คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
Intro : Red Rose
ก่อน ค.ศ.
ผิวขาวซีดราวหิมะของเด็กน้อยตัดกับบรรยากาศในห้องกว้างสีหม่น ผมดำตรงยาวคลุ่มไหร่นิ่งไม่ไหวติง ดวงตากลมโตนัยตาสีเลือดจ้องมองลอดหน้าต่างจากหอคอยปราสาทไปยังความมืดมิดในป่าช้าเด็กน้อยยังคงจ้องมองอยู่อย่างนั้น ร่างนิ่งราวกับหุ่นขี้ผึ่ง ดวงตาไม่มีแม้แต่ความแวววาวปราศจากความรู้สึก ปากบางสีแดงสด
ทุกอย่างในตัวเด็กคนนี้ล้วนเป็นคุณสมบัติของ'กุพชะกะ'สิ่งที่หายากยิ่งในโลกมนุษย์หรือที่มนุษย์เรียกขานกันคือ'แวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์'
บทนำ
ก่อน ค.ศ.
แอ๊ดดด บานประตูไม้แกะสลักถูกเปิดออกโดยแวมไพร์ตัวน้อย สองเท้าอย่างเหยียบขึ้นลงตามบันไดอย่างช้าๆในระหว่างทางเดินไม่มีผู้ใด้หรือสิ่งมีชีวิตไหนอยู่เลยมีแต่ความเงียบเชียบกับเสียงฝีเท้าของเขาเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าทั้งปราสาทเด็กน้อยอยู่ตามลำพัง ใช้เวลาไม่นานก็ถึงบานประตูล่างสุดของตัวปราสาท ขาสองข้างก้าวออกจากปราสาทไม่ไกลก็พบกับบ้านไม้สีหมดหลายหลังตั้งเรียงราย บรรยากาศมืดครึ้มไร้แสงตลอดปี อีกทั้งยังมีแวมไพร์ ’คล้ายเขา’มากมายบางก็สื่อสารบางก็เดินไปมา
ที่แห่งนี้คือ’หมู่บ้านแวมไพร์’ทุกตนล้วนเป็นแวมไพร์’คล้ายเขา’หากแต่ไม่มีใครพูดคุยกับเขาเลย สำหรับเจ้าตัวถือเป็นเรื่องปกติเพราะ’แวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์’เช่นเขาแม้แต่แวมไพร์ด้วยกันยังเกรงกลัวไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้า ซึ่งเป้นความเกรงกลัวที่เจ้าตัวก็มิอาจเข้าใจเพราะเหตุใด
เขาเกิดในปราสาทใหญ่ใจกลางหมูบ้านแวมไพร์ ซึ่งอยู่มาเป้นเวลาถึง 24ปี ( เทียบอายุมนุษย์คือ 8 ปี ) เขาอยู่ในหมู่บ้านแวมไพร์แต่ไม่มีใครพูดคุยกับเขามาโดยตลอด 24 ปี ในหนึ่งวันสิ่งที่เขาทำคือการจ้องมองบางอย่างที่ไร้จุดหมายในผืนป่าหลังหมู่บ้าน
ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้พูดคุยกับใครแต่ก็ยังได้ยินเสียงพวกแวมไพร์พูดคุยกัน เขามักจะลงมาดูแวมไพร์ในหมู่บ้านบ่อยๆจนกลายเป็นกิจวัตร ด้วยหูที่ดีกว่าสิ่งมีชีวิตทั่วไป ขอเพียงเว้นระยะห่างไม่มากก็สามารถรับรู้ได้ว่าพวกแวมไพร์สื่อสารอะไรกัน
“กลุ่มแวมไพร์ฮันเตอร์งั้นรึ” แวมไพร์ตนหนึ่งเอ่ย( แวมไพร์ฮันเตอร์ตือมนุษย์ที่ปราบแวมไพร์โดยถูกคัดเลือกทางสายเลือด)
“ใช่ เห็นว่าจะบุกมาถึงถิ่นนี้ข้าก็รีบเก็บข้าวของย้ายถิ่นฐานตั้งแต่วานซืนแล้ว เดียวจะไม่ทันการ”
“แล้วกุพชะกะ..สายเลือดบริสุทธิ์ละ เขาคือตัวแทนขางสายเลือดกุพชะกะนะ” แวมไพร์หนุ่มเอ่ยราวกระซิบ
“เจ้าไม่รู้หรือ ที่อันตรายที่สุดคือ’เจ้านั่น’แหละ คิดว่าพวกเราจะขึ้นตรงกับเขาจริงๆนะหรอ บ้าน่า….”
ขณะพูดแวมไพร์ก็เหลือบมองซ้ายขวาเหมือนระวังบางอย่างตลอดเวลา เสียงกระซิบยังคงดำเนินต่อไป ในขณะที่เด็กน้อยยืนฟังอยู่เงียบๆในระยะที่พวกเขาไม่สามารถสังเกตเห็นได้
แต่เจ้าตัวมิได้สนใจอีกต่อไปจนกระทั่งสังเกตได้ว่าผู้คนรอบข้างแปลกไปจากเดิมแต่ละตนดูรีบร้อนผิดปกติบางตนถึงกับหอบสิ่งของเครื่องใช้ เป็นเช่นนี้แทบทุกตน นัยน์ตาเด็กน้อยกระตุกวูบ สัญชาตญาณบอกเขาว่ามีบางอย่างที่แปลกไป รอบตัวเขานั้นผู้คนเริ่มจางหายไปเรื่อยๆ
จนเจ้าตัวสังเกตเห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลัง’เตรียมตัวหนีอะไรบางอย่าง’เขาไม่รุ้เพราะเหตุใด จะเกี่ยวกับที่แวมไพร์หนุ่มเมื่อกี้พูดกันหรือไม่ ตามปกติแล้วแวมไพร์จะไม่ย้ายถิ่นฐานกันง่ายๆนอกเสียจากเกิดเหตุการณ์คับขันขึ้นจริงๆเท่านั้น
เขารับรู้ได้ว่า..ในหมู่บ้านแห่งนี้กำลังจะไม่เหลือใครอีกแล้ว
ไม่มีอีกแล้ว .. แล้วเขาละ?
เขาไม่รุ้จะทำเช่นไรกับเหตุการณ์เช่นนี้ เขาได้แต่ยืนมองแวมไพร์ตนอื่นที่เริ่มจางหายไปอย่างสงสัย วันนี้ช่างแปลกเสียจริง ในรอบยี่สิบกว่าปีพึ่งเกิดเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรกเขาได้แต่ปล่อยให้เวลาเลยผ่านไปอย่างนั้น แวมไพร์หลายตนผ่านลำตัวเขาไป ตนแล้ว ตนเล่า บ้านไม้หลายหลังไม่มีใครอยู่อีกต่อไป
นัยน์ตาสีเลือดสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็น มีบางอย่างบอกให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน เจ้าตัวคว้าแขนแวมไพร์สาวตนนึงที่กำลังเดินผ่านไป
“ท..ท่านกุพช..!! ท่าน ได้โปรดปล่อยข้าเถิด”แวมไพร์สาวที่กำลังตกตะลึงพูดตระกุกตระกักด้วยความกลัว นับเป็นภาพที่ตลกสำหรับคนธรรมดาที่จะเกรงกลัวเด็กเล็กได้ขนาดนี้
“ไปไหนกันหรอ”เสียงเย็นยะเยือกปนเศร้าสร้อยออกมาจากปากบางสีแดงสด ถือเป็นสิ่งที่หายากยิ่งที่กุพชะกะจะเอ่ยออกมา แต่ทำเอาแวมไพร์สาวเกร็งตัวจนขนลุก
“ข้า..พวกข้าอยุ่ที่นี่ไม่ได้แล้วพวกข้าต้องไป”แวมไพร์สาวพูดอย่างเกรงกลัวถือโอกาสพละแขนออกจากเด็กตรงหน้าแล้วค่อยๆเดินไปอย่างช้าๆเมื่อเห็นว่าไม่ได้ตามมาจึงรีบหนีไป ..ทำไมต้องหนีเขาด้วยนะ เด็กน้อยเก็บความสงสัยไว้ในใจ
…แวมไพร์ตัวสุดท้ายหายไปจากหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว
ในเวลาไม่นานในหมู่บ้านนี้เหลือเพียงเขาคนเดียว
‘แล้วเราละ’ เขาสงสัยเหลือเกินเขาจะทำยังไงดี? เขากลัวเกินกว่าจะกล้าออกจากที่แห่งนี้
…แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับแวมไพร์น้อยตนนี้หรอ..ไม่มีใครรู้
…..
ปัจจุบัน
ติ๊งง ต๊องงง เสียงออดมหาลัยดังก้องมายังห้องสมุด บริเวณนั้นไม่มีใครซักคนนอกจาก คิม มินซอก ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเงียบเชียบคนเดียวอย่างเป็นกิจวัตร
ในขณะที่เขากำลังเอาหนังสือ สายตาเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหน้าสีออกเทาแดงดูลึกลับหนังสือเล่มนั้นเรียกความสนใจจากมินซอกเป็นอย่างดี คิ้วหนาได้รูปขมวดชิดกันด้วยความสงสัย ’หนังสืออะไรนะ มีหนังสือแบบนี้ตรงโซนภาษาด้วยหรอ’
มินซอกหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาจากชั้นอย่างอยากรู้อยากเห็น
*Sehun*หน้าปกถุกเขียนด้วยตัวอักษรที่เขามินซอกไม่เคยเห็นมาก่อนแต่น่าแปลกที่เขาสามารถแปลมันได้ ทำไมกันนะ ‘เซฮุนหรอ?’
“กุพชะ….”
”มินซอกกก”
“ห้ะ”
พลั่ก ในขณะที่กำลังอ่านหน้าแรกมินซอกเพลอทำหนังสือหลุดมือเพราะความตกใจ มินซอกส่งตาขวางไปทางผู้มาเยือนอย่างเคืองๆ
“แกมีไรจงแด?”..ตกใจหมด
“เราตามหานายซะทั่วมหาลัย! ไปไหนมาไหนบอกกันบ้าง เปิดโทรศัพท์บ้างก็ดีนะ”
“ว่าแต่มีไร” มินซอกไม่สนใจคำติของเพื่อนเลยซักนิด
“วันนี้มีงานคณะนะ อย่าลืมนี่เลยเวลาคาบบ่ายแล้วด้วย”
“งานอะไรอีก”มินซอกกล่าวอย่างสงสัยพร้อมก้มหยิบหนังสือ..ห้ะ..หนังสือ ??
หนังสือหาย? มันตกตรงนี้นิ มินซอกก้มลงคลำๆที่พื้นแต่ก็ไม่พบสิ่งที่ต้องการ ‘อะไรเนี่ย มันหายไปเองเนี่ยนะ บ้าน่า…
“นายหาอะไร?”
”มันหายไปแล้ว โอ้ย เพราะนายนั่นแหละจงแด”
“?”
ความคิดเห็น