คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : AGASE : บทที่ 1
แบมแบม : นายชอบฮายองจริงๆ ใช่ไหม
แจบอม : ทำไมนายถึงชอบถามแบบนี้อยู่เรื่อย
แบมแบม : เอาน่า ฉันรู้ว่ามีเหตุผลเป็นล้านที่นายจะชอบเธอ แต่รู้ไหม เหมือนนายกำลังหลอกตัวเองอยู่เลยวะ ความจริงที่นายชอบเธอเพราะเธอฉุดนายออกมาจากความจมปรักในอดีตที่เน่าเฟะของนายอย่างนั้นสินะ
แจบอม : นายชักจะพูดมากเกินไปแล้วนะ ….
: ศูนย์รักษาสัตว์ :
เท้าของเขาย่ำก้าวซ้ายที ขวาที ชายหนุ่มเดินไปมาซ้ำๆ ราวกับกำลังคุ้นคิดอะไรบางอย่างในใจ มือเรียวจับปรายคางเขาก้มหน้าลงซักพักก่อนจะเงยหน้าและพรูลมหายใจออกมา เขากอดอกตัวเองพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งข้างเพื่อนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“นายบ้าไปแล้วรึไง เอานกมารักษาทำไม” ไม่เกินความคาดหมายของแจบอมแม้แต่น้อย เขาคิดอยู่แล้วว่าแบมแบมต้องถามเขาในทำนองนี้ มีคนปกติที่ไหนบ้างเจอนกกำลังจะตายข้างทางก็ใจบุญพามารักษาถึงแม้นกชนิดนั้นจะเป็นอากาเซก็ตาม
ชายหนุ่มไม่ได้มองอีกคน ใบหล่อเหลาเหม่อมองพื้นข้างล่าง “สงสัยฉันอยากเลี้ยงนกขึ้นมาละมั้ง”
แบมแบมมีสีหน้าเหยเกทันทีหลังจากฟังคำพูดแบบส่งๆ ของแจบอม “นายมีโนราอยู่แล้วไม่ใช่รึไง บ้าไปแล้วแน่ๆ” ชายหนุ่มผมสีทองสว่างพึมพรำเบาๆ แต่ดังพอที่จะอีกคนข้างกายได้ยิน
ทันทีที่สัตว์แพทย์พานกอากาเซที่ได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้วส่งให้เขา พร้อมกับยาเม็ดที่ต้องผสมลงในอาหารของนกน้อย และไม่ลืมที่จะกำชับเรื่องการให้ยาที่ต้องตรงเวลา แจบอมรับของสัพเพเหระมาไว้ก่อนจะหันไปพูดบางอย่างกับเพื่อนข้างๆ ที่ทำเอาแบมแบมต้องมีสีหน้าแบบปลงอนิจจังสุดๆ “นี่แบม นายช่วยจ่ายค่ารักษาให้หน่อยสิ”
ถึงจะปั้นหน้าเห่ยใส่ แต่เจ้าตัวได้แค่ยักไหร่ทีหนึ่งก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงอีกที
เรื่องปกตินะ เงินแค่นี้ทำไมจะจ่ายไม่ได้ เพื่อนของอิม แจบอมคนนี้สามารถซื้อรหรูๆ ราคาเฉียดล้านเป็นว่าเล่นยังไม่ทำให้ขนหน้าแข้งร่วงแม้แต่เส้นเลย ก็แน่นอนละ ตระกูลภูวกุถือว่าร่ำรวยอันดับต้นๆ ในไทยเลยทีเดียว แม้จะย้ายมาเกาหลีก็ยังคงความเป็นมหาเศรษฐีไม่เปลี่ยนแปลง
นัยต์ตาสีดำ จ้องมองนกน้อยกำลังหลับใหลจากฤทธิ์ยาสลบ แจบอมสั่งกลายๆ ให้เพื่อนสนิทตัวเองซื้อกรงอันใหม่ให้ และแน่นอนว่าแบมแบมไม่มีความจำเป็นที่ต้องปฏิเสธเขา
ระหว่างทางเดินกลับบ้านนั้น เขามักจะหยิบกรงนกขึ้นมาดูเป็นระยะ การกระทำนั้นอยู่ในสายตาของแบมแบมตลอดทาง ตอนแรกเพื่อนเขาก็แปลกใจอยู่หรอกนะ ซักพักก็เริ่มชินซะแล้ว ‘เพื่อนเขาชอบนกรึไง ไหนเคยบอกว่าชอบเลี้ยงแมวหรือหมามากกว่า’ แบมแบมได้แต่คิดในใจหากแต่ไม่กล้าพูดออกมา
“ฉันกลับละ” แบมแบมบอกลาแจบอมที่กำลังขมักขเม้นกับการไขกุญแจรั้วหน้าบ้าน
แจบอมหันมาตามเสียง เขาแค่พยักหน้าทีนึงให้เพื่อนอีกคนที่กำลังกดเครื่องมือสื่อสารเพื่อส่งข้อความให้คนขับรถที่บ้านมารับ ชายหนุ่มร่างเล็กเหลือบมองกรงนกในมือแจบอมก่อนจะเริ่มแซะอีกคน “นายดูแลอากาเซดีๆ ละ ก่อนที่มันจะกลายเป็นอาหารอันโอชะของโนรา”
แจบอมที่กำลังเดินผ่านรั้วบ้านต้องหันกลับมาถลึงตาให้เพื่อนตัวแซบ แต่ไม่ทันที่จะเอ่ยอะไรเพื่อนเขาก็กระโจนขึ้นรถซะก่อน แบมแบมที่นั่งในรถโบกไม้โบกมือคล้ายจะล้อเลียนมาทางเขา ก่อนที่เครื่องยนต์จะเริ่มออกสตาร์ดด้วยความไวแสง ‘ถ้าไม่ติดว่ารถคันนั้นคือเฟอรารี่รุ่นล่าสุดนะ…’ แจบอมได้แต่คิด
กรงนกสีขาวสะอาดถูกวางไว้บนโต๊ะห้องรับประทานอาหาร ไม่มีทีท่าว่าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กในกรงจะรู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย ‘อย่าพึ่งเป็นอะไรตอนนี้นะ’ ชายหนุ่มนั่งตรงหน้ากรงนก นิ้วเรียวจับที่ลวดดัดสีขาวในใจพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แม้แต่ตอนนี้เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องช่วยนกน้อยตัวนี้
“เมี๊ยวว … เมี๊ยวว”
แมวเปอร์เซียพันธุ์วิเชียรมาศส่งเสียงเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของ มันถือวิสาสะกระโดดขึ้นบนโต๊ะอาหาร พอเห็นสิ่งแปลกปลอมบนโต๊ะก็นั่งมองไม่วางตา
“เธอห้ามยุ่ง”
เมี๊ยววว”
“ดีมาก ”
ถ้าใครเห็นภาพตรงหน้าคงจะกลั้นขำเอาไว้ไม่ได้ ผู้ชายที่มีมาดดูชิคและคลูขนาดนี้แต่กลับทำตัวราวกับเด็ก เขาพูดกับสัตว์ประหนึ่งรู้เรื่อง ดวงตาคมของชายหนุ่มสบตากับสัตว์เลี้ยงขนฟูของตัวเอง เมื่อไหร่ที่เขามองตามัน เรื่องราวเก่าๆ ที่เขาเคยลืมไปแล้วมักจะถูกรื้อฟื้นขึ้นมาในสมองอีกครั้ง 'เขาน่าจะลืม ๆ มันซะ...'
................................................
มนุษย์คนนี้ช่างดีกับเราเหลือเกิน…
เราจะตอบแทนบุญคุณได้อย่างไร… เราเป็นแค่นกตัวน้อยที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากร้อง จิ๊บๆ ไปวัน ๆ…
“มีนกที่ชอบมนุษย์ด้วยหรอ ตลกสิ้นดี นี่ไม่ใช่วรรณคดีน้ำเน่าซะหน่อย นกก็คือสัตว์ชนิดหนึ่งที่เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ก็จะออกหาคู่เองนั่นแหละ เหมือนที่สารคดีบอกไง… ”
IM JAEBUM PART
คุณเคยรู้สึกว่าชีวิตประจำวันของคุณมันดูเรียบง่ายเกินไปไหม อย่างเช่นเวลาคุณดูภาพยนตร์แนวแอดน์แวรเจอร์หรือแอ็คชั่นแล้วรู้สึกว่ามันโอเวอร์จนเกินเหตุ ถ้าคุณชอบคิดแบบนั้นอยู่บ่อยๆ ละก็ ผมบอกเลยว่าคุณน่าอิจฉาเป็นที่สุด สำหรับผมแล้วการได้สัมผัสความเรียบง่ายในชีวิตคือความสุขอย่างหนึ่ง แต่ดูเหมือนผมจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความสุขเอาซะเลย
ผู้คนส่วนก็มีอดีตที่เลวร้ายกันทั้งนั้น ก็แล้วแต่ว่าจะเลวร้ายแบบไหน ผมคงเป็นหนึ่งในผู้โชคร้าย อดีตของผมไม่น่าจดจำเท่าไหร่ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของผมคือใคร … เอาเป็นว่าเรื่องของอดีตอย่าเก็บมารื้อฟื้นจะดีกว่า…
แสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านหน้าต่างข้างเตียงทำให้ผมรู้สึกตัว ทันทีที่หยิบนาฬิกาตั้งโต๊ะบนหัวเตียงขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ ผมแทบจะกระโดดออกจากเตียงนอน ผมหอบเอาชุดที่เตรียมไว้ในตู้เสื้อผ้าก่อนจะพุ่งตัวเข้าห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว ที่รีบขนาดนี้ไม่ได้แปลว่าผมตื่นสาย หากแต่มีนัดตอนเช้า
เสียงโทรศัทพ์บนโต๊ะรับประทานอาหารเรียกความสนใจจากผมที่กำลังลงบันได ผมเพียงแค่ปรายตามองเบอร์ที่ขึ้นโชว์บนหน้าจอ ก่อนจะกดรับสายทันที “ฉันเสร็จแล้ว บอกคนขับรถนายด้วยว่าอย่าเอาเฟอร์รารี่หรือลัมโบกินี่เด็ดขาด แค่เบนซ์ก็พอแล้ว”
“เสียใจด้วยนะ… วันนี้โคอีนิกเซ็ก ซีซีเอ็กซ์อาร์รุ่นร่าสุด พ่อฉันพึ่งถอยมาเมื่อวาน” ปลายสายตอบกลับอย่างจนใจ
สีหน้าผมตอนนี้เรียกได้ว่าปลงอนิจจังเลยแหละ ถ้าเบาๆ หน่อยก็แค่รู้สึกเนือยๆ ผมดีใจที่มีเพื่อนสนิทเป็นมหาเศรษฐีแต่บางครั้งผมก็รู้สึกว่าการมีเพื่อนเป็นคนรวยทำให้พวกผมเป็นที่จับตามองมากยิ่งขึ้น ผมกล้าพูดได้เลยว่าไม่ชอบใบหน้าของตัวเอง.. ที่ดูดีเกินไป ผมไม่ชอบให้ใครรู้จักผมมากนัก .. อืม .. ถ้าเพื่อนผมได้ยินคงมีสีหน้าแบบนี้ > =_=
ผมถามไปยังปลายสาย “ว่าแต่ตอนเย็นนายจะไปที่เดิม? ”
“อ่า .. ใช่ งานวันเกิดรุ่นพี่จินยอง จัดที่เดิมทุกปีนั่นแหละ ปีนี้นายก็ไปด้วยสิ …” ปลายสายเงียบไปซักพัก ก่อนจะพูดต่อว่า “ฮายองก็ไปนะ ”
ประโยคสุดทำให้ผมชะงักไปเสี่ยววิ “ไว้ค่อยค..”
จิ๊บ ๆ จิ๊บ ๆ
ผมหันหน้าไปตามเสียงที่ดังจากโต๊ะ นกตัวน้อยที่ผมช่วยไว้เมื่อวานฟื้นตัวแล้ว เกือบลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองทำอะไรลงไป ถ้ามันไม่ร้องเรียกละก็คงได้อดอาหารและยาเม็ดแน่ๆ มิหน่าละตอนที่ผมให้อาหารโนราถึงได้รู้สึกขาดอะไรบางอย่างไป
“วางสายก่อนนะ เหาะได้ก็เหาะมาเลย ไม่งั้นถ้าไปสายรุ่นพี่ได้ให้พวกเรากินยำ(ตีน) แน่ ถ้าถึงแล้วก็โทรมา” ว่าเสร็จก็กดวางสาย ไม่ลืมที่จะเก็บเครื่องมือสื่อสารเข้ากระเป๋า
นัยต์ตาสีดำแป๋วของอากาเซกำลังจ้องมองผมไม่วางตา ศรีษะของมันเอียงราวกับกำลังอ้อนขออะไรบางอย่าง ผมว่ามันคงจะหิวมากแน่ๆ ไม่น่าลืมเลย ผมหยิบอาหารเม็ดพร้อมกับผสมยาลงใส่ถาดอาหารก่อนที่ผมจะนำถาดลอดเข้าไปในกรง ในวินาทีนั้นเองที่ผมสบตากับมันอีกครั้งดวงตาวาวจ้องลึกเข้าไปในตาของผมจนแอบขนลุก
หลังจากที่ให้อาหารเสร็จ เสียงเครื่องยนต์ดังลอดมาจากหน้าบ้านทำให้ผมละความสนใจจากมัน แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมหันกลับไปหานกน้อยอากาเซอีกครั้ง ‘เธอไม่ชอบอยู่แน่ในกรงแบบนี้ใช่ไหม … ’ ทำไมจู่ๆ ผมถึงคิดแบบนั้นนะ …. ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ผมสบัดหัวไล่ความคิดออกไป
ทำไมผมถึงได้มีรางสังหรณ์แปลกๆ … สัญชาตญาณของผมกำลังบอกอะไรบางอย่างที่จะทำให้ผมต้องเสียใจ
…………………………………………ต่อ……………………………………………………
[ 18.00 น]
การศึกษาในระดับมหาลัยอินซาดงกรุงโซล มีบางวันที่จะเลิกช้ากว่ามหาลัยอื่นเป็นเท่าตัว กว่าจะได้เดินทางกลับถึงบ้านราวๆ พระอาทิตย์ตกดินเลยทีเดียว แต่หากเป็นมหาลัยเปิดทีนักศึกษาจะกลับตอนไหนก็ได้ตามอำเภอใจแล้วแต่ศรัทธาในความอยากเรียน
แบมแบมโทรมาหาผมหลังจากที่พึ่งจัดเก็บกระเป๋าเสร็จ วันนี้ตอนเย็นผมตัดสินใจว่าจะไปงานวันเกิดรุ่นพี่จินยอง พี่รหัสของแบมแบมเพื่อนสนิทผม
ความจริงแล้วในคณะของผมมักจะมีสถานที่ดื่มประจำ เป็นผับขนาดกลางตั้งอยู่เยื้องใจกลางเมืองโซล ในกลุ่มคนที่ผมพอจะสนิทด้วยจะไปที่นั่นในวันสำคัญต่างๆ เพื่อเฉลิมฉลอง วันสำคัญที่ว่านะหรอ.. อย่างเช่น วันได้แฟน วันอกหัก วันได้แฟนใหม่ รวมถึง วันอยากสังสรรค์เฉยๆ
ผมเดินตรงไปยังรถคันหรูยี่ห้อเดียวกับเมื่อเช้า แบมแบมที่อยู่เบาะหลังเปิดกระจกกวักมือเรียกผมเป็นเด็ก ๆ ในขณะที่จำอ้าวเดินนั้นนักศึกษาหญิงหลายคนมองผมกับแบมแบมพลางซุบซิบกัน แต่ทว่าผมชินเสียแล้ว พวกผมถือว่ามีเสน่ห์ในระดับต้น ๆ ของคณะ ความร่ำรวยของเพื่อนสนิทผมสะดุดตาสาวๆ หลายคน ส่วนผมนะหรอ .. ผมเองยังไม่เข้าใจเลย
“ฉันละเบื่อพี่รหัสชะมัด” ในระหว่างทาง แบมๆ ที่นั่งอยู่บนเบาะด้านข้าง หันมาทางผม พร้อมเปิดประเด็นคุย
ผมหัวเราะแห้งๆ “ฉันได้ยินนายพูดคำนี้ตั้งแต่วันเฉลยสายรหัส”
“มันจริงนี่หว่า รุ่นพี่ที่รู้จักมีแต่คนแปลกๆ …” แบมแบมพูดพรึมพรำเสียงเบาก่อนจะหันมาพูดผมอีกครั้ง “หรือนายไม่เบื่อรึไง รุ่นพี่จินยองตามจีบตามหยอดฮายองเป็นปิงดูดเลือด ไม่แปลกใจเลยที่จะเปิดศึกกับมาร์คฮยองบ่อย ๆ ”
ผมได้แต่ยกยิ้มมุมปาก ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง ถึงอย่างนั้นเพื่อนผมก็ยังคงเม้าท์มอยไม่ขาดปาก เสียงเพลงที่คลอเบาๆ ในรถไม่มีความหมายเลยเพราะเพื่อนผมมันเล่นซะคุยตลอดทาง
รถซีซีอาร์สีบอร์นเงินจอดเทียบท่าหน้าสานที่บันเทิงในย่านการค้าแห่งหนึ่ง ผมกับแบมแบมก้าวเท้าลงมาจากรถในชุดลำลองที่พึ่งเปลี่ยนในห้องน้ำสาธารณะระหว่างทาง แบมแบมหันไปบอกคนขับรถเกี่ยวกับเวลาที่จะให้มารับอีกครั้ง ผมเคยแอบอิจฉาลูกคุณหนูอย่างแบมแบม แต่แล้วยังไง การเป็นเพื่อนลูกคุณหนูก็ไม่เลวนะ …
เสียงเพลงจังหวะดิสโก้ดังรอดออกมานอกประตูทางเข้า ผมคิดว่าวันนี้คงพิเศษหน่อย มาถึงก็มีจังหวะแดนซ์กระจายแล้วทั้งที่ยังไม่ดึกเท่าไหร่นัก ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่เข้ากับผมเลยแม้แต่นิด ผมยื่นบัตรประชาชนให้พนักงานต้อน แบมแบมกระโดดกอดคอผมเดินเข้าไปในผับ
“ไม่ได้มาซะนาน ไม่ได้แตะของเมามาหลายเดือนเวอร์” แบมแบมที่คล้องคอผมอยู่เอ่ยอย่างร่าเริงประนึงเด็กมาสวนสนุกครั้งแรก ผมเหลือบมองผู้คนยั้วเยี้ย บ้างก็นั่งที่ประจำเพื่อดื่มแอลกอร์ฮอล บ้างก็เต้นบนฟอล บางคนขยับเบาๆ พอเป็นพิธี แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้หลายคนมองผมกับแบมแบมเป็นตาเดียวพลางซุบซิบบางอย่าง ผมก็บอกแล้วว่าชินชาจนด้านไปแล้วแหละ
ความมืดที่ผสมปนเปกับแสงไฟเท็คหลากสี กำลังทำให้ผมอยากอาเจียนออกมาจริงๆ
ทันทีที่ผมกับแบมแบมเข้าไปยังห้องวีไอพีสำหรับลูกค้าพิเศษ เสียงแหลมแปดหลอดของคนด้านในที่เห็นผมก็โพล่งขึ้นมาทันที “โว้ววว ผมตาฝาดรึป่าวครับเนี่ย น้องรหัสสุดเลิฟพาเพื่อนหน้าตายมาด้วย!!” เสียงตะโกนของจินยองเรียกความสนใจให้ทุกคนหันมาทางผม
ไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอกนะ…
“ไฮ! แบมแบม ไอมิสยู!” รุ่นพี่โบมีเอ่ยทักทายทันทีเมื่อเห็นแบมแบม โบมีคือพี่รหัสของพี่รหัสแบมแบมอีกที หรือเรียกง่ายๆ ว่าป้ารหัสหรือพี่รหสัของรุ่นพี่จินยอง… งงไหมครับ
ห้องวีไอพีขนาดกลางมีที่ร้องคาราโอเกะ ไม่บอกว่าผับผมนึกว่าร้านคาราโอเกะจริงๆ ซะอีก ผมเลือกที่จะนั่งข้างแบมแบมถัดจากรุ่นพี่จินยองอีกที ในงานประกอบไปด้วย เจ้าของวันเกิดอย่างจินยอง ‘มาร์ค’เพื่อนสนิทเจ้าของวันเกิดซึ่งพาฮายองน้องสาวของเขามาด้วย รุ่นพี่โบมี และ…ใครอีกคนที่ผมไม่รู้จัก เขาเป็นผู้ชายที่ตัวสูงมากแต่ใบหน้ากลับอ่อนวัย
งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างเชื่องช้า พบพึ่งค้นพบว่าคนที่ผมไม่รู้จักชื่อยูคยอม ดูเหมือนเขาจะสนิทกับจินยองลักษณะนิสัยที่ดูใสซื่อนั้นทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ พิกล
จินยองที่พึ่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอร์ฮอลไปแก้วเดียวก็เริ่มออกลายทันที “อวยพรให้เจ้าของวันเกิดหน่อยยยยยย!!”
จินยองชูแก้วพร้อมกับพูดเสียงดัง“จินยองอ่า! ฉันของให้นายสมหวังนะ ฮิ้ววว” อืม… มีเจ้าของวันเกิดที่ไหนบ้างขอพรพร้อมกับให้พรตัวเอง ผมจัดอันดับเขาไว้ในบุคคลแปลกประหลาดพอๆ กับรุ่นพี่มาร์คเลยแหละ อย่างไหนนะหรอ
“ไร้สาระ…” เสียงเนือยๆ ของมาร์คทำเอาทั้งห้องถึงกับกริบ
พูดน้อย กว่าจะเอ่ยแต่ละคำเหมือนกลัวว่าดอกพิกุลจะล้วงออกจากปาก เมื่อพูดแต่ละทีก็เชือดเฉือนน้ำใจคนฟังสุด ๆ ยกเว้นเรื่องเดียวที่จะทำให้มาร์คฮยองยอมพูดสาธยายอย่างน้ำไหลไฟแล็บ
“ย่าส์! นายนี่นะ ! บอกว่าให้เอาหมาออกจากปากก่อนมา วุ้วว” จินยองชี้หน้ามาร์คแบบคนเมาๆ จากนั้นก็หันไปทางฮายองที่กำลังสนทนาภาษาผู้หญิงกับโบมี “ที่รักจ๋า อวยพรให้เขาหน่อยจิ๊!”
มาร์คจ้องหน้าจินยองทันที “ใครที่รักแก น้องสาวฉันยังไม่มีแฟน ฮายองพึ่งอายุได้แค่สิบเก้า ยังไม่พร้อมที่จะหาแฟนอะไรทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะแฟนห่วยๆ แบบแก แฟนฮายองต้องเพรียมพร้อม รูปหล่อ พ่อรวย 9ล9 ”
คำบ่นที่ประดังประเดเข้ามาราวกับห่าฝนของผู้เป็นพี่ชายที่แสนจะหวงน้องสาวทำเอาจินยองรีบปัดป่ายมือกลางอากาศโดยยังคงมีเสียงบ่นเป็นฉากหลัง“โว้ว ๆๆ นายนี่นะ ตลอดเลย ฉันละเบื่อ ! หรือว่า… ความจริงแล้วนายไม่ได้หวงน้องสาว… ” จินยองนิ่งไปแปปเดียวก่อนจะพูดเสียงดัง “แต่นายหึงฉัน!!!”
“ฮิ้ววววววว !” อ่อ.. เสียงของรุ่นพี่โบมีนะ เธอคือสาววายตัวแม่
“ย.. ย่าส์ น..นี้นาย!”คำพูดนั้นทำให้มาถึงกับชะงักเรียกเสียงหัวเราะลั่นจากแบมแบมและฮายอง
ผมมองการกระทำนั้นด้วยความชินตา ส่วนยูคยอมมองพวกเขาตาปริบๆ นี่ถือว่าเบาๆ นะครับ แบมแบมรินวิสกี้ให้ผม แต่ผมส่ายหน้าทันที ผมไม่อยากแตะของมึนเมาโดยเฉพาะฤทธิ์แรงๆ ขวดละหลายพันอย่างที่กองอยู่ข้างหน้าผม แน่นอนละวันเกิดรุ่นพี่จินยองแต่คนจ่ายคือเพื่อนสนิทผม
บ่อยครั้งที่ผมจะเหลือบมองฮายอง เธอยิ้มขำตลอดงาน ฮายองเธอเป็นดาวคณะ มีหลายคนที่คิดจะจีบ แต่ได้แค่คิดหละนะ เพราะคงไม่มีใครกล้าผ่านด่านมาร์คฮยอง คงมีแต่จินยองฮยองที่กล้าทำแบบนั้น… ส่วนผมนะหรอ..ลึกๆ ในใจกำลังหักห้ามไม่ให้ผมบอกรักเธอ…
หลังจากเป่าเค้กวันเกิดที่แบมแบมกับโบมีนัดกันเซอร์ไพรส์จินยองฮยองเสร็จแต่ละคนก็เริ่มปล่อยผี ด้วยความเมาของฤทธิ์แอลกอร์ฮอล ตอนแรกกะว่าจะไปแดนซ์ที่ฟอลข้างนอก แต่เพราะคนแออัดจึงเปลี่ยนมาเป็นร้องคาราโอเกะด้านในแทน
“ อายย บีลีฟฟฟ ไอแคนฟายยย อายย บีลี๊ฟฟ ไอ๊แคนฟ๊ายย ”จินยอง โบมีและแบมๆ สามสายรหัสคออ่อน ตอนนี้สติทั้งสามได้หลุดเพราะฤทธิ์เหล้าเรียบร้อยแล้ว พวกเขากำลังร้องเพลงแบบมั่วคีย์สุด ๆ มั่วจนแอบสงสารคนแต่งเพลง
“นายเมามากแล้ว” มาร์คฉวยเอาไมค์จากแบมแบมมา
จินยองขมวดคิ้วทำตาเบลอ ๆ ก่อนจะตะโกนใส่ไมค์ “ม่ายยย มาววว!”
“เมา”
“ม่าย มาว !”
“เมา”
“ม่าย!”
“ไม่เมาก็ไม่เมา!”
“ใครว่าไม่เมา… ฉันกำลังมาววววว”ว่าเสร็จก็ร้องเพลงกับสายรหัสสุดพิสดารต่ออย่างไม่แยแส สีหน้าเรียบถูกฉายบนใบหน้ามาร์คฮยองทันที ผมพ่นลมหายใจออกมาอย่างอดไม่อยู่ ผิดกับยูคยอมที่นั่งนิ่งจ้องมองสามหน่อไม่กระพริบตา ผมไม่ลืมที่จะเหลือบมองฮายองที่ตบมือตามจังหวะเพลงพลางหัวเราะคิกคัก พอเห็นว่าผมมองก็ยิ้มให้ทันที … สำหรับผมรอยยิ้มของเธอเหมือนแสงแดดที่เจิดจร้าจนเกินไป
เวลาล่วงเลยมาพอสมควรแต่งานเลี้ยงยังไม่เลิกราง่ายๆ แบมแบมขยั้นขยอยัดเยียดแก้วเหล้าให้ผมอย่างสุดความสามารถ ผมก็ปฏิเสธสุดความสามารเหมือนกัน ไม่รู้ว่ามาร์คกับฮายองหายไปไหน พวกเขาหายไปเมื่อหานาทีที่แล้ว ผมที่รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำจึงออกมาจากห้องวีไอพี ระหว่างเดินไปตามทางมีผู้หญิงแต่งตัวน้อยชิ้นหลายคนยื่นแก้วที่ใส่น้ำเมาให้ผม ซึ่งแน่นอนว่าผมต้องปฏิเสธ
ทันใดนั้นเองตรงทางเดินเข้าห้องน้ำเสียงของมาร์คและฮายองด้านหน้าทำให้ผมชะงักโดยเฉพาะประโยคที่มาร์คฮยองพูดว่า “แจบอมก็อีกคน”
รู้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม แต่ผมก็ยังคงหลบที่มุมทางเชื่อมก่อนจะเอียงหูแอบฟังสิ่งที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน
“เธอก็รู้ พี่ไม่ชอบให้จินยองทำเป็นเล่นกับเธอ” มาร์คเอ่ยเสียงเรียบ
ฮายองถอนหายใจเสียงเบา“แล้วพี่จะให้ทำยังไง ให้ฮายองสาบานเลยไหม ไม่ว่ายังไงก็จะไม่คบกับเพื่อนพี่เด็ดขาด” เธอว่าพร้อมกับทำมือสามนิ้วชิดกันแบบทาสาบานทั่วไป
“…ก็..ก็ดี นายนั่นไม่เหมาะกับเธอหรอก … แล้วแจบอมด้วย เธอรู้ใช่ไหมว่าเขาชอบ” มาร์คถามกลับอีกครั้ง คำถามนี้มันแทงใจดำผมขึ้นมาทันที มาร์ครู้ว่าผมชอบน้องสาวเธอ ทำไมถึงรู้? ผมไม่ได้แสดงอาการอะไรเลย ตอนนี้หัวใจของผมมันกำลังทะลุออกมาอยู่ลอมล่อ
เธอพูดติดๆ ขัด ๆ “ร..รู้นานแล้ว…” คำตอบที่ชัดเจนนั้นเล่นเอาซะผมอึ้ง ผมเบิกตาโตด้วยความประหลายใจ.. เธอรู้นานแล้ว นี่มันทำให้ผมรู้สึกเซอร์ไพรส์สุด ๆ …
ทว่าคำพูดต่อมาของมาร์คนั้นมันแทงใจดำเสียยิ่งกว่า ราวกับเอากระสุนมายิงกลางใจผมเลยทีเดียว “เป็นเพื่อนกันก็ดีแล้ว… พี่ไม่ชอบอดีตของแจบอม อีกอย่างนะ เขาไม่เหมาะกับเธอยิ่งกว่าจินยองซะอีก”
ฮายองมองพี่ชายตรงหน้าด้วยความขุ่นเคือง “พี่เลิกพูดถึงแจบอมในแง่ลบได้ไหม…. ฮายองก็บอกไปแล้วไม่ว่าจะจินยองหรือแจบอมก็จะไม่คบใครทั้งนั้นแหละ ” น้ำเสียงแฝงไปด้วยโกรธเคืองเล็กน้อย ฮายองมองพี่ชายตาขวางก่อนจะหันหลังเดินกลับไป
มันไวเกินไปรึป่าวนะ … ผมกำลังอกหักแหละ…
IM JAEBUM END
“ฉันไม่เมา… ไม่เมา ไม่…….. เมา” ชายหนุ่มที่เคยชิคและคลูเอามากๆ บัดนี้กำลังเมาเละเทะ ก่อนหน้านี้ยังตั้งปฏิญาณกับตัวเองเลยว่าจะไม่ดื่มแอลกอร์ฮอลแม่แต่หยดเดียว ไหงพอไปเข้าห้องน้ำแปปเดียวถึงเปลี่ยนใจเอาไวแบบนี้ แบมแบมแบกร่างแจบอมลงรถด้วยความทุลั ทุเล
“ไม่เมาได้ไงวะ กี่สิบแก้ววะนั่น คอแข็งชะมัดยาก” แบมแบมบ่นอุบอิบ ถึงอย่างนั้นก็ยังคงพยุงเพื่อนแสนเข้าใจยากมาส่งถึงบ้านแบบครบสามสิบสอง
“แบมแบม… นายสวยม๊ากกมากก”
“…” เมาแล้วพูดอะไรขนลุกชะมัด
เพื่อนเขาคงเมาแบบฉุดไม่อยู่แล้วจริงๆ ในรอบปีแจบอมพึ่งดื่มหนักขนาดนี้เป็นครั้งแรก แบมแบมมีสีหน้าเหยเก ร่างเล็กปล่อยอีกคนไว้ที่หน้าประตูรั้นบ้านก่อนจะตบหน้าแจบอมเบาๆ เรียกสติ
แบมแบมกำชับกับคนตรงหน้าที่เริ่มมีสติขึ้นมานิดนึง “เข้าบ้านดีๆ ฉันไปละ… เฮ้ย เข้าบ้านดีๆ นะนาย” ร่างเล็กหันหลังกลับไปที่รถ เขาหันมามองเพื่อนตัวเองเป็นระยะ ‘วันนี้คึกอะไรวะ’ แบมแบมคิด
มือเรียวพยายามไขกุญแจบ้านแต่ด้วยฤทธิ์แอลกอร์ฮอลทำให้ระดับการมองของเขาต่ำลง ตาของเขาพร่ามัว ชายหนุ่มสะบัดหัวทีหนึ่งก่อนจะดันประตูเข้าไป ขาของเขาอ่อนปวกเปียกเหมือนจะทรงตัวไม่อยู่เขาวางกระเป๋าบนโต๊ะรับประทานอาหารดังตึง
“ฉัน.. อกหักหรอ”ปากบางยกยิ้มขึ้นมา นัยต์ตาสีดำสนิทเหม่อมองอย่างไร้จุดหมาย แต่ทำไมเขาไม่รู้สึกว่าสิ่งที่ทำเสียใจคือการที่ฮายองไม่ยอมคบกับเขากันนะ เขากำลังเสียใจเรื่องอะไรกันแน่ หรือเพราะคำพูดที่เชือดเฉือนหัวใจของพี่ชายเธอ
“โนรา… โนรา” แจบอมเรียกหาแมวตัวเอง แต่ปราศจากเสียงตอบรับใด ๆ คิ้วเรียวขมวดชิดกัน เขาเพ็งมองไปรอบ ๆ “โนรา … แกออกไปเล่นข้างนอกอีกแล้วหรอ” เรื่องปกติที่แมวเขาจะแอบออกทางช่องแมวรอดหน้าประตู
“…” ลมหายใจอ่อนๆ ถูกพ่นออกมาจากปากชายหนุ่ม เขากำลังหยิบหนังสือในกระเป๋า สายตาก็เหลือบไปเห็นกรงนกสีขาวที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ นกน้อยจ้องมองเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย พอรู้ว่าเขามองมันก็ร้องจิ๊บๆ ทันควัน
สิ่งนั้นทำให้เขาได้สติ “ฉันเกือบลืมเธออีกแล้ว” ในใจเขาก็แอบรู้สึกผิด นี่ครั้งที่สองแล้วที่เขาลืมว่ามีอากาเซอยู่ที่บ้าน เขาจัดการตรวจดูแผลของนกพอรู้ว่ามันปิดสนิทแล้วก็ยิ้มบางๆ แจบอมนั่งลงที่เก้าอี้ก่อนจะเท้าคางมองนกตัวน้อยในกรง
จิ๊บๆ .. จิ๊บ ๆ…
“เอาแต่ร้องจิ๊บๆ จริงๆ ด้วย…”
เหมือนว่าเขาจะไร้สติไปแล้วจริงๆ มือเรียวเอื้อมไปยังประตูที่เปิดกรงก่อนจะหมุนกอนออก ปล่อยให้ประตูกรงเปิดอยู่อย่างนั้น การกระทำของเขาทำให้นกน้อยเอียงคอไปมา ตาแวววาวมองกระทำทำของเขาอย่างฉงน
“นกที่ดี คือนกที่บินอย่างเป็นอิสระนะ ….” เขาพรึมพรำ นิ้วชี้ของเขาลอดเข้าไปถูไถกับลำคอนุ่มของมัน นกน้อยเอียงคอเข้าหาก่อนจะจ้องชายหนุ่มไม่วางตา
“เธอจะออกจากกรงตอนไหนก็ได้… โนราไม่ทำร้ายเธอหรอก” ‘นี่เขากำลังพูดกับนกหรอ บ้าไปแล้วแน่ๆ เขาคงเมาหนักมากจริงๆ ’ เหนือความคาดหมาย เขาคิดไว้แล้วว่าเมื่อเปิดกรงนกต้องบินหนีไปและออกไปจากบ้านเขาทันที แต่อากาเซตัวนี้แค่กระโดดโหยงๆ ออกมาก่อนจะกางปีน้อยๆ ของมันบินมาเกาะไหล่เขาอย่างถือวิสาสะ
ชายหนุ่มหันมามองนกน้อยด้วยความสงสัย แต่ปากบางกลับยิ้มออกมากับท่าทีของนกที่ร้องจิ๊บๆ บนไหล่เขา แจบอมยกมือขึ้นมาข้างหน้าเพื่อให้นกตัวน้อยเกาบนแขนของเขาและมันก็เป็นดังที่เขาต้องการ ชายหนุ่มเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
รอยยิ้มเบาบางถูกจุดบนหน้าเขาอีกครั้ง
“ฉลาดจังนะเธอ”
จิ๊บๆ…. จิ๊บๆ….
จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ตั้งชื่อตัวนี้เลย ถึงแม้จะไม่รู้ว่าาอากาเซตัวนี้จะบินออกจากบ้านเขาเมื่อไหร่ก็ตาม อย่างน้อยเขาก็ควรตั้งชื่อให้เหมือนกับเจ้าโนรา
จิ๊บ ๆ จิ๊บ ๆ นกน้อยร้องถี่ๆ เหมือนเร่งรัดเขา ความจริงเขาคิดไปเองนั่นแหละ อย่างน้อยๆ วันนี้นกน้อยตัวนี้ก็ทำเขาลืมเรื่องที่เลวร้ายได้ซักระยะ
“เดียวสิ เธอชื่อ ‘ยองแจ’ แล้วกัน ยองแจแปลว่าฉลาด ฉลาดเหมือนเธอไง ” นิ้วเรียวลูบหัวสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ข้างหน้า ขนของมันนุ่มลื่นมือมาก สมกับเป็นนกราคาแพงอย่างอากาเซ
จิ๊บๆ … จิ๊บๆ ….
“ยองแจอา… ยองแจ..”
จิ๊บ ๆ… จิ๊บ ๆ….
“ฉลาดจังแหะ ….. ว่าแต่นี่ฉันคุยกับสัตว์? เฮ้อ..” ประโยคสุดท้ายเขาพูดกับตัวเองเบาๆ เพื่อเตือนสติว่าสัตว์ไม่รับรู้สิ่งที่เขาเอ่ยออกมาแม้แต่นิด เขาวางนกไว้ในกรงเช่นเดิม ก่อนจะลากสังขารตัวเองเข้าห้องน้ำเตรียมตัวสำหรับนิทราในคืนนี้
ยองแจอย่างนั้นหรอ
เป็นครั้งแรกที่เรามีชื่อเป็นของตัวเอง นกทั่วไปไม่มีชื่อเรียกหรอกใช่ไหม
แต่เราชอบที่จะมีเหลือเกิน
TALK
เดาเกือบถูกแล้วคะว่านกคือนาอึน
ทำไมเกือบถูกต้องติดตามเนอะ^^
ติดแท็ก #ฟิคอากาเซ นะคะ
ความคิดเห็น