คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ๑๑. ปณิธานของวงเหล้า
ซ้อมกันวันแรกเสร็จทุกคนแยกย้ายกลับบ้าน สิงห์ ลิน และกัญ ไปร่วมดื่มในวันศุกร์แห่งชาติ โดยเลือกสถานที่เป็นบ้านของสิงห์
นอกจากนี้ยังมีเพื่อนร่วมห้องอีกหนึ่งคนเข้ามาร่วมวงด้วย เป็นเด็กเก่าที่ลินเพิ่งรู้จักตอนตัวเองย้ายเข้ามา ชื่อเม้ง เป็นคนสูงโย่ง ผอมเกร็ง ยิ้มเก่งและหล่อมาก
คุณครูประจำชั้นอย่างคุณครูเจ๊กก็มาด้วย ' แม่เจ้าโว้ย ... จะได้เห็นครูเจ๊กเมาเป็นบุญตาก็วันนี้แหละ ' สิงห์คิดขณะถือถุงพลาสติกใส่สุราและกับแกล้มตรงเข้ามายังวง ทั้งหมดนี้คุณครูเจ๊กเป็นคนเลี้ยง ประกอบไปด้วยสุราขาว 40 ดีกรี 3 ขวด น้ำแข็ง 2 ถุง และ น้ำอัดลมขวดลิตร 3 ขวด*
" กัญไปฝายเหล้า*ให้หน่อยปะ " สิงห์เอ่ยแก่กัญ กัญเดินถือขวดสุราขาวออกไปนอกบ้าน ได้ทีสิงห์ก็เอ่ยต่อ
" ครูเจ๊กครับ นี่ลินครับ คนบ้านเราเนี่ยแหละ แต่สมัยมอต้นกระแดะไปเรียนกรุงเทพ " สิ้นเสียงสิงห์ ลินยกมือไหว้คุณครูเจ๊กเป็นครั้งที่ 3 ของวัน
" ไหว้หมาเถิดลูก " ครูเจ๊กรับไหว้ " อือ ... ก็ว่าหน้าคุ้นๆอยู่ ไปอยู่กรุงเทพนาน กินเหล้าขาวไม่เป็นละม้าง "
" อย่าได้ลองกับมันเชียวนะครับครู คอแข็งกว่าผมกับไอ้กัญรวมกันอีก " สิงห์ตบบ่าลิน
เงียบไปสักพักกัญฝายเสร็จแล้วกำลังเดินกลับเข้ามา สิงห์กระซิบเบาๆในวง " อ้อลิน ... ครูเจ๊กเขาชาญไสยขั้นหนึ่งด้านแก้ของนะ ส่วนไอ้เม้งก็ขั้นสองด้านแก้ของเหมือนกัน ... ครูเจ๊กครับ ลินขั้นสามด้านปัดอาเพศ "
กัญมาถึงพอดี แต่ไม่ทันได้ยินสิ่งที่สิงห์พูด
' เจ้าข้าเอ้ย ... นับวันห้องนี้ทำไมมันอยู่ยากขึ้นทุกวี่ทุกวัน นักเรียนเล่นของกันเต็มห้องยังไม่พอ นี่ครูประจำชั้นก็ไม่เว้น ... โอ้ย อยากจะร้องไห้ออกมาเป็นภาษาท้องถิ่นปาปัวนิวกินีตอนใต้ ให้ขี้แตก ' ลินสำรวมอาการร้อนรุ่มใจเอาไว้
การที่สิงห์ไม่ได้พูดถึงเรื่องไสยศาสตร์ต่อหน้ากัญ นั่นแสดงให้เห็นว่า กัญคงไม่ใช่คนเล่นของเป็นแน่ ลินไม่รู้ว่าคุณครูเจ๊กกับเม้งคิดอย่างไรกับเขาเมื่อรู้ว่าเขาเล่นของ แต่ที่แน่ๆการที่ลินได้รู้ว่าครูเจ๊กเล่นของ ทำให้ลินเองทำใจไม่ได้ที่รู้ว่าคุณครูประจำชั้นก็เป็นไปกับเขาด้วย
' อย่างที่ฝิ่นเคยบอกเรา ... ว่ารุ่นของเรามีคนเล่นของมารวมกันเป็นจำนวนมากเพราะเหตุผลบางอย่าง ... มันคงไม่ใช่การรวมตัวกันโดยฉันมิตรหรอก ... เห้อ ก็ไม่ได้อยากจะมองคนที่เป็นถึงครูประจำชั้นเป็นศัตรูไปหรอกนะ '
อยากจะร้องแรกแหกกระเฌอประกาศให้โลกรู้เหลือเกินว่าตอนนี้เขาหนักอกเหลือประดาเพียงใด เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ ว่าภารกิจที่โรงเรียนภควบาท ไสยศาสตร์ศึกษามอบหมายให้มันต้องไม่ใช่แค่เรียนให้จบอย่างเดียวเป็นแน่ มันต้องมีความยากมากกว่านี้ซ่อนอยู่ ... และตอนนี้ก็เหมือนว่ามันกำลังจะโผล่ออกมาให้เห็นเรื่อยๆ
รู้ตัวอีกที สิงห์ กัญ เม้ง และครูเจ๊กก็เมากันได้ที่แล้ว ลินยังไม่เท่าไหร่นัก ยังจับใจความการพูดคุยของแต่ละคนได้ชัดเจนอยู่
" ครูเจ๊กครับ " สิงห์เอามือไปแตะบ่าครูเจ๊ก
" ว่าไงลูก " คุณครูเจ๊กกลอกตาไปมา
" ... ครูทำไมถึงมาสอนที่นี่หละ "
" เพราะครูจบจากโรงเรียนนี้ ... แต่สิ่งที่สำคัญกว่าเหตุผลนั้น มันคือสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้เพดานห้องเราไง " สิงห์ กัญและเม้งหัวเราะร่า
ลินขำกับเขาไม่ออก ' ยิ่งเมายิ่งพูดอะไรล่อแหลมขึ้นทุกทีซะแล้วสิครูเจ๊กเรา ขืนเมากว่านี้มีหวังความแตกถึงหูกัญแน่ ต้องหาวิธีจัดการซะแล้ว '
ลินที่เป็นนายรินนายชงพยายามตวงสุราที่ผสมแล้วส่งให้ครูเจ๊กเป็นอัตราส่วนมากกว่าของคนอื่น เพื่อให้เมาน็อกเร็วๆ จะได้เลิกพูดสักที
" แล้วครูดูออกมั้ยครับ ว่ามันคืออะไร แล้วเอาไปทำไรได้ " เม้งเอ่ย ทำหน้าทำตาเหมือนกับนายหัวหน้าห้องไม่มีผิด
" มันทำให้เราแกร่งขึ้นไงลูก ใครก็ทำไรเราไม่ได้ แถมเรายังทำได้ทุกอย่างด้วย ... นี่ถ้าไม่ติดว่าครูเป็นชาญไสยแค่ขั้นหนึ่งนะ คงได้มันไปก่อนใครนานแล้วหละ เพราะของนั่นมันอยู่ใต้เพดานมาตั้งนานแล้ว "
กัญก็ไม่มีทีท่าว่าจะสงสัยอะไรกับคำพูดของครูเจ๊กเลย บางทีลินอาจจะคิดไปเองว่ากัญไม่ได้เล่นของ ไม่อย่างนั้นครูเจ๊กคงไม่พูดโจ่งแจ้งแบบนี้ ลินเลยโพล่งออกไปด้วยความโล่งจิต " ตอนนั้นผมไปทำพิธีกับหัวหน้าห้องกับสิงห์มาครับ แล้วผมเห็นภาพนิมิต มันเหมือนเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้มัดอยู่กับ--... "
พูดไม่ทันหมดประโยคสิงห์แทรกขึ้นมาเสียงดังจนลินต้องหยุด " ถุ้ย!!! เพ้อไปไกลเลย พอๆ "
" พูดเรื่องไรกันหรอ " กัญเอ่ยถามพร้อมดูดกัญชาจากมวนฟอยล์โขมงใหญ่ แทนที่คุณครูเจ๊กจะเป็นคนทำเสียเรื่องอย่างที่ลินคาด แต่กลายมาเป็นเขาเองเช่นนั้นไป
" ไม่มีอะไร้ " เม้งว่า ก็โชคดีที่กัญไม่สืบสาวราวเรื่องอีก ทั้งวงเงียบลงแทบไม่มีอะไรจะคุยกัน
อยู่ดีๆลินก็ปวดท้องขึ้นมาอย่างหนักเสียเฉยๆ " โอ้ย เจ็บท้องอะ เจ็บจริงๆนะเนี่ย "
" อ้าว ข้าวเย็นก็กินมาแล้วหนิ ยังจะโดนเหล้ากัดกระเพาะอีกหรอ " สิงห์ขยับเข้ามาช่วยพยุง
ลินกระวนกระวายในใจ ' ไม่ใช่แล้ว ปวดท้องกระเพาะไม่ใช่แบบนี้หรอก ... นี่เราโดนทำของใส่หรอเนี่ย!!? ' ถ้าบอกไปตรงๆว่าโดนของต่อหน้ากัญคงไม่เสียหายอะไร ในเมื่อสถานการณ์ก็คับขันเสียขนาดนี้แล้ว
" เค้า ... เค้าโดนเล่นแล้วแหละ " ลินกัดฟันพูด
" อะไรวะ " กัญงง คุณครูเจ๊กอ้อมวงเหล้าตรงมาหาลิน จับนอนราบกับพื้นเอาฝ่ามือแตะที่ท้องก่อนอารัมภบทคาถา " ...สี่ทิศคือพยาน แปดทิศคือพยาน ข้าน้อย ว่าที่ร้อนตรีกำภูกองกำเพลิง ผู้ประจักษ์แด่พญานิรุกติกรรม ศัตรูคือมิตร มิตรคือศัตรู ศัตรูพ่าย!! มิตฺตลนํปรพญานิรุกฺกติกุลฺ กมฺภูกอํราคตสฺสทิศฺศํ!!! "
ผ่านไปสักครู่หนึ่งลินยังมีอาการเจ็บอยู่ " เม้ง รุ่นใหญ่จัดการทีซิ ครูทำไม่ได้ " เม้งรุจน์เข้าหา เอามือจับที่คอท่องบทคาถาได้ไวและคล่องปากกว่าครูเจ๊กมากถึงแม้จะเมาอยู่ " จากสำนักเทวสัตตัง สู่ทิศประจิมอันบ้านเกิด นายสกล โล่ห์อหิงสา ... วิชาวิหวตฺติโกอโตพโยนิโหนิหาย!!! "
ทันใดลินเกิดอาการคลื่นไส้ เขาอาเจียนออกมาเป็นก้อนเมือกอะไรสักอย่างสีเทาๆ
' ลิ่มเนื้อ!? ' อย่างที่ลินคิดไว้จริงๆ ไม่ใช่ตะปู ไม่ใช่หนังควาย มันคือลิ่มเนื้อ
" เห้ย โดนของหรอ " กัญตกใจ
__________________เชิงอรรถ__________
* เหล้าขาวผสมสไปรท์ใส่น้ำแข็งในกระติก : เด็กในเมืองอาจไม่เคยเห็นนะครับ วิธีทำก็ไม่ยากนำเหล้าขาวตรารวงข้าว 40 ดีกรีก็ได้ มาผสมกับสไปรท์หรือไม่ก็โค้ก ไม่แนะนำน้ำอัดลมอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้ ใส่น้ำแข็งหลอดคนรวมกันในกระติก ใช้จอกขนาดพอดีหรือไม่ก็แก้วน้ำไปเลยตักขึ้นมาพอเหมาะแถมน้ำแข็งลงไปสักก้อน ทุกคนดื่มโดยใช้แก้วเดียวกันหมด วนไปทีละคนโดยวนไปทางขวามือ แต่บางพื้นที่ก็มีความเชื่อว่าให้วนไปทางซ้าย การดื่มสุราของบ้านนอกนั้นมีพิธีเป็นล่ำเป็นสันต่างจากในเมืองที่ดื่มกันแบบง่ายๆหยาบๆ
** การฝาย หรือบางที่เรียก พาย : เป็นความเชื่อเวลาจะดื่มสุรา ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตามจำเป็นต้องให้เจ้าที่เจ้าทางได้กินก่อน โดยวิธีการฝายคือออกไปที่กลางแจ้งแล้วเทเหล้าทิ้งลงพื้นเพียงเล็กน้อย เหนือพื้นนั้นต้องไม่อยู่ใต้ร่มเงาของสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นกันสาดบ้านหรือต้นไม้ เป็นการให้เกียรติเจ้าที่เจ้าทางได้ดื่มก่อน หากไม่ทำเจ้าที่จะงอนแล้วคนที่กินก็จะเมากันเร็วมาก ไม่สนุก อันนี้เรื่องจริงครับ ไม่ฝายแล้วเมาไวและไม่สนุกด้วย (คนเขียนลองหาข้อมูลเกี่ยวกับการฝายในกูเกิลแล้วไม่เจอเลย คนไทยลืมประเพณีสวยๆงามๆนี้ไปหมดแล้วหรอเนี่ย) คำคำนี้บางที่ก็เรียก 'ฝาย' บางที่ก็เรียก 'พาย' แต่บ้านคนเขียนเองเขาเรียกพายครับ พอเข้าเมืองปุ๊บงงเลยเขาเรียกฝายกัน แต่บางคนก็พาย เอ๊ะยังไง
บางคนอาจจะบอกว่า การเทเหล้าทิ้งทำให้ปริมาณน้อยลง เลยกินกันไม่เมา ... ไม่จริงครับ เขาเทกันแค่หยดสองหยดไม่ได้เทกันทั้งขวด แค่หยดสุราหยดเดียวคงไม่ทำให้คนทั้งวงเมาเร็วกันได้จริงมั้ยครับ ... ถ้าถามว่ากินเหล้ากันแล้วทำไมถึงกลัวเมา? จนต้องฝายกันทุกครั้งเลยหรอ? คนเขียนพิสูจน์มาแล้วครับ จะฝายไม่ฝายมันก็เมานั่นแหละ แต่ถ้าไม่ฝายมันจะไม่สนุก เมาแบบอยากอ้วก เมาแบบมึนหัว เมาแบบไม่อยากกินต่อ น่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอุปทานหนะครับ
ในเมืองจริงๆก็หาซื้อยากนะ ไอ้ขวดแบบนี้ ส่วนมากจะมีในเมืองที่ไม่ใหญ่ ... บ้านนอกก็ไม่ค่อยมีแหละครับ ยี่ห้อมาตรฐานคือ ' รวงข้าว ' แต่แถวบ้านของคนเขียนมียี่ห้อแปลกๆขายเฉพาะท้องที่ เช่น ช้างพระอาทิตย์ ดอกลำดวน แถมยังมีแบบกลั่นเองขายเป็นถุงถุงละ 20 บาทด้วย ดีกรีเกิน 100
ไปที่อื่นก็เจอยี่หื้ออื่นแปลกตามากมาย รสชาติแตกต่างกันไป เช่น เห่าดง ไก่ชน ตุ๊กแก 3 ยี่ห้อนี้คนเขียนลองแล้วสุดยอดมาก ถึงกับซื้อมาตุนไว้เลยก่อนกลับจากที่นั่น
เหล้าขาวควรจะมีคนเอาไปวิจัยนะครับ เพราะวิธีการกลั่นไม่ว่าจะที่ไหนก็เหมือนกัน แต่รสชาติมันต่างกันยั้งกะฟ้าเหว ไม่รู้เป็นเพราะปัจจัยใด
ภาพที่เห็นนี้เป็นวิธีดื่มที่พบได้บ่อยในเมือง คือเทลงจอกสดๆเลย อันนี้คนเขียนไม่ชอบหวะ มันแรงเกิน
ภาพนี้คือการดื่มแบบในเมือง ธรรมดาๆ ไม่ยุ่งยาก
ส่วนอันนี้คนเขียนจัดวงเอง จะเห็นได้ว่าของเคียงเยอะกว่ารูปแรก ทางภาคเหนือตอนล่างอย่างบ้านของคนเขียน จะพิถีพิถันกับเรื่องนี้มาก เพราะมันคือจิตวิญญาณ ที่ถ่ายมานี้ถือว่ายังเป็นวงเล็กๆอยู่
พูดถึงความละเอียดอ่อนของวงเหล้าขาวแถวบ้านคนเขียนนะ แบบว่า มันโคตรยุ่งยากเลยกว่าจะกินแต่ละที ซึ่งคนเขียนเองก็ไม่ได้มองว่ามันยุ่งยากอะไรหรอกนะ จนกระทั่งวันที่คนเขียนถ่ายรูปข้างบนนั่น เพื่อนของคนเขียน 2 คนในรูปมันอึ้งเลย จะอะไรนักหนากะอีแค่วงเหล้า
1. ฝายก่อนเริ่มวง
2. ห้ามวางแก้วใส่น้ำเปล่าไว้กลางวง
3. แก้วผสมห้ามเป็นแก้วใส
4. ของเคียง ถ้ามีหลายอย่าง ห้ามเอามากองรวมกันที่เดียว
5. คนที่อายุเยอะที่สุดในวง ห้ามหันตักเข้าหากลางวง ต้องนั่งเอียงๆ หรือไม่ก็นั่งอยู่นอกวงไปเลย และไม่ต้องรอจนกว่าเหล้าจะวนมาถึงตัวเอง มือชงต้องชงให้อยู่ตลอดเวลา ถือเป็นการให้เกียร์ติ
6. ถ้ามีกัญชาแบบบ้อง ให้วนสวนทางกับเหล้า
7. เวลาจะดูดบุหรี่ ห้ามดูดพร้อมกันมากกว่า 3 คน (4 คนไม่ได้)
8. ถ้ามีข้าวหรือกับข้าว ห้ามเอามาวางปนกับเหล้า และถ้ามีผู้หญิงในวง ผู้หญิงต้องเป็นคนป้อนให้ผู้ชาย แต่ไม่จำเป็นว่าจะต้องป้อนไปซะทุกคนหรอกนะ
มีเยอะกว่านี้ คนเขียนคิดไม่ออกแล้ว ที่ว่ามานี้เป็นเรื่องของระเบียบและแบบแผนเฉยๆ ไม่ใช่ความเชื่อ
ความคิดเห็น