ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ต.ศ.2505 บ้านป่าเมืองเถื่อน [YAOIนิดๆ]

    ลำดับตอนที่ #1 : ภควบาท

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 64


    cinna mon

    .


    ต.ศ. 2505 (ไตรทศเทพาศักราชที่ 2505)

              หมัดซ้ายของนายปองพลกระแทกเข้าสันจมูกของชายแปลกหน้า เล่นเอาผู้คนกว่าหลายสิบชีวิตที่เฝ้าดูถึงกับหวาดผวา แผ่นหลังและศีรษะของชายแปลกหน้าหงายฟาดกับพื้นดินแดงดัง ' บ๊บ '

              เสียงกระซิบจากฝูงชนที่ยืนมุงห่างๆดังหึ่งขึ้นทีละนิดเหมือนค่อยๆหมุนปุ่มเร่งเสียง นายปองพลก้มหยิบกระเป๋าย่ามและแว่นสายตาบนพื้นมาสวมใส่ เพียงหวังว่าคงไม่มีใครเข้ามาท้าต่อยอีกเป็นรายที่ 2

              " ซัดไอ้ต๊อบไม่เลี้ยงเลยวุ้ยพ่อเด็กใหม่คนกะนั้น ปลายสวนหย่อมริมอาคารเรียน ยังมีชายฉกรรจ์วัยเยาว์ 2 นายนั่งจิบสาโทแฝงเร้นภายใต้ศาลาเรือนน้อย ชำเลืองชื่นชมการต่อสู้อยู่ห่างๆ ตั้งแต่หมัดแรกกระทั่งหมัดสุดท้ายของเด็กใหม่หน้าตาไม่คุ้น สวมแว่นกรอบทองพร้อมกระเป๋าย่ามลายจุดเสือดาว 


             เปิดโรงเรียนวันแรก เดินเข้ามาได้ไม่กี่ก้าว ก็โดนท้าตีทันที เขาเตรียมใจไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ว่าอย่างไรก็ต้องได้ต่อยกับใครสักคน

         

              " ก็รู้ๆกันอยู่ ไอ้ต๊อบมันพวกชั้นล่าง จะแพ้ไม่เป็นท่าก็สมควรแล้วหมังพี่เขื่องเอ้ย ชายผู้อาวุโสต่ำกว่า รินสาโทลงในแก้วเปล่าก่อนส่งให้นายเขื่อง

     

              นายต๊อบ ชั้น ม.ศ.5 ฉายา ต๊อบ หน้าด่าน แห่งก๊กมโหรี เป็นก๊กชั้นต่ำที่ชอบหาเรื่องคนไม่มีทางสู้ เพื่อรีดไถสิ่งของเงินทอง ปัจจุบันกำลังดั้งหักนอนหงายอยู่บนพื้นดินแดงหน้าโรงเรียน

     

    เห้ย! จะรีบร้อนไปหาเรื่องไอ้แว่นคนกะนั้นทำไม รีบมาช่วยไอ้ต๊อบก่อนซีโว้ย " ลูกน้องก๊กมโหรี ทำทีจะเข้าไปต่อยเจ้าแว่น เมื่อเห็นว่ามันทำเพื่อนตัวเองเจ็บหนัก แต่ก็ต้องเลือกที่จะช่วยพวกพ้องที่บาดเจ็บก่อน  เหตุวิวาทจึงจบลง

              นายปองพลเร่งฝีเท้าขึ้นบันได ตรงไปยังห้องเรียนชั้น ม.ศ.6 ห้อง ก. หลีกเลี่ยงที่จะสบสายตาผู้คน เมื่อมายืนอยู่ข้างบนอาคาร  เขาชายตาลงไปมองตรงจุดเดิมที่เขาเพิ่งต่อยคนแปลกหน้าจนนอนสลบ  เป็นระยะห่างไกลกว่า 10 เมตร  เขาเห็นชายร่างสูงโปร่งผิวขาวผมบลอนด์ทอง  กับเสื้อคลุมกันหนาวสีดำไร้ลวดลาย  กำลังวาดหมัดต่อยตีกับนักเรียนชายอีก 2 คน  นายปองพลเดาว่าเด็กฝรั่งคนนั้นต้องเป็นเด็กนักเรียนที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ เหมือนกับเขาแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่โดนท้าต่อยทันทีทันใดอย่างที่เห็น


              ภาพที่เห็นเบื้องล่างคงเป็นวัฒนธรรมองค์กรของโรงเรียนนี้  แทนที่จะมีคุณครูยืนต้อนรับหน้าโรงเรียน แล้วให้นักเรียนยกมือไหว้ เช่นเดียวกับที่โรงเรียนอื่นเขาทำกัน  แต่นี่กลับมีนักเรียนยืนต้อนรับ เด็กเก่าเข้าโรงเรียนได้ เด็กใหม่ต้องถูกทดสอบก่อน


              ศาลาข้างสวนหย่อมร่มรื่นไปด้วยป่าอินทนิลขึ้นสลับกับต้นเสลา ถูกตั้งเป็นวงสุราสาโท ชายผู้อาวุโสกว่า ชื่อว่านายเขื่อง หัวเราะยิ้มเยาะเบาๆพลางเปิดจุกสาโทขวดใหม่ ก๊กมโหรีมันจะขยันกันตั้งแต่วันเปิดเทอมเลยรึไงนะ "

              " นั่นนะซี " ผู้อาวุโสน้อยกว่า ชื่อนายหลาม ชำเลืองไปมองเหตุพิพาทตรงหน้าทางเข้าโรงเรียน ซึ่งเกิดเป็นครั้งที่ 2 ของเช้านี้ ดูไอ้หวางไอ้เลิงลงไปนอนกับพื้นไม่เป็นท่าแหนะ สรุปคือไอ้หัวหน้าของพวกมัน ไม่คิดจะมาช่วยลูกน้องสู้เลยหรือไง? สงสัยต้องรอให้ลูกน้องตายหมดก่อนถึงจะออกมาสู้ละหมัง "

     

              " คนอย่างไอ้แสบไอ้แซม ไม่มีหน้ามาท้าทายใคร โดยไร้ลูกน้องหรอก มันขี้ขลาดจะตายไป ... แต่ก็ดีแล้วที่ให้ก๊กมโหรีมาเฝ้าประตู ไม่เหมือนกับปีกลาย ที่ให้ก๊กช้างหมอบมาเฝ้า  เด็กใหม่เดินเข้ามากี่คนก็แพ้หมด เพราะช้างหมอบมันก็เอาเรื่องอยู่ ปีที่แล้วเลยไม่ค่อยมีเด็กใหม่ "


    นายเขื่องพูดถูก ทุกๆวันเปิดภาคเรียน จะมีการมอบหมายให้ก๊กใดก๊กหนึ่ง ทำหน้าที่คัดกรองนักเรียนใหม่ โดยปีนี้เป็นหน้าที่ของก๊กมโหรี ที่เรียกว่าเป็นก๊กต้อยต่ำสุดของโรงเรียน  ใครๆก็ผ่านเข้ามาได้


     ... เป็นบุญของไอ้หลามนัก ตอนหลามเดินเข้ามาก็มีพี่เขื่องคอยเดินควงมาด้วย พวกมโหรีเห็นว่าเป็นเด็กใหม่ แต่ก็ไม่กล้าต่อย เพราะคงจะกลัวไอ้เขื่อง หลามจึงไม่ต้องเปลืองแรงกับก๊กแรงน้อยก๊กนั้น

    " แหม่มันเอ้ย " หลามถอนหายใจเบื่อหน่าย เมื่อคืนนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน เพราะตื่นเต้นที่จะต้องย้ายเข้ามาโรงเรียนนี้ พี่เขื่องเล่าว่า การต่อยตีเป็นเรื่องปกติพบเห็นได้ง่าย กระทั่งมองห่างออกมาเป็นกิโลยังเห็นคนตีกันเลย


    เขาละสายตาจากขอบแก้วสาโทหันไปมองตามที่นายเขื่องชี้ชวน  เห็นเด็กฝรั่งผมบลอนด์ชนะใสๆ  ปล่อยนายหวางกับนายเลิงแห่งก๊กมโหรีนอนคว่ำดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นดินแดงเสียฝุ่นคลุ้งชวนแสบตา … นายปองพลที่ยืนดูอยู่ ณ ระเบียงชั้น 3 จ้องมองเด็กฝรั่งด้วยสายตาใคร่รู้  การต่อสู้เมื่อครู่เป็นไปอย่างรวดเร็วและจบลงโดยไม่ทันได้เข้าใจอะไร  จนปองพลเกือบลืมไปว่าตัวเองต้องรีบเข้าห้องเรียน  มัวแต่ดูเขาตีกันจนเพลิน ขยับแว่นเข้าจมูกให้มั่น ก่อนเดินหนีไปจากตรงนั้น



              บนอาคารเรียนชั้น 3 สกปรก เศษขยะเกลื่อนกลาด  มีเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง  สมกับที่เขาขนานนามเป็นโรงเรียนชายล้วนที่ป่าเถื่อนที่สุดในแผ่นดิน  ตรงหน้าห้องทดลองวิทยาศาสตร์ มีกลุ่มนักเรียนตั้งวงเล่นไพ่ผ่อง 6 นาย  ปองพลเดินหลบเลี่ยงไม่อยากเข้าใกล้

     

     

              " เห้ย ไอ้แว่น มีเรื่องกับไอ้ต๊อบหน้าด่าน หาคนคุ้มหัวคุ้มกบาลไว้เถอะ ระวังพวกมโหรีดักล่อหัวดีๆ โดยเฉพาะหัวหน้ามัน เลือกได้อย่าไปยุ่งเชียวนา นักเรียนในวงไพ่ผ่องทักทายด้วยความหวังดี ปองพลมิได้ตอบรับเพียงแต่พยักหน้าขอบคุณ

              " ไอ้แสบกับไอ้แซมมันไม่น่ากลัวเลยสักหน่อยเดียว แต่มันชอบเล่นหมาหมู่ ชอบทำทีเผลอ วิธีสกปรกที่นักเลงตัวจริงเขาไม่ใช้กัน มันใช้หมดทุกวิธี  อย่าได้เผลอเลย เดินผ่านมาได้อีกไม่กี่ก้าวก็เจอกับวงโปปั่น ปองพลได้แต่พยักหน้ารับและเดินต่อไป

              " ล่อไอ้แสบไอ้แซมเล้ย! " ตลอดทางเดินหน้าชั้นเรียน มีเสียงปลุกใจ เสี้ยมให้ปองพลไปตีกับคนที่ชื่อแสบกับแซมอย่างไม่ขาดสาย  โรงเรียนนี้ช่างมีประเพณีที่เฉพาะตัวเหลือเกิน เป็นแค่เด็กใหม่เพิ่งเดินเข้ามา ก็มีคนทักทายเกือบหลักร้อยแล้ว

     

    ชชชชชชชช

     

    ห้อง 6ก (ย่อมาจาก ม.ศ.6 ห้อง ก.) อบอวลไปด้วยควันหอมๆของกัญชงไล่แมลงจากไร่ข้าวโพดข้างๆ หน้าต่างทั้งหมดถูกปิดด้วยม่านสีดำทึบ มีเพียงแสงสว่างจากเทียนพรรษา 2 ลำกับตะเกียงน้ำมันก๊าดไฟหรี่  บรรยากาศดูหม่นหมองน่ากลัว แต่ดูเป็นระเบียบ สะอาด ไม่เหมือนห้องอื่นที่สกปรกไม่น่าอยู่ ห้อง 6ก ช่างเป็นห้องเรียนที่เงียบสงบ มีแต่เสียงครวญเพลงคลอกีตาร์คลาสสิคเบาๆชวนง่วงหลับมาจากมุมห้อง

              นักเรียนชายที่ดีดกีตาร์คลาสสิคจู่ๆหยุดบรรเลงลง เมื่อเห็นว่ามีผู้แปลกหน้ามาเยือน  นี่คือสิ่งที่น่ากลัวกว่าการถูกยุแยงให้ไปต่อยกับไอ้แสบไอ้แซม  ให้ถูกเชียร์แบบนั้นทั้งปียังดีกว่าให้มาเผชิญความเงียบพร้อมสายตาหาเรื่องกว่าสิบๆคู่แบบนี้ นายปองพลเพียงแต่พยักหน้าขอทางไปยังที่นั่งว่างๆหน้าห้อง  เสียงกีตาร์คลาสสิคถูกเล่นขึ้นอีกครั้ง ไม่ใช่เพลงที่ชวนหลับเหมือนตอนแรก แต่เป็นการดีดไปเรื่อยไม่เป็นดนตรี คล้ายว่าผู้บรรเลงจงใจเล่นเพื่อข่มขวัญเขา

    เหตุผลที่ห้อง 6ก อยู่กันอย่างเงียบเชียบ ไม่เอะอะโวยวายอย่างห้องเรียนอื่นเขาทำกัน  ไม่ใช่เพราะเป็นเด็กเรียน แต่นี่คือห้องของรุ่นใหญ่  ก๊กทั้งหมดรอบรั้วโรงเรียนต่างหวาดกลัวและยำเกรงสมาชิกทุกนายในห้องนี้

     

              ' แคล่ง! ' ประตูที่นายปองพลปิดไว้ตั้งแต่แรก ถูกเปิดออก แสงสว่างจากภายนอกทำให้ห้องค่อยหายหดหู่บ้าง  ปรากฏเป็นชายร่างกำยำหน้าคมเสื้อผ้าดูสะอาดเรียบร้อย คล้องที่คาดผมสีส้มอ่อนไว้ตรงคอ ย่างเข้ามาช้าๆ ปราศจากเสียงรองเท้าเสียดกับพื้นโดยสิ้นเชิง  มาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะของนายปองพล

              ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้าด้วยความสงสัยซึ่งกันและกัน  ปองพลเดาว่าหมอนี่ต้องเป็นนักเรียนชายที่เก๋าที่สุดในปีการศึกษานี้ของโรงเรียนชายล้วน ภควบาทวิทยาคม เป็นแน่วแน่  


    FINALE
    เนื้อเรื่องโดย บุญลำ


    ______เชิงอรรถ_______

    สมัยตะก่อน หลักสูตรการศึกษา (พ.ศ.2503) แบ่งระดับการเรียนไว้ดังนี้

    - ประถมต้น ป.1 - 4
    - ประถมปลาย ป.5 - 7
    - มัธยมต้น ม.ศ.1 - 3
    - มัธยมปลาย ม.ศ.4 - 5
    - ม.ศ.6 เป็นสายอาชีพ ส่วนคนที่จบ ม.ศ.5 สามารถไปต่อ ปกศ.สูงได้อีกทาง

    การแบ่งห้องสมัยนี้จะเรียก ทับ1 ทับ2 เช่น ม.6/1 ม.6/2 ส่วนยุคนั้นจะเรียกเป็น ห้อง ก. ห้อง ข. เช่น ม.ศ.6 ห้อง ก.



    .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×