ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มัธยมไสยศาสตร์ [Yaoiนิดๆ]

    ลำดับตอนที่ #12 : ๑๑. ปณิธานของวงเหล้า

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ย. 56


                         ซ้อมกันวันแรกเสร็จทุกคนแยกย้ายกลับบ้าน  สิงห์ ลิน และกัญ ไปร่วมดื่มในวันศุกร์แห่งชาติ โดยเลือกสถานที่เป็นบ้านของสิงห์


    นอกจากนี้ยังมีเพื่อนร่วมห้องอีกหนึ่งคนเข้ามาร่วมวงด้วย เป็นเด็กเก่าที่ลินเพิ่งรู้จักตอนตัวเองย้ายเข้ามา ชื่อเม้ง เป็นคนสูงโย่ง ผอมเกร็ง ยิ้มเก่งและหล่อมาก

    คุณครูประจำชั้นอย่างคุณครูเจ๊กก็มาด้วย แม่เจ้าโว้ย  ... จะได้เห็นครูเจ๊กเมาเป็นบุญตาก็วันนี้แหละ '  สิงห์คิดขณะถือถุงพลาสติกใส่สุราและกับแกล้มตรงเข้ามายังวง ทั้งหมดนี้คุณครูเจ๊กเป็นคนเลี้ยง ประกอบไปด้วยสุราขาว 40 ดีกรี 3 ขวด น้ำแข็ง 2 ถุง และ น้ำอัดลมขวดลิตร 3 ขวด*

    กัญไปฝายเหล้า*ให้หน่อยปะ " สิงห์เอ่ยแก่กัญ กัญเดินถือขวดสุราขาวออกไปนอกบ้าน ได้ทีสิงห์ก็เอ่ยต่อ

    ครูเจ๊กครับ  นี่ลินครับ คนบ้านเราเนี่ยแหละ แต่สมัยมอต้นกระแดะไปเรียนกรุงเทพ "  สิ้นเสียงสิงห์  ลินยกมือไหว้คุณครูเจ๊กเป็นครั้งที่ 3 ของวัน

    ไหว้หมาเถิดลูก " ครูเจ๊กรับไหว้   " อือ ...  ก็ว่าหน้าคุ้นๆอยู่  ไปอยู่กรุงเทพนาน กินเหล้าขาวไม่เป็นละม้าง "

    อย่าได้ลองกับมันเชียวนะครับครู  คอแข็งกว่าผมกับไอ้กัญรวมกันอีก " สิงห์ตบบ่าลิน


    เงียบไปสักพักกัญฝายเสร็จแล้วกำลังเดินกลับเข้ามา สิงห์กระซิบเบาๆในวง " อ้อลิน ... ครูเจ๊กเขาชาญไสยขั้นหนึ่งด้านแก้ของนะ ส่วนไอ้เม้งก็ขั้นสองด้านแก้ของเหมือนกัน ... ครูเจ๊กครับ ลินขั้นสามด้านปัดอาเพศ "

    กัญมาถึงพอดี แต่ไม่ทันได้ยินสิ่งที่สิงห์พูด

    เจ้าข้าเอ้ย ... นับวันห้องนี้ทำไมมันอยู่ยากขึ้นทุกวี่ทุกวัน นักเรียนเล่นของกันเต็มห้องยังไม่พอ นี่ครูประจำชั้นก็ไม่เว้น ... โอ้ย  อยากจะร้องไห้ออกมาเป็นภาษาท้องถิ่นปาปัวนิวกินีตอนใต้ ให้ขี้แตก '  ลินสำรวมอาการร้อนรุ่มใจเอาไว้   

    การที่สิงห์ไม่ได้พูดถึงเรื่องไสยศาสตร์ต่อหน้ากัญ นั่นแสดงให้เห็นว่า กัญคงไม่ใช่คนเล่นของเป็นแน่ ลินไม่รู้ว่าคุณครูเจ๊กกับเม้งคิดอย่างไรกับเขาเมื่อรู้ว่าเขาเล่นของ แต่ที่แน่ๆการที่ลินได้รู้ว่าครูเจ๊กเล่นของ ทำให้ลินเองทำใจไม่ได้ที่รู้ว่าคุณครูประจำชั้นก็เป็นไปกับเขาด้วย 

    ' อย่างที่ฝิ่นเคยบอกเรา ... ว่ารุ่นของเรามีคนเล่นของมารวมกันเป็นจำนวนมากเพราะเหตุผลบางอย่าง ... มันคงไม่ใช่การรวมตัวกันโดยฉันมิตรหรอก ... เห้อ ก็ไม่ได้อยากจะมองคนที่เป็นถึงครูประจำชั้นเป็นศัตรูไปหรอกนะ '

    อยากจะร้องแรกแหกกระเฌอประกาศให้โลกรู้เหลือเกินว่าตอนนี้เขาหนักอกเหลือประดาเพียงใด เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ  ว่าภารกิจที่โรงเรียนภควบาท ไสยศาสตร์ศึกษามอบหมายให้มันต้องไม่ใช่แค่เรียนให้จบอย่างเดียวเป็นแน่  มันต้องมีความยากมากกว่านี้ซ่อนอยู่  ... และตอนนี้ก็เหมือนว่ามันกำลังจะโผล่ออกมาให้เห็นเรื่อยๆ

    รู้ตัวอีกที สิงห์ กัญ เม้ง และครูเจ๊กก็เมากันได้ที่แล้ว  ลินยังไม่เท่าไหร่นัก ยังจับใจความการพูดคุยของแต่ละคนได้ชัดเจนอยู่

    ครูเจ๊กครับ " สิงห์เอามือไปแตะบ่าครูเจ๊ก

    ว่าไงลูก " คุณครูเจ๊กกลอกตาไปมา

    " ... ครูทำไมถึงมาสอนที่นี่หละ "


    เพราะครูจบจากโรงเรียนนี้ ... แต่สิ่งที่สำคัญกว่าเหตุผลนั้น มันคือสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้เพดานห้องเราไง "  สิงห์ กัญและเม้งหัวเราะร่า

    ลินขำกับเขาไม่ออก  ยิ่งเมายิ่งพูดอะไรล่อแหลมขึ้นทุกทีซะแล้วสิครูเจ๊กเรา   ขืนเมากว่านี้มีหวังความแตกถึงหูกัญแน่  ต้องหาวิธีจัดการซะแล้ว '

    ลินที่เป็นนายรินนายชงพยายามตวงสุราที่ผสมแล้วส่งให้ครูเจ๊กเป็นอัตราส่วนมากกว่าของคนอื่น เพื่อให้เมาน็อกเร็วๆ จะได้เลิกพูดสักที

    แล้วครูดูออกมั้ยครับ  ว่ามันคืออะไร   แล้วเอาไปทำไรได้ " เม้งเอ่ย ทำหน้าทำตาเหมือนกับนายหัวหน้าห้องไม่มีผิด

    มันทำให้เราแกร่งขึ้นไงลูก  ใครก็ทำไรเราไม่ได้   แถมเรายังทำได้ทุกอย่างด้วย  ... นี่ถ้าไม่ติดว่าครูเป็นชาญไสยแค่ขั้นหนึ่งนะ คงได้มันไปก่อนใครนานแล้วหละ เพราะของนั่นมันอยู่ใต้เพดานมาตั้งนานแล้ว "

    กัญก็ไม่มีทีท่าว่าจะสงสัยอะไรกับคำพูดของครูเจ๊กเลย บางทีลินอาจจะคิดไปเองว่ากัญไม่ได้เล่นของ ไม่อย่างนั้นครูเจ๊กคงไม่พูดโจ่งแจ้งแบบนี้ 
    ลินเลยโพล่งออกไปด้วยความโล่งจิต  " ตอนนั้นผมไปทำพิธีกับหัวหน้าห้องกับสิงห์มาครับ  แล้วผมเห็นภาพนิมิต  มันเหมือนเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้มัดอยู่กับ--... "

    พูดไม่ทันหมดประโยคสิงห์แทรกขึ้นมาเสียงดังจนลินต้องหยุด  " ถุ้ย!!!  เพ้อไปไกลเลย พอๆ "

    พูดเรื่องไรกันหรอ " กัญเอ่ยถามพร้อมดูดกัญชาจากมวนฟอยล์โขมงใหญ่  
    แทนที่คุณครูเจ๊กจะเป็นคนทำเสียเรื่องอย่างที่ลินคาด แต่กลายมาเป็นเขาเองเช่นนั้นไป
    ไม่มีอะไร้ " เม้งว่า  ก็โชคดีที่กัญไม่สืบสาวราวเรื่องอีก    ทั้งวงเงียบลงแทบไม่มีอะไรจะคุยกัน



    อยู่ดีๆลินก็ปวดท้องขึ้นมาอย่างหนักเสียเฉยๆ  " โอ้ย   เจ็บท้องอะ  เจ็บจริงๆนะเนี่ย "

    อ้าว   ข้าวเย็นก็กินมาแล้วหนิ  ยังจะโดนเหล้ากัดกระเพาะอีกหรอ " สิงห์ขยับเข้ามาช่วยพยุง

    ลินกระวนกระวายในใจ ไม่ใช่แล้ว  ปวดท้องกระเพาะไม่ใช่แบบนี้หรอก ... นี่เราโดนทำของใส่หรอเนี่ย!!? '   ถ้าบอกไปตรงๆว่าโดนของต่อหน้ากัญคงไม่เสียหายอะไร ในเมื่อสถานการณ์ก็คับขันเสียขนาดนี้แล้ว

    เค้า ... เค้าโดนเล่นแล้วแหละ "  ลินกัดฟันพูด

    อะไรวะ " กัญงง   
    คุณครูเจ๊กอ้อมวงเหล้าตรงมาหาลิน จับนอนราบกับพื้นเอาฝ่ามือแตะที่ท้องก่อนอารัมภบทคาถา " ...สี่ทิศคือพยาน แปดทิศคือพยาน ข้าน้อย ว่าที่ร้อนตรีกำภูกองกำเพลิง ผู้ประจักษ์แด่พญานิรุกติกรรม ศัตรูคือมิตร มิตรคือศัตรู ศัตรูพ่าย!! มิตฺตลนํปรพญานิรุกฺกติกุลฺ กมฺภูกอํราคตสฺสทิศฺศํ!!! "


    ผ่านไปสักครู่หนึ่งลินยังมีอาการเจ็บอยู่  เม้ง รุ่นใหญ่จัดการทีซิ ครูทำไม่ได้ "  เม้งรุจน์เข้าหา เอามือจับที่คอท่องบทคาถาได้ไวและคล่องปากกว่าครูเจ๊กมากถึงแม้จะเมาอยู่ " จากสำนักเทวสัตตัง สู่ทิศประจิมอันบ้านเกิด นายสกล โล่ห์อหิงสา ... วิชาวิหวตฺติโกอโตพโยนิโหนิหาย!!! "

    ทันใดลินเกิดอาการคลื่นไส้ เขาอาเจียนออกมาเป็นก้อนเมือกอะไรสักอย่างสีเทาๆ


    ลิ่มเนื้อ!? ' อย่างที่ลินคิดไว้จริงๆ  ไม่ใช่ตะปู ไม่ใช่หนังควาย มันคือลิ่มเนื้อ

    เห้ย  โดนของหรอ " กัญตกใจ


    __________________เชิงอรรถ__________

    เหล้าขาวผสมสไปรท์ใส่น้ำแข็งในกระติก : เด็กในเมืองอาจไม่เคยเห็นนะครับ วิธีทำก็ไม่ยากนำเหล้าขาวตรารวงข้าว 40 ดีกรีก็ได้ มาผสมกับสไปรท์หรือไม่ก็โค้ก ไม่แนะนำน้ำอัดลมอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้  ใส่น้ำแข็งหลอดคนรวมกันในกระติก ใช้จอกขนาดพอดีหรือไม่ก็แก้วน้ำไปเลยตักขึ้นมาพอเหมาะแถมน้ำแข็งลงไปสักก้อน ทุกคนดื่มโดยใช้แก้วเดียวกันหมด วนไปทีละคนโดยวนไปทางขวามือ แต่บางพื้นที่ก็มีความเชื่อว่าให้วนไปทางซ้าย การดื่มสุราของบ้านนอกนั้นมีพิธีเป็นล่ำเป็นสันต่างจากในเมืองที่ดื่มกันแบบง่ายๆหยาบๆ

    ** การฝาย หรือบางที่เรียก พาย : เป็นความเชื่อเวลาจะดื่มสุรา ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตามจำเป็นต้องให้เจ้าที่เจ้าทางได้กินก่อน โดยวิธีการฝายคือออกไปที่กลางแจ้งแล้วเทเหล้าทิ้งลงพื้นเพียงเล็กน้อย เหนือพื้นนั้นต้องไม่อยู่ใต้ร่มเงาของสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นกันสาดบ้านหรือต้นไม้ เป็นการให้เกียรติเจ้าที่เจ้าทางได้ดื่มก่อน  หากไม่ทำเจ้าที่จะงอนแล้วคนที่กินก็จะเมากันเร็วมาก ไม่สนุก  อันนี้เรื่องจริงครับ ไม่ฝายแล้วเมาไวและไม่สนุกด้วย (คนเขียนลองหาข้อมูลเกี่ยวกับการฝายในกูเกิลแล้วไม่เจอเลย คนไทยลืมประเพณีสวยๆงามๆนี้ไปหมดแล้วหรอเนี่ย) คำคำนี้บางที่ก็เรียก 'ฝาย' บางที่ก็เรียก 'พาย' แต่บ้านคนเขียนเองเขาเรียกพายครับ พอเข้าเมืองปุ๊บงงเลยเขาเรียกฝายกัน แต่บางคนก็พาย เอ๊ะยังไง

    บางคนอาจจะบอกว่า การเทเหล้าทิ้งทำให้ปริมาณน้อยลง เลยกินกันไม่เมา ... ไม่จริงครับ เขาเทกันแค่หยดสองหยดไม่ได้เทกันทั้งขวด แค่หยดสุราหยดเดียวคงไม่ทำให้คนทั้งวงเมาเร็วกันได้จริงมั้ยครับ ... ถ้าถามว่ากินเหล้ากันแล้วทำไมถึงกลัวเมา
    ? จนต้องฝายกันทุกครั้งเลยหรอ? คนเขียนพิสูจน์มาแล้วครับ จะฝายไม่ฝายมันก็เมานั่นแหละ แต่ถ้าไม่ฝายมันจะไม่สนุก เมาแบบอยากอ้วก เมาแบบมึนหัว เมาแบบไม่อยากกินต่อ น่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอุปทานหนะครับ

    ในเมืองจริงๆก็หาซื้อยากนะ ไอ้ขวดแบบนี้ ส่วนมากจะมีในเมืองที่ไม่ใหญ่ ... บ้านนอกก็ไม่ค่อยมีแหละครับ ยี่ห้อมาตรฐานคือ
    ' รวงข้าว ' แต่แถวบ้านของคนเขียนมียี่ห้อแปลกๆขายเฉพาะท้องที่ เช่น ช้างพระอาทิตย์ ดอกลำดวน แถมยังมีแบบกลั่นเองขายเป็นถุงถุงละ 20 บาทด้วย ดีกรีเกิน 100

    ไปที่อื่นก็เจอยี่หื้ออื่นแปลกตามากมาย รสชาติแตกต่างกันไป เช่น เห่าดง ไก่ชน ตุ๊กแก 3 ยี่ห้อนี้คนเขียนลองแล้วสุดยอดมาก ถึงกับซื้อมาตุนไว้เลยก่อนกลับจากที่นั่น

    เหล้าขาวควรจะมีคนเอาไปวิจัยนะครับ เพราะวิธีการกลั่นไม่ว่าจะที่ไหนก็เหมือนกัน แต่รสชาติมันต่างกันยั้งกะฟ้าเหว ไม่รู้เป็นเพราะปัจจัยใด

    ภาพที่เห็นนี้เป็นวิธีดื่มที่พบได้บ่อยในเมือง คือเทลงจอกสดๆเลย อันนี้คนเขียนไม่ชอบหวะ มันแรงเกิน

    ภาพนี้คือการดื่มแบบในเมือง ธรรมดาๆ ไม่ยุ่งยาก

     

     

     



    ส่วนอันนี้คนเขียนจัดวงเอง จะเห็นได้ว่าของเคียงเยอะกว่ารูปแรก ทางภาคเหนือตอนล่างอย่างบ้านของคนเขียน จะพิถีพิถันกับเรื่องนี้มาก เพราะมันคือจิตวิญญาณ ที่ถ่ายมานี้ถือว่ายังเป็นวงเล็กๆอยู่



    พูดถึงความละเอียดอ่อนของวงเหล้าขาวแถวบ้านคนเขียนนะ แบบว่า มันโคตรยุ่งยากเลยกว่าจะกินแต่ละที ซึ่งคนเขียนเองก็ไม่ได้มองว่ามันยุ่งยากอะไรหรอกนะ จนกระทั่งวันที่คนเขียนถ่ายรูปข้างบนนั่น เพื่อนของคนเขียน 2 คนในรูปมันอึ้งเลย จะอะไรนักหนากะอีแค่วงเหล้า
    1. ฝายก่อนเริ่มวง
    2. ห้ามวางแก้วใส่น้ำเปล่าไว้กลางวง
    3. แก้วผสมห้ามเป็นแก้วใส
    4. ของเคียง ถ้ามีหลายอย่าง ห้ามเอามากองรวมกันที่เดียว
    5. คนที่อายุเยอะที่สุดในวง ห้ามหันตักเข้าหากลางวง ต้องนั่งเอียงๆ หรือไม่ก็นั่งอยู่นอกวงไปเลย และไม่ต้องรอจนกว่าเหล้าจะวนมาถึงตัวเอง มือชงต้องชงให้อยู่ตลอดเวลา ถือเป็นการให้เกียร์ติ
    6. ถ้ามีกัญชาแบบบ้อง ให้วนสวนทางกับเหล้า
    7. เวลาจะดูดบุหรี่ ห้ามดูดพร้อมกันมากกว่า 3 คน (4 คนไม่ได้)

    8. ถ้ามีข้าวหรือกับข้าว ห้ามเอามาวางปนกับเหล้า และถ้ามีผู้หญิงในวง ผู้หญิงต้องเป็นคนป้อนให้ผู้ชาย แต่ไม่จำเป็นว่าจะต้องป้อนไปซะทุกคนหรอกนะ

    มีเยอะกว่านี้ คนเขียนคิดไม่ออกแล้ว ที่ว่ามานี้เป็นเรื่องของระเบียบและแบบแผนเฉยๆ ไม่ใช่ความเชื่อ 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×