คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #134 : อเมเนมเฮต
อเมเนมเฮต
รัชสมัยอันรุ่งเรืองของอเมเนมเฮต
ประเด็นที่น่ากล่าวถึงไว้ ณ ที่นี้ คือเรื่องที่อเมเนมเฮตเป็นสามัญชนผู้มีพื้นเพต่ำต้อย แต่ก็ค่อยๆ หาลู่ทางขึ้นสู่อำนาจ จนกระทั่งได้นั่งบัลลังก์ทองคำของเทพโฮรัสในฐานะผู้ปกครองอียิปต์ นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งซึ่งแสดงว่าถึงแม้ฟาโรห์จะได้รับการเคารพบูชาในฐานะตัวแทนของเทพโฮรัสบนโลก แต่ก็ใช่ว่าผู้ที่เป็นฟาโรห์จะต้องมีต้นตระกูลอยู่ในวงศ์ผู้ปกครองเดิมเสมอไป
ราชวงศ์ของฟาโรห์อเมเนมเฮต หรือราชวงศ์ที่ 12 จะปกครองอียิปต์ต่อไปอีกถึง 200 ปี ฟาโรห์ในราชวงศ์นี้ได้เริ่มจารีตการปกครองใหม่โดยให้มีผู้สำเร็จราชการมาทำการบริหารบ้านเมืองร่วมกับตน ระบบที่ว่านี้ช่วยค้ำประกันว่าผู้ที่ขึ้นสืบอำนาจต่อไปจะต้องเป็นคนที่ฟาโรห์ได้เลือกสรร ทั้งยังเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกฝนให้เข้าใจเรื่องการปกครองมาเป็นอย่างดีแล้ว แม้นหากฟาโรห์สวรรคต ก็จะไม่มีการแก่งแย่งอำนาจในระหว่างกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ท่านผู้อ่านอาจเห็นว่าจารีตการตั้งผู้สำเร็จราชการร่วมจะส่งผลดีให้การเมืองอียิปต์มั่นคงกว่าเดิม แต่กับผู้ที่ศึกษาเรื่องราวของอียิปต์โบราณนั้น การเริ่มระบบผู้สำเร็จราชการร่วมกลับสร้างความสับสนเพราะยากจะทราบแน่ชัดว่ารัชสมัยต่างๆ เริ่มต้นและสิ้นสุดลงเมื่อใด
ฟาโรห์อเมเนมเฮตสนับสนุนให้ประชากรของพระองค์ทำการค้ากับรัฐเพื่อนบ้านจนอียิปต์กลับมามั่งคั่งและมั่งคงดังเดิม ถึงแม่น้ำไนล์และดินแดนรายรอบจะช่วยให้อียิปต์มีอาหารและแร่ธาตุสูงค่าอย่างทองคำบริบูรณ์ดีแล้ว แต่ชาวอียิปต์ก็ยังต้องออกแรงทำการค้าเพื่อและเอาของมีค่าหลายอย่างที่ไม่อาจหาได้ในราชอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นไม้สน เครื่องประดับของชนชาติ มีการนำเข้าอาวุธ เครื่องเรือน และหินลาปิสลาซูลีมาจากเมโสโปเตเมีย ไม้สนซีดาร์ราคาแพงต้องนำเข้าจากเมืองท่าแถบเลบานอน เครื่องหอมและกำยานสำหรับการประกอบพิธีกรรมนั้นมาจากอาณาจักรลึกลับทางตะวันออกเฉียงใต้ของอียิปต์ที่รู้จักกันในนาม "ปุนต์" ขณะที่สินค้าหรูหรา อาทิ หนังสือดาว ขนนกกระจอกเทศ งาช้าง และขนยีราฟซึ่งนำมาประกอบเครื่องใช้ในราชสำนักนั้นก็ได้จากการค้ากับนูเบียทางทิศใต้
ฟาโรห์อเมเนมเฮตครองอยู่เกือบ 30 ปี ทรงมองว่าพระองค์คือต้นสายราชวงศ์ที่จะได้ปกครองต่อไปยาวนาน จึงได้ตั้งฉายานานที่มีความหมายว่า "การกำเนิดใหม่" แต่พระนามนี้ยังไม่พอที่จะค้ำประกันว่าผู้คนสมัยหลังจะมองว่าพระองค์คือจุดเริ่มต้น จึงทรงบัญชาให้ย้ายราชธานีใหม่จากธีบส์ไปยังเมืองใหม่ที่ชื่ออิตจ์ตาวีใกล้ๆ กับเมืองเอลลิชต์ในปัจจุบัน ที่อยู่ใต้เมมฟิสเล็กน้อย ถึงอเมเนมเฮตจะให้สร้างเมืองหลวงใหม่ในที่รกร้างแต่การสร้างเมืองอิตจ์ตาวีนี้ก็เสร็จสิ้นลงอย่างรวดเร็วเพราะอาศัยอิฐดิบเป็นวัสดูหลัก ขณะที่วัสดุก่อสร้างที่มีราคามากกว่าอย่างศิลาถูกสงวนเอาไว้สำหรับสร้างอาคารที่ต้องการความคงทนถาวรอย่างวิหารและที่ฝังพระศพของฟาโรห์เท่านั้น แต่ทรงหาได้พอใจเพียงเมืองหลวงใหม่ อเมเนมเฮตซึ่งต้องการเชื่อมโยงตนเข้ากับฟาโรห์ผู้เกรียงไกรในสมัยราชอาณาจักรเก่ายังคงเลือกให้ฝังพระศพในพีระมิดใกล้ๆ กับอิตจ์ตาวี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนอำนาจเบ็ดเสร็จของผู้ปกครองที่เป็นหนึ่งในอียิปต์
การที่อียิปต์มีผู้ปกครองที่เข้มแข็งและเปี่ยมความสามารถอย่างอเมเนมเฮตย่อมนำไปสู่ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง มีการปรับรื้อระบบราชการเดิม องค์ฟาโรห์อเมเนมเฮตเองก็นำกองทัพออกปราบปรามพวกชนเร่ร่อนชาวเบดูอินในแถบทะเลทรายตะวันออก ทรัพย์สินที่ยึดได้จากชัยชนะเหล่านี้ก็นำมาเสริมสร้างระบบราชการส่วนกลางให้มีอำนาจครอบคลุมทั่งทั้งราชอาณาจักร จนอาจกล่าวได้ว่าได้เกิดการปฏิรูประบบราชการครั้งสำคัญขึ้นในช่วงราชวงศ์ที่ 12 จนทำให้อียิปต์เป็นรัฐที่มีระบบระเบียบการปฏิบัตืงานซับซ้อน และมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา แถมก้าวหน้ากว่าระบบการปกครองของรัฐร่วมสมัยอาทินครรัฐในเมโสโปเตเมียทั้งหมดด้วย
ฟาโรห์อเมเนมเฮตทรงสนพระทัยในเรื่องปากท้องของประชาชนเอามากๆ บางทีความทรงจำเรื่องความอดอยากที่นำไปสู่การสลายตัวของราชอาณาจักรเก่าอาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ฟาโรห์ในสมัยนี้สนใจเรื่องความเป็นอยู่ในโลกนี้มากกว่าเรื่องชีวิตโลกหน้า เราจะเห็นความคิดทำนองนี้ได้ชัดเนื่องจากบรรดาฟาโรห์แหง่ราชวงศ์ที่ 12 ต่างใส่ใจเรื่องการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยต่างผลักดันให้มีการสร้างเขื่อนกักน้ำ และขยายพื้นที่เพาะปลูก ถึงการสร้างพีระมิดและที่ฝังพระศพจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีฟาโรห์องค์ไหนคลั่งไคลและริเริ่มงานก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่จนเป็นภาระแก่รัฐอย่างในสมัยคูฟู และคาเฟรอีกแล้ว
ถึงจะเป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้อียิปต์สมัยราชอาณาจักรกลางเฟื่องฟู แต่ฟาโรห์อเมเนมเฮตกลับต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าเพราะถูกคนใกล้ชิดลอบสังหาร
บทบันทึกชิ้นหนึ่งซึ่งอาจเป็นคำบอกเล่าจากปากขององค์ฟาโรห์ที่กำลังจะสิ้นใจเองเป็นการกล่าวเตือนใจคนรุ่นหลังเอาไว้ว่า "ข้ากำลังบรรทมอยู่บนเตียง เมื่อตื่นขึ้นก็พบกับการต่อสู้...องค์รักษ์ของข้าเอง" มีหลักฐานเป็นบันทึกแน่ชัดว่าอเมเนมเฮตสวรรคตเพราะถูกวางแผนลอบปลงพระชนม์ และมีโอกาสสูงมากที่อาจมีสมาชิกเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์เดิม มีจิตคิดต่อต้านการครองราชย์ของสามัญชนอย่างฟาโรห์อเมเนมเฮตมาตั้งแต่แรก และเฝ้ารอจังหวะดำเนินการกำจัดพระองค์อยู่แล้ว
มาเสริมให้เกี่ยวกับชื่อของฟาโรห์ Amenemhat ในภาษา Hieroglyphs คับ ซึ่งเขียนดังนี้คับ
ซึ่งฟาโรห์ที่ใช้ชื่อ Amenemhat นั้นมีถึง 4 องค์ทีเดียวคับ คือ Amenemhat I - IV นั่นเอง (กำปั้นทุบดินไปหรือเปล่า หุหุ) แม้ว่าชื่อ Amenemhat ของทั้ง 4 องค์จะเขียนเหมือนกัน (Amenemhat เป็น Birth Name คับ) แต่ว่า Throne Name จะไม่เหมือนกัน ซึ่งในบทความนั้นก็น่าจะกล่าวถึง Amenemhat I ซึ่งเป็นฟาโรห์องค์แรกของราชวงศ์ที่ 12 ซึ่งราชวงศ์ที่ 12 มีรายพระนานฟาโรห์ ดังนี้
ซึ่งฟาโรห์นามว่า Sesostri นั้นบางท่านอาจจะไม่คุ้นเคย ซึ่งถ้ากล่าวว่าเป็นองค์เดียวกันกับฟาโรห์ Senuseret หลายๆท่านคงร้องอ๋อ.. (หรือเปล่า?)
คำว่า Amenemhat นั้น ถ้าจะเขียนตามภาษา Hieroglyphs เขียนได้ดังนี้คับ imn-m-HAt อ่านได้ว่า ee-men-em-hat หรือว่า Amenemhat ที่เราอ่านกันนั่นเองคับ ซึ่งคำว่า imn-m-HAt ก็แปลว่า "Amun is the Foremost" นั่นเอง (imn = Amun , m = in ในที่นี้แปลว่า is ก็ไม่ต่างกันคับ การแปลมันจะยุ่งยากเล็กน้อย , HAt = Foremost)
มาดู Throne Name ของ Amenemhat I - IV กันดีกว่าคับ
Amenemhat I
จากรูปอ่านได้ว่า Sehetepibre {sHtp-ib-ra} แปลว่า Satisfied is the Heart of Re โดยที่ sHtp = Satisfied , ib = Heart , ra = Re
Amenemhat II
จากรูปอ่านได้ว่า Nebukaure {nbw-kAw-ra} แปลว่า Golden are the Souls of Re โดยที่ nbw = Gold , kAw = Souls , ra = Re
Amenemhat III
จากรูปอ่านได้ว่า Nimaatre {n(i)-mAat-ra} แปลว่า Re belongs to Maat โดยที่ n(i) = belongs to , mAat= Maat (เทพี Maat) , ra = Re
Amenemhat IV
จากรูปอ่านได้ว่า Maakherure {mAa-xrw-ra} แปลว่า The Voice of Re is True โดยที่ mAa = True , xrw = Voice , ra = Re
ปล. สำหรับชื่อที่เหลือ ก็ลองอ่านเองเล่นๆดูนะคับ หุหุ
Name : Detectiveoat13< My.iD >
ขอบคุณท่านดีขอรับ ....
ความคิดเห็น