได้หรอก... นอกจากคุณจะ'ตาย' เสียเอง สรวงสวรรค์หรอ? ไม่มีของพันธุ์นี้หรอกนะ มีแต่ดินแดนที่ถูกแบ่งแยกชนชั้นจากคุณความดีในโลกมนุษย์เท่านั้น นั่นคือ ดินแดนยมทูต อีกหนึ่งที่แตกต่างกันคือ ดินแดน 'เอเดน' สองโลกคู่ขนาน สิ่งมีชีวิตบนโลกมนุษย์ที่สิ้นลมหายใจแล้วจะต้องมาเหยียบดินแดนใดดินแดนหนึ่งอย่างไม่มีข้อแม้
ถ้าหากพูดถึงนางฟ้าหรือเทวดา ... ของพันธุ์นั้นหาในโลกหลังความตายไม่ได้ นอกเสียจากคุณจะไปหาเอาในโลกมนุษย์ที่เหล่ามนุษย์สร้างมันขึ้นมาในโลกแห่งความคิดหรือความเพ้อฝันของพวกเขา ความจริงแล้วสิ่งที่มนุษย์เรียกขานกันว่า นางฟ้า นั้น เทียบกับดินแดนของเอเดนแล้วมีลักษณะคล้ายคลึงกับอากาเซไม่น้อย ป่าว... ไม่ใช่นกตัวน้อยสีสันสวยงามบนโลกมนุษย์ แต่คือชื่อเรียกของ 'เทพสวรรค์' ต่างหากละ
คำถามที่ดูโง่ที่สุดคือ 'อากาเซเพศหญิงหรือชายละ' คำตอบที่จะได้มาคือดวงตาแสนจะงุนงงของเหล่าเทพสวรรค์ ... บ้าไปแล้วแล้วแน่ๆ เทพสวรรค์ 'ไม่มีเพศ' เสียหน่อย พวกเขาไม่เหมือนมนุษย์ ไม่มีอวัยะเพื่อบอกเพศหรอกนะ แต่ถ้าโดยรวมสรีระร่างกายคงคล้ายคลึงกับมนุษย์เพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยภาพรวมคงเหมือนผู้หญิงที่มีปีกสีขาวขนาดใหญ่
แล้วเทพสวรรค์ส่วนใหญ่ทำอะไร? พวกเขาไม่มีงาน ไม่มีความจำเป็นต้องขนขวานหาสิ่งต้องการ จิตใจของอากาเซในเอเดนทุกตนล้วนขาวสะอาด แต่พวกเขามี'หน้าที่' คือการลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อเช็คชื่อมนุษย์ที่จะมาอยู่บนเอเดนรายต่อไป อย่าแปลกใจ มนุษย์ไม่มีทางเห็นเทพสวรรค์ได้เด็ดขาด ราวกับร่างของพวกเขาร่องหนเพราะแม้แต่จะจับต้องหรือสัมผัสมนุษย์ก็ไม่ได้ มีแต่อากาเซด้วยกันเท่านั้นที่สามารถรับรู้
และนั่นก็เป็นที่มาของกฎเหล็กอย่างหนึ่งของดินแดนเอเดน 'ห้ามให้มนุษย์เห็นตัวตนที่แท้จริง และเมื่อใดที่มนุษย์เห็นร่างที่แท้จริง ปีศาจที่แอบแฝงอยู่ในดินแดนมนุษย์จะเข้าเกาะกรุมหัวใจทันที ปีกที่เคยขาวสะอาดจะกลาเป็นสีดำสนิท'
ถามว่าเคยมีเทพสวรรค์ตนไหนฝ่าฝืนไหม... อากาเซทุกตนไม่มีความจำเป็นต้องให้เมนุษย์เห็นพวกเขาแม้แต่เพียงปลายขนก็ไม่จำเป็น ทำไมพวกเขาต้องทำเรื่องโง่เง่าแบบนั้นด้วยละ จริงไหม...
-JEABUM PART-
“คุณ ! คุณ” ผมวางร่างของชายแปลกหน้าลงบนโซฟาห้องนั่งเล่น พิจารณาใบหน้าหมดจดของเขาอย่างชั่งใจ ผิวของเขาขาวซีดราวกับไม่มีเลือดหล่อเลี้ยง เกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้กันแน่ รางสังหรณ์แปลกๆ เข้าครอบคลุมทันที เขาเป็นมิจฉาชีพรึป่าวยังไม่รู้ แต่เขาก็ไม่มีอาวุธแทมร่างกายอ่อนปวกเปียกแบบนี้จะทำอะไรได้
แต่ไม่ว่าจะพยายามเรียกแค่ไหนเขาก็ยังคงนิ่งไม่ไหวติ่ง ผมตัดสินใจสะกิดเขาเบาๆ แต่ผลที่ได้มาก็ไม่ต่างจากตอนแรกนัก “คุณ!” ผมเรียกซ้ำอีกครั้งแต่เพิ่มความดังให้มากกว่าเก่า
ผมเซมองนาฬิกาบนผนัง ก่อนจะถอนหายใจอย่างอดไม่อยู่ กำลังจะตีหนึ่งแล้ว ผมมัวมาทำอะไรอยู่ ความจริงตอนนี้ต้องเป็นเวลานอนของผมสิ หรือผมจะส่งเขาไปโรงพยาบาลตอนนี้เลย แต่ผมไม่มีรถ และเพื่อนสนิทผมก็คงกำลังอยู่ในช่วงนิทราเป็นแน่ หรือผมควรเรียกรพยาบาล? แต่เขาไม่ได้บาดเจ็บส่วนไหน ผมมองชายหนุ่มที่แน่นิ่งอยู่บนโซฟาอีกครั้ง เขามีขนตาที่ยาวเป็นแพร ปากบางสีแดงสดจนเกินไป
จู่ๆ ผมก็นึกขึ้นได้ บางทีเขาอาจจะไม่สบายหนักเลยเป็นลมล้มลงที่หน้าประตูบ้านของผม คิดได้ดังนั้นจึงเอื้อมมือไปแตะกับหน้าผากของชายตรงหน้า ความเย็นผิดปกติแทรกซึมผ่านมือผม ‘ตัวเขาเย็นมาก เย็นอย่างกับหิมะ’
หมับ!
ผมเบิกตามองคนตรงหน้าที่ตื่นขึ้นมากะทันหัน นัยต์ตาสีดำขลับจ้องลึกเข้าไปในตาของผมเหมือนควานหาอะไรบางอย่าง มือขาวซีดจับแขนของผมเบาบางแทบจะหลุดถ้าผมขยับ
“ค..คุณ ฟื้นแล้ว … เป็นอะไรมากรึป่าวครับ คุณพอจะติดต่อญา…” ไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค ชายหนุ่มผิวขาวตรงหน้าจู่ๆ ก็รุกพรึ่บ ก่อนจะพยายามอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่หากไม่มีเสียงอะไรออกมาเลยแม้แต่นิด ผมขมวดคิ้วแน่น เขามองผมก่อนจะใช้มือจับคอตัวเองอย่างแปลกใจ และทันใดนั้นเขาก็เบิกตาโต เหมือนตื่นตะลึงที่รับรู้ความจริงบางอย่าง
“…” ผมอึ้งกับการกระทำนั้นอยู่นาน
“คุณ…เป็นอะไรรึป่าวครับ” ผมถามอีกครั้ง แต่สิ่งที่ได้มาคือการส่ายหน้าเป็นพลันวันพร้อมกับชี้ที่คอตัวเองแล้วส่ายหัวไปมาอีกครั้ง
ผมพินิจเหตุการณ์ทันที “คุณเป็นใบ้หรอ?” ผมถามตามที่สงสัย
ชายหนุ่มผิวขาวใช้ดวงตาวาวสีดำมองหยุดที่ผมก่อนจะค่อยๆ พยักหน้าช้าๆ เขา ลดมือลงก่อนนะหย่อนตัวลงโซฟา ราวกับเขาไร้ดวงวิญญาณ นัยต์ตาสีดำมองอย่างไร้จุดหมาย ตัวของเขากำลังสั่นเทาน้อยๆ ผมพึ่งสังเกตว่าชุดของเขาแปลกประหลาดมาก เขาใส่ชุดราวกับ ‘ผู้หญิง' ผ้าสีครีมที่คลุมร่างของเขามีเพียงผืนเดียวเท่านั้น
‘ถ้าเป็นใบ้แล้วจะให้ทำยังไง’ เขาควรที่จะขอโทรศัพท์ผมเพื่อโทรหาญาติหรืออะไรแบบนี้มากกว่าที่จะมานั่งตื่นตะลึง พิลึกชะมัด…
“คุณเขียนหนังสือได้ไหมครับ” อาจจะเป็นทางเดียวที่จะสื่อสารกับเขาได้
แต่เขาก็ดับความคิดผมแทบจะทันที เขามองตาของผมอีกครั้งก่อนจะส่ายหัวน้อยๆ ใบหน้าเศร้าสร้อยของเขาทำให้เขาดูเหมือนคนหมดหนทางในชีวิต นั่นทำให้ผมคิดว่าคนตรงหน้าอาจผ่านเรื่องไม่ดีมา
‘แต่อายุปานนี้เขียนหนังสือไม่ไดเนี่ย… แปลกมาก เขาเคยเรียนหนังสือรึป่าว’
ผมลองพยายามอีกครั้ง “แล้วคุณอ่านหนังสือได้ไหมครับ”
ดวงตาเรียวเล็กสั่นไหว เขาเม้มปากก่อนจะพยักหน้าให้ผมสองที เหมือนพระเจ้าจะเห็นใจผม อย่างน้อยเขาก็อ่านหนังสือออก ผมบอกให้เขารออยู่ที่ห้องเดิม ก่อนจะเดินตรงไปหยิบนิตสารทั้งหมดลงมาข้างล่างและวางกองไว้ที่โต๊ะเล็กหน้าโซฟา ผมแนะนำให้เขาตอบคามผมโดยการชี้ตัวอักษรในหนังสือที่มขนมาทั้งหมด
อาจจะนานหน่อยแต่ยังดีกว่าที่จะไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมนั่งลงข้างๆ เขาก่อนจะเริ่มถาม “คุณพอจะมีคนที่ติดต่อได้ไหมครับ”
เขาใช้สายตาเศร้ามองผม ปากบางสีสดเม้มเข้ากันก่อนที่มือบางจะเริ่มหยิบหนังสือตรงหน้า เขาพริกหน้าไปมา ผมเขยิบเข้าไปชิดเขาจนตัวติดกันเพิ่มความสะดวกในการดู ผมยื่นหน้าเข้าไปมองตัวหนังสือที่เขาชี้ ว่า “ไม่”
“ไม่มีคนที่ติดต่อได้… แล้วทีนี้จะทำยังไงดี ให้ผมติดต่อตำรวจดีไหมครับ จะได้หาญาติคุณได้”
คำพูดนั้นทำให้เขาตื่นตะลึง เขาหันขวับมาทางผมก่อนจะส่ายหน้าแบบสุดชีวิต เขาจะไม่ยอมไปหาสิ่งที่เรียกว่าโรงพัก หรือสำนักงานของตำรวจแน่นอน นั่นทำให้ผมจนใจเข้าไปอีก
“คุณชื่ออะไรครับ ?” ผมฉุดนึกขึ้นได้ว่าคำถามนี้จะยากไปสำหรับคนที่ต้องหาชื่อจากหนังสือหรือนิตยสาร ดงนั้นผมจึงคิดที่จะเปลี่ยนประเด็นแต่ทว่าจู่ๆ เขาก็ลุกพรวด นั่นทำให้ผมตกใจ ขายาวของเขาก้าวไปตรงตู้กระจกข้างโทรทัศน์ ผมมองตามเขาด้วยความสงสัย
ทันใดนั้นเองมือเรียวยาวชี้ที่ป้ายชื่อบางอย่างในกระจกซ้ำไปซ้ำามา ผมเดินไปทางเขาช้าๆ ก่อนจะมองลอดเข้าไปในกระจกใส ที่โชว์ป้ายชื่อ ‘ยองแจ’ … ผมหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง เขาพยักหน้าหงึกๆ และชี้ซ้ำไปซ้ำมา ผมร้องอ่อทันที “ชื่อ ยองแจ?” เขารีบพยักหน้าด้วยความรวดเร็ว ผมแอบเห็นว่ามุมปากของเขายกขึ้นมานิดหน่อย สีหน้าอมทุกข์ของเขาค่อยๆ หายไป
ป้ายชื่อนี้ผมทำมาค่อนข้างนานทีเดียว ตั้งแต่ตอนที่ผมเคยเลี้ยงนกอากาเซตัวหนึ่งไว้ มันเคยเป็นสัตว์เลี้ยงที่ช่วยชีวิตผมให้หลุดพ้นจากความตาย ครั้งหนึ่ง ผมทำป้ายของมันเพื่อเตือนสติตัวเอง ผมไม่กล้าเก็บสัตว์มาเลี้ยงไว้ที่บ้าน เพราะเหตุการณ์นั้นมันติดตา ผมฝากโนรา แมวที่ผมเคยเลี้ยง ไว้กับเพื่อนสนิทผมที่ชื่อแบมแบม
“ยองแจ…” ผมทึ้งนิดๆ ที่เขาชื่อคล้ายนกตัวน้อยของผม
แต่การกระทำของเขาทำให้ผมทึ้งมากว่า เขาเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะทำหน้าตาใสซื่อ ใส่ผมสีหน้าที่เคยหมองครึ้มเปลี่ยนไปในทันที เขามองผมตาปริบๆ … ผมเกือบคิดว่าเขาอาจจะเป็นนกน้อยตัวนั้นที่ปลอมตัวมาในร่างคนเสียแล้ว
จู่ๆ เขาก็เดินไปหยิบนิตยสารสองสามเล่น ก่อนจะ ชี้คำบางอย่างที่ต้องการจะสื่อกับผม ‘ช่วยเรา’ เขาชี้คำนี้ก่อนจะเปิดอีกหน้า ‘เราไม่มี’ และเป็นอีกครั้งที่เปลี่ยนเล่ม ‘ที่ไป’
‘ช่วยเรา เราไม่มี ที่ไป ?’
ผมคิดในใจ ‘บ้าไปแล้วแน่ๆ จะให้คนแปลกหน้ามาอาศัยอยู่กับผมนะหรออีกอย่างผมไม่มีทรัพย์พอที่จะช่วยเหลือชายหนุ่มคนนี้หรอกนะ’ ราวกับความคิดผมมันทะลุออกไปได้ เขามองผมตาละห้อน ดวงหน้าขาวซีดฉายแววหม่นหมองอีกครั้ง ผมจึงทำได้แค่ถอนหายใจ “คืนนี้คุณนอนที่นี่ก่อนแล้วกัน เดียวผมเอาเครื่องนอนมาให้”
ก่อนที่ผมจะจาก จู่ๆ เขาก็คว้าหมับที่แขน ผมหันไปมองตามมือนั่นแล้วมองใบหน้าหมดจดของเขาที่ใช้ดวงตาแป๋วมองผม นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าคนๆ ไม่มีลักษณะนิสัยผู้ชายเลย เขาเหมือนนกที่ผมเคยเลี้ยง
เป็นเพราะลืมตัวว่าตัวเองเป็นใบ้หรืออย่างไร เขาอ้าปากพะงาบๆ ก่อนจะชะงัก และรับรู้ว่าตัวเองไม่สามารถพูดได้ ดังนั้นจึงเอื้อมมือหยิบหนังสือในกองอีกครั้งก่อนจะรีบพลิกไปมาแล้วชี้คำๆ หนึ่งให้ผมดู ‘ขอบคุณ’ ผมเลิกคิ้วมองเขาที่จ้องผมไม่วางตา
“ไม่เป็นไรหรอก” จะให้ผมทิ้งคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าในตอนกลางคืนได้ไง จริงไหม ปากบางค่อยๆ คลี่ยิ้มให้ผม นั่นทำให้เขาดูสดใสขึ้นมาทันตา
แต่ผมยังไม่ด้ามเขาเลยว่าสรุปแล้วเขาได้บาดเจ็บตรงไหนรึป่าว แล้วทำไมตอนแรกเข้าต้องร้องไห้ด้วย
ผมเก็บไว้ถามพรุ้งนี้ก็แล้วกัน ส่วนวันนี้ผมต้องปล่อยให้เขานอนพักผ่อนก่อน ส่วนผมนะหรอ … คงนอนไม่หลับแล้วแหละ
TALK
สงสัยตอนแต่งไรท์คงจะเบลอ โนรายังอยู่นะคะ
ไรท์ข้ามพล็อตไป โทษคะ TT
ขอบคุณที่มีคนเข้าใจนะคะ
เดียวจะค่อยๆ คลายไป สรุปให้แล้วกันนะคะ
ยองแจ 'เคย' เป็นสองอย่างคะ คือ นกกับนาอึน แต่เคยนะคะ ตอนนี้เป็นยองแจเต็มตัวเลย= =;
STAR THEME
ความคิดเห็น