คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5
บทที่ 5 Wedding
ทางเข้าถ้ำขนาดกลางท้ายหมู่บ้านซึ่งไม่ค่อยมีผู้คนสนใจนัก ถือเป็นถ้ำที่มีทางเดินสลับซับซ้อนจึงทำให้ไม่ค่อยมีผู้ใดมาสำรวจเพราะดูเพินๆแล้วเหมือนจะไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ทว่าไม่พ้นมือซิ่วหมินคนนี้เนื่องจากเขาเป็นนักรบสายฮิลด้านพืชสมุนไพรการค้นหาพืชสมุนไพรต่างๆเป็นหน้าที่ของเขาทำให้เขาได้ลองมาสำรวจที่ถ้ำนี้แล้ว และการที่เขาพาลู่หานมาที่นี่ก็เพื่อที่จะให้เด็กน้อยเห็นอะไรบางอย่างที่เขาค้นพบ ซิ่วหมินคิดว่าลู่หานต้องชอบแน่ๆ
ทั้งสองก้าวเข้าไปในถ้ำมืดเดินไปไกลพอสมควรจะพบกับโพรงหินที่ดูธรรมดาแต่หากมันถูกปิดไว้ด้วยหินขนาดใหญ่ เด็กหนุ่มดันหินที่ปิดโพรงออกแสงแดดสาดส่องมาจากอุโมงค์เล็กนั่นช่องทางพอดีให้ทั้งสองคนลอดเข้าไปได้ นัยตาสีเลือดหรี่ลงเมื่อพบว่าอีกฟากหนึ่งของทางนี้แสงแดดสว่างจร้ามากลู่หานค่อยๆปรับสายตาและเริ่มมองภาพข้างหน้าชัดเจนขึ้น กลิ่นหอมลอยฟุ้งทำให้เขาชื่น
‘ทุ้งกุหลาบขนาดใหญ่’ สถานที่ตรงหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยดอกกุหลาบหลากสี แสงแดดที่อบอุ่นพร้อมกับความหอมที่อบอวลไปทั่วทุ้ง บรรยากาศไม่ต่างอะไรจากแดนสวรรค์
“ข้าเห็นเจ้าชอบเหม่อมองดอกกุหลาบ ระหว่างที่ข้าเล่านิทานให้เจ้าฟังทีไรเจ้ามักจะเหม่อมองดูสวนดอกกุหลาบแดงทุกที”
คำพูดของซิ่วหมินถูกทุกประการ ลู่หานชอบเพลอมองพวกมันอยู่เรื่อย ..เพียงเพราะแวมไพร์ในหมู่บ้านที่เขาจากมากเคยพูดคุยเกี่ยวกับตัวเขาว่า กุพชะกะ อีกความหมายหนึ่งหมายถึงดอกกุหลาบสีแดง
“ลู่หาน ทางนี้”เด็กหนุ่มเรียกลู่หานเพื่อให้เขาเข้าไปหา ลซึ่งลู่หานก็เดินตรงไปหาซิ่วหมินทันที
แต่บางสิ่งที่อยู่ข้างหลังชายหนุ่มเรียกความสนใจจากนัยน์ตาสีเลือดให้หันไปจ้องมองมันตาไม่กระพริบ ข้างหลังซิ่วหมินมีดอกกุหลาบแดงสีสดขนาดใหญ่มากความใหญ่ของมันเกือบจะเท่าตัวลู่หาน ซึ่งดอกกุหลาบนี้นี่แหละที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว
“ดอกนี้ถ้าจำไม่ผิด มันชื่อ กุพชะกะ สวยมากใช่ไหมละ”
ซิ่วหมินสังเกตได้ว่าลู่หานสนใจสิ่งที่อยู่ข้างหลังตนเลยออกความเห็นกับกุหลาบแดงสดนี้
“เอ๊ะ..ลู่หานเป็นอะไรไป ? หน้าซีดเชียว”เด็กน้อยที่มีผิดขาวอยู่แล้วยิ่งขาวเข้าไปใหญ่จนหน้ากลัวสีหน้าของเขาอีกนิดก็จะขาวเท่าหิมะแล้ว
ซิ่วหมินมองลู่หานที่หน้าซีดไร้สีก็อดแปลกใจไม่ได้ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย
“กลับกันไหม? เจ้าไม่ชอบที่แห่งนี้หรอ”
“ไม่ใช่…ข้าชอบ…แต่ข้าแพ้กลิ่นกุหลาบดอกนี้”
“อ้าวหรอ ทำไมไม่รีบบอกให้เร็วกว่านี้ เฮ้อ ข้านี่แย่จริงๆงั้นกลับกันเถอะ”
“อืม”
: นิทานเรื่อง Die rosen ในตำนานทั้งหมด
“หากแต่ความสุขนั้นอยู่กับเราได้ไม่นานนัก เจ้าชายกับเทพธิดาครองรักกันได้ไม่นานมเหสีก็เกิดความอิจฉาริษยาที่เจ้าชายรักหญิงอื่นมากกว่าตน จึงใส่ร้ายหญิงสาวว่านางมีคนอื่น ซึ่งด้วยความหลงผิดเจ้าชายเชื่อคำพูดของมเหสีจึงตัดสินใจสั่งประหารนาง แต่เทพธิดาหนีได้ทันจึงขอร้องเทพสวรรค์ให้นางได้กลับไปยังสรวงสวรรค์และเป็นเทพธิดาดังเดิม เทพสวรรค์จึงพานางกลับมาแต่มีข้อแม้คือต้องรับรักจากเขา แต่นางก็ไม่ยอมอยู่ดี ดังนั้นเทพสวรรค์จึงสาปให้นางกลายเป็นดอกกุหลายตลอดกาล”
:ส่วนที่หายไปในตำนาน
แท้จริงแล้วเทพธิดาแต่งงานและคบรักกับ’เจ้าชายแวมไพร์’แวมไพร์คือสิ่งมีชีวิตที่คล้ายมนุษย์แตกต่างเพียงแค่พวกเขากินเลือดมนุษย์และมีพลังที่เหนือกว่า จนวันหนึ่ง่เทพธิดาได้มีบุตรกับแวมไพร์ พวกเขาตั้งชื่อลูกว่า’กุพชะกะ’ที่แปลว่าดอกกุหลาบสีแดง แต่บุตรที่กำเนิดขึ้นนั้นมีพลังพิเศษที่เหลือล้น พลังของกุพกชะกะ นั้นเป็นที่เกรงกลัวของคนในหมู่บ้าน ทำให้กุพชะกะเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวและถูกเล่าต่อๆกันมาว่าสายเลือดกุพชะกะนั้นเป็นสายเลือดแห่งหายนะ หากแท้จริงแล้วคือสายเลือดที่ผสมด้วแวมไพร์กับนางฟ้า….
: ความจริงเกี่ยวกับดอกกุหลาบ
ดอกกุหลาบขนาดใหญ่ที่ถูกเรียกขานว่ากุพชะกะในตำนานของพวกมนุษย์ไม่มีอยุ่จริงในโลก เป็นเพียงแค่ตำนานที่ถูกเล่าเป็นนิทานเทานั้น แต่ความจริงแล้วมีสองสิ่งเท่านั้นที่สามารถมองเห็นดอกกุหลาบนี้ได้คือ
‘ผู้ที่มีสายเลือดของกุพชะกะ กับ ผู้ที่มีสายเลือดของนางฟ้า’
………………….
2 อาทิตย์ผ่านไป
การทำภารกิจของหน่วยสำรวจยังไม่มีความคืบหน้าเลยซักนิดไคและเอมม่าจำเป็นต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จเวลาผ่านร่วงเลยมานานมากแล้วถึงจะเป็นเพียงกองกำลังเล้กๆเพียงหน่วยเดียวแต่ใช้เวลาเปลืองแบบนี้ไม่สมกับเป็นอัศวินของพวกขุนนางเลยแม้แต่น้อย
เอมม่ากับไคเริ่มเคลียดเกี่ยวกับภารกิจครั้งนี้ พวกเขาสำรวจจนพบร่องรอยของโจรกบฏหลายยอย่างแต่สืบไม่ถึงถิ่นฐานมันเสียที ตอนนี้พวกเขาเหมือนคนที่กำลังหมดหนทางแล้วจริงๆ
“ซิ่วหมิน ไคกับเอมม่าเป็นอะไรหรอ”สีหน้าของไคกับเอมม่าดูไม่ดีเลยลู่หานไม่ชอบสีหน้าแบบนั้นของเขาทั้งสอง
“ไม่มีอะไรหรอก ลู่หานนอนได้แล้วนะ” นี่ก็ดึกแล้วสมควรแก่การนอนของเด็กน้อย
“ซิ่วหมิน วันนี้นอนกับลู่หานได้ใช่ไหม”
ซิ่วหมินถูกถามแบบนั้นก็ปฎิเสธเด็กเล็กๆไม่ลง
“วันนี้ข้าจะนอนกับเจ้า”
ซิ่วหมินจัดการพาลู่หานเข้านอน เตียงไม้ไม่ใหญ่มากแต่ว่าพวกเขายังเด็กจึงทำให้พอดีกับพวกเขาทั้งสองคน พอเด็กน้อยนอนลง เด็กหนุ่มก็ค่อยๆนอนลงข้างๆอย่างช้าๆแล้วเริ่มให้แขนของเขาโอบกอดเด็กน้อยไว้ไม่รู้เพราะอะไรแต่การกระทำของซิ่วหมินทำให้ลู่หานมีความสุข ลู่หานไม่อยากห่างจากเขาเลยแม้แต่เซนเดียว
หากทว่าดังที่ตำนานได้บอก…ความสุขนั้นอยู่กับเราไม่นาน…ไม่มีใครรู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น
.........................
“พวกเราพบถิ่นฐานของพวกมันแล้ว พวกโจรกบฏมันตั้งถิ่นฐานตรงหลังป่ารูฮาน” ทหารนายหนึ่งกล่าวขึ้นกลางที่ประชุมเรียกเสียงฮือฮาจากที่ประชุมเป็นอย่างมาก
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะไกลขนาดนั้น เจ้ารู้ได้เช่นไร”หัวหน้าหน่วยไคเอ่ยถามกับหทารนายนั้น ป่านั่นเป็นป่าที่อันตรายอย่างมากเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายและพืชมีพิษอีกหลายชนิดเป็นป่าที่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆคงไม่มีใครอยากเข้าไป มันคงลำบากมากถ้าพวกเขาจะเข้าไปที่นั้น เรื่องนี้คงใช้เวลาเตรียมการนานทีเดียว
“พวกเราลองสำรวจดูแล้วพบว่ามันอยู่ที่นั่นจริงๆขอรับ’
“ท่านอัศวิน เราไม่มีเวลามากข้าคิดว่าเราควรเตรียมการตั้งแต่วันพรุ้ง มิเช่นนั้นมันจะไหวตัวทัน”
ที่ทหารนายนี้เสนอทุกคนต่างเห็นด้วยเพราะพวกเขาใช้เวลาในการสำรวจมานานเกินพอแล้ว ภารกิจครั้งนี้จำเป็นจะต้องเดินทางและบุกรังของพวกมันเพื่อนจับตัวหัวหน้ากบฏมาให้ได้
ซึ่งหัวหน้าหน่วยไคก็มิได้คัดค้านอะไร
กว่าจะจบการประชุมก็ปาไป 3 ชั่วยาม รู้ตัวอีกทีก็สามทุมเสียแล้ว ไคเรียกเอมม่าให้ไปพบหลังประชุมเสร็จเขาต้องการบอกบางอย่างกับเธฮเป็นเรื่องที่สำคัญในการทำภารกิจครั้งนี้
“เอมม่า เจ้ามาพอดี”
“ไค เจ้าต้องการตัวซิ่วหมินไปด้วยใช่หรือไม่”
ไคไม่ทันที่จะได้เอ่ยอันใดก็เจอสาวสวยตรงหน้าดักทางเขาเสียก่อน เอมม่ารู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเธอต้องการอะไรเธออ่านสายตาของเขาออกตั้งแต่ที่ประชุม
“พวกเราต้องการเขา สายฮิลของพวกเราเขาคือคนที่เก่งที่สุด เขาสามารถช่วยพวกเราได้มาก”
“ข้าเข้าใจ ข้าจะไปพูดกับซิ่วหมินเองที่ข้าพาเขามาก็เพราะการนี้”
“แต่ซิ่วหมินยังเด็กนัก ข้ารู้สึกคิดผิด” เรื่องนี้ทำให้ไครู้สึกผิดอย่างมากเพราะอายุของซิ่วหมินยังไม่ถือเป็นนักรบสายฮิลโดยตรง
“แต่ข้าไม่คิดแบบนั้น พวกเราต้องการความสามารถเขา ที่ข้าห่วงคือลู่หานมากกว่า”
………………….
ตามที่ไคกล่าวไว้ ซิ่วหมินถึงจะไม่ใช่หัวหน้าหน่วยฮิลแต่ซิ่วหมินถือเป็นบุคคลที่พิเศษเขามีพลังที่คนอื่นไม่มีนั่นคือการรักษาเยียวยาอาการบาดเจ็บเพียงแค่ใช้การ ‘ภาวนา’เท่านั้น ในวังหลวงมีคนแบบนี้อยู่นับคนได้ซิ่วหมินถือเป็นหนึ่งในผู้พิเศษพวกนั้นแต่ด้วยความเด็กซิ่วหมินยังไม่ถือเป็นนักรบสายฮิลโดยตรงจึงถูดจัดให้อยุ่ฝ่ายสมุนไพรและเขาก็ทำมันได้ดี การจะเป็นนักรบหรืออัศวินได้นั้นต้องมีอายุ 25 ปีแต่ซิ่วหมินที่ปีนี้พึ่ง 16 ถือเป็นข้ายกเว้นเพราะพลังการเยียวยาของเขาดีกว่าหัวหน้าหน่วยฮิลบางคนด้วยซ้ำไป
และการที่เขาได้มาร่วมภารกิจครั้งนี้เพราะเอมม่า พี่สาวต่างสายเลือดที่เขารู้จักตั้งแต่เด็กชักชวนเขาให้เข้าหน่วยสำรวจกับเธอและเขาก็ไม่ได้ขัดอะไร ยังดีเสียอีกเพราะจะได้ฝึกวิชาไปในตัว
เอมม่าได้ขอร้องซิ่วหมินเรื่องการไปร่วมเดินทางในภารกิจที่จะถึงซึ่งเขาไม่อาจปฏิเสธได้เพราะเขาถือว่าอยู่ในหน่วยกองทัพของเอมม่าด้วยเช่นกัน
“ลู่หานละ”ซิ่วหมินเอ่ยถามเอมม่าจะให้เขาทิ้งเด็กน้อยไว้คนเดียวอย่างนั้นหรอแล้วลู่หานจะอยู่กับใครเมื่อพวกเขาทั้งสามต้องออกเดินทาง
“ข้าจะฝากไว้กับหน่วยประจำการ”ความจริงเอมม่าก็ไม่อยากให้เรื่องเป็นอย่างนี้ช่วงเวลาสองอาทิตย์กว่าที่พบลู่หาน ซิ่วหมิน ไค และเธอรู้สึกผูกพันธุ์กับลู่หานมากจริงๆ
“ข้าไม่ไว้ใจใครทั้งสิน”ซิ่วหมินพูดสิ่งที่คิดออกไปตรงๆ
“เฮ้อ พวกเราเอาลู่หานไปด้วยไม่ได้หรอกนะ แล้วคนทั้งกองทัพต้องการเจ้า”
คำพูดของเอม่าทำให้ซิ่วหมินไม่สามารถปฏิเสธได้
“เอมม่าจะไปไหนหรอ ..”ลู่หานที่ยืนฟังมานานเริ่มสงสัยกับบทสนทนาของพวกเขาทั้งสอง
“แบบนี้นะลู่หาน พี่ไค พี่เอมม่า แล้วก็ซิ่วหมินจะไม่อยู่ซักอาทิตย์ลู่หานอยู่กับคนอื่นได้ไหม”
คำพูดของเอมม่าทำให้ลู่หานไม่สามารถแปลเป็นอย่างอื่นได้อีก นอกจากพวกเขาจะจากไปแล้วทิ้งให้เขาอยู่คนเดียว จู่ๆลู่หานก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ช่วงเวลาที่เขาไม่อยากให้มาถึงก็เกิดขึ้นจนได้
“จะทิ้งข้าไปใช่ไหม”เด็กน้อยเอ่ยเสียงสั่นเขาพึ่งมีความสุขได้ไม่นานพวกไคก็จะทิ้งเขางั้นหรอ ไหนสัญญาว่าจะไม่ทิ้งกัน…
“ไม่ใช่ลู่หาน ไม่ใช่แบบนั้น”ซิ่วหมินกลัวลู่หานจะเข้าใจผิดอีกเด็กน้อยตรงหน้าเขายังไร้เดียงสาเกินไป เขาจะทำเช่นไรดี เขาจะอธิบายให้ลู่หานฟังอย่างไรถึงจะเข้าใจพวกเขากันนะ
“มันจำเป็นนะลู่หานพวกเราไม่ได้จะทิ้งเจ้า พวกเราสัญญา พวกเราจะกลับมา”
เอมม่าเสริม เอมม่าอยากให้ลู่หานเข้าใจแต่ยิ่งพูดเด็กน้อยก็ยิ่งสั่นเทาจนพวกเขาเริ่มหมดปัญญา
“พี่เอมม่าถึงเวลาประชุมกองทัพแล้ว เดียวเรื่องนี้ซิ่วหมินจะเคลียร์กับลู่หานเอง”
เอมม่าพยักหน้าก่อนจะเดินออกไป แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ
เมื่อพบว่าเอมม่าออกไปได้ซักพักแล้วซิ่วหมินก็เริ่มเคลียร์กับเด็กน้อยตรงหน้าอีกครั้ง ตอนนี้ลู่หานเหมือนเด็กที่กลั้นน้ำตาถึงแม้ใบหน้าจะเย็นชาแต่ดวงตากลับสั่นระริก
“ลู่หาน.. เจ้าอยากแต่งงานกับข้าไหม”
“ข้าอยาก”คำพูดของซิ่วหมินทำให้ลู่หานรู้สึกตื่นเต้น ลู่หานตอบซิ่วหมินแทบจะในทันที
“เช่นนั้น..ข้าจะแต่งงานกับเจ้า”
“จริงๆหรอซื่วหมิน ซิ่วหมินจะแต่งงวานกับลู่หานใช่ไหม”ในที่สุดเด็กน้อยก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ ซิ่วหมินยอมแต่งงานกับเขาแล้วแสดงว่าซิ่วหมินสัญญาว่าจะอยู่กับเขาตลอดไปใช่ไหม เขาเชื่อใจคำพูดที่ซิ่วหมินบอกเพราะซิ่วหมินคือคนที่เขารัก เขาไม่สนใจหรือสงสัยเรื่องที่ซิ่วหมินบอกตอนแรกว่าผู้ชายแต่งงานกันไม่ได้เพราะตอนนี้ซิ่วหมินบอกกับเขาแล้วว่าจะแต่งงานกับเขา
“แต่…ต้องหลังจากที่ข้ากลับมา เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่และเป็นเด็กดีนะ”
“ข้าจะเชื่อใจซิ่วหมินได้อย่างไร”ไม่ใช่ว่าลู่หานไม่เชื่อใจซิ่วหมินแต่ลู่หานแค่อยากถามให้แต่ใจเท่านั้น
“ข้าสัญญา เชื่อใจข้าสิเพราะข้ารักเจ้าไง”
“…..”
“ถ้ารักกันก็ต้องเชื่อใจกันนะลู่หาน”
“ข้าเชื่อใจซิ่วหมิน ข้าจะรอ”
คำตอบแผ่วเบาของเด็กน้อยทำให้ซิ่วหมินโล่งใจส่วนเรื่องแต่งงานนั้นเอาไว้ก่อนเพราะเขาสามารถกลับมาจัดฉากแต่งงานมั่วๆกับลู่หานเมื่อไหร่ก็ได้ ลู่หานยังเด็กเขาไม่รู้เรื่องพวกนี้ดีหรอกพอลู่หาโตขึ้นเดียวเรื่องนี้จะกลายเป็นเพียงเรื่องตลกสำหรับลู่หานเท่านั้น…เขาคิดแบบนั้น
ก่อนออกเดินทางไค เอมม่า และซิ่วหมินไม่ลืมที่จะบอกลาลู่หานพวกเขากอดลู่หานกันครบทุกคน
“เป็นเด็กดีนะ พวกข้าจะรีบกลับมา”ซิ่วหมินบอกลาลู่หานก่อนจะเริ่มออกเดินทาง
...................
เนื้อหารวบรัดไปไหมคะ
เนื้อเรื่องยาวจนสุดขอบโลกขออนุญาติตัดตอนบ้างนะคะ
ให้เอ็กโซคนอื่นมีบทบาทบ้าง
อีกไม่กี่บทจะแอบแพลนไปช่วงปัจจุบันคะ ช่วงนั้นเมนหมินเตรียมเฮ เพราะเด่นมากๆ^^
จู่ๆก็อยากเปลี่ยนชื่อซิ่วหมินเป็วิ่วหมินซะงั้น ผิดบ่อยเกิน
เนื้อเรื่องDie rosen แอบหยิบมาจากหนังสือม.5คะมีคนสังเกตด้วย 555 # อุตส่าเนียน
ความคิดเห็น