ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fiction GOT7 ft.apink ] Agase ( 2JAE )

    ลำดับตอนที่ #4 : AGASE : บทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 57









    บทที่ 2  IMPOSSIBLE LOVE


     

    อิม แจบอม : คิดไว้แล้วแหละ เขาต้องกลับมา

    แบมแบม : ย่าส์บ้าบอชะมัด ทั้ง ๆ ที่นายอยู่เฉยๆ แล้วแท้ๆ

    อิม แจบอม : ต้องการอะไรอีก เงินหรอ?... ผมไม่มีหรอกนะ

    แบมแบม : เฮ้ย.. เรื่องนี้ฉันจัดการเองได้น่า กี่ล้านก็บอกกันตรงๆ ได้เลย

    อิม แจบอม :
     

     

              นาฬิกาข้อมือเรือนหรูถูกยกขึ้นมาดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากชายหนุ่มผมทองสว่าง แบมแบมที่กำลังรอเพื่อนสนิทอยู่หน้าประตูรั้วบ้านถึงกับต้องถอนหายใจเพราะความล่าช้าของบุคคลข้างใน  เขาลอบมองนาฬิกาตลอดเวลาตั้งแต่สิบนาทีที่แล้ว ทั้งๆที่เขาก็บอกไปแล้วแท้ๆ ว่าวันนี้มีประชุมใหญ่ภายในคณะ

     

              ด้วยความที่อดไม่อยู่ ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะตะโกนรอดรั้วเสียงดังนี่!… ถ้านายยังไม่ออกมาฉันจะบุกเข้าไปแล้วนะ!”  ถึงอย่างนั้นก็ยังคงไร้เสียงตอบรับจากบุคคลข้างใน

     

                เมาค้างรึไงชายร่างเล็กอดคิดไม่ได้ ปกติเพื่อนเขาคนนี้เป็นคนตรงต่อเวลา

     

                ไหนๆ ก็ถึงขั้นนี้แล้ว อีกไม่กี่นาทีคงสายแน่ๆ  เขาไม่ยอมให้เพื่อนตัวดีทำเขาสายไปด้วยหรอกนะ ชายหนุ่มตัดสินใจกระโดดรอดรั้วบ้านที่สูงแค่สะโพกเขาก่อนจะเปิดประตูบ้านตรงดิ่งเข้าไปตาหน้าเฉย  แต่ภาพแรกที่เห็นทำให้เขาถึงกับเบิกตาโต

     

                เพื่อนที่เขาเคยคิดว่าคลูสุดๆ ทั้งเย็นชาและชิค ตอนนี้กำลังรำไทเก็ก เอ้ย ไม่ใช่  แจบอมกำลังทำอะไรบางอย่างที่แม้แต่เขาก็ไม่เข้าใจ เพื่อนเขาทำท่าเหมือนกำลังคว้าอะไรซักอย่างบนอากาศแต่ว่าคว้าเท่าไหร่ก็คว้าเอามาไม่ได้

     

                นายทำอะไรนะ…”แบมแบมขมวดคิ้วมุ่นทันทีที่เห็นท่าทางแปลกๆ ของเพื่อนสนิท   เพื่อนผมยังไม่สะลางเมารึไง

     

              แจบอมหันไปตามเสียงเรียกของอีกคน พอเห็นว่าเป็นแบมแบมก็โพลงออกมาทันที นี่นายเข้ามาตอนไหน แจบอมนิ่งไปซักพัก  แขนที่ก่อนหน้านี้ยกขึ้นไปมาค่อยๆลู่ลงก่อนจะฉุดนึกขึ้นได้ สายแล้ว…”

     

              แบมแบมแทบจะกุมขมับกับกิริยาของคนตรงหน้า รู้ว่าสายยังไม่รีบอีก เขาไม่รู้จะว่ายังไง  แต่แล้วบางอย่างก็ทำให้เขาละความสนใจจากแจบอม เสียงเล็กแหลมแบบนกทำให้คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันที แบมแบมมองซ้ายขวาก่อนจะเงยหน้าขึ้นข้างบน เอ๋ อากาเซตัวนี้หายแล้วหรอเนี่ย เดียวสิ ประเด็นคือ นายปล่อยมันออกจากกรงหรอ?หรือเพื่อนเขาคนนี้ไม่อยากจะเลี้ยงนกแล้ว

     

                แจบอมมองตามแบมแบมก่อนจะพูดอย่างจนใจ มันจะตามฉันไปทุกที่เลย ฉันจะเก็บเข้ากรงก็ไม่ยอม แปลก

     

              คำพูดนั้นเล่นเอาซะแบมแบมต้องกรอกตาไปมา เหตุผลที่สายคือเรื่องบ้าบอนี่นะหรอ  ช่างสมเหตุสมผลจริงๆแอบบ่นในใจเสร็จก็ฉวยเอากระเป๋าเพื่อนสนิทบนโต๊ะกาแฟก่อนจะคว้าแขนเสื้อแจบอมพลางฉุดลากเเขาไปทางประตูบ้านทำเอาแจบอมมองเขาด้วยความทึ่งนิดๆ

     

                แบมแบมเค้นเสียงเห้อะทีนึง หยุดไร้สาระแล้วไปมหาลัยซะ!” ‘ความจริงเพื่อนผมไม่ได้คลูหรอกนะ เขาแค่รักโดษและมีนิสัยประหลาดเท่านั้น

     

               

    …………………………………………..
     

     

    IM JAEBUM PART

     

     

                อย่างที่ผมบอกเพื่อนสนิทไปแล้วว่าอากาเซตัวนี้มันจะตามผมไป ไม่รู้เพราะอะไร ตั้งแต่เช้าแล้วที่ผมตื่นมาก็เห็นมันบินว่อนอยู่หน้าประตูห้องผม สิ่งนั้นทำให้ผมประหลาดใจ ตอนแรกคิดว่ามันต้องการอาหารหรือยา แต่เปล่า มันแค่กำลังตามผมไปทุกที่เท่านั้น

     

                นายทำคูณไสยใส่อากาเซใช่ไหมแบมแบมเอ็ดผมที่กำลังจ้องมองนกน้อยบนตัก มันกำลังมองผมตาปริบๆ

     

                ผมยิ้มแห้ง เดียวพอลงรถมันก็บินไปตามทางของมันเองนั่นแหละ จะได้เป็นอิสระซักที

     

                แบมแบมยักไหล่ทีนึงพร้อมกับแบมือเป็นเชิงบอกว่า ก็นะ

     

              จิ๊บ.. จิ๊บ.. เสียงเบาๆ ของอากาเซที่กำลังร้องเรียกทำให้ผมต้องหันไปสนใจมันอีกครั้ง นัยต์ตาสีดำขลับของมันจ้องมองผมอยู่ก่อน ทันทีที่ผมหันไปสบตา มันก็กระโดดโหยงๆ ราวกับกำลังเรียกร้องความสนใจจากผมอยู่เรื่อยๆ  ผมเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ มันต้องการอะไรจากผม

     

              ผมมองตามนกน้อยที่ใช้ปากของมันยื่นออกมาเป็นระยะทำราวกับชี้บางอย่างให้ผมดู หรือผมกำลังคิดไปเองกันแน่ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงมองตามมัน และแล้วก็พบว่าผมลืมปิดกระเป๋านี่เอง ที่แท้แบมแบมหยิบกระเป๋าผมมาแล้วลืมรูดซิบให้  ผมเผลอยิ้มออกมาให้กับความบังเอิญ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ ปีกน้อยๆ ของมันบินผ่านหน้าผมไปยังกระเป๋าก่อนจะใช้ปากพยายามคาบซิบจนสำเร็จ มันค่อยๆ ขยับตัวเพื่อให้ซิบปิดสนิท

     

                ผมพูดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ยองแจ..เธอฉลาดเกินนกไปแล้ว

     

                เพื่อนด้านข้างที่กำลังจะหลับแหล่ไม่หลับเหล่พอได้ยินเสียงผมก็ตาสว่างยองแจ? นายตั้งชื่อให้มันด้วยนี่หว่า ไหนว่าจะปล่อยมันไง

     

              “…” นั่นสินะ ผมตั้งชื่อให้มันแล้วแท้ๆ   แต่การที่นกจะได้เป็นอิสระก็ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ไม่ใช่หรอ สำหรับผมแล้วการเลี้ยงดูไม่ใช่สิ่งที่อยากทำที่สุดเท่ากับการปล่อยมัน

     

              พอไม่ได้รับคำตอบ แบมแบมแค่บ่นอุบอิบในใจนิดหน่อยเท่านั้น เพื่อนผมเกือบจะหลับอยู่แล้วแต่สัมผัสยุกยิกบางอย่างตรงไหล่ทำให้ต้องหันไปมอง นกน้อยกำลังใช้ปากของมันจัดแจงปกคอเสื้อของเพื่อนผมที่พับอยู่ให้เข้าที่ พอเรียบร้อยเสร็จก็บินมาเกาะไหล่ผมทันที

     

                เหลือเชื่อ นายฝึกมันหรอแบมแบมเบิกตามองนกบนไหล่ผม

     

              ฉันเองก็แปลกใจ ผมบอกตามที่คิด ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่ผมคิดว่ามันเข้าใจสิ่งที่ผมพูด แต่ผมรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก ผมไล่ความคิดแบบนั้นออกไป

     

                แบมแบมเลิกคิ้วมองอากาเซที่ตอนนี้กำลังนอนลงบนไหล่ผม เพื่อนผมพรึมพรำเสียงเบาพอที่จะให้ผมได้ยินประหลาดชะมัดว่าเสร็จก็หันกลับไปสัปหงกต่อ เอิ่ม.. ทั้งที่กำลังจะถึงมหาวิทยาลัยแล้วเนี่ยนะ..

     

    ………………………………………..

     


            ผมอยู่คณะเดียวกับแบมแบมและฮายองรวมไปถึงจินยองฮยองและมาร์คฮยอง นั่นคือคณะบริหารธุรกิจภาคพิเศษ ใครได้ยินชื่อคณะของผมแล้วต้องอดแปลกใจไม่ได้ ทำไมผมเลือกเรียนสายอาชีพนี้ทั้งๆ ที่ไม่มีธุรกิจอะไรเลยต่างจากแบมแบมหรือจินยองฮยอง คงเพราะผมสอบได้แค่คณะนี้ละมั้ง อย่างว่า ผมไม่ใช่คนที่หัวดีหรือฉลาดอะไรมากนักแต่ือว่าผมเดินทางมาถูกที่พบเจอเพื่อนที่เข้ากันได้กับผม

     

    ง่วงชะมัดแบมแบมหาววอดออกมาในขณะที่กำลังฟังบรรยาย

     

    ผมเองก็รู้สึกว่าหนังตาจะปิดแล้วเหมือนกัน เพราะเมื่อคืนผมกลับมาราวตีสองได้  หรือไม่ก็อาจจะดึกกว่านั้น แทบจะไม่มีเวลาให้หลับเลยด้วยซ้ำไป

     

    ไม่เกินความคาดหมายเพื่อนสนิทผมยกหนังสือขึ้นมาด้วยแขนสองข้างก่อนจะตั้งไว้ข้างหน้าเพื่อบังการนอนของเขา เป็นพื้นฐานเบสิกของการแอบหลับที่ใช้กันตั้งแต่สมัยมัธยม ผมเองก็อยากจะทำแบบนั้น เพราะเสียงบรรยายจากไมค์มันเข้าหูซ้ายและทะลุหูขวาของผมไปซะงั้น ผมฟังไม่รู้เรื่องในสถานการณ์แบบนี้หลอกนะ

     

    แต่แล้วเสียงกระซิบข้างหูที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวทำเอาผมเกือบสะดุ้งเฮือก ไง..วันหลังก็เอาหมอนมาด้วยเลยสิผมหันควับไปทางต้นเสียง รุ่นพี่จินยองยิ้มตาหยีอยู่ข้างหลังผม

     

    จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไป ฉันแค่มาหาที่รักนะ! จินยองเอานิ้วชี้ขึ้นมาแตะปากเป็นเชิงให้เงียบ

     

    ที่รัก?ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

     

    จินยองทำลับๆ ล่อๆ เขามองซ้ายทีขวาที ก่อนจะเบะปากออกมา ย่าส์ ฮายองไม่เข้าเรียนภาคเช้ารึไง น่าเบื่อชะมัดยากกก คนหล่อเซ็ง!” รุ่นพี่บ่นเสียงเนือยก่อนจะทิ้งตัวลงข้างๆ ผม

     

    ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นเอง มีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินมาสะกิดไหล่ของรุ่นพี่จินยอง ผมแอบเหล่มองจึงรู้ว่านายคนนั้นคือยูคยอม รุ่นพี่ที่พึ่งรู้จักกันเมื่อวานในงานเลี้ยงวันเกิดจินยองฮยอง ถึงแม้ว่าจะสงสัยเสียเต็มประดาแต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ ปีสามไม่มีคลาสเรียนรึไง

     

    นายตามฉันมาทำไมเนี่ยยยจินยองถามทันทีที่เห็นอีกคน หรือว่านายเห็นนางฟ้าอะไรทำนองนั้นแถวนี้รึไง!

     

    ผมแกล้งทำเป็นมองจอมอร์นิเตอร์ ความจริงแล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะแต่บทสนทนาของรุ่นพี่มันเข้าหูผมเองต่างหาก

     

    ยูคยอมเอ่ยเสียงเรียบ คุณรู้ได้ยังไงครับ ผมตามนางฟ้ามานะ เธอบอกว่าในที่แห่งนี้กำลังมีดวงวิญญาณที่จะต้องจากไป เธอจะมารับวิญญาณไปสรวงสวรรค์

     

    ผมแอบขมวดคิ้วกับคำพูดแสนจะพิสดารนั่น นอกจากคำพูดของยูคยอมจะดูเป็นทางการจนเกินเหตุแล้ว สาระแก่นสารยังประหลาดแบบสุดๆ ราวกับเขากำลังพูดเรื่องนวนิยายที่พึ่งอ่านมายังไงยังงั้น ทำไมคนที่รู้จักต้องมีอะไรไม่ปกติซักคนด้วยนะ

     

    จินยองหัวเราะเหอะๆ เอ่อะ แล้วใครจะตายอีกละ วุ้วๆ  เมื่อไหร่นายจะเลิกสุภาพวะ เบื่อชะมัดยาก คนหล่อเซ็งคูณสองวุ้ย!”

     

     

    ดวงตาที่เต็มไปด้วยความใสสื่อของยูคยอมมองจินยองแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร ปากได้รูปของร่างสูงกำลังจะอ้าเอ่ยบางอย่างแต่เสียงอ๊อดหมดเวลาดันขัดขึ้นมาซะก่อน ผมจึงละความสนใจจากพวกเขาทันที เอาเป็นว่าผมไม่ได้อ่านนวนิยายเรื่องเดียวกับพวกเขาแล้วกัน

     

    ผมปลุกแบมแบมที่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราว เพื่อนผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาคำแรกที่ถามผมคือ ที่นี่ที่ไหน เท่านั้นแหละผมรีบหันหลังเดินออกมาทันทีโดยไม่สนใจเสียงเรียกของแบมแบมข้างหลัง ผมรอให้นักศึกษาคนอื่นๆ ทยอยกันออกให้หมดก่อน ทันทีที่ผมกับแบมแบมออกมาสิ่งแรกที่เรียกความสนใจจากผมคือสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ มีปีก.. สีก็ดูคุ้นๆ .. ไม่คุ้นแล้วแหละ ใช่เลย นกอากาเซที่ผมพึ่งปล่อยไปเมื่อเช้า

     

    ยองแจทำไมเธอผมอดแปลกใจไม่ได้ จนแล้วจนรอดมันก็ยังกลับมาหาผมอยู่ดี

     

    อากาเซที่ผมเรียกมันว่ายองแจบินมาเกาะไหล่ผมจนกลายเป็นว่าไหล่ผมคือสานที่ประจำของมันไปแล้ว ผมจึงยื่นมือไปให้มันเกาะแทนและมันก็ทำตามที่ผมต้องการ

     

    ดูท่ามันจะคิดว่านายเป็นเจ้าของแล้วแหละ ถ้าไม่บอกว่านกฉันจะนึกว่าหมาแบมแบมที่มองอยู่นานพูดขึ้น

     

    ผมใช้นิ้วลูบขนนุ่มของมัน มันหิวนะ” ..ความรู้สึกลึกๆ กำลังบอกผมแบบนั้น หรือผมกำลังคิดไปเองกันแน่นะ

     

    แบมแบมเอ็ดทันทีนายคุยกับสัตว์รู้เรื่องรึไง มันบอกนายว่าหิวหรอ มโนชะมัด

     

     

    มันหิวจริงๆ นั่นแหละ

     

    คำพูดเมื่อกี้ผมและแบมแบมไม่ได้เป็นคนเอ่ย หากแต่เป็นฮายองที่กำลังเดินมาทางพวกผม เธอมองนกอากาเซในมือก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี แบมแบมเมื่อเห็นฮายองก็มองผมพรึ่บด้วยความรวดเร็วก่อนจะมองฮายองและเริ่มมองผมสลับไปมา

     

    แต่ผมยังไม่พร้อมที่จะคุยกับเธอตอนนี้

     

    นกของนายใช่ไหม มันชื่ออะไรหรอ?” ฮายองหันมาถามผม ผมตะลึงไม่น้อย จู่ๆ เธอก็เข้ามาถามผมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมเกือบจะทำอะไรไม่ถูก นักศึกษาในระแวกนั้นมองมายังพวกผมพลางซุบซิบกัน แน่นอนละ ผมเคยบอกแล้วว่าฮายองคือดาวคณะและผมก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเรื่องหน้าตาพอตัว

     

    แบมแบมกลับคิดเพียงว่า การตั้งชื่อนกเป็นเรื่องปกติหรอกหรอนึกว่ามีแต่เพื่อนผมซะอีกที่บ้าจี้ตั้งขึ้นมา

     

    ชื่อยองแจผมเอ่ยเสียงเรียบ

     

    ยองแจแสดงว่า มันต้องฉลาดมากแน่ๆ  ฉันชอบนกนะ นายซื้อมันหรอ?

     

    อ่อ ไม..” ไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค เสียงเตือนจากเครื่องมือสื่อสารตรงกระเป๋ากางเกงทำให้ผมต้องหยิบขึ้นมาดูด้วยความขัดใจ  ผมมอหน้าจอมือถืออยู่นาน ก่อนจะต้องตกใจกับบางอย่าง.. ผมเชื่อว่าตอนนี้ผมต้องน่าซีดมากๆ แน่

     

    มีอะไรรึป่าวฮายองถามทันที่เมื่อเห็นว่าผมมีอาการลุกลี้ลุกลนแปลกๆ หนำซ้ำไม่พอนกน้อยในมือผมเริ่มร้องจิ๊บๆ ไม่หยุด

     

    ป่าว .. ขอตัวนะ…” ผมละจากเธอ ฮายองแค่พยักหน้าและยิ้มให้นิดๆ ก่อนจะทำมือบายๆ ให้ยองแจก่อนจาก ผมหันไปทางแบมแบมที่มองผมไม่ต่างกับเห็นผี ผมคงมีสีหน้าที่ย่ำแย่ชัดเจนมากจริงๆ สินะ

     

    เกิดอะไรขึ้นว่าแล้วเพื่อนผมต้องยิงคำถามนี้ทันที

     

    ผมปล่อยนกในมือให้เกาะไหล่แทน  มันจ้องมองผมไม่วางตา ผมยื่นเครื่องมือสื่อสารให้เพื่อนตรงหน้าก่อนจะพูดออกมาราวกับคนหมดนทาง เขาอยากเจอฉันนะจะทำยังไงดี

     

    พอแบมแบมอ่านข้อความในมือถือของผมเสร็จ เขาค่อยๆ เงยหน้ามองผมก่อนจะเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ นายยังไม่เปลี่ยนซิมอีกหรอ ตัดขาดการสื่อสารเลยสิ แล้วคิดซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น
     

    ...............40%...................


    IM JAEBUM END

     
     

    ครอบครัวของแต่ละคนต่างมีปัญหากันทั้งนั้นไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือใหญ่ แต่สำหรับเขาแล้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะเรียกสิ่งนี้ว่าปัญหาครอบครัวได้รึป่าว อิม แจบอม ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่เคยเหยียบสถานเลี้ยงดูเด็กกำพร้ามาแล้ว จนกระทั่งมีคู่รักใจดีรับเลี้ยงเขาไปดูแลดั่งลูกแท้ๆ เพราะเขาทั้งสองมีปัญหาเรื่องการมีลูก ทำให้กำเนิดบุตรยากไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ดังนั้นจึงตัดสินใจรับเขาเป็นลูกบุญธรรม

     

    เรื่องราวเหมือนจะไม่มีอะไร ทุกอย่างเกือบจะเรียบง่าย ยกเว้นแต่แม่บุญธรรมของเขาเกิดตั้งครรถ์ขึ้นมาในขณะที่รับเลี้ยงดูแจบอมเพียงปีเดียวเท่านั้น  การที่เขาถูกให้ความใส่ใจน้อยกว่าลูกในไส้ไม่ได้ทำเขาน้อยใจแม้แต่นิด เขารักแม่บุญธรรมประนึงแม่แท้ๆ ของตัวเอง ต่างจากพ่อบุญธรรมและน้องชายต่างสายเลือด เขาไม่เคยอยู่ในสายตาของน้องชายที่ห่างกันเพียงสามปีเลย

     

    แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาอยู่ดี แจบอมรักสันโดษและชอบเก็บตัวอยู่แล้ว พวกเขาแค่ส่งเงินให้แจบอมไปโรงเรียนประจำและให้เขาอยู่หอพัก ดูๆ ไปก็เหมือนจะเรียบง่ายอยู่ดี แต่ทว่า น้องชายต่างสายเลือดของเขาเกลียดเขาเข้าเส้น แม้แต่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แจ็คสันถึงได้เกลียดเขามากมายมหาศาล แจ็คสันไม่เคยปกปิดความเกลียดชังที่มีอยู่ ในขณะที่อยู่โรงเรียนเดียวกันพวกเขาสองคนมักจะชอบผู้หญิงคนเดียวกันเสมอ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยจนแจบอมไม่อยากจะชอบใครในโรงเรียนอีกจนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย

     

    แต่ที่สาหัสกว่านั้นคือการจากไปของแม่บุญธรรม ยอมรับว่านั่นคือจุดพลิกพลันในชีวิตเขา ตอนไปงานศพเขาเพียงคิดแค่ว่าเขาจะไม่เหลือใครแล้ว ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยืนหยันมาได้ แจ็คสันโทษแจบอมเสมอว่าการที่แม่ต้องเสียไปนั้นเป็นเพราะเขา แต่นั่นคืออุบัติเหตุทางรถยนต์ที่แม่กำลังจะมารับเขาในงานวันเกิดเขาต่างหากใช่.. เขาเสียคนที่รักที่สุดในงานวันเกิด

     

    เขารู้แค่ว่าหลังจากวันนั้น แจ็คสัน แทบจะฆ่าเขาได้เลยทีเดียว แจ็คสันมักจะบอกเขาเสมอว่าแม่รักแจบอมมากกว่า ซึ่งนั่นไม่จริงแม้แต่นิด

     

    เอาละ มัน เหมือนจะไม่มีอะไรมากอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่าน้องชายต่างสายเลือดของเขากลายเป็นคนเสเพไปโดยปริยายตั้งแต่วันที่รู้ความจริงว่าพ่อมีภรรยาคนใหม่ วันนั้นคือวันที่เขาและแจ็คสันถูกตัดขาดจาดการเป็นพ่อลูกไปโดยทันที

     

    เขาจึงใช้เงินเก็บที่มีอยู่ในการเลี้ยงดูตัวเองและอยู่บ้านเก่าของแม่ที่พึ่งจากไปซึ่งถึงจะห่างจากมหาวิทยาลัยมากแค่ไหนก็ตาม

     

    ช่วงเวลานั้นคือตอนที่เขาสอบชิงทุนมหาวิทยาลัยอินซาดงได้ เขาไม่ได้ติดต่อกับพ่อหรือแจ็คสันอีกเลย แต่เขาเคยได้ยินแว่วๆ มาว่าแจ็คสันเคยเข้าคุกหรืออะไรทำนองนั้น แต่อะไรจะเท่ากับการที่พ่อเขาเปิดธุรกิจผิดกฎหมายและต้องรับโทษอาญาในเรือนจำ ครอบครัวของเขาตกอับสุดๆ หลังจากที่แม่จากไป

     

    วันนั้นเองที่เขาเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ในขณะที่เขากำลังเดินเตะกระป๋องตามทางเท้า จนกระทั่งเขาเจอหญิงสาวร่วมคณะเธอชื่อฮายองมากับชายหนุ่มร่างเล็กชื่อแบมแบม และตอนนั้นที่เขาทั้งสามคนเป็นเพื่อนกัน ทำไมถึงเป็นเพื่อนสนิทกันได้นะหรอ เรื่องนั้น

     

    เอาเป็นว่าตอนนี้ชีวิตของเขากำลังจะเรียบง่ายอยู่แล้ว จนกระทั่งน้องชายต่างสายเลือดส่งข้อความมาว่าอยากเจอเขา เขาไม่อยากจะนึกถึงช่วงเวลาในวัยเด็กเลยแม้แต่นิด แน่นอนว่าแจ็คสันแสดงความเกลียดต่อเขาสารพัด จนปัจจุบันเขาเชื่อว่ายังคงเกลียดไม่เปลี่ยน แต่ที่เขากังวลคือฮายองและแบมแบม ตั้งแต่เด็กๆ แล้วที่แจ็คสันจะพยายามแย่งทุกอย่างไปจากเขา ไม่ว่าของเล่นหรือคนรัก

     
     

    IM JAEBUM PART

     
     

    ผมอาจจะตกใจจนเกินเหตุไปรึป่าวนะ แต่ดูเหมือนแบมแบมจะตกใจเสียยิ่งกว่าผมอีก ตกเย็นเขาพาผมมายังศูนย์โทรศัพท์ในกรุงโซลเพื่อขอเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ แต่เบอร์นี้ผมเมมเบอร์ไว้หลายคนมาก ทั้งพี่รหัสและเพื่อนร่วมคณะ

     

    เปลี่ยนเถอะ เดียวฉันจ่ายเอง แบมแบมแย้งออกมาทันทีที่ผมบอกว่าไม่อยากจะเปลี่ยน

     

    หัวสมองของผมกำลังตีกันไปหมด ถึงอย่างนั้นผมก็เอ่ยไปว่า เปลี่ยนก็ดี..”

     

    ทันทีที่แบมแบมได้ยินคำพูดผมเขาก็ยัดซองเบอร์ใส่ในมือผมด้วยความเร็วแสง ผมตะลึงเล็กน้อย แบมแบมซื้อมันก่อนที่ผมจะตอบตกลงเสียอีก  เพื่อนสนิทคนนี้ทำให้ผมประหลาดใจอยู่บ่อยๆ ยังจำได้ว่าตอนที่ผมเจอแบมแบมครั้งแรก ผมไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะร่ำรวยได้ขนาดนี้

     

    ผมก้าวเท้าออกจากประตูอัตโนมัติของศูนย์โทรศัพท์พลางดูเบอร์มือถือในมืออย่างชั่งใจ เสียงร้องจิ๊บๆ ตรงหน้าทำให้ผมต้องละสายตาจากเบอร์โทรศัพท์ก่อนจะยิ้มบางๆ ที่มุมปาก นกอากาเซบินมาเกาะแขนผมหลังจากที่มันบินว่อนรอผมอยู่นาน

     

    คืนนี้ให้ฉันไปนอนเป็นเพื่อนไหมแบมแบมที่เงียบอยู่นานเอ่ยถามผม ระหว่างทางเดินไปที่จอดรถ

     

    ผมเลิกคิ้ว ไม่เอาหรอก ลูกคุณหนูอย่างนายจะมานอนบ้านฉันนะหรอพูดเสร็จก็หัวเราะเบาบางเชิงล้อเลียน

     

     

    แบมแบมยักคิ้วทีนึงให้ผมอย่างกวนโอ๊ย แล้วแต่นายละกัน แล้วอย่าคิดถึงฉันละเสียงหัวเราะออกมาจากร่างเล็กก่อนจะรีบสาวเท้าเดินนำหน้าผมไปที่รถ

     

     

    ผมถอนหายใจฉันนอนคนเดียวจนชินแล้วตังหาก เนอะยองแจผมหันไปพักพยักเพยอเจ้านกตัวเล็กบนแขน มันแค่ทำตาบ๋องแบ๋วกลับเท่านั้น ผมละอยากได้นกที่พูดได้จริงๆ จะได้ไม่ต้องมาบ้าคุยคนเดียว

     

     

     

    เรื่องแบบนี้มันไม่ส่งผลให้ผมนอนหลับคนเดียวไม่ได้หรอกนะ

    ถึงภายนอกผมจะปกปิดมันมิดชิดมากแค่ไหน แต่ภายในผมรู้ตัวดีว่าตัวเองกังวลมากเพียงใด


    หลังจากที่ผมชำระล้างร่างกายเสร็จเรียบร้อย ผ้าขนหนูสีขาวถูกพาดไว้บนพนักพิงเก้าอี้ ผมนั่งลงบนเตียงไม้ นั่งนิ่งอยู่นานก่อนจะหยิบซองเบอร์โทรศัพท์ที่พึ่งซื้อขึ้นมาดู ผมไม่เข้าใจตัวเองทำไมยังไม่ยอมเปลี่ยนซิมซักที ทั้งๆ ที่ผมอยากจะตัดขาด
    จากอดีตซะ



                คิดได้ดังนั้นผมจึงค่อยๆ แกะซองออก แต่เสียงข้อความที่เด้งขึ้นทำให้ผมต้องลุกไปหยิบมือถือบนโต๊ะหนังสือขึ้นมาดู ดวงตาของผมจ้องมองข้อความที่ถูกส่งมาจากปลายสาย แจ็คสัน

     

    แกยังอยู่ที่เดิมสินะ บ้านเก่านะ

     

    ยอมรับว่าตะลึงไม่น้อย และยอมรับอีกว่าสีหน้าผมเหมือนพึ่งอ่านจดหมายขู่กรรโชก ผมไม่ได้เวอร์แต่ถ้าคุณไม่ใช่ผมคงไม่มีวันเข้าใจจิตใจของผม แน่นอน.. แม้แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลยด้วยซ้ำ

     

    ผมวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนจะเงยหน้าสูดลมหายใจเข้าปอดให้ได้มากที่สุด ผมต้องใจเย็นมากกว่านี้

     

    เท้าของผมก้าวลงบันไดทีละขั้น การเดินของผมมันดูเฉื่อยชากว่าปกติ ผมกะจะมาหาน้ำดื่มซักแก้วก่อนจะเข้านอน แต่สมองผมกำลังคิดอะไรที่ทำให้ผมกลัวอย่างเช่น การลงไปข้างล่างแล้วเจอน้องชายต่างสายเลือดยืนมองผมพร้อมกับมีดในมือ ผมต้องเป็นโรคคิดมากแต่ๆ

     

    โนรา…” ผมเรียกหาแมวขนปุยที่ชอบออกไปเที่ยวนอกบ้าน แต่ก็ยังคงไร้เสียงตอบรับ ตอนเย็นผมยังเห็นเจ้าโนราอยู่เลย ผมชักจะไม่ชอบการที่มันออกไปจากบ้านบ่อยๆ ซักแล้ว

     

    จิ๊บๆ จิ๊บๆ

     

    เสียงเล็กของอากาเซที่ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบทำให้ผมสะดุ้งเฮือก ก่อนจะหันไปหามันที่กำลังบินอยู่ตรงหน้าผม ดวงตากลมโตแป๋วทำให้ผมใจเย็นลงได้มาก

     

    ยองแจผมเอ่ยกระซิบเรียกชื่อมัน

     

    จิ๊บ ๆ จิ๊บๆ

     

    ฉัน ไม่ได้เป็นอะไรหรอก

     

    ใครเห็นสภาพผมในเวลานี้คงต้องเข้ามาแนะนำให้ผมไปตรวจสมอง บางทีอาจจะชักชวนไปโรงพยาบาลบ้าก็ได้ คนสติดีที่ไหนคุยกับสัตว์ คงมีแต่ผมเนี่ยแหละที่คิดเองเออเองว่ามันจะสื่ออะไร

     

    มันบินตกลงมาบนมือผมที่ยื่นให้ ผมลูบขนนุ่มสลวยสีส้มของมันช้าๆ อย่างเบามือ อยากเป็นนกเหมือนเธอจริงๆ เป็นอิสระ…”

     

    ผมเคยรู้สึกพิลึกกับตัวเองอยู่ในบางครั้ง ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ยังคงความชินชา จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผมไปเสียแล้ว จะเจอเหตุการณ์เลวร้ายอีกเท่าไหร่ผมคงยอมรับชะตากรรมได้ไม่ยาก ผมกำลังบอกว่าผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ค่อนข้างเย็นชาทีเดียว

     

    ผมมองอากาเซในมือมันเอียงคอไปมา ความน่าเอ็นดูถูกฉายขึ้นมาบนแววตาใสของมัน ผมใช้หน้าผากแตะลงกับขนนุ่มของมันก่อนจะถูกไปมาอย่างหมันไส้ ทันทีที่ผมผละออก มันก็ยังใช้แววตาแป๋วมองผมราวกับคนไม่รู้อุโหน่อิเหน่ ผมอดพูดไม่ได้ อิจฉาเธอชะมัด วันๆ เอาแต่กินกับบิน

     

    เรื่องราวต่างๆ ผมไม่อยากเก็บมาคิดซ้ำซาก ผมตัดสินใจเปิดประตูห้องนอนเตรียมตัวสำหรับการผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไป ผมเพ็งมองนกน้อยที่บินตามผมมา มันบินมาเกาะไหล่ก่อนจะกระโดดโหยงๆ เหมือนจะขออะไรบางอย่าง

     

    ผมเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มบางๆ เธอก็เหงาเป็นหรอ

     

    ผมหัวเราะแห้งๆ ให้กับตัวเองที่ชอบจินตการไปเองอยู่เรื่อย

     

    IM JAEBUM END


     

    ชายหนุ่มจ้องมองนกที่พยายามจะเข้าห้องเขาให้ได้ นกน้อยตัวนี้ดูดื้อด้านในสายตาเขาไปแล้ว แต่ในเมื่อถึงเวลาเข้านอน จึงปล่อยเลยตามเลย เขาวางนกไว้ตรงตระกร้าที่เคยเป็นที่ของโนรา แต่ตอนนี้เจ้าของดันเที่ยวเตร็ดเตร่ซักได้

     

    มือเรียวเลิกผ้าห่มขึ้นก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงและไม่ลืมที่จะเอื้อมมือไปปิดโคมไฟบนหัวเตียง เขาขั่งใจอยู่ซักพักว่าจะปิดดีไหมแต่สุดท้ายเขาก็ปิดมันอยู่ดี เหนือความคาดหมาย เขามั่นใจว่าตัวต้องไม่กลับไปคิดเรื่องราวเก่าๆ แล้วแท้ๆ แต่สมองเจ้ากรรมดันฉายภาพในอดีตซะได้

     

    ค่ำคืนที่มีแต่ความมืดมิดคละเคล้ากับความสับสนปนเปของชายหนุ่มบนเตียง เขาดึงผ้าห่มให้ขึ้นสูงกว่าเดิมจนถึงคอ ปกติเขาเป็นคนขี้ร้อน แต่วันนี้เขาดันรู้สึกหนาวแปลกๆ คงเพราะข้อความนั้น

     

    เพราะแกนั่นแหละ เรื่องถึงเป็นแบบนี้


    ไร้เหตุผลเป็นที่สุด ในขณะที่กำลังข่มตานอนแจบอมเพลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกหนาวแต่กลับมีเหงื่อยพรุดพรายข้างแก้มมากมาย  เขานอนไม่หลับ และคาดว่าคืนนี้เขาอาจไม่ได้นอนเลยก็เป็นได้

     

    คิดว่าเข้มแข็งมากรึไง เลิกทำตัวเย็นชาปกปิดเถอะ แกมันอ่อนแอ่ทั้งกายและใจ

     

    เขาเชื่อว่าตัวเองเข็มแข็งในเรื่องต่างๆ เขาผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาร้อยพันแปด แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะเสียน้ำตาให้คนอื่นเห็นเลยซักครั้ง จนกระทั่งตอนนี้ น้ำใสๆ เริ่มระรื้นริมขอบตา เปลือกตาบางค่อยๆ เปิดขึ้นมาพบกับความมืดที่มีเพียงแสงจันทร์ส่องลอดลงมาตรงหน้าต่าง

     

    จิ๊บๆ จิ๊บๆ

     

    นัยต์ตาสีดำสนิทของชายหนุ่มจ้องมองนกน้อยทื่ถือวิสาสะบินขึ้นมาบนเตียงเขา ดวงตาวาวของมันใสซะะจนชายหนุ่มละสายตาออกไปไม่ได้ ฉันอิจฉาเธอที่สุดเสียงทุ้มถูกเอ่ยขึ้นมาจากคนบนเตียง

     

    สิ่งมีชีวิตตัวเล็กใช้ขาน้อยๆ ของมันกระโดดเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเขา มือเรียวจัดแจงหมอนให้เข้าที่ก่อนจะเอียงตัวนอนข้าง จ้องมองนกน้อยตรงหน้าพลางยิ้มบางออกมา น้ำตาที่เคยระรื้นได้จางหายไปราวกำไม่เคยมี แม้แต่นก เขาก็ไม่อยากจะร้องไห้ให้เห็น

     

    นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เขาจ้องมองมันจนกระทั่งพล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

     

    นกน้อยที่เฝ้ามองชายหนุ่มอยู่ตลอดเวลา มันไม่อาจหลับได้หากชายหนุ่มตรงหน้ายังไม่ยอมนอน มันเข้าใจตัวเองดีว่าเป็นนกที่ประหลาดพอตัว ทำไมมนุษย์ตรงหน้า ถึงได้มีเสน่ห์เหลือเกินใบหน้าหมดจดบวกกับริมฝีปากได้รูป ขนตาที่ยาวเป็นแพร ป่าว.. สำหับนกแล้วมันไม่ได้คิดว่าคนนี้หล่อเพราะมนุษย์สำหรับมันก็คล้ายๆ กันหมด  แต่มันกำลังจนจำใบหน้ามนุษย์คนนี้ให้ได้มากที่สุด

     

    รางสังหรณ์ลึกๆ บอกมันว่า ถึงเวลาที่จะต้องจากกับมนุษย์ตรงหน้านี้แล้ว เวลาช่างสั้นเหลือเกิน

     




    TALK
    ==; เรื่องนี้กำลังดำเนินให้เข้าพล็อตมากที่สุดคะ
    นอกจากความรักระหว่างทูแจแล้วยังมีเรื่องราวของเจบีอีกคะ
    ซึ่งไรท์จะพยายามไม่ใช่มันน่าเบื่อโดยการพายองแจร่างคนมาไวๆ นะคะ

    ปล. อาจจะนานนิดนึงนะคะเพราะกว่าจะเป็นคนนั้นแสนจะลำบาก ยากเย็นแสนเข็นมากTT คาดว่ายองแจที่เป็นคนเลยจะมาบทสี่คะ



    STAR
    THEME
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×