ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มัธยมไสยศาสตร์ [Yaoiนิดๆ]

    ลำดับตอนที่ #13 : ๑๒. ลิน

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ย. 56


                     " เค้าว่านะ   คนที่ทำเค้า ชาญไสยด้านไสยดำคงไม่มากไปกว่าขั้นแรกหรอก  เพราะเสกได้แต่ลิ่มเนื้อเอง "

    ลินนอนอยู่บนเตียงของสิงห์ ส่วนเม้ง กัญ และครูเจ๊กพอเห็นว่าลินปลอดภัยดีก็กลับมาดื่มกันต่อจนเมาอ้วกแตกอ้วกแตนหัวทิ่มกลับบ้านกันไปหมด

    " ใช่  ทีแรกเราคิดว่าเป็นหนังควายซะอีก  จริงๆครูเจ๊กใช้อาคมสลายหนังสัตว์นะ  แต่เม้งแน่กว่าคงจะลองหลายๆคาถาดู คิดมากเกินไปที่ไหนได้ก็แค่ลิ่มเนื้อ โชคดีนะที่มีคนทางด้านแก้ของอยู่ด้วย ไม่งั้นแย่แน่   ... ใครน้า... ไม่ประสงค์ดีกับนาย ... คนอย่างนายก็ไม่น่าจะไปมีปัญหากับใครนี่นา "

    ทั้ง 2 เงียบไปหลังจากที่นอนกอดกันปลอบขวัญพลางคุยมาได้เกือบชั่วโมง สิงห์ผล็อยหลับกรนเสียงเบาระงม

    ลินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

    .......................
    ......
    ...
    ..
    .

    ตอนนั้น ตอนที่กำลังจะขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 6  ช่วงปิดเทอมสงกรานต์ ลินมักจะกลับจากกรุงเทพฯ มาอยู่ที่โรงเรียนปฏิณิชภัณฑ์วิทยาคมจนดึกเสมอ เพราะเพื่อนๆเรียนที่นี่กันเยอะและสงกรานต์ของทุกปีจะมีการจัดงานเลี้ยงรุ่นยาวติดกันหลายวันหลายคืนแบบนอนสต็อป จึงเป็นโอกาสดีที่สหายเก่าจะได้มาพบปะกัน

    ลินกลับมาจากกรุงเทพฯเพิ่งลงรถทัวร์มาได้ไม่ทันสร่างเมา อยู่ดีๆก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งเดินมาท่าทางลุกลี้ลุกลนบอกให้ตามเขามาแบบนิ่มๆ ลินก็ไม่ได้คิดอะไรจนไปถึงบริเวณศาลเจ้าของโรงเรียน รุ่นพี่คนนั้นให้ลินนั่งอยู่ระหว่างทางขึ้นศาลเจ้า รอบๆตัวเขามีของทำพิธีวางเรียงรายละลานตาเต็มไปหมด

    รุ่นพี่คนนั้นนั่งลงหันหน้าเข้าหา เอามือทั้ง 2 ข้างยื่นมาจับที่ไหล่แล้วพูดภาษาอะไรก็ไม่รู้เหมือนท่องมนต์ใส่เขา  ตามมาด้วยพิธีอะไรต่อมิอะไร ให้ลินกินโน่นกินนี่ทั้งๆที่เขาไม่ได้หิว สุดท้ายรุ่นพี่คนนั้นได้ให้นามบัตรกับเขาและบอกว่าอีก 3 วันค่อยติดต่อมา ถ้าเกิดเขาไม่รับสายแสดงว่าเขาตายแล้ว

    นายอาทมาฏ   ไสยพงษ์ (สส.มาฏ)




    ลินก็งงเอาเสียมากที่จู่ๆมีใครก็ไม่รู้มาลาตายเขาเฉย  3 วันต่อมาลินดอกจันไปหา เขาก็โทรกลับมาแต่ตัดสายทิ้งเสีย  สรุปคือไม่มีเงินในโทรศัพท์เหมือนกันทั้งคู่ หลายครั้งที่รุ่นพี่คนนั้นยิงมาจนเครื่องลินแทบระเบิด  ผ่านไป 5 วันกว่าลินจะได้เติมเงินแล้วโทร

    แต่เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะรับสาย ' นี่เราทำให้คนตายเพราะไม่มีตังค์โทรกลับหรอเนี่ย!!! '  ลองคิดไปแล้ว การที่ใครคนหนึ่งจะมาตายลงโดยฝากความหวังสุดท้ายไว้กับเขาทั้งที่ไม่ได้รู้จักอะไรกันเลย มันแปลกมาก ลินคิดว่าคงไม่มีอะไรเสียหายถ้าพี่คนนั้นตายลงโดยไม่มีราคะราคีติดค้างกับใคร



    แต่ก็กระนั้น ตอนวันงานเลี้ยงรุ่นที่ผ่านมา  พี่เขาจับลินมาทำพิธีอะไรก็ไม่รู้เผลอๆอาจจะเป็นการทำสัญลักษณ์ไว้ที่ตัวเขา  ถ้าตายห่าขึ้นมาจริงๆวิญญาณพี่เขาจะได้มาหาเขาถูก แค่นี้คงจะได้คุยกันสมใจแล้ว ลินก็คิดเป็นตุเป็นตะไปไกลจนขอบจักรวาลแทบพลิก

    และแล้วรุ่นพี่คนนั้นก็ยิงกลับมา ลินก็โทรกลับไปและได้ทราบว่า พอดีโทรศัพท์พี่เขาตกส้วมส่งซ่อมเลยไม่มีโทรศัพท์ที่ไหนจะใช้ เป็นเหตุไม่ได้โทรหาสักที

    พี่เขาได้นัดพบกับลินที่บ้านของลินเอง พี่คนนี้ชื่อมาฏ เป็นปลัดอำเภอของอำเภอบ้านเกิดของลินเอง พี่มาฏอธิบายยืดยาวจนลินขี้เกียจฟัง ซึ่งก็ได้ความว่า






    พี่เขาเป็นลูกหลานในราชนิกูลที่อนุรักษ์ไสยศาสตร์ไทยด้านไสยขาวทั่วไป ต่อต้านไสยศาสตร์เขมรและวิจัยไสยศาสตร์ พัฒนาปรับปรุงคุณภาพและสมรรถนะให้สามารถประยุกต์เข้ากับยุคสมัย นำไปใช้ร่วมกับเทคโนโลยีและวิทยาการปัจจุบัน อันมีนามว่า  ' ราชนิกูลไสยพงษ์ '

    ในตระกูลนี้จะมีประเพณีอย่างหนึ่งคือการส่งมอบอำนาจแก่รุ่นสู่รุ่น สิ่งที่ส่งมอบกันมาเรื่อยๆนั้นคือ
    ' มหายุทธภัณฑ์ลับแห่งอาคมประจำตระกูลไสยพงษ์ ' ตระกูลไสยพงษ์ที่มีเลือดแท้เท่านั้น และมีสรรพคุณมากพอ ถึงจะได้มาครอบครอง ส่วนผลที่ได้จากการครอบครอง พี่มาฏไม่ได้พูดถึง รู้แค่ว่าถ้าได้มาแล้วจะเก่ง เวอร์ขึ้นมาผิดหูผิดตา


    พี่เขาไม่ชอบไสยศาสตร์เลย เพราะมองว่าเป็นอะไรที่โลกไม่ยอมรับ ไม่มีการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวาง การศึกษาไสยศาสตร์จึงเป็นอะไรที่ศึกษาได้แคบ ต่างตำราก็ต่างแนวคิดกันไปคนละทิศคนละทาง เป็นศาสตร์ที่ต้องใช้ความเข้าใจเองโดยล้วน ไม่มีทฤษฏีที่ตายตัวมารองรับ จะพัฒนาฝีมือแต่ละทีต้องขึ้นอยู่กับกึ๋น ปกติพี่มาฏเป็นคนไม่ชอบความลำบากและไม่ชอบอะไรซับซ้อนอยู่แล้ว

    จึงเป็นเหตุผลให้พี่มาฏปฏิเสธที่จะเป็นผู้สืบทอด แต่ฝั่งผู้ใหญ่ก็ไม่ยอม เพราะพี่มาฏเป็นหนุ่มที่สุดในหมู่คนรุ่นเดียวกัน ที่เหลือก็ยังเด็กเกินไปทั้งนั้น ส่วนคนที่ถือครองมหายุทธภัณฑ์ลับแห่งอาคมของตระกูลก็ดันแก่หง่อม ไม่มีแรงลุกมาเล่นของแล้วจำเป็นต้องเปลี่ยนผู้ถือครองโดยด่วน แถมไม่มีตัวเลือกจำต้องเป็นพี่มาฏเท่านั้น

    พี่มาฏเลยตัดสินใจหลบหนี แต่ก่อนไป เขาได้แวะกินก๋วยจั๊บรอบดึกก่อน แต่ดันไปจอดรถทำขาตั้งไม่ได้องศา รถเซไปโดนรถคันอื่นจนพากันล้มไปหมดทั้งแถบเป็นโดมิโน่  แล้วก็โดนไล่ตีหัวมาจนถึงบนโรงเรียน มาเห็นลินหน้าตาซื่อๆดีก็เลยจับมาทำพิธีเสียเลย


    ส่วนพิธีที่พี่มาฏได้ทำให้กับลินนั้น คือการส่งมอบวิชา โดยได้ส่งมอบไปเพียงวิชาบางส่วนที่เป็นพื้นฐานของการปัดอาเพศ ไม่สูงเกินไปและไม่จำเป็นแล้ว
    *สำหรับตัวพี่มาฏ    การส่งมอบทำไปเพื่อถ่ายทอดวิชาแก่ผู้อื่น ความรู้จะได้ไม่ศูนย์หายไปกับความชราภาพหรือความตาย

    พอส่งมอบวิชาบางส่วนให้ลินแล้วพี่มาฏก็โกยหนีไปสุดชีวิต แต่ก็หนีไม่พ้นโดนของกล่อมจิตให้กลับบ้าน แถมยังโดนพวกที่ร้านก๋วยจั๊บตามมาตีหัวขำบ้านอีก
    พอกลับมาก็โดนญาติผู้ใหญ่พากันสวดจนยับ  สุดท้ายก็ยอมรับมอบมหายุทธภัณฑ์มาโดยไม่เต็มใจ

    ลินลองคิดไปแล้ว กับอีแค่ทำรถเขาล้มแล้วเขาไล่ตี กับมีปัญหาครอบครัวจนต้องหนีออกจากบ้าน  ก็ไม่น่าเป็นเรื่องใหญ่จนถึงขั้นจะตายในสามวันเจ็ดวันได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องมาฝากฝังอะไรกับเขาขนาดนี้

    ในเมื่อลินที่ถูกถ่ายทอดวิชาไว้แล้ว จะปล่อยทิ้งไว้ก็เสียดาย พี่มาฏเลยเริ่มพาลินเข้าสู่โลกแห่งไสยศาสตร์แต่นั้นเป็นต้นมา

    ลินได้องค์ความรู้บางส่วนจากพี่มาฏ นอกนั้นเป็นคำแนะนำกับการเรียนรู้ด้วยตนเอง และสามารถพัฒนาจากขั้น 1 ไปยังขั้น 2 ได้ภายในเวลาแค่ 2 ปีเท่านั้นซึ่งไม่ธรรมดาเอามากๆ 
    มาถึงตรงนี้ ลินก็เป็นชาญไสยขั้น 3 แล้ว ยิ่งผิดมนุษย์มนาเข้าไปใหญ่

    ลินตัดสินใจให้พี่มาฏ ชาญไสยขั้น
    6 ด้านปัดอาเพศ ผู้เป็นอาจารย์ ทำการสักยันต์ที่มีชื่อว่า ' เสริมสัมผัส ' ให้  เป็นยันต์ที่ตระกูลไสยพงษ์ประดิษฐ์ขึ้นและมีการใช้อย่างแพร่หลาย เมื่อแผลงฤทธิ์จะมีผลร้ายกับประสาทสัมผัส ทั้ง 5 ทวารทั้ง 7 จะแปรปรวน แต่ผลดีคือ ดวงตาจะมองเห็นภาพที่ปกติเห็นไม่ได้  มือทั้งสองข้างจะทำอะไรได้มากขึ้นกว่าปกติ  แต่ในขณะเดียวกันร่างกายจะใช้พลังงานเยอะ ตาพร่าเลือน ทั้งร่างกายเหมือนถูกบางอย่างกดอยู่ต้องคอยแบกรับน้ำหนักนั้น  จนบางทีอาจเป็นลมไปเลยก็ได้

    นอกจากนี้พี่มาฏยังเป็นอธิการบดีของโรงเรียนที่ไม่น่าจะมีอยู่จริง  

    เป็นโรงเรียนที่ไม่มีการสอน  มีแต่สอบอย่างเดียว  เรียนด้วยตัวเองตั้ง
    5 ปีแถมได้วุฒิมายังเอาไปทำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ พี่มาฏบอกว่าโรงเรียนนี้เป็นเพียงสถาบันวิจัยไสยศาสตร์ และการเปิดโรงเรียนนี้ก็เป็นเพียงแค่โครงการเล็กๆ  สำนักต้องการแค่จะวิจัยว่าประชากรชาวไทยมีความรู้ความสามารถด้านไสยศาสตร์กันประมาณใด ก็เท่านั้น


    ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า ตกลงโรงเรียนนี้สร้างบัณฑิตได้หรือไม่  ทั้งที่ไม่มีการสอน แสดงว่าโรงเรียนไม่ได้เผยแพร่ความรู้   แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนเถียงว่า การที่โรงเรียนให้ไปศึกษาเองและกำหนดข้อสอบยากๆ เป็นการทำให้นักศึกษาเกิดความกระตือรือร้นในการค้นคว้าหาความรู้  ก็เป็นการสร้างผู้รู้ได้อยู่ดี

    ไม่จำเป็นว่าคนเล่นของทุกคนต้องเรียนจบที่นี่หมด  บางคนเรียนที่นี่ไม่จบแต่เก่งๆก็มีเยอะแยะ ลินต้องการที่จะพิสูจน์ฝีมือตัวเองเลยสมัครเข้าเป็นนักศึกษาที่นั่น พร้อมๆกับเรียนปอหกไปด้วย


    ... โรงเรียนภควบาท ไสยศาสตร์ศึกษา     (โครงการในสำนักงานวิจัยและอนุรักษ์ไสยศาสตร์ ประเทศไทย)


    _________________เชิงอรรถ_____

    *การส่งมอบวิชาทางไสยศาสตร์ : สมมติว่าเรารู้คาถาอะไรอย่างหนึ่งหากบอกใครไปเราจะลืมคาถานั้นไปบางตอนหรือไม่ก็ลืมไปเลย (คาถานั้นต้องไม่เกี่ยวข้องกับศาสนา) ... ถ้ามันลืมกันงี้ได้จริง คนเขียนก็ไม่เข้าใจครับ ว่ามันยังไงกันแน่ สมมติเราบอกเขาไป แล้วเราจดบันทึกไว้ก่อน เรากลับมาอ่านมันก็กลับมาจำได้อยู่ดี ก็มีคนอ้างอีกแหละครับ ว่าห้ามบอกตรงๆ ให้บอกผ่านตัวอักษรหรือบันทึกเสียงไว้ถึงจะไม่ลืม  อย่างการสักยันต์ก็เป็นการบอกคาถาด้วยตัวอักษร คนสักเลยไม่ลืม ว่างั้น

    ปล. เจ็บจี๊ดๆ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×