ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fiction Lumin ft.exo]Die rosen (exo)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 57



    Intro : Red Rose
    ก่อน ค.ศ.

       ผิวขาวซีดราวหิมะของเด็กน้อยตัดกับบรรยากาศในห้องกว้างสีหม่น ผมดำตรงยาวคลุ่มไหร่นิ่งไม่ไหวติง ดวงตากลมโตนัยตาสีเลือดจ้องมองลอดหน้าต่างจากหอคอยปราสาทไปยังความมืดมิดในป่าช้าเด็กน้อยยังคงจ้องมองอยู่อย่างนั้น ร่างนิ่งราวกับหุ่นขี้ผึ่ง ดวงตาไม่มีแม้แต่ความแวววาวปราศจากความรู้สึก ปากบางสีแดงสด


    ทุกอย่างในตัวเด็กคนนี้ล้วนเป็นคุณสมบัติของ'กุพชะกะ'สิ่งที่หายากยิ่งในโลกมนุษย์หรือที่มนุษย์เรียกขานกันคือ'แวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์'

     

     

    บทนำ
     

    ก่อน ค.ศ.

           แอ๊ดดด บานประตูไม้แกะสลักถูกเปิดออกโดยแวมไพร์ตัวน้อย สองเท้าอย่างเหยียบขึ้นลงตามบันไดอย่างช้าๆในระหว่างทางเดินไม่มีผู้ใด้หรือสิ่งมีชีวิตไหนอยู่เลยมีแต่ความเงียบเชียบกับเสียงฝีเท้าของเขาเท่านั้น
     

         
        เห็นได้ชัดว่าทั้งปราสาทเด็กน้อยอยู่ตามลำพัง ใช้เวลาไม่นานก็ถึงบานประตูล่างสุดของตัวปราสาท ขาสองข้างก้าวออกจากปราสาทไม่ไกลก็พบกับบ้านไม้สีหมดหลายหลังตั้งเรียงราย บรรยากาศมืดครึ้มไร้แสงตลอดปี อีกทั้งยังมีแวมไพร์ คล้ายเขามากมายบางก็สื่อสารบางก็เดินไปมา

     

        ที่แห่งนี้คือหมู่บ้านแวมไพร์ทุกตนล้วนเป็นแวมไพร์คล้ายเขาหากแต่ไม่มีใครพูดคุยกับเขาเลย สำหรับเจ้าตัวถือเป็นเรื่องปกติเพราะแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์เช่นเขาแม้แต่แวมไพร์ด้วยกันยังเกรงกลัวไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้า ซึ่งเป้นความเกรงกลัวที่เจ้าตัวก็มิอาจเข้าใจเพราะเหตุใด
     

       
         เขาเกิดในปราสาทใหญ่ใจกลางหมูบ้านแวมไพร์  ซึ่งอยู่มาเป้นเวลาถึง 24ปี ( เทียบอายุมนุษย์คือ 8 ปี ) เขาอยู่ในหมู่บ้านแวมไพร์แต่ไม่มีใครพูดคุยกับเขามาโดยตลอด 24 ปี ในหนึ่งวันสิ่งที่เขาทำคือการจ้องมองบางอย่างที่ไร้จุดหมายในผืนป่าหลังหมู่บ้าน

     


        ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้พูดคุยกับใครแต่ก็ยังได้ยินเสียงพวกแวมไพร์พูดคุยกัน เขามักจะลงมาดูแวมไพร์ในหมู่บ้านบ่อยๆจนกลายเป็นกิจวัตร ด้วยหูที่ดีกว่าสิ่งมีชีวิตทั่วไป ขอเพียงเว้นระยะห่างไม่มากก็สามารถรับรู้ได้ว่าพวกแวมไพร์สื่อสารอะไรกัน



    กลุ่มแวมไพร์ฮันเตอร์งั้นรึ” แวมไพร์ตนหนึ่งเอ่ย( แวมไพร์ฮันเตอร์ตือมนุษย์ที่ปราบแวมไพร์โดยถูกคัดเลือกทางสายเลือด)
     


    ใช่ เห็นว่าจะบุกมาถึงถิ่นนี้ข้าก็รีบเก็บข้าวของย้ายถิ่นฐานตั้งแต่วานซืนแล้ว เดียวจะไม่ทันการ
     


    แล้วกุพชะกะ..สายเลือดบริสุทธิ์ละ เขาคือตัวแทนขางสายเลือดกุพชะกะนะ” แวมไพร์หนุ่มเอ่ยราวกระซิบ
     


    เจ้าไม่รู้หรือ ที่อันตรายที่สุดคือเจ้านั่นแหละ คิดว่าพวกเราจะขึ้นตรงกับเขาจริงๆนะหรอ บ้าน่า.

       
        ขณะพูดแวมไพร์ก็เหลือบมองซ้ายขวาเหมือนระวังบางอย่างตลอดเวลา เสียงกระซิบยังคงดำเนินต่อไป ในขณะที่เด็กน้อยยืนฟังอยู่เงียบๆในระยะที่พวกเขาไม่สามารถสังเกตเห็นได้

     

         
       แต่เจ้าตัวมิได้สนใจอีกต่อไปจนกระทั่งสังเกตได้ว่าผู้คนรอบข้างแปลกไปจากเดิมแต่ละตนดูรีบร้อนผิดปกติบางตนถึงกับหอบสิ่งของเครื่องใช้ เป็นเช่นนี้แทบทุกตน นัยน์ตาเด็กน้อยกระตุกวูบ สัญชาตญาณบอกเขาว่ามีบางอย่างที่แปลกไป รอบตัวเขานั้นผู้คนเริ่มจางหายไปเรื่อยๆ

     

         
       จนเจ้าตัวสังเกตเห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังเตรียมตัวหนีอะไรบางอย่างเขาไม่รุ้เพราะเหตุใด จะเกี่ยวกับที่แวมไพร์หนุ่มเมื่อกี้พูดกันหรือไม่ ตามปกติแล้วแวมไพร์จะไม่ย้ายถิ่นฐานกันง่ายๆนอกเสียจากเกิดเหตุการณ์คับขันขึ้นจริงๆเท่านั้น



    เขารับรู้ได้ว่า..ในหมู่บ้านแห่งนี้กำลังจะไม่เหลือใครอีกแล้ว
     


    ไม่มีอีกแล้ว .. แล้วเขาละ?
     

       
        เขาไม่รุ้จะทำเช่นไรกับเหตุการณ์เช่นนี้ เขาได้แต่ยืนมองแวมไพร์ตนอื่นที่เริ่มจางหายไปอย่างสงสัย  วันนี้ช่างแปลกเสียจริง ในรอบยี่สิบกว่าปีพึ่งเกิดเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรกเขาได้แต่ปล่อยให้เวลาเลยผ่านไปอย่างนั้น
    แวมไพร์หลายตนผ่านลำตัวเขาไป ตนแล้ว ตนเล่า บ้านไม้หลายหลังไม่มีใครอยู่อีกต่อไป
     

       
        นัยน์ตาสีเลือดสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็น มีบางอย่างบอกให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน เจ้าตัวคว้าแขนแวมไพร์สาวตนนึงที่กำลังเดินผ่านไป

     


    ..ท่านกุพช..!! ท่าน ได้โปรดปล่อยข้าเถิดแวมไพร์สาวที่กำลังตกตะลึงพูดตระกุกตระกักด้วยความกลัว นับเป็นภาพที่ตลกสำหรับคนธรรมดาที่จะเกรงกลัวเด็กเล็กได้ขนาดนี้
     


    ไปไหนกันหรอเสียงเย็นยะเยือกปนเศร้าสร้อยออกมาจากปากบางสีแดงสด ถือเป็นสิ่งที่หายากยิ่งที่กุพชะกะจะเอ่ยออกมา แต่ทำเอาแวมไพร์สาวเกร็งตัวจนขนลุก
     


    ข้า..พวกข้าอยุ่ที่นี่ไม่ได้แล้วพวกข้าต้องไปแวมไพร์สาวพูดอย่างเกรงกลัวถือโอกาสพละแขนออกจากเด็กตรงหน้าแล้วค่อยๆเดินไปอย่างช้าๆเมื่อเห็นว่าไม่ได้ตามมาจึงรีบหนีไป ..ทำไมต้องหนีเขาด้วยนะ เด็กน้อยเก็บความสงสัยไว้ในใจ
     


    แวมไพร์ตัวสุดท้ายหายไปจากหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว

     
    ในเวลาไม่นานในหมู่บ้านนี้เหลือเพียงเขาคนเดียว

     


    แล้วเราละ’ เขาสงสัยเหลือเกินเขาจะทำยังไงดี? เขากลัวเกินกว่าจะกล้าออกจากที่แห่งนี้
     


    แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับแวมไพร์น้อยตนนี้หรอ..ไม่มีใครรู้
     

     

    …..
     

    ปัจจุบัน

        ติ๊งง ต๊องงง เสียงออดมหาลัยดังก้องมายังห้องสมุด บริเวณนั้นไม่มีใครซักคนนอกจาก คิม มินซอก ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเงียบเชียบคนเดียวอย่างเป็นกิจวัตร
     


        ในขณะที่เขากำลังเอาหนังสือ สายตาเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหน้าสีออกเทาแดงดูลึกลับหนังสือเล่มนั้นเรียกความสนใจจากมินซอกเป็นอย่างดี คิ้วหนาได้รูปขมวดชิดกันด้วยความสงสัยหนังสืออะไรนะ มีหนังสือแบบนี้ตรงโซนภาษาด้วยหรอ
     


    มินซอกหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาจากชั้นอย่างอยากรู้อยากเห็น
     


    *Sehun*หน้าปกถุกเขียนด้วยตัวอักษรที่เขามินซอกไม่เคยเห็นมาก่อนแต่น่าแปลกที่เขาสามารถแปลมันได้ ทำไมกันนะ เซฮุนหรอ?
     


    กุพชะ.
     


    มินซอกกก
     


    ห้ะ
     


    พลั่ก ในขณะที่กำลังอ่านหน้าแรกมินซอกเพลอทำหนังสือหลุดมือเพราะความตกใจ มินซอกส่งตาขวางไปทางผู้มาเยือนอย่างเคืองๆ
     


    แกมีไรจงแด?”..ตกใจหมด
     


    เราตามหานายซะทั่วมหาลัย! ไปไหนมาไหนบอกกันบ้าง เปิดโทรศัพท์บ้างก็ดีนะ
     


    ว่าแต่มีไร มินซอกไม่สนใจคำติของเพื่อนเลยซักนิด
     


    วันนี้มีงานคณะนะ อย่าลืมนี่เลยเวลาคาบบ่ายแล้วด้วย
     


    งานอะไรอีกมินซอกกล่าวอย่างสงสัยพร้อมก้มหยิบหนังสือ..ห้ะ..หนังสือ ??
     


    หนังสือหาย? มันตกตรงนี้นิ มินซอกก้มลงคลำๆที่พื้นแต่ก็ไม่พบสิ่งที่ต้องการ อะไรเนี่ย มันหายไปเองเนี่ยนะ บ้าน่า
     


    นายหาอะไร?
     


    มันหายไปแล้ว โอ้ย เพราะนายนั่นแหละจงแด
     


    ?
     

     
    Ha .ha
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×