ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มัธยมไสยศาสตร์ [Yaoiนิดๆ]

    ลำดับตอนที่ #8 : ๗. เทียบขั้นกับปรมจารณ์ 2

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ย. 59


                 สิงห์ตะโกนลั่นห้อง " อี ดอกฝิ่น!! ทำอะไร!!? " พลางสำลักควันขาว  ลินตั้งสติดีๆพบว่าฝิ่นปาแปรงลบกระดานมาใส่โต๊ะหมู่ ของล้มคว่ำ

    เธอชี้ " ทำอะไร?! ถ้าเกิดของบนเพดานมันตายห่าขึ้นมาจะทำยังไง?! " ลินเพิ่งเคยเห็นฝิ่นโวยวายเสียงดังครั้งแรกก็ตอนนี้  รู้สึกได้เลยว่านี่คือด้านมืดที่แท้จริงของเธอ

    หัวหน้าเดือด " อะไรของเธอ คิดว่ามันเป็นวิญญาณหรอ? จะเป็นไปได้ไง ถ้ามันเป็นกุมารหรือรักยมหรือผีป่าอย่างที่เธอว่า ไม่มีคนเซ่นของไปให้ มันจะอยู่รอดจนถึงตอนนี้ได้ยังไง "

    ฝิ่นแย้ง " ฮะ?! นายคิดว่ามันเป็นเครื่องรางเปล่าๆที่ไม่มีจิตวิญญาณสิงสถิตอยู่งั้นหรอ?! ของไสยบ้าอะไรจะแรงได้ขนาดนี้ มันต้องมีผีสิงอยู่สิ "

    จริงอย่างที่ฝิ่นบอก เครื่องรางธรรมดา ไม่มีทางทำให้ห้องทั้งห้องกลายเป็นพื้นที่อโคจรได้ถึงขนาดนี้ และการนำคาถาเบิกจิตมาใช้ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ ' ผีหนี '  ฝิ่นไม่พอใจกับพิธีดังกล่าวก็ถือว่าถูกแล้ว

    เมาลุกยืน กำหมัดแน่น เลือดขึ้นหน้า
    " เมา  มานี่ก่อน " สิงห์จับแขนเมาและพาออกไปสงบจิตสงบใจนอกห้อง

    ลินได้โอกาสเข้าไปหาฝิ่น ใบหน้าแฝงอารมณ์โมโหของเธอช่างน่ากลัวจนลินไม่กล้ามองตรงๆ " ฝิ่น ห้ามดีๆก็ได้มั้ง ต้องเข้าใจว่าหัวหน้ามันลงทุนมาเยอะ ปาแปรงลบกระดานใส่แบบนั้น เป็นเค้า เค้าก็เสียความรู้สึกนะ " พลางชี้ไปยังเครื่องของที่ล้มระเกะระกะกับฝุ่นชอล์ก

    ฝิ่นเยาะเย้ย " ลงทุนเยอะ? ถุยสิลิน คนอื่นเขาก็ลงทุนเหมือนกันนั่นแหละ ไม่ใช่แค่มันคนเดียวหรอก ไอ้หัวเน่ามันเลือกลงทุนผิดวิธีมากกว่า จะทุ่มเงินไปเพื่ออะไร ฝีมือก็เทียบคนอื่นไม่ได้ "

    ลินประหลาดใจกับสิ่งที่ฝิ่นพูด
    ' คนอื่นเขาก็ลงทุนกัน ' ...
    ' ฝีมือเทียบคนอื่นไม่ได้ ' แสดงว่าไม่ได้มีแค่พวกเขาและฝิ่นเท่านั้นที่ขึ้นมาที่นี่บ่อยๆ และยังมีคนที่เก่งกว่าเมาอีกหลายคน ... ไม่ทันจะได้ตั้งคำถามกับฝิ่น เธอผละตัวออกไปนอกห้องเหมือนจะไปมีเรื่องกับเมาอีกรอบ " ชั้นคงปล่อยให้นายทำอะไรแบบนี้อีกไม่ได้แล้วนะ ถ้าเกิดผีหนีขึ้นมาจะทำยังไง "

    เมาโวย " นี่เธอเชื่อหมดใจเลยหรอว่าของข้างบนนั่นมันเป็นผี? เอาที่ไหนมามั่นใจขนาดนั้นวะ ... หรือถ้าของบนเพดานนั่นมันมีวิญญาณสิงอยู่จริง ให้มันหนีๆไปซะได้ก็ดี พวกเพื่อนเราจะได้ไม่ต้องมาแย่งชิงกันแบบนี้ไง แค่นี้ห้องเรียนเราก็วุ่นวายมากพอแล้ว "

    ฝิ่นทำหน้ากวนโอ๊ย " มีจิตสาธารณะดีนะนายเนี่ย แหม พูดมาได้ ว่าอยากให้ห้องเรียนสงบสุข ใจจริงก็อยากได้มาเป็นของตัวเองสิไม่ว่า ... พวกเราทั้ง 30 กว่าคน เป็นมิตรกันในฐานะเพื่อนร่วมห้องก็จริง แต่อย่าลืมสิ ว่าทุกคนเป็นศัตรูกัน ในฐานะคนเล่นของ "

    เมาเถียงไม่ออก  ทั้ง 4 เงียบแข่งกันได้พักใหญ่ กระทั่งเมาว่า
    " ... ศัตรูใช่มั้ย ... โอเคครับ "
    ไม่ทันได้ตั้งตัว หัวหน้าเมาควักอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเป้ เป็นกระดาษชานอ้อยดิบสีดำหลายแผ่น กับแท่งเงิน 1 ด้าม ยาวพอๆกับปากกา มีลวดลายจารึกเป็นภาษาอะไรสักอย่างที่ลินไม่เคยเห็นมาก่อน และไฟแช็กอีก 1 อัน

    ลินอึ้ง ' หัวหน้าจะลองวิชากับฝิ่นเนี่ยนะ? ไม่ไหวหรอกมั้ง '

    สิงห์กัดฟัน ' ได้ยินจากลินมาว่า ฝิ่นเล่นสายมืด ... หัวหน้าเล่นสายพิธี แค่นี้มันก็เห็นกันชัดๆแล้ว ว่ายังไงเมาก็ต้องแพ้ทางแน่นอน ... ไม่ใช่แค่เล่นสายมืดอย่างเดียว ฝิ่นยังเป็นตั้งขั้นห้า ... ขั้นห้าเชียวหรอ? จะจริงหรือโม้ก็ช่าง อย่างน้อยเมาก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรอ ว่ายังไงตัวเองก็เทียบหล่อนไม่ได้อยู่แล้ว ... หรือว่าเมายังไม่รู้ว่าฝิ่นเป็นขั้นห้า?! '

    สิงห์รีบปราม " เมา!! ใจเย็นก่อน ไอ้ดอกฝิ่นมันชาญไสยขั้นห้าเชียวนะ "

    เมาหันมาตะคอก " ไปได้ยินมาจากไหนครับ นายเหล้ากลั่น  คนบ้าอะไรจะเป็นได้ตั้งขั้นห้า เกิดมาชาตินี้อย่างมากผมก็เคยเห็นสูงสุดแค่ขั้นสี่ แล้วนับประสาอะไรกับผู้หญิงตัวเล็กๆ อายุแค่สิบสี่สิบห้า ประสบการณ์การเล่นของยังไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ "

    สิงห์คิด ' นั่นไง ไม่ยอมเชื่อจริงๆด้วย ' ทั้งลินและสิงห์พากันถอยหลบ พอเห็นว่าหัวหน้าเมาเริ่มบรรเลงแท่งเงินขูดลงบนกระดาษ มือเป็นระวิง พลางพึมพำบทคาถาเป็นภาษาที่ลินไม่เคยได้ยินมาก่อน

    ฝิ่นพุ่งตรงเข้ามา คว้าแขนหัวหน้าเมา  " ไอ้เมา!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ! "
    หัวหน้ายืดแขนขึ้นสุดตัวไม่ให้ฝิ่นแย่งไสยวัตถุอันเป็นอาวุธศึกของตนได้ และยังคงขีดเขียนอักขระต่อไป

    " อย่าโกงสิ!! ชั้นเอื้อมไม่ถึง! " ฝิ่นเขย่งกระโดดพยายามคว้าก็แล้ว ไต่จากด้านหลังก็แล้ว จนกระทั่งมาขี่หลังก็แล้ว ก็ยังแย่งอาวุธทั้ง 3 ชิ้นของเมาไม่ได้เสียที

    เมาแขวะ " ช่วยไม่ได้ก็เธอมันเตี้ยเองนี่หว่า "

    ลินไม่เคยเห็นการปะทะวิชาทางไสยศาสตร์ครั้งไหนที่ประหลาดเท่าครั้งนี้มาก่อน หนุ่มสาวลงไปคลุกกับพื้น นมใหญ่ๆของฝิ่นถูกับพุงเต่งๆของเมา ชายกระโปรงเปิดจนแทบจะมาปิดหน้าของอีกฝ่าย เผยให้เห็นกางเกงขาสั้นลายหนังตุ๊กแกตัวหลวม เสื้อกล้ามสีขาวบางของเมาฉีกขาดจนนมแหลมๆปลิ้นออกมา

    ลินรีบเข้าไปห้ามก่อนจะมีฉากผิดศีลธรรมปรากฏออกมามากกว่านี้
    " พอเหอะ ทั้งคู่เลย ถ้าจะลองวิชากัน ก็ทำให้มันเป็นแบบแผนหน่อยดิ ไม่ใช่มาดึงมาทึ้งกันแบบนี้ "


    ฝิ่นลุกยืนด้วยสีท่าเหนียบเขิน เมาได้สติ จึงหยุดเขียน  พอมองอีกที อักขระคาถาที่ขีดเขียนลงกระดาษชานอ้อย เละเทะจนไม่ใช่ลายมือ

    ............................
    ..............
    .....
    ..
    .

    วันเสาร์ ทั้ง 4 นัดกินข้าวในร้านขายเฝอใกล้ๆโรงเรียน

    ถึงแม้แดดยามสายจะสาดแสงจ้าแล้ว อากาศก็ยังคงเย็นจัดไม่สร่างหาย ไอร้อนจากถ้วยน้ำซุปลอยฟุ้งเป็นขบวนใหญ่น่ามอง ลมเอื่อยๆพัดเศษใบไม้แห้งปลิวลากถนนขึ้นสู่ทางสามแพร่งหน้าโรงเรียน หมอกคลายตัวจนเริ่มเห็นอาคารบนโรงเรียนอยู่รำไร เป็นสัญญาณ ว่าใกล้ฤดูน้ำท่วมแล้ว

    สิ่งลึกลับบนเพดานเจ้าปัญหานั้น ก็ยังคงไม่มีใครรู้ ว่าตกลงมันคืออะไร  หัวหน้าเมาคิดว่ามันคือเครื่องราง ส่วนฝิ่นคิดว่าเป็นวิญญาณ ต่างฝ่ายได้แต่คาดเดากันไปตามภูมิรู้

    ลินคิดว่าสมาชิกกว่า 30 คนในห้อง ต้องมีคำตอบในใจกันทุกคนอยู่แล้ว ติดอยู่แค่ว่า ใครจะเป็นคนคาดเดาได้ถูก เท่านั้นเอง

    หัวหน้าเมาไม่สนใจอยู่แล้ว ว่าถ้าเกิดของชิ้นนั้นถูกทำลายหรือเสื่อมคาถาไป ยังไงก็ไม่เสียดาย เพราะอย่างน้อย ห้องเรียนก็จะได้สงบ หมอผีกว่า 30 ชีวิตจะได้เลิกรบราแย่งชิงกันเสียที แต่ก็มีคนไม่ใช่น้อยที่อยากจะเฝ้าดูปฏิกิริยา อยากศึกษา รวมถึง อยากได้มาเป็นของตัวเอง เช่นฝิ่น แน่นอนว่าเธอไม่อยากให้สิ่งลึกลับชิ้นนั้นต้องสลายไป

    สิงห์เขี่ยแตงกวาออกจากจาน " เราเชื่อนะ ว่าเพื่อนๆห้องเราทุกคน ต่างก็เดินหน้าหาวิธี เพื่อจะให้ได้ของสิ่งนั้นมาเป็นของตัวเอง ด้วยสไตล์แตกต่างกันไป  เพียงแต่เราอาจจะยังไม่รู้ ว่าแต่ละคนทดลองกันไปยังไงแล้วบ้าง ... เพียงแค่ 1 ใน 33 เท่านั้นหรอ? ที่จะได้ของนั้น ... "

    สิงห์ชักไม่แน่ใจแล้วว่า นอกจาก 33 ชีวิตในห้อง 4/1 ... จะยังมีใครนอกเหนือจากนี้อีกหรือไม่ ที่หมายตาอยู่

    หัวหน้าเมาไม่รู้ ว่าของชิ้นดังกล่าว มีที่มาอย่างไร ใครเอามาปล่อย ต้องใช้วิธีใดถึงจะได้มา และถ้าได้มา จะมีผลอย่างไร? เขามั่นใจว่าเพื่อนทั้งห้องก็ยังไม่มีใครรู้เช่นกัน ... บางที มันอาจจะไม่ใช่ของมีค่าอย่างที่ร่ำลือก็เป็นได้ จนทำให้เขาไม่แน่ใจแล้วว่า ทุกคนคิดถูกแล้วหรือ ที่มาเสี่ยงกับโรงเรียนผีแห่งนี้

    ฝิ่นไม่พูดอะไรเลยจนกระทั่งเสร็จมื้ออาหาร
    " เมา นายคิดว่าศึกครั้งนี้ มีใครที่กำลังร่วมมือกันอยู่รึป่าว "

    คำถามนี้น่าสนใจ ... สงครามที่จะมีผู้ชนะเพียง 1  ... เป็นไปได้ไหม ที่จะมีสมาชิกในห้อง 2 หรือ 3 คน ร่วมแรงร่วมใจกันเดินหน้าหาวิธี ... ทั้งๆที่ปลายทาง ต้องมาแย่งกันอยู่ดี

    หัวหน้าโพล่ง " ถ้าไม่มี  เราก็ทำให้มันมีซะสิ "

    เธอขมวดคิ้ว " หา?!  นี่นายจะเอาชั้นเข้าทีมนายหรอ!? "

    " ก็อือสิครับ " หัวหน้าตอบหนักแน่น
     
    ฝิ่นออกท่าออกทางไม่เห็นด้วยสุดตัว " ถ้าสมมติว่าเราสองคนเข้ารอบสุดท้าย  จะแบ่งของกันยังไงหละฮะ?! เป่ายิ้งฉุบกันรึไงยะ "


    " เอาให้ถึงตอนนั้นจริงๆค่อยว่ากันสิครับ ... ลิน นายก็มาร่วมมือกันสิ ... 4 คนเลยเป็นไง "

    ลินรู้ว่าสิงห์คงไม่ชอบใจแน่ๆถ้าโดนลากเข้าไปรวมด้วย เขาเองก็ไม่อยากเช่นกัน เพราะทั้งลินและสิงห์ ต่างมาเรียนที่นี่ด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่เหมือนคนอื่นที่มาเรียนเพราะรู้ข่าวเรื่องของใต้เพดาน ดังนั้น ลินและสิงห์ย่อมไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องเข้าร่วมทีมกับเมา

    " ขอเวลาเค้าคิดก่อนได้มั้ยอะหัวหน้า "

    ..............................
    .............
    ....
    ..
    .

    " ลิน นายว่าอี ดอกฝิ่นมันแอบชอบไอ้หัวหน้ารึป่าว คนอย่างอีฝิ่นไม่มีทางสมพรรคสมพวกกับใครได้แท้ๆ ทั้งขี้เก๊ก ปั้นหน้าบึ้งทั้งวัน ไม่สุงสิงกับใคร หงุดหงิดง่าย โวยวายเหมือนเป็นประจำเดือนทั้งชีวิต ... แต่กลับยอมกลายเป็นลูกมือไอ้เมาซะได้ "

    ในเช้าวันจันทร์ ครูเจ๊กพาเด็กห้องตัวเองมาวิ่งรอบสนามออกกำลังกาย สิงห์วิ่งเคียงลิน " คงงั้นอะสิงห์ หัวหน้าเมาเป็นคนแรกเลยนะ ที่ทำให้ฝิ่นหัวเราะได้ ... "

    ทั้งลินและสิงห์แอบมองฝิ่นและเมาที่วิ่งนำอยู่ห่างๆ ครูเจ๊กไล่เอาไม้บาตองแหย่คนที่วิ่งช้ารั้งแถว สิงห์จูงมือลินวิ่งหนี

    " เค้าเริ่มไม่แน่ใจแล้วอะสิงห์ ว่าฝิ่นมันเป็นชาญไสยขั้น 5 จริงรึป่าว "

    " เออเนอะ ท่าทางหล่อนจะโม้อย่างที่นายว่าแหละ "


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×