คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : AGASE : บทนำ
บทนำ
“อยากบินได้”
ประโยคสั้นๆ ที่มีความหมายตรงตัวคำนี้ ถูกใช้พูดกันเล่นในหมู่มนุษย์มานักต่อนัก เพียงเพราะปีกคือสัญลักษณ์ของความเป็นอิสระ เสรี เช่นนั้นจึงถูกเปรียบเปรยเสมอว่า นกคือสัตว์แห่งเสรีภาพ
มนุษย์มักจะเล่นตลกกับสัตว์เล็กๆ เสมอ
พวกเขาชอบคิดกันเป็นตุเป็นตะไปเอง นกไม่ได้เป็นอิสระเสมอไปซะหน่อย….
…………………………………
“อากาเซ ?”
ชายหนุ่มผมดำขลับ ใบหน้าหมดจดบวกกับร่างสูงโปร่งของเขาทำให้เขาดูดีราวกับนายแบบ ไม่ว่าใครที่พบเห็นครั้งแรกคำที่นึกขึ้นได้ในหัวทันทีคือ ‘หล่อ’
“ เป็นนกตัวเล็กๆ นะ ตอนนี้คนในคณะเลี้ยงอากาเซกันเต็มไปหมด” ชายหนุ่มผมสีทองสว่าง ร่างเล็กกว่ามาตราฐานชายปกติตอบคำถามของเพื่อนสนิททันควัน
ได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย บ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เพื่อนอีกคนเอ่ยขึ้น “น่าแปลก ไม่เคยคิดเลยว่าจะถึงยุคที่นิยมเลี้ยงนกแล้ว” สำหรับเขาแล้วถือเป็นเรื่องที่ประหลาดพอสมควร ถ้าเทียบกับสุนัขหรือแมวแล้วยังน่าเลี้ยงเสียมากกว่า การจ้องมองนกในกรงไม่ใช่สิ่งที่น่าพิศวาสมากนัก
เพื่อนอีกคนพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะเริ่มบทสนทนาต่อ “ที่บ้านนายมีแมวอยู่แล้วนี่ เลี้ยงไม่ได้อยู่แล้วใช่ไหมละ เห็นมีแต่คนบอกว่าเสียงนกไพเราะพอย่างนู้นอย่างนี้ ฉันว่ายิ่งฟังยิ่งน่ารำคาญ วันๆ เอาแต่ ร้อง จิ๊บ ๆ ๆ” ชายหนุ่มว่าพลางดัดเสียงเล็กเสียงน้อยให้เหมือนนก
ท่าทางของอีกคนทำเอาชายหนุ่มผมดำส่ายหัวไปมาด้วยความเอือมระอา ถ้าถามว่าอะไรดลใจให้พวกเขาเริ่มบทสนทนาเรื่องนกอากาเซนะหรอ ความจริงแล้วหัวข้อนี้กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ไม่ว่าใครต่างก็รู้ดี ‘คนที่ไม่เลี้ยงอากาเซนะ เฉยไปละ’
…………………………………
กักขังไว้ว่าทรมาณแล้วนะ
ทิ้งอย่างไร้เยื่อไยมันทรมาณยิ่งกว่า
นกน้อยที่พึ่งฟักตัวออกจากไข่ได้ไม่นาน ไม่มีโอกาสบินเลยด้วยซ้ำ ที่ช้ำหนักทวีคูณคือแม้แต่ผู้ให้กำเนิดยังไม่เคยเห็นแม้แต่เพียงปลายขน สิ่งที่มนุษย์มอบให้มันคือนรกทั้งเป็น นกที่ไม่เคยฝึกบินจะบินได้หรอ….
นัยตาสีดำขลับของสัตว์ขนเรียบนจ้องมองบางอย่างที่ไร้จุดหมายลอดกรงหนาสีดำ เจ้าตัวได้แต่เหม่อมองอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครหรอกที่สามารถเข้าใจจิตใจที่แท้จริงของนกตัวนี้ได้ สมองของมันมีแต่ความว่าเปล่า หากมีสิ่งหนึ่งที่มันปรารถนามาโดยตลอด คือการออกจากเหล็กดัดสีดำที่ล้อมเขาไว้นี้ซะ
“แม่คะ หนูอยากได้แมวเปอร์เซียมาเลี้ยง” เด็กหญิงผู้ที่เคยอ้อนมารดาตนซื้อนกอากาเซตัวนั้นจนสำเร็จ เธอเอ่ยกับมารดาด้วยความเอาแต่ใจ
ผู้เป็นแม่หันมาทางลูกสาวก่อนจะมองนกน้อยในกรงพลางถอนหายใจ “แต่ลูกมีอากาเซตัวนั้นแล้วนะ”
เด็กหญิงท่าทางแข็งกร้าวหันไปทางนกน้อยในกรง ก่อนจะพูดอย่างไม่แยแส “ก็ ‘ทิ้ง’ ไปเลยก็ได้นิ เพื่อนๆ คนอื่นไม่นิยมเลี้ยงกันแล้ว วันๆ เอาแต่ร้อง จิ๊บๆ น่ารำคาญ” นกน้อยสามารถเข้าใจคำพดเหล่านั้นของคนที่พรากเขาจากอิสระไปได้ ไม่รู้ว่าจะเจ็บช้ำแค่ไหน ทั้งๆ ที่ตอนซื้อมาแรกๆ ยังชมว่าน่ารักไม่ขาดปาก
แม่ได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยเสียงห้วน “ไม่ได้นะลูก ซื้อมาแล้วก็ต้องดูและสิ”
แต่ทว่าเด็กน้อยเริ่มงอแง เธอร้องเสียงลั่น “ไม่เอา! หนูเบื่อมันแล้ว!” หญิงสาวที่ดูลูกตัวเองทำกิริยาเอาแต่ใจแบบนั้นก็ส่ายหัวไปมาอย่างอดไม่ได้ แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจเพราะลูกของเธอปัดกรงนกนั้นหล่นลงมาจากความสูงเกือบเมตรดังลั่น
หญิงสาวตวาดทันควัน “ก็ได้ ๆ ! พรุ้งนี้ไปร้านขายสัตว์กัน ” คำพูดนั้นทำเอาลูกสาวฉีกยิ้มอย่างน่าหมันไส้ เพียงแค่ได้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ เธอก็สามารเอาไปอวดเพื่อน ๆ ได้แล้ว
นัยต์ตาดำที่ตื่นตระหนกจากการหล่นของเหล็กที่กั้นมันไว้เมื้อกี้แปลเปลี่ยนเป็นแววตาวาวที่มีน้ำใสระรื้นแทน ‘มนุษย์ทำอะไรกันอยู่นะ…’ รางสังหรณ์ในใจของนกน้อยไม่ดีอยู่ตลอดเวลา
นกตัวน้อยที่เคยมีขนสีเขียวอมส้มสว่างตอนนี้กลับกลายเป็นขนที่เปียกปอนจากฝนพรำกระเด็นสาดผ่านทางหน้าที่เปิดทิ้งไว้ เมื่อวานผู้เป็นเจ้าของพึ่งพาสัตว์เลี้ยงตัวใหม่เข้ามาในบ้าน นกน้อยไม่รู้เพราะเหตุใด แต่มนุษย์ทำกับมันไร้ตัวตนและหันไปสนใจสัตว์เลี้ยงชนิดนั้นแทน
ดวงตาดำวาวเหม่อเหม่อมองอย่าไร้จุดหมายเช่นเคยจนกลายเป็นกิจวัตร อยู่แต่ในกรงเหล็กไม่เคยได้ออกไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว นกน้อยมองปีกของตัวเองก่อนจะมองนกตัวอื่นๆ ที่กำลังบินว่อนนอกหน้าต่างด้วยสายตาหมดหวัง
ทันใดนั้นเอง ' เมี๊ยวว เมี๊ยวว ' นกน้อยเบิกตาโต มองแมวอ้วนกลมสีส้มทบัดนี้ี่อยู่หน้ากรงประตู แววตาสีเขียวคมประกายจร้านั้นจ้องมองมันไม่วางตา จู่ๆ นกน้อยก็รูสึกกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
'ออกไปนะ .... ออกไปนะ'
แกร๊กก แกร๊กก เมี๊ยวว แมวตัวใหญ่สีส้มใช้เล็บแหลมของมันตะปบไปที่กรงอย่างแรงจนเกิดเสียงดังแกร๊กๆ หัวใจของอากาเซเต้นระรัว ได้แต่ภาวนาให้แมวตัวข้างหน้ามันหยุดการกระทำนั้นซะ... เขาได้แต่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวเท่านั้น หากแต่ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ เขาเป็นแค่นกตัวเล็กที่อ่อนแอ ข้อนั้นนกน้อยตัวนี้รู้ดี
แควก จนแล้วจนรอด แมวก็สร้างรอยแพลที่ปีกด้านขวาของอากาเซอย่างจังน้ำสีแดงสดเริ่มไหนริน 'จิ๊บๆ ๆๆ ' มันได้แต่ร้องจิ๊บๆ เรียกให้มนุษย์สนใจ ... มันจะทำอะไรได้อีกละ นอกจากร้องจิ๊บๆ ไปวันๆ เหมืนที่มนุษย์กล่าว
‘จิ๊บ ๆๆ เจ็บ… ช่วยด้วย …. มนุษย์ไปไหนกันหมดนะ’ มีแต่นกน้อยเท่านั้นที่รู้ความหมายของตัวเอง... เจ็บ... มันกำลังจะตายจากการเสียดเลือดมากเกินไป ชีวิตของมันเกิดมาเพื่ออยู่ในกรงเหล็กและตายจากไปอย่างไร้ค่า ใช่ไหม.. มันเกิดมาทำไมนะ แม้แต่บินก็ยังไม่เคยได้ทำเลยด้วยซ้ำไป
แกร๊กก
เหมือนสวรรค์จะเห็นใจ กรงที่ล็อคด้วยกอนขนาดเล็กถูกเปิดออกจากการตะปบของแมวเจ้าปัญหา ด้วยความที่ต้องการมีชีวิตต่อไป นกน้อยไม่รีรอที่จะใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตัวเองโพลบินออกไป โชคดีที่หน้าต่างถูกเปิดไว้พอให้เขาผ่านไปได้
... อย่างน้อยก่อนจะตาย เขาอยากจะบินอย่างอิสระ......
แต่สิ่งที่เขาอยากจะทำมากกว่านั้น คือการเข้าใจจิตใจของมนุษย์.....
…………………………………
"นี่แจบอม ทำไมนายไม่ยอมบอกฮายองไปซักทีว่านายชอบเธอ" ชายหนุ่มผมสีทองสว่างเอ่ยถามเพื่อนข้างกายที่พึ่งเดินออกมาจากร้านขายอาหารสัตว์ด้วยกัน
แจบอมที่ถูกถามแบบนั้นก็ตอบคำถามในลักษณะเดิมเช่นทุกครั้งที่มีคนถามเขา “กลัวนะ” ชายหนุ่มว่าพลางหัวเราะแห้งๆ ในขณะที่เท้าของเขายังคงเดินสะเปะสะปะตามเพื่อนตัวเล็กไป
ดูเหมือนคำตอบจะไม่เป็นที่พอใจเท่าไหร่นัก ร่างเล็กหันไปเอ็ดเพื่อนทันที “ย่าส์… นายน่าจะรีบๆ นะไม่งั้นโดนคนอื่นงาบเธอไปจะเสียใจทีหลัง ” คำเตือนของเพื่อนเขาหาได้สนใจไม่ แจบอมเพียงแค่ถอนหายใจออกมาเท่านั้น จริงอยู่ที่ว่าเขาแอบรักฮายองเพื่อนหญิงร่วมคณะ แต่เขายังไม่กล้าพอที่จะสารภาพกับเธอ.. ไม่รู้ทำไม แม้แต่เขาเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลยด้วยซ้ำ
ระหว่างที่เขากำลังเดินเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น จู่ๆ สายตาก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างข้างถนนคอนกรีต เป็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กกำลังหายใจโรยริน แจบอมขมวดคิ้วมุ่น เขาเพ่งอยู่นานกว่าจะรู้ว่ามันคือนกน้อยที่กำลังได้รับบาดเจ็บ
เพื่อนอีกคนมองตามด้วยความสงสัย “แจบอม ตรงนั้นมีอะไรหรอ?”
ชายหนุ่มละสายตาจากนกตัวนั้นก่อนจะส่ายหัวให้เพื่อนด้านข้างพลางพูดน้ำเสียงปกติ " ไม่มีอะไรหรอก" ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องสนใจนกที่ใกล้จะตายแล้ว เป็นเรื่องธรรมชาติของสัตว์ที่จะตายข้างถนน
ในขณะที่เขากำลังจะก้าวเดินนั้น มีบางอย่างทำให้เขาต้องหยุดชะงัก ในหัวเขามีแต่ภาพนกน้อยตัวนั้นที่ใกล้จะหมดลมหายใจ ไม่รู้อะไรดลใจทำให้เขาต้องรีบกลับไปยังที่นกตัวนั้นนอนจะเป็นจะตาย การกระทำที่เข้าใจยากของแจบอมทำเอาเพื่อนอีกคนงงเป็นไก่ตาแตก 'เป็นอะไรของเขา'
มือหนาค่อยๆ ช้อนร่างนกน้อยตัวนั้นขึ้นมาช้าๆ ก่อนที่เขาเริ่มสำรวจบาดแพล เพื่อนร่างเล็กที่พึ่งตามมาถึงพอเห็นนกน้อยตัวนี้ก็เอ่ยขึ้นทันที
"นี่มันอากาเซนี่นา"
แจบอมไม่ได้สนใจเสียงของอีกคน เขามองนกน้อยในมือก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ "มันได้รับบาดเจ็บที่ปีกนะ เสียเลือดมาก ต้องรีบรักษา"
…………………………………
อยากพูดกับมนุษย์เหลือเกิน 'เจ้าคนใจร้าย' ทำไมต้องกักขังเราไว้ด้วยนะ
เราทำอะไรให้พวกมนุษย์กัน กักขังเราไว้ทำไม...
เจ็บ... เจ็บจนเกินจะทนไหว นกน้อยพรึมพรำกับตัวเองอย่างเลื่อนลอย หากเป็นเสียงที่มนุษย์ได้ยินคงเป็น จิ๊บๆ ๆๆ สินะ.. มันได้แต่โทษโชคชะตาของตัวเองที่เกิดมาเป็นนกน้อยไร้ค่า ต้องมาตายเปล่าอย่างไรค่า มันไม่ยุติธรรมเลย ไม่ยุติธรรมเลยแม้แต่นิดเดียว
ปีกที่เปียกปอนค่อยๆ ลู่ลงสู่พื้นถนนคอนกรีต ขนยาวไล่ลงกับพื้นอย่างหมดแรง ความหนาวเหน็บของคอนกรีตชื้นส่งผ่านมายังร่างนกตัวน้อย หัวใจของเขากำลังเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งในฤดูหนาว ลมหายใจที่จวนเจียเป็นสัญญาณบอกว่ามันกำลังจะตาย... มันกำลังเป็นนกที่ตายข้างถนน... ไม่มีใครสนใจใยดี...
‘ตายซะ... ยังดีกว่า.. อยู่ให้ทรมาณ’ ถึงอย่างนั้นส่วนลึกในใจก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างปฏิเสธไม่ได้
ตึก.. ตึก..
เสียงฝีเท้าใครนะ.. กำลังเดินมาทางนี้…
จะมาซ้ำเติมอย่างนั้นหรอ… ช่วยเหยียบให้ตายทีเดียวที ไม่อยากจะทรมาณอีกต่อไปแล้ว
"มันได้รับบาดเจ็บที่ปีกนะ เสียเลือดมาก ต้องรีบรักษา" เสียงทุ่มของใครกันนะ... ใครกัน...
เขากำลังช่วยเราหรอ....
ช่วยทำไม.... มนุษย์ช่วยเราไปเพื่ออะไร...
นกน้อยได้แต่สงสัย ฝ่ามืออุ่นของมนุษย์ที่กำลังยกร่างมันขึ้นอย่างไม่รังเกียจคือใครกัน มันอยากจะเห็นหน้าเหลือเกินแต่เขาทำไมได้.. ตาของมันพร้ามัวเกินกว่าจะจับภาพทั้งหมด
'มือของมนุษย์คนนี้อุ่นจัง...'
...................................................................................................
TALK
มาอีกแล้วคะกับนิสัยเดิมๆ ของไรท์ TT
นิสัยยืดเยื้อเนื้อเรื่องและชอบทำเรื่องให้ยาว
เรื่องนี้ยังไม่เริ่มจริงจังเลยคะ ฮรือ คาดว่าคงประมาณ 14-15 ตอน
ทั้งๆ ที่ตอนแรกกะไว้ 5-6 ( มาไกลจริงๆ ) ตอนนี้ไรท์อยู่ม.6 อาจอัพช้านะคะ
แท็ก #ฟิคอากาเซ นะคะ ว่าแต่คงไม่ซ้ำใช่ไหมTT
STAR THEME
ความคิดเห็น